มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2889
หากจั่วชิวมาจากกองกําลังอื่น หลัวซิวก็ขี้เกียจเกินไปที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ที่ไร้ความหมายนี้กับอีกฝ่าย
แต่เนื่องจากอีกฝ่ายมาจากสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“อย่างไร? สหายหลัวไม่กล้าหรือ? ไม่ใช่ว่ากังวลใจว่าผลการฝึกตนของตนต่ำจนหน้าขายขี้หน้า?”
จั่วชิวมองหลัวซิวที่ยังคงปิดปากเงียบ จากนั้นก็ค่อย ๆ พูดแกมบีบบังคับ “สหายหลัวไม่ต้องกังวลใจไป เจ้าโชคดีที่เป็นเจ้าสำนักน้อยของอาณากระบี่หวูจี๋ ทุกคนคงไม่หัวเราะเยาะเย้ยเจ้าหรอก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัวซิวก็ยิ้มออกมาบาง ๆ ในตอนที่เขากำลังจะอัญเชิญกงล้อเทพออกมาตบหน้าไอ้หนุ่มผู้นี้ที่เสนอหน้าเข้ามา ออร่าอันมหาศาลก็พลันหลั่งไหลเข้ามา
“เจ้าเมืองมาแล้ว!”
เมื่อออร่าอันยิ่งใหญ่และสง่างามนี้ปรากฏขึ้น จักรพรรดิเทพทั้งหมดภายในตำหนักหลักก็พากันเงยหน้าขึ้นทีละคน
บนบัลลังก์เจ้าเมืองของตำหนักหลัก มีแสงเทวลำแสงหนึ่งพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ปรากฏเป็นร่างของเจ้าเมืองต้าฮวง
เจ้าเมืองต้าฮวงในเวลานี้คือผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่ง เมื่อเขาปรากฏตัว ออร่าที่แข็งแกร่งก็สะเทือนไปทั่วทั่งลานกว้าง จักรพรรดิเทพกงล้อเทพนับหมื่นที่ลอยเคว้งอยู่เหนือตำหนักหลักต่างก็ยังสั่นสะเทือน ราวกับก้มหัวศิโรราบให้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้หลัวซิวจับสังเกตได้กลับไม่ใช่พลังศักดิ์สิทธิ์ของผู้สูงส่งเจ้าเมืองต้าฮวง แต่เป็นร่างทั้งหกที่อยู่ด้านหลังเจ้าเมืองต้าฮวง ทุกร่างเงานั้นต่างปล่อยกระจายออร่าของผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่ง
ผู้สูงส่งหกท่าน! นับรวมเจ้าเมืองต้าฮวง ก็เท่ากับเจ็ดท่าน!
“เคารพท่านเจ้าเมือง!”
เห็นเพียงว่าผู้สูงส่งทั้งหกท่านกุมมือคำนับ จากนั้นก็หันไปโค้งตัวทางเจ้าเมืองต้าฮวงเพื่อทำความเคารพ
“เคารพท่านเจ้าเมือง!”
จากการนำของผู้สูงส่งหกท่าน จักรพรรดิเทพและมหาจักรพรรดิยุทธ์นับหมื่นที่อยู่ภายในตำหนักก็พากันลุกขึ้น พร้อมกับโค้งและคำนับ
คนนับหมื่นในตำหนัก มีเพียงคนเดียวที่นั่ง เจ้าเมืองต้าฮวงนั่งอยู่บนบัลลังก์สูง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกฮึกเหิมขึ้นในใจ
ถึงแม้เขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนผู้สูงส่ง แต่ก็เพิ่งเข้าสู่แดนผู้สูงส่ง ตามหลักเหตุและผลแล้วไม่ได้มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะให้ผู้สูงส่งทั้งหกท่านทำความเคารพเขา
แต่เขาคือเจ้าเมืองแห่งเมืองต้าฮวงโบราณ เป็นตัวแทนของชนเผ่าฮวง นั่นก็เพราะว่าเขาคือผู้สืบทอดสายเลือดตรงของบรรพจารย์ฮวง!
“ทุกท่าน นั่งเถอะ!” เจ้าเมืองต้าฮวงยกมือโบกในอนัตตา เอ่ยปากขึ้นเสียงดังกึกก้อง
รวมถึงหลัวซิว ทุกคนต่างพากันนั่งลงที่ตำแหน่งของตนเอง มีโต๊ะวางอยู่ด้านหน้าของทุกคน บนโต๊ะมีทั้งเหล้าชั้นดีทั้งผลทิพย์ ตำแหน่งที่ทุกคนนั่งอยู่ก็ค่อนข้างใส่ใจ ยิ่งผลการฝึกตนยิ่งสูง ที่นั่งของผู้แข็งแกร่งก็ยิ่งสูง ตำแหน่งที่นั่งก็ยิ่งเข้าใกล้กับเจ้าเมืองต้าฮวงมากขึ้น
“สหายหลัว เจ้าต้องระวังเจ้าจั่วชิวคนนั้นไว้ให้ดี” ทันใดนั้น ฮวงหวูจี๋ที่นั่งอยู่ข้างหลัวซิวก็ส่งเสียงมาพูดกับเขา
ฮวงหวูจี๋ถึงแม้ว่าจะเป็นเจ้าเมืองน้อย แต่ผลการฝึกตนของเขาก็ยังเพียงแค่จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ด ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถขึ้นไปนั่งข้างหน้าได้
“หืม? สหายหวูจี๋เหตุใดจึงพูดเช่นนั้น?” หลัวซิวเอ่ยถามด้วยความสงสัย
สำหรับฮวงหวูจี๋ผู้นี้ หลัวซิวถือว่าค่อนข้างเป็นมิตรอยู่ไม่น้อย รวมถึงชื่อของอีกฝ่ายที่มีคำว่า “หวูจี๋” อยู่ด้วย และเป็นเพราะว่าในครั้งแรกที่เขามายังโลกร้าง สามารถพูดได้ว่าฮวงหวูจี๋คือสหายคนแรกของเขา
“ได้ยินมาว่าทางสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ช่วงนี้เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น มีคนพยายามเรียกร่างหลักของหอคอยฮวง”
ฮวงหวูจี๋สีหน้าเคร่งขรึม พูดเสียงจริงจัง “สิ่งล้ำค่าหอคอยฮวงของโลกร้าง แต่เดิมแล้วมันถูกครอบครองอยู่ในมือของผู้บุกเบิกของพวกเราชนเผ่าฮวง ถึงแม้ว่านับตั้งแต่ยุคไท่ชู หอคอยฮวงจะถูกครอบครองโดยชนเผ่าฮวงของเราน้อยมาก แต่นอกจากผู้รับผิดชอบของหอคอยฮวงในประวัติที่ผ่านมา มีเพียงแค่ชนเผ่าฮวงของพวกเราที่ครอบครองเคล็ดวิชาที่ใช้เรียกหอคอยฮวง”
“แต่ว่ามีคนเรียกหอคอยฮวงสองครั้งติดกัน เช่นนั้นก็สามารถยืนยันได้ว่าไม่ใช่การกระทำของพวกเราชนเผ่าฮวง เพราะฉะนั้นสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ จึงได้ปักใจเชื่อว่าในตอนที่หอคอยฮวงเปิดขึ้นนั้น มีคนได้รับการยอมรับจากหอคอยฮวง ได้รับสิ่งดั้งเดิมส่วนหนึ่งของหอคอยฮวง”
“และในตอนนั้นที่หอคอยฮวงเปิดออก ท่ามกลางเหล่าบรรดาผู้แข็งแกร่งวัยเยาว์เรียกได้ว่า สหายหลัวคือคนที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด”
ฮวงหวูจี๋ใช้วิธีส่งเสียงแบบเป็นความลับเพื่อบอกเรื่องนี้กับหลัวซิว เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ แววตาของหลัวซิวก็เคร่งขรึมอย่างอดไม่ได้
เขาเหลือบมองจั่วชิวซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลจากเขา ทันใดนั้นก็คิดว่าชายผู้นี้จงใจยั่วยุตนเองเมื่อครู่นี้ บางทีเพียงเพื่อต้องการให้เขาเผยแสดงความแข็งแกร่งออกมา เพราะว่าเมื่อใดก็ตามที่อัญเชิญกงล้อเทพ ออร่าทั้งหมดที่คนผู้นั้นได้ฝึกตนในโลกยุทธ์ก็จะไหลเวียน อีกฝ่ายอาจต้องการใช้วิธีนี้สอดแนมว่ามีออร่าของหอคอยฮวงดั้งเดิมหรือไม่
เกี่ยวกับเรื่องการสืบทอดหอคอยฮวง หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงอย่างนักพรตชิงชาน หงบู รวมถึงเจ้าศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อนวังสิงเทียน
นักพรตชิงชานได้ตายไปด้วยน้ำมือเขาเมื่อนานมาแล้ว เจ้าศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อนสิงเทียน ก็เพราะว่าต้องการแย่งชิงหอคอยฮวงของตน จึงถูดตนฆ่าตายที่พสุดารานอกนภา เช่นนั้นในใต้หล้านี้คนที่รู้ว่าหอคอยฮวงยอมรับเขาเป็นเจ้านายนั้น ก็เหลือเพียงคนเดียวคือหงบู!
มีเพียงหงบูที่ยังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นเรื่องที่เขาได้รับการยอมรับจากหอคอยฮวง มีความเป็นไปได้ที่คนอื่นจะรู้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!
“ข้าเรียกหอคอยฮวงทั้งสองครั้งก็ถูกฮวงจวินกับสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ต้านเอาไว้ ถ้าหากฮวงจวินและสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์รู้ว่าคนที่เรียกหอคอยฮวงคือข้า ด้วยสันดานของพวกเขาต้องคิดหาวิธีเพื่อจะแย่งชิงหอคอยฮวงดั้งเดิมไปจากข้าเป็นแน่”
หลัวซิวรู้ดีว่า หอคอยฮวงดั้งเดิมคือสัญลักษณ์การยอมรับจากหอคอยฮวง ใครก็ตามที่ได้รับส่วนของหอคอยฮวงดั้งเดิม เพียงแค่ไม่ถูกหอคอยฮวงขับไล่ ก็จะสามารถเป็นผู้สืบทอดของหอคอยฮวง
“ดูเหมือนว่าข้าควรจะระมัดระวัง และรอบครอบให้มากกว่านี้” หลัวซิวพูดในใจ
ตลอดมา ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งที่เผยตัวบนโลกร้างนั้นมีไม่มาก ในคราเดียวก็ปรากฏขึ้นมาหกท่าน เป็นธรรมชาติที่มันจะดึงดูดความสนใจของทุกคนในที่นี้
ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างเจ้าเมืองต้าฮวง บนร่างสวมชุดของตระกูลเทียนฮวง เขาคือผู้สูงส่งท่านหนึ่งของตระกูลเทียนฮวงอย่างไม่ต้องสงสัย
และตลอดมา นับตั้งแต่ผู้สูงส่งเสินหวงละสังขารไป ทุกคนก็พากันเข้าใจไปว่าตระกูลเทียนฮวงไม่มีผู้สูงส่งอยู่อีกต่อไปแล้ว
จะเห็นได้ว่า การสืบทอดระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอดอย่างเช่นตระกูลเทียนฮวงนั้น ต่างก็มีสิ่งที่ปิดบังไว้อย่างเช่นเบื้องหลังและพลัง ตระกูลเทียนฮวงเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอดอื่น ๆ ก็ย่อมเป็นเช่นนี้ด้วยเช่นกัน
ถึงแม้จะเป็นอาณากระบี่หวูจี๋ก็เป็นเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน ทุกคนต่างคิดไปว่าเจ้าแดนที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณากระบี่หวูจี๋ คือแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า แต่ในความจริงแล้วผลการฝึกตนของเจ้าแดนตู๋กูได้บรรลุไปถึงแดนผู้สูงส่งนานแล้ว เรียกได้ว่าในวันนี้กำลังฝึกตนปิดขังเพื่อบรรลุแดนผู้แกร่งเลิศอยู่
และผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ของอาณากระบี่หวูจี๋ ก็มีมากถึงห้าท่าน!
ถ้าหากนับรวมโลกาอนัตตาอู๋จี๋ที่เปิดโดยมกุฎเต๋าหวูจี๋เข้าไปด้วย พลังที่อาณากระบี่หวูจี๋ปิดบังเอาไว้ก็จะยิ่งน่าหวาดกลัวขึ้นไปอีก
“นั่นคือนายท่านรุ่นปัจจุบันของตระกูลเทียนฮวง สิ่งที่ประจักษ์แก่โลกมานานหลายล้านปีนั้นเป็นเพียงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าตอนนี้ดูเหมือนว่าผลการฝึกตนที่แท้จริงจะถูกซ่อนไว้เสมอ!” ฮวงหวูจี๋พูดกระซิบอยู่ข้าง ๆ หลัวซิว
“โลกร้างกว้างใหญ่ ซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้มากมายจริง ๆ” หลัวซิวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ทุกท่าน……”
ทันใดนั้น เจ้าเมืองต้าฮวงก็เอ่ยปากขึ้น สักพักทุกคนก็หยุดส่งเสียง พากันหันไปมอง รอให้เจ้าเมืองพูดต่อ
“เหตุที่เรียกทุกเท่านมาประชุมกันโดยพร้อมหน้าในวันนี้ คิดว่าข้าคงไม่ต้องพูดให้มากความ ทุกท่านสามารถมาที่นี่เพื่อสนับสนุนเมืองต้าฮวงโบราณ ทำให้ข้าปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง”
เสียงของเจ้าเมืองต้าฮวงดังกังวานอยู่ภายในตำหนักหลัก น้ำเสียงต่ำทุ่มเอ่ยต่อ “อย่างไรก็ตาม คู่ต่อสู้ของเราแข็งแกร่งกว่าที่คิด แดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจและชนเผ่าเฉว่ซ่าช่างทะเยอทะยานละโมบเป็นเวลานานที่ซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้ ตามที่ข้าได้รู้มา เบื้องหลังของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจและชนเผ่าเฉว่ซ่า ทั้งหมดนี้มีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง”
“ไม่เพียงแค่พวกเราโลกร้างเท่านั้น ที่ฟ้า ดิน ดำ เหลือง จักรวาลหิวโหย แปดโลกมหาพิภพต่างก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย ยังมีกองกำลังของจ่างเทียนตี้ระหว่างที่อพยพ ก็มีความละโมบอย่างมหาศาล!”
“ที่อื่นเราไม่พูดถึง เรามาพูดกันถึงแค่เพียงโลกร้างของเรา พื้นที่ของโลกร้างหนึ่งในสามส่วน ต่างก็ถูกผู้อยู่เบื้องหลังของแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจและชนเผ่าเฉว่ซ่าควบคุมแล้ว”
ทันทีที่คำกล่าวนี้ออกมา ผู้แข็งแกร่งโลกยุทธ์มากมายที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ ต่างก็เผยสีหน้าตื่นตกใจออกมา!
หนึ่งในสามของพื้นที่ทั้งหมดของโลกร้างถูกควบคุม? ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดจากปากของเจ้าเมืองต้าฮวง คนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่คงไม่สังเกตเห็นสิ่งนี้เลย และเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้สังเกต จึงรู้สึกว่าน่ากลัวมากขึ้น
หนึ่งในสามของโลกร้างถูกควบคุมอย่างเงียบ ๆ กองกําลังเบื้องหลังนั้นน่ากลัวจริง ๆ!
เมื่อเห็นสีหน้าของทุกคน เจ้าเมืองต้าฮวงก็ไม่แปลกใจ เพราะแม้แต่เขาเมื่อทราบข่าวจากสถานบรรพบุรุษชนเผ่าฮวง เขาก็ตกใจไม่แพ้กัน
“ทุกท่าน! และเพราะความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราควรจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมากขึ้น สงครามนี้เริ่มขึ้น เมืองต้าฮวงโบราณของข้าหากถูกโจมตีจนล่มสลาย ทั่วทั้งโลกร้างเกรงว่าจะตกอยู่ในมือของศัตรู”
“”ดังนั้นในการต่อสู้ครั้งนี้ เราทำได้แค่ชนะเท่านั้น ไม่สามารถพ่ายแพ้ได้!”
เจ้าเมืองต้าฮวงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “คนที่นั่งอยู่ที่นี่ในขณะนี้คือทุกคนที่อยู่เคียงข้างเรา พวกเราจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ด มกุฎเทพวัฏจักรหกและราชาเทพวัฏจักรห้านับหมื่น สามารถรวบรวมกองทัพนับล้านเข้าด้วยกันได้!”
“แน่นอนว่าสงครามที่แท้จริงนั้นไม่ง่ายอย่างที่ทุกคนคิด เช่นเดียวกับสงครามระหว่างมนุษย์ที่ต้องมีการจัดตั้งกองทหาร เราก็ต้องการวิธีการเผชิญหน้าศัตรูเช่นกัน!”
เสียงของเจ้าเมืองต้าฮวงดังก้องไปทั่วทั้งตำหนักหลัก ทุกคนตั้งใจฟัง เพราะนี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่งคงและชีวิตของพวกเขาเอง
เห็นเจ้าเมืองต้าฮวงยกมือขึ้น แสงและเงาประสานกัน แสดงให้เห็นอสูรขนาดใหญ่
ร่างกายทั้งหมดของอสูรตัวนี้ประกอบด้วยแสงและเงา เพียงแค่เงาลวงเงาหนึ่ง ที่มีรูปร่างขนาดใหญ่ราวกับเรือรบ รูปร่างของเรือรบเหมือนดั่งอสูรร้ายตัวหนึ่ง เพียงแค่มองปราดเดียว ก็สามารถทำให้คนหวาดกลัวจนถึงขีดสุดได้
“นี่คือเรือรบอสูรฮวง แต่ทุกท่านอย่าได้คิดว่ามันเป็นเพียงของขลังในการบินชิ้นหนึ่งเท่านั้น นี่คืออาวุธสงครามที่แท้จริง! ด้านบนสลักมหาค่ายไว้สามพันค่าย ค่ายหลักหนึ่งค่าย ค่ายเสริมสองพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าค่าย จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดสามพันท่านร่วมมือกันบังคับเรือรบอสูรฮวง สามารถสำแดงเดชได้เทียบเท่าพลังขั้นมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดชั้นยอด!”
“มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดชั้นยอด?”
หลังจากพูดคําเหล่านี้ของเจ้าเมืองต้าฮวง ทุกคนต่างตื่นตะลึง
มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดชั้นยอดและมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดธรรมดานั่นเป็นแนวคิดที่แตกต่างกันมาก มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดชั้นยอดหนึ่งท่าน นั่นเป็นเรื่องง่ายที่จะฆ่าการดำรงอยู่ของมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดธรรมดา!
จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดสามพันคนอาศัยพลังแห่งค่ายกล โดยปกติแล้วทำได้มากที่สุดคือต่อต้านมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดช่วงต้น ถึงแม้จะเผชิญหน้ากับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดช่วงกลางก็ยังพอฝืนไปได้ แต่หากอาศัยเรือรบอสูรฮวง กลับสามารถสำแดงพลังรบเทียบเท่ามหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดขั้นสูง นั่นก็รู้สึกได้ถึงความน่าหวาดกลัวแล้ว
แน่นอนว่า อำนาจของเรือรบอสูรฮวงจะสามารถสำแดงเดชได้เติมที่หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดทั้งสามพันคนที่บังคับเรือรบ หากว่าจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดทั้งสามพันคนมีพลังที่ธรรมดาทั่วไปมาก เช่นนั้นพลังของเรือรบอสูรฮวงก็จะมีขีดจำกัด ยิ่งจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดยิ่งแข็งแกร่ง พลังอำนาจของเรือรบอสูรฮวงก็จะสามารถกระตุ้นให้สำแดงเดชได้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
“เรือรบอสูรฮวงเช่นนี้ เมืองต้าฮวงโบราณของเรามีหนึ่งร้อยลำ!” เจ้าเมืองต้าฮวงพูดสิ่งที่ทุกคนต้องตกตะลึงออกมาอีกครั้ง!
“โอ้ สวรรค์!”
“นี่คือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของชนเผ่าฮวงหรือ?”
“มีอาวุธสงครามที่ทรงพลังเช่นนี้ กลับมีจำนวนเป็นร้อย?”
ท่ามกลางตําหนักหลัก จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดแต่ละคนต่างตกตะลึง แม้แต่มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดก็ยังตกตะลึงตาค้าง
ถึงอย่างไร มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดนั่นคือสิ่งมีชีวิตที่สามารถก้มมองจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดจากที่สูงได้ แต่การปรากฏขึ้นของเรือรบอสูรฮวงเช่นนี้ กลับทำให้จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดมีพลังที่สามารถเข่นฆ่ามหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดได้
“ท่านเจ้าเมือง จำนวนของจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพอที่จะบังคับเรือรบอสูรฮวงหนึ่งร้อยลำได้?” ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งท่านหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านข้างเมืองต้าฮวงโบราณพูดพร้อมขมวดคิ้ว
อาวุธสงครามนี้มีพลังที่แข็งแกร่ง แต่ก็มีความเงื่อนไขที่สำคัญเช่นกัน ซึ่งจำเป็นต้องใช้จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดสามพันคนเพื่อควบคุม
แต่เมื่อนับรวมจำนวนของจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดทั้งหมดที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ก็ยังไม่ถึงสองหมื่น คนเหล่านี้บังคับเรือรบอสูรฮวงเจ็ดลำก็หมดสิ้นแล้ว ต่อให้เรือรบมากมายเพียงใด แต่ถ้าไม่สามารถใช้มันได้อย่างมีประสิทธิภาพมันก็ไร้ประโยชน์
“ฮ่า ๆ สิ่งต่อไปที่ข้าจะพูดนั้นเกี่ยวข้องกับปัญหานี้อย่างพอดี”
เจ้าเมืองต้าฮวงยิ้มบาง ๆ และพูดต่อ “บังคับเรือรบอสูรฮวงจำเป็นต้องใช้จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดสามพันคนนั้นเป็นเพียงวิธีหนึ่งเท่านั้น แต่จำนวนของจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดมีไม่มากพอ ก็สามารถใช้ราชาเทพวัฏจักรห้าและมกุฎเทพวัฏจักรหกมาเพื่อเสริมพลังได้”
“อย่างเช่น จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดคนหนึ่งควบคุมค่ายหลัก มกุฎเทพวัฏจักรหกสามพันคน รวมถึงราชาเทพวัฏจักรห้าสามหมื่นคนมาช่วยหนุน ก็สามารถทำให้พลังรบของเรือรบอสูรฮวงสำแดงออกมาได้เต็มที่!”
“จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดมีจำนวนไม่พอ แต่ทางฝั่งกองกำลังของพวกเรายังมีมกุฎเทพวัฏจักรหกและราชาเทพวัฏจักรห้าอยู่อีกเป็นจำนวนมาก!”
“ถ้าหากว่าจำนวนนั้นยังไม่พอ เช่นนั้นจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดคนหนึ่งควบคุมค่ายหลัก เทพมารขั้นเก้าแสนคนคอยหนุน ก็สามารถบังคับเรือรบอสูรฮวงได้เช่นกัน!”
“เรือรบอสูรฮวงหนึ่งร้อยลำ ก็เทียบเท่ากับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดชั้นยอดนับร้อยคน เมื่ออยู่ในสนามรบมันจะไร้เทียมทาน สังหารนักยุทธ์ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดหรือต่ำกว่าเหมือนฆ่าหมูฆ่าหมา!”
คำพูดของเจ้าเมืองต้าฮวงทำให้หลายคนตื่นเต้น ฉากการสังหารเรือรบอสูรฮวงหนึ่งร้อยลำในสนามรบดูเหมือนจะปรากฏขึ้นในสมอง เมื่อใดก็ตามที่พลังของเรือรบสำแดงออกมา ก็สามารถกำจัดได้ทั้งกระดาน!
“เบื้องหลังของชนเผ่าฮวง ช่างไม่ธรรมดาจริง ๆ”
สิ่งที่หลัวซิวสนใจนั้นกลับไม่ใช่พลังของเรือรบอสูรฮวง แต่เป็นชนเผ่าฮวงที่ครอบครองอาวุธสงครามที่ทรงพลังร้อยลำเช่นนี้
เห็นได้ชัดว่า อาวุธสงครามเหล่านี้น่าจะตกทอดมาจากมหาทัณฑ์ยุคที่ยาวนานกว่าไท่ชู