มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 2884 อัตราชนะ

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2884 อัตราชนะ

มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2884

จิตสังหารที่น่าสยดสยองผนึกร่างตัวเองเอาไว้ หลัวซิวเข้าใจดีมาก ๆ ว่าตัวเองไม่มีทางต้านทานพลังโจมตีนี้ของเจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงได้แน่นอน

ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตอนนี้ผลการฝึกตนของเขาแห้งเหือด ต่อให้เขาอยู่ในสภาวะที่เฟื่องฟูจนถึงขีดสุด ก็ต้านทานไม่ไหวแน่นอน เนื่องจากอย่างน้อยเจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงก็เป็นผู้แกร่งเลิศคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดในหมู่ผู้แข็งแกร่งด้วย

“นี่คือความน่าเศร้าของศักยภาพที่อ่อนแอสินะ”

หลัวซิวส่ายหน้าพลางยิ้มอย่างขมขื่น แม้นเส้นทางการฝึกยุทธ์ในภพชาตินี้จะได้ประสบกับศัตรูตัวฉกาจคนแล้วคนเล่า ทว่าในเส้นทางการเจริญเติบโตที่ยาวไกล เขาล้วนข้ามผ่านความทุกข์ยากลำบากส่วนมากด้วยพลังของตัวเอง

แต่ว่าช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เขาถูกจู่โจมติดต่อกันสองครั้ง ครั้งหนึ่งคือตู๋กูเจี้ยนเฉินลงมือช่วยเหลือ ส่วนอีกครั้งหนึ่งคือศิษย์พี่ตู๋กูลงมือช่วยเหลือ

เห็นได้ชัดเจนมากเลยว่าศัตรูตัวฉกาจของเขาในปัจจุบันอยู่เหนือขอบข่ายพลังที่เขาสามารถรับไหวแล้ว อีกทั้งในจำนวนผู้แข็งแกร่งที่ลงมือต่อเขา แต่ละคนคนหนึ่งแข็งแกร่งกว่าคนหนึ่งเสียอีก

“เวิ่งง!”

ทันใดนั้นเอง เตาอลวนหวูจี๋ก็บินลอยออกไป สีหน้าอารมณ์ของหลัวซิวดูงุนงง เนื่องจากเขาไม่มีผลการฝึกตนที่จะกระตุ้นเตาเทพเตานี้ได้แล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเตาเทพเตานี้จะบินออกไปเองอย่างนั้นหรือ?

แต่วินาทีต่อไปหลัวซิวก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากมีแสงกระบี่ดวงหนึ่งบินออกมาจากเตาอลวนหวูจี๋

“ตู้มม!”

จากการที่มีเสียงดังกึกก้องดังขึ้น แสงกระบี่ที่แวววาวจับตาก็ฉีกกระชากตรีภพ ก่อนจะพุ่งชนเข้ากับฝ่ามือที่เลือนลาง

“หื้ม?”

สีหน้าของเจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงที่อยู่ในโลกาฟ้าดินหลิงหลงเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย เขานึกไม่ถึงเลยว่าพลังโจมตีที่สามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ของตัวเองจะถูกผู้อื่นต้านทานเอาไว้ในช่วงเวลาสำคัญ

ก้าวผ่านการขวางกั้นของพื้นโลกดารา เขาก็แค่สามารถอาศัยสายเลือดที่เชื่อมประสานกับลูกสาวกระตุ้นพลังอมตะวิชาหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถลงมือโจมตีได้อีกแล้ว และหลังจากพลังอมตะดังกล่าวถูกต้านทานไป กระจกที่ประกอบมาจากละอองน้ำที่อยู่ตรงหน้าเขาก็ค่อย ๆ สลายหายไปเช่นกัน ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นลาดเลาฝั่งหลัวซิวได้อีก

“ศิษย์พี่ ท่านช่วยชีวิตข้าไว้อีกครั้งแล้ว”

กลางห้วงดาราแห่งหนึ่งที่ยุ่งเหยิง เตาอลวนหวูจี๋บินกลับมาข้างกายหลัวซิว หลังจากเห็นว่ามีแสงกระบี่ดวงหนึ่งบินออกมาจากเตาอลวนหวูจี๋ หลัวซิวก็รู้แล้วว่านี่ต้องเป็นพลังอมตะที่ศิษย์พี่ตู๋กูเขาทิ้งไว้ในเตาเทพแน่นอน

จากผลการฝึกตนของตู๋กู การที่เขาทิ้งพลังอมตะวิชาหนึ่งไว้ในเตาเทพนั้น แม้แต่ตัวหลัวซิวเองก็สังเกตไม่เห็นเช่นกัน เห็นได้ชัดเจนเลยว่าตู๋กูไม่อยากให้หลัวซิวรู้สึกว่าตนสามารถทำตัวกำเริบเสิบสานได้เพราะมีพลังอมตะคุ้มกันชีวิตติดตัว

เตาอลวนหวูจี๋บินเข้าไปกลางหว่างคิ้ว หลัวซิวเก็บแหวนเก็บของและของขลังอาวุธเทพของจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อทั้ง 18 แห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงมา เขามองไปยังทิศทางของวังดับฟ้ารอบหนึ่ง ก่อนจะผันร่างเป็นแสงกลภายในพริบตา แล้วหายไปจากส่วนลึกของห้วงดารา

มีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น เขาต้องไม่กล้าฝึกตนอยู่ที่นี่ต่ออยู่แล้ว ถ้าเกิดสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงส่งผู้แข็งแกร่งที่เก่งกาจกว่ามาอีก เขาก็ไม่มีพลังอมตะที่สองมาคุ้มกันชีวิตได้อีกแล้วนะ

ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นฝั่งวังดับฟ้านั้น เขาจำเป็นต้องรีบย้อนกลับไปยังอาณากระบี่หวูจี๋ เพื่อรายงานเรื่องดังกล่าวให้อาจารย์และศิษย์พี่ตน อย่างไรเสียผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าคนหนึ่งก็เป็นบุคคลที่สำคัญต่อศึกสงครามระหว่างพื้นโลกดารามาก ๆ

ในยุคสมัยที่ห้วงดาราไม่มีเซียน มกุฎเต๋าถือเป็นการคงอยู่ชั้นยอดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมกุฎเต๋าในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด หรือมกุฎเต๋าในโลกาเทพมังกรไท่ชูและโลกาฟ้าดินหลิงหลง บุคคลอย่างพวกเขาจะไม่ลงมือง่าย ๆ ทันทีที่พวกเขาลงมือ เช่นนั้นมันต้องเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่มหันตภัยได้ปะทุโดยสิ้นเชิงแล้ว

และก่อนที่จะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดที่ต่อกรซึ่งกันและกันก็เป็นเพียงประมุขเต๋า ทว่าการต่อสู้ของผู้สูงส่งกลับมีมากกว่า

อาศัยอุบายฉีกกระชากอนัตตา หลัวซิวจึงกลับมาถึงโลกร้างอย่างรวดเร็ว

……

ณ โลกาฟ้าดินหลิงหลง ตำหนักหลักแห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง

“ท่านพ่อ!”

เสียงที่ตะลึงและโกรธเกรี้ยวดังขึ้น ถัดจากนั้นก็มีชายหนุ่มที่ใบหน้าหล่อเหลา สีหน้าอารมณ์ดูหยิ่งยโสคนหนึ่งบินเข้ามาในประตูใหญ่ของตำหนักหลัก

“ฮ่าวเอ๋อร์? เจ้ามาทำอะไร?”เจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงขมวดคิ้วลงเล็กน้อย เขาเริ่มคาดเดาได้ลาง ๆ แล้วว่าเหตุใดลูกชายคนนี้ของตนจึงต้องมาที่นี่

“ท่านพ่อกำลังถามทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้วหรือ? เซวียนเอ๋อร์นางตายแล้ว! นางตายแล้วท่านทราบหรือไม่? เหตุใดท่านพ่อจึงไม่ลงมือช่วยเหลือนาง?”หลิงฮ่าวถามอย่างโกรธเกรี้ยว

เจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “พ่อลงมือแล้ว แต่กลับไม่สามารถช่วยเซวียนเอ๋อร์เอาไว้ได้”

หลิงฮ่าวผงะ เขาเข้าใจดีมากว่าท่านพ่อรักน้องสาวมากเพียงใด ฉะนั้นท่านพ่อต้องลงมืออย่างแน่นอน เขาแค่รู้สึกโกรธจนสับสนไปหน่อย

แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้หลิงฮ่าวรู้สึกตะลึงงันจริง ๆ คือแม้แต่ท่านพ่อที่เป็นเจ้าศักดิ์สิทธิ์ยังลงมือแล้ว เหตุใดน้องสาวจึงยังตายได้อีก?

“ท่านพ่อ ท่านต้องล้างแค้นให้น้องนะขอรับ! ตกลงคนที่สังหารนางคือผู้ใดกันแน่?”ภายในแววตาหลิงฮ่าวเต็มเปี่ยมไปด้วยไฟแห่งความโกรธแค้น

เจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงถอนหายใจอีกเฮือกหนึ่ง เขาไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด แต่เป็นการยกมือขึ้นมาขยำทีหนึ่ง ก่อนจะมีรัศมีดวงหนึ่งปรากฏกลางฝ่ามือเขา แล้วมีคัมภีร์สำนักปรากฏหนึ่งฉบับ

เห็นเพียงเขาโยนคัมภีร์สำนักออกไป ก่อนที่มันจะบินไปตรงหน้าหลิงฮ่าวลูกชายตน

หลิงฮ่าวยื่นมือออกไปรับคัมภีร์สำนักมา หลังจากเขาเห็นเนื้อหาที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์สำนักแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

สิ่งที่บันทึกอยู่บนคัมภีร์สำนักฉบับนี้คือข้อมูลของหลัวซิว สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงได้ส่งผู้แข็งแกร่งลักลอบเข้าไปในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดแล้วทำการสังหารอัจฉริยะที่มีศักยภาพ ซึ่งหลัวซิวก็คือหนึ่งในนั้นนั่นเอง

บนคัมภีร์สำนักไม่เพียงบันทึกชีวประวัติในภพชาตินี้ของหลัวซิว แม้แต่ข้อมูลของไท่ซ่างฉิงในอดีตชาติของเขาก็รวบรวมได้ครบครันอย่างยิ่ง

ส่วนการประเมินค่าหลัวซิวบนคัมภีร์สำนักนั้น กลับเรียกว่าอัจฉริยะวิถีเซียน ซึ่งชื่อของเขาถูกจัดอยู่ในอันดับหนึ่งของรายชื่ออัจฉริยะต้องสังหาร!

“ปัญญาแห่งวิถีเซียน? แดนมกุฎเทพระดับเก้าแต่เทียบเท่าจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อ?”เมื่ออ่านเนื้อหาที่บันทึกอยู่บนคัมภีร์สำนักจบ สีหน้าของหลิงฮ่าวก็ดูเข้มงวดขึ้นมาเช่นกัน

เขาคือเทพบุตรของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง และเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์เจ้าศักดิ์สิทธิ์ในอนาคต พรสวรรค์ของหลิงฮ่าวย่อมต้องเป็นหนึ่งไม่เป็นรองอยู่แล้ว ทว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็รู้ดีเหมือนกันว่าครั้นตนอยู่ในแดนมกุฎเทพ ก็ไม่มีต้นทุนที่สามารถต่อกรกับจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อได้อย่างแน่นอน

“หลัวซิวนี่จัดการยากกว่าที่บันทึกอยู่บนคัมภีร์สำนักเสียอีก ข้าสันนิษฐานว่ามันน่าจะเป็นลูกศิษย์ของมกุฎเต๋าคนใดคนหนึ่งในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด อีกทั้งศักยภาพที่แท้จริงของมันน่าจะไม่ใช่แค่เทียบเท่าจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อเท่านั้น มันแทบจะสามารถเทียบทัดมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อได้แล้ว”เจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงกล่าวเช่นนี้

“ช่างเป็นอัจฉริยะที่น่ากลัวยิ่งนัก! หรือว่ามันเป็นผู้สังหารน้องสาว?”แววตาของหลิงฮ่าวดูรวดเร็วและเฉียบคมขึ้นมา ในเมื่อท่านพ่อได้นำคัมภีร์สำนักของคนดังกล่าวให้ตนอ่าน บวกกับฝ่ายตรงข้ามก็มีศักยภาพที่ไม่ต่ำกว่าจักรวรรดิเทพเจ็ดกงล้ออีก เช่นนั้นฆาตกรคือผู้ใด คาดว่าไม่ต้องบอกก็พอจะเข้าใจได้แล้วล่ะ

เจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงพยักหน้าอย่างไม่ปฏิเสธ

“ไม่ว่าภูมิหลังของมันจะเป็นอย่างไร มันสังหารน้องสาวข้า ข้าก็จะเอามันตาย มันจำเป็นต้องตาย!”หลิงฮ่าวพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก

การที่หลิงฮ่าวกล้าพูดคำพูดเช่นนี้นั้น ย่อมต้องเป็นเพราะเขามีความมั่นใจของตัวเองอยู่แล้ว เพราะเขาไม่เพียงเป็นเทพบุตรเสวียนหวง ตัวเขาเองก็อยู่ในแดนจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อช่วงปลายเช่นกัน แต่ศักยภาพของเขากลับแข็งแกร่งกว่าน้องสาวตนเซวียนเอ๋อร์มาก ๆ ยิ่งกว่านั้นคือมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อที่ค่อนข้างอ่อนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

“ต้องสังหารเจ้าหมอนั่นอยู่แล้ว เพราะศักยภาพของมันสูงเกินไป ถ้าเกิดปล่อยให้มันบรรลุเป็นผู้สูงส่งหรือประมุขเต๋า เช่นนั้นทันทีที่ศึกสงครามระหว่างพื้นโลกดาราปะทุขึ้นละก็ คนดังกล่าวต้องกลายเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่อย่างยิ่งแน่ ๆ”

เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว สีหน้าของหลิงฮ่าวดูงุนงง “ต่อให้มันจะเก่งกาจมากเพียงใด ก็ไม่มีทางมีศักยภาพที่สามารถต่อกรกับผู้สูงส่งได้นะขอรับ”

“เจ้าพูดถูก แต่นี่ก็หมายความว่ามีผู้แข็งแกร่งคอยคุ้มกันอยู่ข้างกายมัน ซึ่งเป็นเฉกเช่นเดียวกันกับมันที่สังหารเซวียนเอ๋อร์ในครั้งนี้ พลังอมตะหนึ่งที่ข้าปลดปล่อยออกไปถูกผู้อื่นต้านทานทลายทิ้งไปแล้ว”

“แล้วควรจะทำอย่างไรดีขอรับ? หรือจะปล่อยให้มันลอยนวลไปต่อหน้าต่อตา?”หลิงฮ่าวเพ่งมองท่านพ่อตน

“จัดการยากมาก!”เจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงส่ายหน้า ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งที่คงอยู่มายาวนานอย่างไม่รู้จบ การตรึกตรองต่อปัญหาต่าง ๆ ของเขาล้วนรอบคอบกว่าหลิงฮ่าวที่ยังเป็นหนุ่มมาก ๆ

เห็นเพียงเจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงค่อย ๆ เอ่ยปากพูด “มาตรแม้นว่าข้าจะเดินทางไปยังโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดด้วยตนเอง ก็ใช่ว่าจะทำสำเร็จเสมอไป เพราะเบื้องหลังของอัจฉริยะอย่างมันต้องมีมกุฎเต๋าแน่นอน ทันทีที่มกุฎเต๋าลงมือ อย่าว่าแต่ข้าเลย ต่อให้เป็นประมุขเต๋าทั่วไปก็ต้องได้ตายอย่างไร้ข้อสงสัยแน่นอน!”

“ไม่ว่าเราจะส่งคนไปมากเท่าไหร่ ผลการฝึกตนสูงมากเพียงใด แต่หากไม่สามารถสังหารมันได้ กลับจะถูกผู้แข็งแกร่งที่คอยคุ้มกันมันสังหารแทน เช่นนั้นมันก็ได้ไม่คุ้มเสียแล้วจริง ๆ!”

สีหน้าอารมณ์ของเจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงดูตึงเครียด หลังจากพิจารณาอยู่พักหนึ่งเขาก็พูดว่า: “เจ้าปล่อยวางเรื่องนี้ไปก่อน ส่วนเรื่องราวของเซวียนเอ๋อร์นั้น พ่อมีวิธีทำให้นางฟื้นคืนชีพกลับมาได้อยู่”

“จริงหรือขอรับ?”เมื่อได้ยินข่าวคราวดังกล่าว แววตาของหลิงฮ่าวก็เป็นประกายขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ สำหรับน้องสาวคนนี้ของตัวเองนั้น เขาถนอมรักมากจริง ๆ

“แล้วพ่อจะเอาเรื่องเช่นนี้มาล้อเล่นได้อย่างไรเล่า? เมื่อหลายปีก่อนพ่อก็เคยเก็บดวงจิตแท้ของเจ้าและเซวียนเอ๋อร์เอาไว้เสี้ยวหนึ่งแล้ว ก็เพื่อกังวลว่าสักวันหากพวกเจ้าดับสลายสูญสิ้นไปแล้ว จักยังมีโอกาสฟื้นคืนชีพกลับมาได้อีกครั้ง”

“แต่ทว่าเรื่องนี้กลับไม่เร่งด่วน เรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบจัดการคือภารกิจที่น้องสาวเจ้ายังทำไม่สำเร็จ เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องถึงการกลับมาของผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าคนหนึ่ง พ่อต้องไปจัดการด้วยตนเอง!”

……

“ศิษย์พี่!”

ย้อนกลับไปยังอาณากระบี่หวูจี๋ด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุด หลัวซิวพลางหายใจหอบพลางมุ่งหน้าเดินเข้าไปในหุบเขากระบี่โดยตรง

ระหว่างทางที่ย้อนกลับมานี้ หลัวซิวไม่ทันได้ฟื้นฟูผลการฝึกตนของตัวเองเลย กลับมาโดยการกินยาเซียนตลอดทาง ก็เพื่อจะนำเรื่องราวของประมุขเต๋าเยว่เทียนแจ้งให้ศิษย์พี่ตัวเองทราบ

ภายในหุบเขากระบี่มีค่ายกลคอยคุ้มกันอยู่ แม้นตู๋กูจะอยู่ในสภาวะปิดขัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องให้คนมาคอยคุ้มกันเขา ดังนั้นหลัวซิวถึงสามารถบุกเข้ามาได้

อย่างไรก็ตามเขาตะโกนอยู่นอกหอคอยหลายครั้งมาก แต่กลับไม่มีการตอบโต้ใด ๆ สักที

“ดูท่าการปิดขังของศิษย์พี่ถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว”

หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วลง จากความเข้าใจของเขาที่มีต่อศิษย์พี่ท่านนี้ หากไม่ใช่เพราะผลการฝึกตนบรรลุถึงช่วงเวลาสำคัญ เขาต้องให้ตัวเองเข้าไปแน่นอน

แต่ถ้าเกิดไม่เจอตู๋กู เขาก็ไม่สามารถติดต่อกับอาจารย์ตัวเอง แม้นเขาจะเป็นศิษย์ของมกุฎเต๋าหวูจี๋ แต่กลับไม่มีทางลัดที่สามารถมุ่งไปยังโลกาอนัตตาอู๋จี๋โดยตรงได้

ในเมื่อวิธีการนี้ไม่ได้ผล หลัวซิวจึงออกจากหุบเขาสยบปีศาจโดยตรง ส่วนเรื่องราวของประมุขเต๋าเยว่เทียนนั้น เขาก็เคยคิดเหมือนกันว่าจักนำพากำลังคนของอาณากระบี่หวูจี๋เดินทางไปด้วยตนเอง แต่กลับเข้าใจดีมาก ๆ ว่าจากศักยภาพแค่นี้ของอาณากระบี่หวูจี๋ ไม่สามารถต่อกรกับกองกำลังที่ยิ่งใหญ่อย่างสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงได้ด้วยซ้ำ

“หรือนี่จะเป็นเหมือนคำกล่าวที่ว่าฮ่องเต้ไร้เรื่องร้อนใจ ขันทีร้อนใจแทน?”

กลับไปถึงวังซิวหลัว มีรอยยิ้มที่ขมขื่นปรากฏบนใบหน้าหลัวซิวอย่างอดไม่ได้ เขาไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องของประมุขเต๋าเยว่เทียนได้จริง ๆ ในเมื่อไม่สามารถแจ้งศิษย์พี่ตนและไม่สามารถแจ้งอาจารย์ได้ เช่นนั้นเขาก็ทำได้เพียงรอคอยอย่างเดียวแล้วล่ะ

หลังจากหลัวซิวกลับไปถึงโลกร้างได้ไม่นาน สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงก็ส่งผู้แข็งแกร่งอีกหลายคนย่างกรายสู่สรรพมหาโลกาอีกครั้ง

ไม่นานนัก สตรีผู้งดงามที่ร่างกายถูกปกคลุมอยู่ในแสงจันทร์ก็เดินออกมาจากอนัตตาตรีภพรอบวังดับฟ้า ผู้แข็งแกร่งทั้งหลายของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงต่างเดินตามอยู่ด้านหลังนางอย่างเคารพนอบน้อม

“มหันตภัยที่แท้จริงจะมาเยือนแล้วหรือ?”

ดวงตาที่งดงามคู่นั้นของประมุขเต๋าเยว่เทียนเบิ่งมองห้วงดารา พลางพูดพึมพำคนเดียว

ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋า อีกก้าวเดียวก็เป็นมกุฎเต๋าแล้ว สำหรับผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระดับขั้นอย่างพวกเขา สิ่งที่แสวงหาก็คือโอกาสในการได้บรรลุเป็นเซียน

มหันตภัยของสงครามระหว่างสามโลกาล้วนเกิดขึ้นเพราะพรหมเซียน ไม่ว่าจะฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ต่างก็ทำเพื่อจุดประสงค์ของตัวเองเท่านั้น

แต่สำหรับประมุขเต๋าเยว่เทียนแล้ว สาเหตุที่นางเลือกที่จะเข้าร่วมโลกาฟ้าดินหลิงหลงนั้น เป็นเพราะนางรู้สึกว่าผลลัพธ์สุดท้ายของสงครามแห่งมหันตภัยในครั้งนี้ โลกาฟ้าดินหลิงหลงมีอัตราชนะสูงกว่า

และเหตุผลก็มีเพียงเท่านี้!

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท