มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 2883 สังหารเทพธิดา

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2883 สังหารเทพธิดา

มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2883

“นี่มันเป็นไปไม่ได้! หากอยู่ต่ำกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ ค่ายมังกรฟ้าเสวียนหวงของเรานั้นจักไร้เทียมทาน!”

จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อทั้งหลายในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงต่างรู้สึกไม่ยอมใจมาก ๆ

“ทุกท่านอย่าเพิ่งลน แม้นมันจะกดอัดเราได้ ทว่าการที่จะทำลายร่างกายของมังกรฟ้าเสวียนหวงแล้วสร้างความเสียหายให้แก่เรา มันไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายขนาดนั้น!”เทพธิดาเสวียนหวงแสร้งทำเป็นสุขุมพลางพูด

แต่ทว่ายังไม่ทันสิ้นเสียงนาง จู่ ๆ ก็มีเสียงระเบิดที่ดังสะเทือนเลื่อนลั่นดังก้องกังวานขึ้นมา

เห็นเพียงหลัวซิวได้ทำการปลดปล่อยตรามหาหัตถ์ราชาเซียนอีกครั้ง ในมือใหญ่แสงเซียนจับเตาเทพไว้หนึ่งเตา เพียงการโจมตีเดียวก็ทำให้ร่างกายของมังกรฟ้าเสวียนหวงทะลุไปเป็นที่เรียบร้อย!

“ฟึ่บ!”

ร่างกายของมังกรฟ้าเสวียนหวงประกอบมาจากแรงเต๋าของจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อทั้ง 18 คน ซึ่งมีเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับพลังโจมตีของเตาอลวนหวูจี๋ กลับไม่ต่างอะไรจากของเปราะบางเลย

เพียงพลังโจมตีเดียว ร่างกายของมังกรฟ้าเสวียนหวงก็ถูกโจมตีจนทะลุเป็นรูกว้าง จากจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อทั้งหมด 18 คน เพียงพริบตาเดียวก็มีคนตายไปแล้วห้าคน!

“นะ……นี่มันเป็นไปไม่ได้!”บัดนี้เทพธิดาเสวียนหวงก็ใจเย็นต่อไปไม่ได้แล้ว ใบหน้าที่เรียวบางดูตะลึงงันเล็กน้อย “มกุฎเทพคนหนึ่งจะมีทางแข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร……”

เมื่อพูดตามหลักการทั่วไป มกุฎเทพระดับเก้าคนหนึ่งย่อมไม่มีทางแข็งแกร่งขนาดนี้อยู่แล้ว แต่น่าเสียดายที่ผู้ที่พวกเขาพบเจอคือหลัวซิว!

นอกจากหลัวซิวจะบุกเบิกวิถีเซียนได้แล้ว พลังที่เขาควบคุมยังเป็นพลังแห่งวิถีเซียนด้วย ยิ่งกว่านั้นคือระดับขั้นของพลังประเภทนี้อยู่เหนือพลังแห่งประมุขเต๋าแล้ว!

บวกกับเตาอลวนหวูจี๋เป็นอาวุธเทพมหาศักดิ์ชั้นยอด พลังโจมตีที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากเตาเทพเตานี้ สามารถเทียบเคียงกับผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อที่แท้จริงได้

“นี่มันมกุฎเทพที่ไหนกัน นี่มันมหาจักรพรรดิยุทธ์คนหนึ่งชัด ๆ ……”จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อที่เหลือ รวมไปถึงเทพธิดาเสวียนหวงต่างจ้องมองหลัวซิวด้วยสายตาที่หวาดผวา จิตใจเกิดอารมณ์ชั่ววูบที่อยากจะบินหนีไปจากที่นี่แล้ว

“เทพธิดา! ทำอย่างไรดีขอรับ? ศัตรูแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

“ใช่ขอรับเทพธิดา ขืนยังต่อสู้ต่อไป อย่าว่าแต่จะทำภารกิจสำเร็จเลย คาดว่าเราทุกคนคงต้องได้ตายอยู่ในนี้แน่นอน!”

จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อทั้งหลายที่ยังมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมในตอนแรก วินาทีนี้ล้วนตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกันหมดแล้ว

“หนี!”

เทพธิดาเสวียนหวงรีบทำการตัดสินใจทันที และเสี้ยววินาทีที่นางพูดคำพูดนี้ออกมา จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อ 13 คนก็ต่างพากันผันร่างเป็นแสงกล แล้วหลบหนีออกไปยังทั่วทุกสารทิศ

“อ๊ากก!”

จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อคนหนึ่งของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงกรีดร้องอย่างน่าเวทนา กงล้อเทพเจ็ดวงที่อยู่หลังศีรษะถูกเตาอลวนหวูจี๋พุ่งชนจนแตกสลายภายในพริบตา ร่างกายระเบิดแตกเป็นฝุ่นผง ตายจนตายซ้ำเป็นรอบที่สองไม่ได้แล้ว

“ไม่ ข้าไม่อยากตาย!”

มีจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้ออีกคนหนึ่งตะคอกโกรธเกรี้ยวอย่างไม่ยอมใจ เขาต้านทานอย่างสุดกำลังสามารถ แต่กลับถูกแสงเซียนดวงหนึ่งทะลวงหว่างคิ้ว วิญญาณดั้งเดิมช่องจิตแตกสลาย ร่างตายธรรมสูญ

สีหน้าลงของหลัวซิวเย็นเยือกอย่างยิ่ง เนื่องจากเขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าทันทีที่มหันตภัยปะทุ โลกมหาศักดิ์ทั้งแปดและโลกาฟ้าดินหลิงหลงต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่จบไม่สิ้นอย่างแน่นอน จากจุดยืนของมกุฎเต๋าหวูจี๋ เขาย่อมต้องยืนอยู่ฝั่งโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดอยู่แล้ว ดังนั้นผู้ที่เขาสังหารในวินาทีนี้ล้วนเป็นศัตรูในอนาคต!

เมื่อปฏิบัติต่อศัตรู เขาย่อมไม่มีทางปราณีใด ๆ อยู่แล้ว

ขณะที่โจมตีทะลวงมังกรฟ้าเสวียนหวง เขาก็ได้ทำการสังหารจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อไปห้าคนแล้ว แต่หลังจากจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้ออีก 13 คนที่เหลือต่างแยกย้ายกันหลบหนีออกไป หลัวซิวก็ทำได้เพียงสังหารทีละคน

“ดูท่าน่าจะไม่สามารถฆ่าทุกคนได้แล้วล่ะ”

หลัวซิวพูดพึมพำคนเดียวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม จากผลการฝึกตน ณ ปัจจุบันของเขา ไม่ว่าจะกระตุ้นเตาอลวนหวูจี๋ก็ดี หรือปลดปล่อยพลังอมตะวรยุทธ์เซียนก็ช่าง ต่างก็ทำให้เขาต้องสูญเสียผลการฝึกตนค่อนข้างมากเลย

ทันใดนั้นเอง ตัวสำนึกของเขาก็ผนึกไปที่เทพธิดาเสวียนหวง เขาแอบฟังบทสนทนาของพวกคนในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง แล้วทราบว่าตัวตนของสตรีดังกล่าวพิเศษ อีกทั้งเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในบรรดาคนเหล่านี้ด้วย

“เข้าล็อกเดิม!”

หลัวซิวใช้มือทั้งสองข้างประสานอิน แล้วพุ่งสังหารออกไปภายในเสี้ยววินาที สรรพวิชาวิวัฒนาการพลังอมตะแล้วผนึกรวมกันเป็นแสงเซียนดวงหนึ่ง แสงเซียนผนึกรวมกันที่ปลายนิ้วเขา เห็นเพียงนิ้วมือของเขาขยายใหญ่ขึ้นกะทันหัน ราวกับเสาหินหนึ่งเสา ทลายอนัตตา แล้วพุ่งกดอัดสังหารไปทางเทพธิดาเสวียนหวง

พลังอมตะวิชานี้เป็นพลังอมตะที่ทรงพลังที่สุดของเขา เนื่องจากเป็นพลังอมตะที่เขาริเริ่มเอง เมื่อพูดถึงพลานุภาพ พลังอมตะวิชานี้จะแข็งแกร่งกว่าตรามหาหัตถ์ราชาเซียนหรือวิชาทะยานเซียนไม่น้อยเลย

อย่างไรก็ตาม พลังโจมตีที่มั่นใจว่าจะสามารถสังหารเทพธิดาเสวียนหวงนั่นได้กลับไม่เป็นดั่งหวัง

เห็นเพียงมีหอคอยเล็ก ๆ หลังหนึ่งที่มีธรรมเวชเสวียนหวงไหลเวียนปรากฏเหนือศีรษะเทพธิดาเสวียนหวง หอคอยเทวดังกล่าวน่ารักจุ๋มจิ๋ม มีชี่เหลืองที่เข้มข้นแพร่กระจายลงมาจากหอคอย ทำการคุ้มกันร่างกายนางไว้ และต้านทานพลังอมตะเข้าล็อกเดิมของหลัวซิวเอาไว้

“มันคือผู้ใดกันแน่? เห็น ๆ อยู่ว่าคลื่นผลการฝึกตนอยู่ในแดนมกุฎเทพ ทว่าเหตุใดศักยภาพจึงแข็งแกร่งเช่นนี้?”บัดนี้เทพธิดาเสวียนหวงรู้สึกหวาดหวั่นอย่างยิ่ง หากไม่ใช่เพราะสมบัติคุ้มกันชีวิตที่ท่านพ่อให้นางก่อนออกปฏิบัติภารกิจ คาดว่าจากพลังโจมตีในเมื่อครู่นี้ นางคงดับสลายสูญสิ้นไปแล้ว

“เผ่น! เจ้าหมอนั่นเก่งกาจเช่นนั้น มันต้องเป็นอัจฉริยะที่มีปัญญาแห่งวิถีเซียนอย่างแน่นอน ต้องนำข้อมูลของคนดังกล่าวกลับไปรายงานที่สำนักศักดิ์สิทธิ์ให้ได้!”

เทพธิดาเสวียนหวงควบคุมแสงกลอย่างสุดชีวิต ใช้ความเร็วที่รวดเร็วที่สุดบินหนีไปนอกอนัตตาตรีภพ ส่วนภารกิจในการช่วยเหลือประมุขเต๋าเยว่เทียนนั้น วินาทีนี้นางไม่มีกะจิตกะใจที่จะไปตรึกตรองเลยแม้แต่น้อย

……

ณ โลกาฟ้าดินหลิงหลงที่อยู่ห่างกันไกลมาก ๆ บนยอดเขาเซียนลูกหนึ่งที่มีเมฆหมอกลอยวนเป็นเกลียวมีวัดเต๋าตั้งอยู่หนึ่งหลัง ภายในตำหนักใหญ่ของวัดเต๋า จู่ ๆ ร่างกายอันสูงใหญ่ที่กำลังนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิก็สั่นเทาขึ้นมา

ในขณะเดียวกัน เขาก็ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมา ก่อนที่จิตสังหารจะตลบฟุ้งไปทั่ว

“ลูกสาวข้า!”

นี่คือชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดคลุมเต๋าสีขาว น้ำเสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย ราวกับมีอำนาจบารมีที่ไม่อาจขัดขืนแฝงซ่อนอยู่ภายใน

“เซวียนเอ๋อร์ออกไปทำภารกิจที่เรียบงายภารกิจหนึ่งมิใช่หรือ? ไยจึงประสบกับวิกฤตการณ์แห่งชีวิตได้?”

สีหน้าของชายชุดขาวหม่นหมอง เขาให้ลูกสาวของตัวเองออกไปปฏิบัติภารกิจที่โลกาภายนอก ย่อมต้องคำนึงถึงปัจจัยในทุก ๆ ด้านอยู่แล้ว แต่กลับไม่นึกเลยว่าสุดท้ายก็เกิดข้อผิดพลาดอยู่ดี

เดิมทีเขาก็ไม่ได้คำนวณผิดพลาดหรอก ผู้ที่มีผลการฝึกตนสูงที่สุดในสรรพมหาโลกาแม้แต่เทพมารระดับหกยังบรรลุไม่ถึงเลย ไม่มีคนแบบใดที่สามารถสร้างภัยคุกคามให้แก่จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อ 18 คนได้จริง ๆ นอกเสียจากมีผู้แข็งแกร่งแห่งโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดแจ้นไปที่จักรวาลกันดาร

ทว่าสถานการณ์ในปัจจุบันของโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดยุ่งเหยิงมาก จึงไม่มีทางมีผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์แจ้นไปจักรวาลกันดารอย่างไร้สาระอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อพูดตามหลักการ ภารกิจนี้ถือว่าปลอดภัยมาก ๆ

“ชัวะ!”

ชายชุดขาวสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง ละอองน้ำกลุ่มหนึ่งจึงผนึกรวมกันอยู่ตรงหน้าเขาอย่างไม่หยุดหย่อน แล้วกลายเป็นกระจกบานหนึ่ง ก่อนจะเผยให้เห็นสถานการณ์ฝั่งลูกสาวตน

“มันเองหรือ?”

รูม่านตาของชายชุดขาวหดลง เพียงแวบเดียวเขาก็จำหลัวซิวได้แล้ว เนื่องจากเขาคือเจ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง ภารกิจที่ส่งผู้แข็งแกร่งลักลอบเข้าไปสังหารอัจฉริยะในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด ก็เป็นภารกิจที่เขามอบหมายด้วยตนเองนี่แหละ

ซึ่งในจำนวนภารกิจทั้งหมด หนึ่งในอัจฉริยะแห่งโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดที่คุ้มแก่การเฝ้าติดตามมากที่สุดก็คือหลัวซิวนี่!

“เมื่อจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อ 18 คนวิวัฒนาการค่ายมังกรฟ้าเสวียนหวงออกมา ก็เพียงพอที่จะกวาดล้างคู่ต่อสู้ทั้งปวงที่อยู่ต่ำกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อได้แล้ว มันจะมีทางเติบโตเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร?”

ใบหน้าของเจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงยิ่งอยู่ยิ่งหม่นหมองลง อ้างอิงจากข้อมูลที่สำนักศักดิ์สิทธิ์ยึดกุม หลัวซิวนี่เป็นอัจฉริยะที่มีปัญญาแห่งวิถีเซียน การที่มีอัจฉริยะเช่นนี้อุบัติขึ้นมาในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด อีกทั้งเจริญเติบโตได้รวดเร็วขนาดนี้นั้น มันย่อมไม่ใช่เรื่องดีต่อโลกาฟ้าดินหลิงหลงอยู่แล้ว

สักวันถ้าเกิดเขาเติบโตจนบรรลุถึงแดนประมุขเต๋าตลอดจนมกุฎเต๋า มันต้องเป็นภัยคุกคามต่อโลกาฟ้าดินหลิงหลงอย่างยิ่งแน่นอน

“ปัจจุบันเจ้าหมอนั่นอยู่แค่แดนมกุฎเทพ แต่กลับแทบจะสามารถเทียบทัดมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้แล้ว มกุฎเทพคนใดเป็นผู้อบรมสั่งสอนปีศาจตัวฉกาจเช่นนี้กันแน่?”

ในมุมมองของเจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง อัจฉริยะที่เก่งกาจปานปีศาจอย่างหลัวซิวนั้น ผู้แข็งแกร่งทั่วไปไม่สามารถอบรมสั่งสอนได้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงยืนยันได้ทันทีว่าหลัวซิวต้องเป็นลูกศิษย์ของมกุฎเต๋าคนใดคนหนึ่งแน่นอน

และเจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงก็เดาถูกจริง ๆ ทว่าเขาไม่ทราบแต่อย่างใดว่าการที่หลัวซิวสามารถมีศักยภาพอย่างทุกวันนี้ได้นั้น แท้จริงแล้วมกุฎเต๋าหวูจี๋ไม่ได้อบรมสั่งสอนอะไรเขาจริง ๆ ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นสิ่งที่เขาอาศัยการสืบเสาะค้นหาด้วยตนเอง แล้วค่อย ๆ ปีนป่ายขึ้นมาจนถึงขั้นนี้

……

“วิชาเซียนสิบช่อง!”

เมื่อเห็นว่าไม่สามารถสังหารเทพธิดาเสวียนหวงได้ในทันที ส่วนจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อคนอื่น ๆ ก็ยิ่งอยู่ยิ่งหลบหนีออกไปไกล หลัวซิวจึงรีบปลดปล่อยพลังอมตะวิถีเซียนวิชานี้ออกมา

มีเงาดำหลายร่างบินออกมาจากร่างกายเขา แล้วไล่ตามไปยังเก้าทิศทาง ส่วนร่างแท้ของเขากลับทำการไล่ล่าเทพธิดาเสวียนหวงต่อ

“ไม่!”

จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อคนหนึ่งถูกไล่ล่า ก่อนตายเขาได้คำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและเคียดแค้น แต่กลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ระยะเวลา 15 นาทีดูเหมือนจะสั้น แต่เนื่องจากศักยภาพของหลัวซิวเกะกะระรานมากเกินไป จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อแต่ละคนล้วนถูกสังหาร มีเพียงเทพธิดาเสวียนหวงนั่นที่อาศัยหอคอยหลิงหลงสีเหลืองเล็ก ๆ เหนือศีรษะ ต้านทานพลังโจมตีของตัวเองได้

ทว่าหลังจากเวลาล่วงเลยไป 15 นาที ร่างแยกทั้งเก้าก็พากันสลายหายไป แต่จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อทั้ง 18 คนของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงกลับเหลือเพียงเทพธิดาเสวียนหวงคนเดียวแล้ว

ความรู้สึกที่อ่อนแออย่างยิ่งแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย สีหน้าของหลัวซิวก็ขาวซีดเล็กน้อยเช่นกัน

พลังอมตะอย่างวิชาเซียนสิบช่องแข็งแกร่งมากก็จริง แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นพลังอมตะที่บริโภคผลการฝึกตนของเขามากที่สุดเช่นกัน ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียง 15 นาที ก็ทำให้ผลการฝึกตนของเขาลดฮวบไปเก้าส่วนในทีเดียว!

“เจ้าก็ไปตายซะเถอะ!”

น้ำเสียงที่เยือกเย็นของหลัวซิวสะท้อนเข้าไปในหูเทพธิดาเสวียนหวง เห็นเพียงเขาง้างมือขึ้นมาปลดปล่อยพลังโจมตีหนึ่ง เตาอลวนหวูจี๋ลอยอยู่ข้างกายเขา จากนั้นเขาก็ใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งวางลงบนเตาเทพ นำผลการฝึกตนส่วนสุดท้ายที่เหลือถ่ายเทเข้าไปในเตาเทพดังกล่าวจนไม่เหลือหรอ!

ผลการฝึกตนหนึ่งส่วน ควบคู่กับพลานุภาพแห่งผู้สูงส่งของเตาเทพ การที่จะสังหารจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อคนหนึ่งนั้นเหลือเฟือแล้ว นอกเสียจากหอคอยเล็ก ๆ นั่นของเทพธิดาเสวียนหวงก็เป็นอาวุธเทพระดับมหาศักดิ์เช่นกัน แต่เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้! อย่างไรเสียอาวุธเทพระดับมหาศักดิ์นั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ได้ครอบครองง่ายขนาดนั้น

หอคอยเล็ก ๆ นั่นของเทพธิดาเสวียนหวงไม่ใช่อาวุธเทพมหาศักดิ์จริง ๆ เนื่องจากท่านพ่อของนางเจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงก็เป็นเพียงผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่งคนหนึ่งเท่านั้น อาวุธเทพมหาศักดิ์ก็เป็นสมบัติที่สำคัญต่อผู้สูงส่งมาก ๆ เจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงยังไม่ได้ฟุ่มเฟือยถึงขั้นที่สามารถมอบมันให้ทุกคนได้อย่างเรื่อยเปื่อย

หอคอยสีเหลืองนั่นเป็นเพียงสมบัติแห่งจักรพรรดิเทพชิ้นหนึ่ง แต่ทว่าภายในมีแรงเต๋ามหาศักดิ์แฝงซ่อนอยู่ มันถึงสามารถต้านทานพลังโจมตีของหลัวซิวได้อย่างต่อเนื่อง

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการกดอัดโดยตรงของเตาอลวนหวูจี๋ หอคอยหลิงหลงสีเหลืองนั่นก็แตกสลายเป็นชิ้น ๆ ภายในพริบตา แตกละเอียดเป็นฝุ่นผง

“ท่านพ่อช่วยข้าด้วย!”

เทพธิดาเสวียนหวงตะโกนอย่างตะลึง ภายในดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดผวา ภายใต้การพุ่งชนของเตาเทพ ร่างกายที่อ่อนช้อยของนางจึงระเบิดแตกเป็นหมอกเลือดภายในพริบตา

เทพธิดาเสวียนหวง ตาย!

“บังอาจฆ่าลูกสาวกู ไปตายซะเถอะ!”

มีเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารที่เย็นเยือกถึงขีดสุดสะท้อนออกมาจากหมอกเลือด ถัดจากนั้นหมอกเลือดที่เกิดจากการระเบิดของเทพธิดาเสวียนหวงก็ผนึกรวมกันอย่างต่อเนื่อง แล้วกลายเป็นฝ่ามือลาง ๆ ข้างหนึ่ง ก่อนจะตบไปทางหลัวซิว

นี่คือพลังโจมตีของผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งคนหนึ่ง!

ยิ่งกว่านั้นคือแม้จะเป็นผู้สูงส่งเหมือนกัน พลานุภาพของพลังอมตะที่เจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงปลดปล่อยออกมาโดยใช้สายเลือดที่เชื่อมสัมพันธ์กับลูกสาวแล้วก้าวข้ามพื้นโลกดารา แข็งแกร่งกว่าทูตเพ้าดำเมื่อตอนนั้นมาก ๆ!

เพียงพริบตาเดียว ก็ทำให้หลัวซิวสัมผัสได้ถึงวิกฤตการณ์แห่งความตาย เมื่อนั้นเขาสามารถต้านทานพลังโจมตีที่เรื่อยเปื่อยของทูตเพ้าดำได้ แต่เขารู้ตัวดีอยู่ว่าตนต้องต้านทานพลังโจมตี ณ วินาทีนี้ไม่ได้แน่นอน!

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท