มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2886
เพียงพริบตาสิบวันได้ผ่านพ้นไป เมื่อหลัวซิวออกมาจากหุบเขาสยบปีศาจ เขาก็รู้สึกถึงบางสิ่งในใจ คิ้วของเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดเข้าหากัน
เพราะระดับวิญญาณดั้งเดิมของเขาได้รับการอัพเกรดจากช่องจิตเป็นญาณเทวมานานแล้ว ดังนั้นจิตญินของเขาจึงค่อนข้างอ่อนไหวมากกว่านักยุทธ์ธรรมดา บางครั้งการเตือนของจิตญินนั้นทําให้เขารู้สึกถึงการมีอยู่ของวิกฤตได้
“หรือว่าท่ามกลางผู้อาวุโสของอาณากระบี่หวูจี๋จะมีไส้ศึกอยู่จริง ๆ?”
ใบหน้าของหลัวซิวมืดมนลง คําทํานายที่ไม่ดีเท่าใดนักประเภทนี้ ทําให้ความสงสัยในใจของเขายิ่งเพิ่มมากขึ้น ใบหน้าของเหล่าผู้อาวุโสสาดเข้ามาในสมองของเขา แต่ก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าคนใดเป็นคนทรยศแม้แต่ผู้เดียว
“แม้ว่าจะเป็นลางสังหรณ์จากจิตญิน แต่ก็ไม่ได้รุนแรง ครานี้ถึงแม้จะมีคนอยากรอบโจมตีข้าในระหว่างทางไปเมืองต้าฮวงโบราณ ก็ไม่น่าจะมีผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งออกโรงเอง”
หลัวซิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก้าวขึ้นไปในอากาศทันทีโดยไม่ลังเล เดินไปที่ด้านนอกของสำนักธรณีของอาณากระบี่
ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งไม่ใช่พวกหน้าใหม่ ครั้งก่อนที่ลอบโจมตีตนทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งแห่งโลกาฟ้าดินหลิงหลงถึงกับเสียชีวิต ดังนั้นตราบใดที่ไม่ใช่การโจมตีของผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่ง หลัวซิวจึงไร้ซึ่งความเกรงกลัว
หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อร่างของหลัวซิวออกมาจากธรณีสำนักของอาณากระบี่ มีสายลับจำนวนมาที่ซ่อนตัวอยู่นอกธรณีสำนัก รวมถึงผู้ที่คอยติดตามความเคลื่อนไหวของเขาต่างก็สังเกตเห็น
ท่ามกลางอนัตตาที่ห่างออกไปไกลแสนไกล มีร่างของนักยุทธ์แดนมกุฎเทพวัฏจักรหกจำนวนไม่น้อยปรากฏขึ้น สายตาจับจ้องมายังร่างของหลัวซิวจากที่ไกล ๆ
แต่ว่าคนพวกนี้กลับไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด เพราะตามรายงานที่มีของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจและชนเผ่าเฉว่ซ่า รายงานว่าพลังรบของหลัวซิวสามารถเทียบเท่าจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ด ยิ่งไปกว่านั้นที่นั่นใกล้กับธรณีสำนักอาณากระบี่ถึงเพียงนี้ ช่างไม่เหมาะสมในการลงมือเอาเสียเลย“หลัวซิวปรากฏตัวแล้ว!”
“รีบไปทูลต่อผู้อาวุโส!”
“……”
ข่าวถูกส่งออกไปอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าหลัวซิวก็สังเกตเห็นคนเหล่านี้เช่นกัน แต่เขาไม่สนใจและเดินไปข้างหน้าโดยไม่รีบไม่ร้อน
“พวกที่พาตนเองมาตายช่างมากมายเสียจริง”
เมื่อเวลาผ่านไป หลัวซิวรู้สึกว่ามีคนปรากฏตัวในบริเวณใกล้เคียงมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่กลับไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ปรากฏตัวขึ้นเลย
ถึงอย่างไรเบื้องหลังของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจและชนเผ่าเฉว่ซ่าก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากถึงเพียงนั้น โดยปกติผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ต่างก็มีเรื่องที่สำคัญที่ต้องทำ
อีกทั้งตามเนื้อหาในรายงาน พลังรบของหลัวซิวก็เป็นเพียงแค่เทียบเท่ากับจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ด เคยถูกจักรพรรดิเทพทั้งสี่ของจ่างเทียนตี้ร่วมมือกันล้อมโจมตีถึงกับเกือบตาย เพราะฉะนั้นแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจและชนเผ่าเฉว่ซ่าจึงได้ส่งจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดจำนวนมากมาเพื่อลงมือ
ส่วนทางด้านสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงแห่งโลกาฟ้าดินหลิงหลง เป็นเพราะการปิดกั้นของพื้นโลกดารา ดังนั้นข้อมูลใหม่ทั้งหมดเกี่ยวกับหลัวซิวจึงยังไม่ถูกส่งไปถึง
“ปัง!”
โดยไม่มีการเตือนใด ๆ อนัตตาที่ด้านบนศีรษะของหลัวซิวก็แตกออก มือขนาดมหึมาที่น่ากลัวตกลงมาจากอากาศบาง นิ้วทั้งห้าของมือนั้นกลายเป็นห้ามังกรโลหิตที่น่าหวาดกลัว ปากของมันถูกกัดลงไปที่ศีรษะของเขา
เพียงแค่การประจันหน้าครั้งเดียวเท่านั้น ร่างของหลัวซิวก็ถูกทึ้งจนแหลกสลายเป็นฝุ่นผง
“ตายง่าย ๆ ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดคนหนึ่งของชนเผ่าเฉว่ซ่าชะโงกหน้าออกมาจากอนัตตา มองร่างที่แหลกสลายของหลัวซิวด้วยแววตาประหลาดใจ เมื่อครู่เขาเพียงแค่ลองเชิงดูเท่านั้น ไม่ได้คาดคิดจริง ๆ ว่าจะสามารถกำจัดเจ้าหนุ่มที่มีพลังรบเทียบเท่าจักรพรรดิเทพผู้นี้ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
แต่จากนั้นไม่นาน จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดแห่งชนเผ่าเฉว่ซ่าผู้นี้แววตาของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็นตื่นตกใจขึ้นมา เพราะร่างของหลัวซิวที่ถูกฉีกกระชากนั้นจนแหละนั้นกลับค่อย ๆ จางลงเรื่อย ๆ จากนั้นจึงหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ไม่ได้การ! นั่นคือเงาลวง ความเร็วของเขาช่างรวดเร็วถึงเพียงนี้เชียว ทิ้งเพียงเงาลวงเอาไว้ตรงที่เดิม ทั้งยังสามารถทำให้ข้าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นร่างจริงได้อีกด้วย!”
จักรพรรดิเทพของชนเผ่าเฉว่ซ่าท่านนี้ตกใจจนหน้าถอดสี ความเร็วที่เร็วมากจนปรากฏเป็นเศษเงานั้นทำได้ไม่ยาก สิ่งที่ยากคือเศษเงาที่เหลือไว้สามารถทําให้คนเข้าใจผิดคิดว่าร่างจริงได้ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สูงมากทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ด แม้แต่เขาเองก็ยังมองไม่ออกว่านั่นคือเศษเงา เห็นได้ชัดว่าความเร็วของหลัวซิวนั้นแท้จริงแล้วมันรวดเร็วถึงเพียงใด
“มหาค่ายผึกจิตแสงเลือด!”
จักรพรรดิเทพของชนเผ่าเฉว่ซ่าท่านนี้คำรามออกมาเสียงดังลั่นทันใดนั้นแสงเลือดที่ไม่มีที่สิ้นสุดก็พวยพุ่งออกมา กลายเป็นค่ายกลขนาดมหึมา ครอบคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่กว่าหมื่นลี้
“ทำลาย!”
ทันใดนั้นเสียงที่ไม่เฉยชาก็ดังขึ้น จากนั้นมือขนาดมหึมาที่หลอมรวมด้วยแสงเซียนก็ปกคลุมท้องฟ้า ภายใต้การบดขยี้ของฝ่ามือ แสงเลือดที่ไร้ที่สิ้นสุดนั้นก็ถูกทําลายและสลายไป
“นี่มันพลังอมตะอะไรกัน?”
จักรพรรดิเทพของชนเผ่าเฉว่ซ่าหน้าถอดสี เห็นเพียงแค่มหาค่ายผึกจิตแสงเลือดที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติแห่งจักรพรรดิเทพยังไม่ทันได้สำแดงฤทธิ์เดช ก็ถูกมือฝ่ามือแสงเซียนทำลายจนสิ้น ค่ายขนาดมหึมาแหลกสลาย!
ฝ่ามือของตรามหาหัตถ์ราชาเซียน หลัวซิวสวมชุดสีดำตัวตรงอยู่ ดวงตาที่เย็นชามองไปยังจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดอย่างไม่แยแส
“ตาย!”
ในเวลานี้เอง ตราประทับสีดําขนาดใหญ่ฝ่าทะลุอนัตตาออกมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
หลัวซิวค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น จากนั้นตราประทับสีดำสนิทก็กระแทกลงบนศีรษะของเขาอย่างแรงด้วยเสียงที่ดังสนั่น
ไม่มีฉากสาดเลือดตามที่คาดไว้ ตราประทับสีดำสนิทถูกดีดกระเด็นออกไปอย่างสูง ส่วนศีรษะของหลัวซิวกลับสะอาดเอี่ยมอ่อง แม้แต่ร่องรอยแผลแม้แต่เสี้ยวเล็บยังไม่มี
“กะโหลกหนาเสียจริง!” เสียงหนึ่งที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตกใจดังออกมาจากอนัตตา จากนั้นจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจก็พลันปรากฏกายขึ้นมา
แต่แล้ว จักรพรรดิเทพวิถีมารผู้นี้ที่เพิ่งปรากฏตัว แสงเซียนลำแสงหนึ่งก็พุ่งไปเพียงชั่ววินาที มาถึงตรงหน้าของเขา
“ผุ!”
แสงเซียนราวกับกระบี่ แทงทะลุห้วงจักรของเขาอย่างง่ายดายถึงที่สุด ตรงเข้าไปสังหารช่องจิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่ภายในตัวหยั่งรู้
“ไม่ได้การ!”
เมื่อจักรพรรดิเทพของชนเผ่าเฉว่ซ่าวัฏจักรเจ็ดท่านนั้นเห็นภาพตรงหน้า ใบหน้าแสดงความตื่นตกใจ และปฏิกิริยาแรกของเขาคือการหันหลังกลับและหนีไป
แต่ในขณะที่เขากําลังจะเคลื่อนไหว ตรามหาหัตถ์ราชาเซียนที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็ร่วงลงมา และบดขยี้ร่างกายของเขาเป็นกลายเป็นผุยผง
ในพริบตาสองผู้แข็งแกร่งแดนจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดต่างเสียชีวิตด้วยน้ำมือของหลัวซิว
อาจกล่าวได้ว่า สำหรับหลัวซิวในวันนี้ จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดแดนที่ยิ่งใหญ่นี้แทบไม่มีใครสามารถคุกคามเขาได้ ถ้าหากคนของชนเผ่าเฉว่ซ่าและคนของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจได้รู้เรื่องจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดทั้งสิบแปดคนของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงต่างตายด้วยน้ำมือของหลัวซิว พวกเขาย่อมไม่มีทางส่งผู้แข็งแกร่งแดนจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดมาตายเปล่าอย่างแน่นอน
“ไอ้สัตว์เดียรัจฉาน กล้าดียังไง!”
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดถูกฆ่าตายอย่างง่ายดายเช่นนั้น ในที่สุดผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ของชนเผ่าเฉว่ซ่าและแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจก็ออกโรงแล้ว
คนแรกที่ลงมือ ก็คือมหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋ คนผู้นี้มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน ชื่อเสียงเลื่องลือ หลัวซิวก็ยังเคยได้ยินชื่อนี้ด้วย
มังกรพิษสีแดงเลือดเก้าตัวหมุนตัวบินไปมา ตรึงอนัตตารอบ ๆ เอาไว้ เมื่อครู่จักรพรรดิเทพชนเผ่าเฉว่ซ่าที่ถูกหลัวซิวบดขยี้ด้วยมือขนาดมหึมาจนตายนั้น ก็คือศิษย์ของมหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋
มังกรพิษเก้าตัว ทุก ๆ ตัวต่างพ่นออร่าที่เรียกได้ว่าเทียบเท่ากับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดออกมา มหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋นั้นอาศัยมังกรพิษเก้าตัว ที่มีผลการฝึกตนระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดช่วงกลาง พลังที่แท้จริงนั้นเรียกได้ว่าแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดช่วงปลายเสียอีก
เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ หลัวซิวก็ไม่กล้าที่จะเพิกเฉยแม้แต่น้อย เห็นว่ามังกรพิษตัวหนึ่งตรงหน้าอ้าปากจะเข้ามากัด ราวกับจะดูดกลืนฟ้าดิน สองมือของเขาจับเป็นตราประทับ ทั้งมือซ้ายและมือขวาต่างหลอมรวมเป็นตรามหาหัตถ์ราชาเซียน
“ปัง!”
ใช้พลังแห่งวิถีเซียนก่อเป็นพลังอมตะวรยุทธเซียน พลังอำนาจนั้นแสดงออกมาอย่างเฉียบขาดไร้ที่สิ้นสุด ภายใต้การโจมตีของสองตรามหาหัตถ์ราชาเซียน มังกรพิษที่กำลังจะเข้ามาโจมตีถูกตบจนกระเด็นออกไป เลือดสด ๆ สาดกระเซ็น
อย่างไรก็ตาม มังกรพิษที่มหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋เลี้ยงไว้นั้น กลับมีครบทั้งเก้าตัวพอดี มีมังกรพิษสองตัวที่ล้อมโจมตีไว้ทั้งซ้ายและขวา ราวกับกรรไกรสีแดงเลือดขนาดใหญ่ หมายจะตัดร่างของหลัวซิวให้ขาดเป็นสองส่วน
สีหน้าของหลัวซิวนั้นสงบและนิ่งเรียบ เห็นเพียงว่าร่างกายของเขาค่อย ๆ จางลงไป ร่างกายโดยรอบแผ่กระจายไปด้วยแสงเซียน ราวกับปีกแห่งเซียน กําลังจะบินและหนีไป
มนตราทะยานเซียน!
แสงเซียนแต่ละลำแสงราวกับคมกระบี่ ต้านทานมังกรพิษสองตัวที่ล้อมโจมตีซ้ายขวาเอาไว้
“ที่แท้ก็ยังมีกลยุทธ์อยู่ แต่น่าเสียดายเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า เจ้ามีเพียงแค่ความตายเท่านั้น ไร้หนทางรอด”
ทันใดนั้น มังกรพิษเก้าตัวก็กรู่กันเข้ามาสังหารเขา
หลัวซิวไม่กล้าต้านไปตรง ๆ เคล็ดเซียนแปรเก้าของเขายังฝึกตนไม่ถึงแดนขั้นที่หก พลังอำนาจของมังกรพิษเก้าตัวเรียกได้ว่าเทียบเท่าเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ หากต้านไปตรง ๆ ก็จะถูกกลืนกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
“เหวิง!”
แสงเซียนแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย ไร้ลักษณ์สำแดงปริภูมิและความเร็ว ร่างหลัวซิวหายไปในชั่วพริบตา เคลื่อนย้ายออกห่างไปหลายพันลี้
“จะหนีไปที่ใด?”
มหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋คำรามเสียงดังลั่น บังคับมังกรพิษเก้าตัวตามเข้ามา แต่ถึงอย่างไรความเร็วของหลัวซิวนั้นกลับรวดเร็วเสียยิ่งกว่าเขา ทำให้มหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋ไม่สามารถไล่ตามได้ทัน
“รชนีปีศาจ ยังไม่ลงมืออีกรึ?”
เมื่อเห็นหลัวซิวยิ่งหนียิ่งไกลขึ้น มหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋คำรามเสียงดังด้วยความโกรธ
เสียงของมหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋ยังไม่ทันได้สิ้นลง รชนีปีศาจสีดำสนิทก็บินออกมาจากอนัตตา รชนีปีศาจหลอมรวมเป็นกระบี่เทพสีดำสนิทเล่มหนึ่ง พุ่งตรงไปฟาดฟันหลัวซิวอย่างรุนแรง
“ซวบ!”
หลัวซิวทิ้งเศษเงาร่างหนึ่งเอาไว้ที่เดิม หลบเลี่ยงการโจมตีของกระบี่เทพรชนีปีศาจ
ร่างสูงตระหง่านล้อมรอบด้วยสายฟ้าสีดํา เดินออกมาจากอนัตตายกมือขึ้นและคว้ากระบี่เทพสีดําไว้ในมือ แววตาของน่าเกรงขาม
“มหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจ!”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีกงล้อเทพสีดำแปดชิ้นลอยอยู่ด้านหลังศีรษะ สีหน้าของหลัวซิวก็พลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นทันที
ด้านการโจมตีนั้น มหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจไม่อาจสู้กับมหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋ที่บังคับมังกรพิษเก้าตัวได้ แต่กลับเชี่ยวชาญในเรื่องความเร็ว หลัวซิวหากอยากจะหนีไปให้พ้นคนผู้นี้กลับไม่ใช่เรื่องง่าย
ปัง! ปัง! ปัง!
แต่ละสายของสายฟ้ารชนีปีศาจหลอมรวมเป็นกระบี่ ปกคลุมท้องฟ้าราวกับสายฝน ทำให้หลัวซิวไม่อาจควบคุมแสงกลได้อีกต่อไป ทำได้เพียงอัญเชิญเตากลั่นนภาจื่อเซียวขึ้นมาต้านเอาไว้
ในขณะเดียวกัน มหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋ที่อยู่ด้านหลังก็ตามเข้ามา ทำให้หลัวซิวตกอยู่ในวิกฤติในชั่วพริบตา
“เหวิง!”
เตาอลวนหวูจี๋ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของหลัวซิว เตาเซียนต้านทานการโจมตีของมหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจ เขายกมือขึ้นโบกสะบัดอัญเชิญเตาอลวนหวูจี๋ออกมา ทันใดนั้นก็มีแสงเทวอลวนนับไม่ถ้วนปะทุพวบพุ่งขึ้นมา
ด้วยผลการฝึกตนของหลัวซิวแน่นอนว่าไม่สามารถกระตุ้นพลังทั้งหมดของเตาเทพได้ แต่การอาศัยพลังแห่งวิถีเซียนกลับสามารถสำแดงพลังอำนาจที่เทียบเท่ากับมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้
“ไอ้หนู ตายซะ!”
มหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋เบียดตามเข้ามา มังกรพิษเก้าตัวพุ่งตรงเข้าไปโจมตีเตาอลวนหวูจี๋ ดุร้ายและหยิ่งผยอง
อย่างไรก็ตามมหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋กลับประเมินอำนาจของเตาเทพอลวนหวูจี๋ผิดไป มังกรพิษเก้าตัวยิ่งเข้าใกล้เตาเทพนี้เท่าไร ร่างกายก็ยิ่งเล็กลงมากเท่านั้น ถูกแสงเทวอลวนแสงแล้วแสงเล่าบีบรัด ลากลงไปในเตาเทพ
“มังกรพิษของข้า!” มหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋ตระโกนด้วยความโกรธา รีบร้อนสำแดงเคล็ดวิชาออกมา เตาเทพสั่นสะท้าน มังกรพิษเก้าตัวกำลังพยายามพุ่งทะลุออกมาจากเตาเทพ
“ขอบใจมังกรพิษของท่าน”
หลัวซิวยิ้มออกมาบาง ๆ ยกมือขึ้นเรียกให้เตาเทพกลับมา ยกมือขึ้นโบกสะบัด แสงเซียนลำแสงหนึ่งบินออกมา
“เข้าล็อกเดิม!”
อนัตตาที่ถูกมหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจตรึงเอาไว้ ก็พลันถูกพลังอมตะเข้าล็อกเดิมที่รวมเป็นแสงเซียนฉีกกระชาก หลัวซิวรวมตัวเข้ากับแสงกลอีกครั้ง เพียงแค่ชั่วพริบตา ก็ปรากฏกายขึ้นห่างออกไปหลายหมื่นลี้
“กล้าสำแดงความเร็วต่อหน้าข้าอย่างนั้นหรือ?”
มหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจพูดเสียงเย็นยะเยือก ที่เขาฝึกตนนั้นคือวิถีสว่างมืด ครอบครองพลังอมตะความเร็วแสง รวมเข้ากับผลการฝึกตนระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่แข็งแกร่งของเขา ความเร็วนั้นเร็วยิ่งกว่าหลัวซิว
ไม่นานนัก มหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจก็ตามหลัวซิวมาทัน กระบี่เทพโบกสะบัด แสงกระบี่แต่ละลำแสงราวกับพายุคลั่งพุ่งเข้าไปโจมตีหลัวซิว
หลัวซิวกำลังกระตุ้นเตาเทพกลั่นแปรธรรมเวชกาลล้นเพื่อกลั่นมังกรพิษเก้าตัว ในเวลานี้เมื่อเห็นมหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจไล่ล่ามา เขาก็ล้มเลิกแผนการนี้ไปชั่วคราว ขับเคลื่อนเตาเทพเข้าต่อสู้กับมหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจ
ข้อดีของมหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจอยู่ที่ผลการฝึกตนที่แข็งแกร่ง แต่หลัวซิวกลับเป็นร่างเนื้อที่แข็งแกร่ง อาศัยการคุ้มกันของเตาเทพ เรียกได้ว่าไม่ว่าจะเป็นวิชาอมตะใด ๆ ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ทั้งสองยังเชี่ยวชาญในด้านความเร็ว เพียงชั่วพริบตาก็ปะทะกันนับหมื่นนับแสนครั้ง
อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนของผลการฝึกตนก็ค่อย ๆ สะท้อนให้เห็นขึ้นมาเรื่อย ๆ เมื่อจำนวนครั้งในการต่อสู้เพิ่มขึ้น การกระตุ้นเตาอลวนหวูจี๋ทำให้หลัวซิวสูญเสียอย่างมหาศาล เมื่อผลการฝึกตนอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ปราณกระบี่ของดาบหลายเล่มก็แทงผ่านการป้องกันของเตาเทพ ทิ้งบาดแผลไว้หลายแห่งบนร่างกาย เลือดสดกระเซ็น
“ดูเหมือนว่าช่องว่างระหว่างฉันกับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดยังคงห่างกันอยู่ไม่น้อย เว้นแต่ผลการฝึกตนของฉันจะไปถึงมกุฎเทพช่วงปลาย บางทีอาจจะสามารถต่อกรกับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดได้”
นับตั้งแต่เปิดวิถีเซียนมา พลังที่แท้จริงของหลัวซิวก็ได้เกินกว่าจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดขั้นสูงไปนานแล้ว เข้าใกล้มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในวันนี้ผลการฝึกตนของเขาได้มาถึงมกุฎเทพช่วงกลางแล้ว รู้สึกได้ว่าช่องว่างระหว่างตนกับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดนั้นหดเล็กลง แต่ในการเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัว เขาก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดอยู่ดี
“ไป!”
หลัวซิวกลายเป็นแสงกลบินออกไปอีกครั้ง แต่มหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจก็ยังคงติดตามอย่างไม่หยุดพัก
เห็นเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจไล่ตามหลัวซิวครั้งแล้วครั้งเล่า พลังของเขาถึงแม้จะสามารถควบคุมหลัวซิวไว้ได้ แต่เพราะมีเตาอลวนหวูจี๋อยู่ในมือ มหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจจึงทำอะไรหลัวซิวไม่ได้
ส่วนมหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋ที่ถูกแย่งชิงมังกรพิษไปนั้น ก็กําลังดิ้นรนอย่างยากลำบากเพื่อตามให้ทัน ทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้ หลัวซิวก็จะหนีไปทันที ไม่ให้โอกาสมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสองที่จะร่วมมือกันล้อมโจมตีตนเองได้แม้แต่น้อย