มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 2887 ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2887 ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่

มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2887

“แม่มเอ้ย แน่จริงอย่าหนีสิวะ!”

มหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋โกรธจนกระอักเลือด เพื่อที่จะฝึกเซ่นมังกรพิษเก้าตัวนั้น เขาใช้เวลาหลายร้อยล้านปี แต่กลับต้องดูมันจะถูกฉกไปกับตาโดยเด็กหนุ่มที่ผลการฝึกตนอ่อนแอกว่าตัวเอง หนำซ้ำเขาก็ยังไม่สามารถตามไปเอาคืนมาได้ทันอีกด้วย?

“ไอ้พวกข้างล่างที่รับผิดชอบรายงานสถานการณ์มันทำบ้าอะไรกันอยู่วะ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าพลังของไอ้เด็กนี่มันแข็งแกร่งกว่าในรายงานไม่รู้ตั้งกี่เท่า!”

แม้ว่าจะเต็มไปด้วยคำก่นด่าและความโกรธ แต่มหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋ก็ยังคงใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดของตนเองไล่ตามไป

ความเร็วของมหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋นั้นไม่อยู่ในสายตาของหลัวซิว ถึงแม้ความเร็วของมหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจจะเร็วกว่าเขา แต่หากอาศัยเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจแค่คนเดียว หลัวซิวก็ไม่ต้องเสียเวลาเลย สามารถบินหนีไปได้ตลอดเวลา

“ไอ้หนู หยุดอยู่ตรงนั้น!”

มหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจอัญเชิญหอคอยปีศาจสีดำสนิทไล่ตามไป หอคอยปีศาจสั่นสะท้าน รชนีปีศาจสีดำสนิทหลายสายมืดฟ้ามัวดินพัดพาเข้ามา

ตึง! ตึง! ตึง! ……

รชนีปีศาจจำนวนมหาศาลโจมตีลงบนเตากลั่นนภาจื่อเซียว เห็นเพียงเตาเซียนเตานี้ที่สั้นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง แต่ภายใต้การหนุนของพลังแห่งวิถีเซียน การป้องกันของเตาเซียนก็ยังสามารถฝืนป้องกันเอาไว้ได้

อีกทั้งผลข้างเคียงของการโจมตีจากรชนีปีศาจ ทำให้ความเร็วของหลัวซิวกลับกลายเป็นยิ่งพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วขึ้น

“เงามายาปีศาจนภา!”

หลัวซิวหันหลังกลับไปมอง เห็นเพียงร่างของมหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจที่หายไปต่อหน้าต่อตา กลายเป็นลำแสงสีดำสนิท เศษเงาเรียงกันเป็นชุด ทันใดนั้นระยะห่างระหว่างเขากับหลัวซิวจึงสั้นลงมาก

“สว่างมืดกักกัน!”

มหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจกางมือออก ทันใดนั้นรัชนีปีศาจสีดำที่ม้วนเป็นคลื่นก็พุ่งออกมา รวมตัวกันเป็นวงกลมของดวงอาทิตย์สีดำสนิท จากนั้นก็ม้วนเป็นแสงสีขาวเจิดจ้า หลอมรวมเป็นดวงอาทิตย์สีขาวที่ลุกโชน!

หนึ่งดำหนึ่งขาว พระอาทิตย์ดวงโตสองดวงลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า รวมกันกลายเป็นค่ายกักกันหนึ่งค่าย ท้องฟ้าเต็มไปด้วยโซนนภาที่ล้อมรอบตัวหลัวซิวเอาไว้หลายแสนลี้!

นี่คือหนึ่งในพลังอมตะที่แกร่งกล้าที่สุดของมหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจ ภายใต้สถานการณ์ปกติ เขาแทบจะไม่สำแดงวิชานี้ เพราะวิชาพลังอมตะนี้สิ้นเปลืองผลการฝึกตนของเขาอย่างมาก อย่างไรก็ตามเขาได้ฆ่าคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังมากมายด้วยพลังอมตะนี้ เมื่อถูกคุมขังโดยพลังอมตะนี้ พลังแห่งสว่างมืดจะบีบอัดและบดขยี้คู่ต่อสู้ภายในอย่างต่อเนื่อง

หลัวซิวจ้องมองออกไป แน่นอนว่าเขาไม่กล้าที่จะต้านพลังอมตะนี้ไปตรง ๆ เห็นเพียงเขายกมือขึ้นตบเตาอลวนหวูจี๋ครั้งหนึ่ง ระหว่างที่แสงเทวพวยพุ่ง ก็หลอมรวมออกมาเป็นภาพมายาผู้สูงส่ง

“ปัง! ”

ภาพมายาผู้สูงส่งกางสองมือใหญ่ออก แล้วตบดวงอาทิตย์สว่างมืดที่ลอยเคว้งอยู่บนกลางอากาศ

คลื่นพลังงานจำนวนมหาศาลถาโถมเข้าใส่ พลังทำลายล้างสรรพสิ่งก็ปะทุออกมา ภาพมายาผู้สูงส่งที่ถูกหลอมรวมขึ้นโดยเตาเทพ พลันแตกสลายเป็นส่วน ๆ แม้แต่หลัวซิวเองก็ถูกแรกกระแทกกลับเช่นกัน ละอองเลือดจำนวนมากพวยพุ่งออกมาทั่วร่างของเขา เลือดสดไหลโชก

ในเวลาเดียวกัน ปริภูมิที่ถูกกักขังก็พลันหายตามไปด้วย และหลัวซิวก็รีบบินหนีออกไปโดยไร้ซึ่งความลังเล

พลังอมตะถูกทำลาย มหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ภายใต้ผลกระทบของพลังแห่งการทำลายล้าง เลือดเนื้อทั่วร่างกายของเขาก็ระเบิดออกมา ปรากฏคราบเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขาเช่นกัน

“ไอ้เด็กเวร! ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่!”

มหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจโกรธจนไม่อาจให้อภัยได้ แววตาเผยรังสีสังหารเหมือนจะกินคนออกมาจากดวงตาคู่นั้น ตัวสำนึกของเขาตรึงเอาไว้ที่ตัวของหลัวซิวอีกครั้ง กลายเป็นลำแสงสีดำไล่ตามออกไป

“รชนีปีศาจ ไอ้เวรตะไล!”

มหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋ไล่ตามมาจากด้านหลังอย่างลำบากลำบน แต่เมื่อมาถึงอีกครั้ง การปะทะกันของหลัวซิวและมหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจก็จบลงและเริ่มออกตัวหนีอีกครั้ง

“เจ้าพูดอะไร? ถ้ากล้าก็พูดอีกครั้งซิ?”

มหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจเพิ่งเสียเปรียบให้กับหลัวซิวไปเมื่อครู่ ในเวลานี้คือช่วงเวลาที่เขากำลังหัวเสียถึงที่สุด เมื่อได้ยินมหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋ด่าตนมาอย่างนั้น ก็พลันถลึงตาจนกลมโตในทันที ดูเหมือนจะเบนสายตากินคนไปทางมหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋แทน

หากมีมังกรพิษเก้าตัวอยู่ในมือ มหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋ย่อมไม่มีทางหวาดเกรงต่อสายตากินคนของมหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจอย่างแน่นอน แต่ว่าในเวลาเช่นนี้ไม่ใช่เวลามาถือสากับเรื่องอะไรแบบนี้ เขาใช้สีหน้าที่เคร่งขรึมพร้อมเอ่ยพูด “อย่าบอกนะว่าเจ้ายังมองสถานการณ์ไม่ออก? เจ้าเพียงคนเดียวไม่สามารถทำอะไรมันได้ มีเพียงแค่เจ้าร่วมมือกับข้าเท่านั้นจึงจะมีโอกาสกำจัดมันได้!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สายตาที่ดุดันของมหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจก็อ่อนลงไปมากโข พูดพร้อมขมวดคิ้ว “เจ้าพูดมาก็ดูมีเหตุผล”

มหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋พูดด้วยน้ำเสียงไม่สลอารมณ์ “ข้าไม่เชี่ยวชาญด้านความเร็ว เจ้าขับเคลื่อนแสงกลพาข้าไล่ตามไป จะต้องจัดการไอ้เวรนั่นได้แน่นอน!”

แน่นอนว่ามีประโยคหนึ่งที่มหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋ไม่ได้กล่าวไว้ นั่นคือ รอให้ข้าแย่งมังกรพิษเก้าตัวกลับมาได้ก่อน ค่อยมาคิดบัญชีกับเจ้า

มหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสองต่างก็เกลียดหลัวซิวเข้าไส้ เมื่อได้ยินคำแนะนำจากมหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋ ทันใดนั้นมหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจก็โบกมือขึ้นสำแดงวิชาแสงกลอย่างไม่ลังเล พามหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋ไล่ตามไปด้วยกัน

ถึงแม้ว่าจะมีคนเพิ่มมอีกคน แต่ความเร็วของมหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจก็ยังคงเร็วกว่าหลัวซิวอยู่ดี ผ่านไปไม่นาน ก็พบร่องรอยของหลัวซิวอยู่ที่ท้องนภาด้านหน้า

“โอ้? ในที่สุดสมองของมหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจก็ฉลาดขึ้นเสียที ไม่สู้คนเดียวแล้ว?”

หลัวซิวหันหลังไปมองแวบหนึ่ง ก็สามารถสัมผัสได้ว่าท่ามกลางแสงกลนั้นมีออร่าของรชนีปีศาจและเซวี่ยตู๋สองผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์อยู่

ไม่นานจากนั้น มหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสองไล่ตามมาพร้อมกัน ซ้ายหนึ่งขวาหนึ่งล้อมโจมตีเขาไว้

“มาได้จังหวะพอดี!”

หลัวซิวไม่ถอยแต่เดินหน้าต่อ แสงเซียนรอบกายปะทุขึ้น ทันใดนั้นก็สำแดงพลังอมตะพุ่งเข้าหามหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสอง ทำสงครามกันอย่างดุเดือดบนท้องนภา

การต่อสู้ครั้งนี้ รุนแรงกว่าการต่อสู้กับมหาจักรพรรดิยุทธ์รชนีปีศาจเพียงผู้เดียวไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า อนัตตาทั่วทั้งผืนแตกเป็นเสี่ยง ๆ กลายเป็นความโกลาหล ภูเขาบางแห่งด้านล่างยังประสบกับภัยพิบัติตามไปด้วยเช่นกัน ถูกทำลายจากการต่อสู้กันระหว่างทั้งสาม

หลัวซิวรู้ว่าการต่อกรกับมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสองนั้นอันตรายเพียงใด แต่เขาก็ยังเลือกที่จะทำเช่นนั้นเพื่อใช้มหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสองสร้างความกดดันให้และกระตุ้นศักยภาพให้ตนเอง

ไม่รู้ว่าสงครามดำเนินไปนานเพียงใดแล้ว หลัวซิวอ้าปากกระอักเลือดสดออกมา หันหลังวิ่งหนีโดยไม่รีรอ เขาเกือบจะใช้ทุกวิถีทาง แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับพลังของมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่ร่วมมือกัน

ทุก ๆ การผ่านช่วงเวลาหนึ่งไป มหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสองก็จะไล่ตามได้มาทัน ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ หลัวซิวใช้พลังของวิถีไร้ลักษณ์เพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเขา แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บทุกครั้งที่ต่อสู้ แต่อาการบาดเจ็บบนร่างกายของเขาก็ไม่ได้เลวร้ายลงไปกว่าเดิม

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไป เวลาที่ปะทะกันของหลัวซิวกับมหาจักรพรรดิยุทธ์การได้รับบาดเจ็บก็ยิ่งน้อยลงไปทุกที ต่อมา แม้เผชิญหน้ากับการปิดล้อมของมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสอง เขาก็สามารถรับมือได้อย่างง่ายดายและไม่ได้รับบาดเจ็บ!

“อย่าบอกนะว่าไอ้หนุ่มผู้นี้ใช้ความกดดันจากเจ้าและข้าเพื่อฝึกฝนตัวเอง?” รชนีปีศาจและเซวี่ยตู๋ มหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสองมองหน้ากัน พวกเขาต่างเห็นความสยดสยองในดวงตาของกันและกัน

เพราะไม่มีใครสามารถสัมผัสได้ถึงความก้าวหน้าของหลัวซิวได้ดีไปกว่าพวกเขา จากตอนแรกที่ยังถูกพวกเขาทั้งสองรุมโจมตีจนกระอักเลือดออกมา แต่ตอนนี้เขาสามารถหลุดพ้นไปอย่างง่ายดายโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ

“มกุฎเทพช่วงปลายแล้ว!”

บินอยู่ท่ามกลางอนัตตา ชุดเสื้อผ้าบนร่างของหลัวซิวขาดรุ่งริ่ง สภาพภายนอกดูน่าเวทนา แต่มุมปากของเขากลับแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ดูเบิกบานใจไม่น้อย

การอาศัยแรงกดดันจากผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสอง ทำให้เขาได้บรรลุกฎเกณฑ์อีกครั้ง ผลการฝึกตนบรรลุถึงมกุฎเทพขั้นเก้าช่วงปลายแล้ว

และเพราะการบรรลุของผลการฝึกตน เขาจึงได้มีทางรอดจากการร่วมมือกันล้อมโจมตีของมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสอง

ถ้าหากอีกฝ่ายมีเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์หนึ่งคน หลัวซิวก็รู้ดีว่าด้วยพลังของเขาในตอนนี้น่าจะสามารถยืนหยัดต่อสู้ได้ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมหาจักรพรรดิยุทธ์สองคน เขากลับไร้ซึ่งความมั่นใจ

ถึงอย่างไรมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสองคนก็ร่วมมือกัน ไม่ใช่การต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งที่ง่ายดายเช่นนั้น

มือลูบด้านข้างของเตาอลวนหวูจี๋ สีหน้าของหลัวซิวยิ่งมีรอยยิ้มเพิ่มมากขึ้น ด้านในนี้ยังมีมังกรพิษเก้าตัวของมหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋อยู่อีก มังกรพิษทุกตัวต่างก็มีพลังเทียบเท่ากับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด หากสามารถอาศัยธรรมเวชกาลล้นกลั่นแปรได้ เช่นนั้นพลังงานอันมหาศาลเช่นนี้ก็จะสามารถทำให้เขาบรรลุถึงแดนมกุฎเทพขั้นสูงได้แล้ว

“เรียกได้ว่าบรรลุแดนจักรพรรดิเทพก็ยังพอใช้เลย!” หลัวซิวหัวเราะออกมาในลำคอ

เมื่อเวลาผ่านไป หลัวซิวก็ยิ่งเข้าใกล้เมืองต้าฮวงโบราณมากขึ้นเรื่อย ๆ รชนีปีศาจและเซวี่ยตู๋ มหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสองก็หยุดตามฆ่าเขาแล้ว เพราะว่าพวกเขารู้ดีว่าในเวลาเช่นนี้หากยังรั้นไล่ตามต่อไป เมื่อใดที่ถูกเมืองต้าฮวงโบราณพบเข้า พวกเขาทั้งสองคนก็จะมีอันตราย

“ไอ้สารเลว! เอามังกรพิษของข้าคืนมา!”

มหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋โกรธจนกระอักเลือด เมื่อเห็นว่าไม่สามารถไล่ตามได้อีกต่อไป นัยน์ตาก็สั่นประกายความดุร้าย อ้าปากพ่นพลังและเลือดออกมา

ไม่ว่าจะเป็นนักยุทธ์แดนธรรมดาที่เพิ่งเข้าสู่โลกยุทธ์ หรือจะเป็นผู้แข็งแกร่งโลกยุทธ์ที่สำเร็จเป็นเทพมารก็ตาม พลังและเลือดล้วนเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่ง เพราะเมื่อพลังและเลือดเมื่อสูญเสียไปแล้วมันเป็นเรื่องยากมากที่จะชดเชยมัน หากว่าพลังและเลือดที่สูญไปนั้นไม่สามารถเติมเต็มกลับมาได้ มันก็จะกระทบต่อรากฐานโลกยุทธ์ของตน

แต่ในเวลานี้ เมื่อเห็นว่ามังกรพิษเก้าตัวถูกแย่งไปและไร้หนหางเอาคืน มหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋จึงได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ เผาพลาญพลังและเลือดของตน เพื่อฝืนเรียกมังกรพิษกลับมา

“ปัง!”

ในตอนที่มหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋สำแดงเคล็ดวิชาเผาผลาญพลังและเลือด เตาอลวนหวูจี๋ข้างกายของหลัวซิวส่งเสียงคํารามดังกึกก้อง

มังกรพิษเก้าตัวราวกับกำลังคลั่ง พุ่งพล่านไปทั่วทั่งสี่ทิศอยู่ภายในเตาเทพ เห็นเพียงฝาของเตาเทพที่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เมื่อเห็นว่ากำลังจะไม่สามารถกดเอาไว้ได้แล้ว

หลัวซิวก็ส่งเสียงเฮอะออกมา เตากลั่นนภาจื่อเซียวตกลงมาอยู่เหนือเตาเทพ ช่วยในการกดทับฝาของเตาเทพเอาไว้

ในเวลาเดียวกัน เขาก้าวเดินบนอากาศสลักยันต์ค่าย จากนั้นก็สลักออกมาเป็นวิชาห้ามค่ายกลนับร้อย

ไม่เพียงเท่านั้น ตัวหลัวซิวเองก็กระโดดขึ้นมา และทับลงบนฝาของเตาเทพอีก ร่างเนื้อของเขาเทียบเท่าสมบัติแห่งจักรพรรดิเทพชั้นยอด ขณะนี้ยังสามารถมีประโยชน์ได้อย่างมากอีกด้วย

“ดูกันว่าเจ้าจะสามารถพ่นพลังและเลือดได้สักกี่น้ำ!”

แม้ว่าการปราบปรามจะยากอยู่บ้าง แต่หากว่าเป็นของที่อยู่ในปากของเขาเอง หลัวซิวก็จะไม่คายมันออกมาง่าย ๆ แน่นอน

ครู่ต่อมา เสียงคํารามที่ดังขึ้นกว่าเดิมก็สะเทือนเลือนลั่นขึ้น หลายร้อยวิชาห้ามค่ายกลก็พากันแตกสลาย เตากลั่นนภาจื่อเซียวหรือแม้แต่ร่างของหลัวซิวต่างก็กระเด็นบินออกไป

ห่างออกไปหลายล้านลี้ มหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋ก็กล้ำกลืนพ่นพลังและเลือดครั้งที่สองออกมา ในที่สุดก็ทำให้มังกรพิษเก้าตัวหลุดพ้นจากการปราบปรามของเตาเทพได้

“โฮก!”

มังกรพิษเก้าตัวก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากเตาเทพ พลังอำนาจมากกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปด มีประกายแสงที่ดุร้ายในดวงตาสีแดงเข้ม

มหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋หมายจะบังคับมังกรพิษเก้าตัวนี้มาเพื่อเข่นฆ่าหลัวซิว แต่เขารู้สึกถึงความอ่อนแออย่างมากในตัวเอง สีหน้าของเขาก็ดูย่ำแน่ถึงขีดสุด

“ข้าเป็นถึงผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดช่วงกลาง แต่กลับถูกมกุฎเทพขั้นแก้าตัวเล็ก ๆ บีบบังคับจนอยู่ในสภาพน่าเวทนาเช่นนี้?”

มหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋รู้ดีว่าเป็นการยากที่จะบังคับมังกรพิษในระยะไกลเพื่อสังหารหลัวซิว ดังนั้นจึงรีบเรียกเอามังกรพิษเก้าตัวกลับมาในทันที

เพียงแค่สามารถแย่งชิงมังกรพิษกลับมาได้ พลังและเลือดที่สุญเสียไปนั้นยังสามารถคิดหาวิธีชดเชยกลับมาได้ แต่ถ้าหากสูญเสียมังกรพิษเก้าตัวนี้ไป เช่นนั้นในเวลาก่อนที่เขาจะกลั่นแปรมังกรพิษขึ้นมาใหม่ ความแข็งแกร่งของเขาจะอยู่ที่จุดต่ำสุดอยู่เสมอ

“คิดจะหนี?”

เมื่อเห็นมังกรพิษเก้าตัวกำลังจะบินหนีไป หลัวซิวก็ทุ่มสุดพลังเพื่อกระตุ้นเตาอลวนหวูจี๋ แสงเทวอลวนแสงแล้วแสงเล่าบินออกมาจากภายในเตาเทพ ราวกับโซ่ก็ไม่ปาน ตรึงมังกรพิษสามตัวเอาไว้ ค่อย ๆ ลากกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง และปราบมันเข้าไปไว้ในภายในเตาเทพอีกครั้ง

ตลอดทั้งทางที่ถูกสองมหาจักรพรรดิยุทธ์ไล่ฆ่า ผลการฝึกตนของหลัวซิวก็ถูกใช้ไปอย่างมหาศาล ดังนั้นจึงทำได้เพียงมองมังกรพิษที่เหลืออีกหกตัวบินหนีไป ไม่นานก็หายไปที่ปลายท้องฟ้า

“ไอ้หนุ่มหลัว! ข้าไม่จบกับเจ้าเท่านี้แน่!”

ครู่หนึ่งหลังงจากนั้น น้ำเสียงที่ดุเดือดของมหาจักรพรรดิยุทธ์เซวี่ยตู๋ก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งอนัตตา

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท