มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2902
แดนบรรพกาลเป็นสถานที่ที่ลึกลับมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ซึ่งภายในมีดินแดนเก่ายุคไท่ชู
และเรื่องนี้ยังเป็นเพียงจุดที่เล็กน้อยที่สุดของแดนบรรพกาลเท่านั้น ตกลงภายในสถานที่ดังกล่าวมีความลับที่น่าทึ่งมากเพียงใดซ่อนอยู่นั้น เกรงว่าก็มีเพียงเหล่าผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าในยุคปัจจุบันเท่านั้นแหละที่พอทราบอยู่บ้าง
ทูตเพ้าขาวกำลังควบคุมหุบเขาอสูรฟ้า และได้รับข่าวสารที่ส่งมาจากจ่างเทียนตี้ ซึ่งเนื้อหาที่กล่าวถึงในข่าวสารก็มีความเกี่ยวข้องกับแดนบรรพกาล
ในเวลาเดียวกัน เมืองต้าฮวงโบราณกลับมาพร้อมกับชัยชนะ จากการที่ยึดครองดินแดนที่แดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจและชนเผ่าเฉว่ซ่าเคยแก่งแย่งไปกลับมา ตระกูลสำนักทั้งหลายก็ได้รับดอกผลที่ไม่น้อยเลย
สงครามดูเหมือนจะสิ้นสุดลงแล้ว ทว่ากลับเป็นเพียงความสงบชั่วขณะเท่านั้น
ภายในหุบเขาอสูรฟ้า ทูตเพ้าขาวเสกหยกแขวนออกมาหนึ่งชิ้น เห็นเพียงบนหยกแขวนดังกล่าวมีรัศมีเทวลอยวนเวียนเป็นเกลียวขึ้นไป ก่อนจะผนึกรวมกันเป็นเงาลวงของมนุษย์ร่างหนึ่ง
ซึ่งเจ้าของเงาลวงดังกล่าวก็คือเจ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงนั่นเอง!
“แดนบรรพกาลจะเปิดออกแล้ว การปฏิบัติการในครั้งนี้ ฝั่งจ่างเทียนตี้จักเป็นผู้นำหลัก เจ้ารับผิดชอบนำพาผู้คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาการ มุ่งหน้าไปรวมตัวกับผู้คนในจ่างเทียนตี้ที่จุดนัดพบ”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงออกคำสั่ง
“รับทราบ!”
เมื่อได้รับการยอมรับจากเจ้าศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวง นี่จึงทำให้ทูตเพ้าขาวยืนยันแล้วว่าข่าวคราวที่ส่งมาจากฝั่งจ่างเทียนตี้เป็นความจริงจริง ๆ
“ว่าอย่างไรนะ? จะไปแดนบรรพกาล?”
เมื่อผู้คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาทูตเพ้าขาวทราบว่าจะไปแดนบรรพกาล ผู้ที่มีปฏิกิริยาใหญ่โตที่สุดย่อมต้องเป็นจ้าวปีศาจเสวียนหยิน จ้าวปีศาจเทียนหยางแล้วก็บรรพอาจารย์ชนเผ่าเฉว่ซ่าอยู่แล้ว
สามารถพูดได้เลยว่าแดนบรรพกาลเป็นสถานที่ที่ลึกลับที่สุดในโลกร้าง แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ก็ทำได้เพียงวนเวียนอยู่บริเวณรอบนอกแดนบรรพกาล ยิ่งกว่านั้นคือแม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งก็ไม่กล้าย่างกรายเข้าไปภายในง่าย ๆ
“ไยจึงต้องไปแดนบรรพกาล?”
สีหน้าของผู้สูงส่งอัมพรเทวก็เปลี่ยนไปอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน ครั้นเมื่อเขายังเป็นผู้สูงส่งโลกร้าง เคยฝ่าฟันเข้าไปในแดนบรรพกาลหลายครั้งด้วยผลการฝึกตนผู้แกร่งเลิศ ซึ่งมีอยู่สองครั้งที่เขาเกือบเสียชีวิตอยู่ภายใน!
ลองคิดดูว่าแม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับผู้แกร่งเลิศยังเกือบเสียชีวิตอยู่ภายในเลย แล้วภายในแดนบรรพกาลจักอันตรายมากเพียงใด?
“ขณะที่แดนบรรพกาลยังไม่เปิดออก มันย่อมต้องอันตรายอย่างยิ่งอยู่แล้ว ทว่าทันทีที่เปิดออก อันตรายที่อยู่ภายในก็จะลดน้อยลงเยอะมาก ๆ”ทูตเพ้าขาวกล่าวเช่นนี้
“หมายความว่าอย่างไร?”พวกผู้สูงส่งอัมพรเทวต่างแสดงสีหน้ารู้สึกสงสัย
“ความหมายนั้นง่ายมาก ๆ แม้นอดีตพวกเจ้าจะเคยฝ่าฟันเข้าไปในแดนบรรพกาล แต่เนื่องจากขณะที่พวกเจ้าเข้าไป แดนบรรพกาลไม่ได้เปิดออกเองโดยธรรมชาติ ส่วนปัจจุบันเราจักมุ่งหน้าไปยังแดนบรรพกาลเพราะปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งครั้งนี้แดนบรรพกาลได้เปิดออกเองโดยธรรมชาติ”
“ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าต้องรอกี่ปีแดนบรรพกาลถึงจะเปิดออกหนึ่งหน แต่ทว่าทุกครั้งที่แดนบรรพกาลใกล้จะเปิดออก ผู้มีศักยภาพต้องได้รับโอกาสดี ๆ อย่างแน่นอน”
ทูตเพ้าขาวอมยิ้ม “ยกตัวอย่างเช่นผู้สูงส่งรุ่นก่อนในโลกร้างของพวกเจ้า มหาเทพเสินหวงนั่นก็เข้าไปภายในแดนบรรพกาลเมื่อครั้งล่าสุดที่ผ่านมาเช่นกัน อีกทั้งนำดินแดนเก่าในยุคไท่ชูออกมาจากภายในหนึ่งผืน มาตรแม้นว่าหลังจากเขาดับสลายสูญสิ้นไปแล้ว ตระกูลเทียนฮวงอาศัยโชคจากแผ่นดินเก่าไท่ชู จนตั้งตระหง่านมาจนถึงปัจจุบัน มีการถ่ายทอดสืบสานที่ยาวนาน”
“สำหรับผู้แข็งแกร่งที่อยู่ต่ำกว่ามกุฎเต๋าแล้ว ภายในแดนบรรพกาลล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยโชคโอกาสที่ยิ่งใหญ่ มากไปกว่านั้นคือแม้แต่โอกาสในการบรรลุผลบนวิถีเซียน ก็ใช่ว่าจะไม่มีในแดนบรรพกาลเสมอไป!”
หลังจากพูดคำพูดดังกล่าวออกมา พวกจ้าวปีศาจเทียนหยาง ผู้สูงส่งอัมพรเทวก็ต่างรู้สึกช็อกทันที
โอกาสในการบรรลุเป็นเซียน? นั่นต้องเป็นโชคที่ล้ำเลิศมากเพียงใดกันนะ!
……
ณ สถานบรรพบุรุษชนเผ่าฮวง
“แดนบรรพกาลจะเปิดออกแล้ว เจ้ามีแผนการอย่างไรบ้าง?”มกุฎเต๋าหวูจี๋มองไปทางบรรพจารย์ฮวง
“แค่ขั้นที่หนึ่งของแดนปริศนาไท่ชูเอง ไม่มีค่าพอที่จะให้ความสนใจมากเท่าไหร่นัก”บรรพจารย์ฮวงส่ายหน้า “มีประมุขเต๋าคนหนึ่งคอยคุ้มกันรักษาก็เพียงพอแล้ว นอกเสียจากแดนปริศนาขั้นที่สามเปิดออก ถึงจะมีสิทธิ์ให้เจ้าและข้าลงมือ”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ก็มีเงาร่างที่สูงใหญ่ร่างหนึ่งปรากฏหน้าประตูใหญ่วิหารบรรพจารย์ คนดังกล่าวชันเข่าข้างหนึ่งลงไปกับพื้นแล้วพูดอย่างเคารพนอบน้อม
“ฮวงโหว เจ้าเดินทางไปเมืองต้าฮวงโบราณเที่ยวหนึ่ง ขั้นแรกของแดนบรรพกาลที่จะเปิดออกในครั้งนี้ เจ้าเป็นผู้ไปคุ้มกันรักษาก็แล้วกัน”น้ำเสียงที่ผ่อนคลายของบรรพจารย์ฮวงดังขึ้น
“ขอรับ บรรพจารย์!”
ฮวงโหวตอบตกลงคำหนึ่ง ก่อนจะลุกตัวขึ้นแล้วก้าวเท้ายาวออกจากที่นี่
ในขณะเดียวกัน เมืองต้าฮวงกำลังให้รางวัลตอบแทนตามผลงานรายบุคคลอยู่ ครั้งนี้ได้โค่นล้มแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจและชนเผ่าเฉว่ซ่าของหุบเขาอสูรฟ้า จึงค้นและรีดไถทรัพยากรสมบัติจำนวนมากได้จากอาณาบริเวณที่กองกำลังระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองนั่นยึดครอง
เมืองต้าฮวงโบราณย่อมไม่มีทางกลืนกินทรัพยากรสมบัติเหล่านี้คนเดียวอยู่แล้ว ตระกูลเทียนฮวง อาณากระบี่หวูจี๋รวมไปถึงตระกูลสำนักทั้งหลายก็ต้องได้รับผลประโยชน์ร่วมกันเช่นกัน
และในเวลานี้เอง ก็มีพลังอำนาจอันน่าสยดสยองที่ลึกซึ้งจนไม่อาจคาดเดาได้จุติลงมากะทันหัน ทำการแผ่คลุมทั้งเมืองต้าฮวงโบราณเอาไว้!
วินาทีนี้ ราวกับธรรมในฟ้าดินสั่นสะเทือนจนเสียงดังเลื่อนลั่น ภายใต้การกดอัดจากพลังอำนาจดังกล่าว ทุกคนล้วนสัมผัสได้ถึงความต่ำต้อยและความเล็กน้อยของตัวเอง เหมือนเผชิญหน้ากับทั้งฟ้าดินยังไงอย่างนั้น
ประมุขเต๋าฮวงโหวที่ร่างกายสูงใหญ่จุติลงมายังตำหนักหลักของตำหนักหลักเมืองโดยตรง เมื่อเขาปรากฏ พวกเจ้าเมืองต้าฮวงก็ต่างพากันลุกขึ้นยืน
“บรรพอาจารย์!”ผู้สูงส่งทั้งหกที่กำเนิดจากชนเผ่าฮวง รวมไปถึงเจ้าเมืองต้าฮวงต่างพากันคุกเข่าลงพื้น ทำท่าคารวะอย่างเคารพนอบน้อม
มีเพียงผู้สูงส่งเทียนฮวงที่แววตาเหม่อลอย ยังไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอะไรยังไง
แต่ทว่าดูจากพลังอำนาจขณะบรรพอาจารย์ท่านนี้มาเยือน รวมไปถึงลักษณะท่าทีที่เคารพนอบน้อมสุดฤทธิ์ของพวกเจ้าเมืองต้าฮวง หรือจะเป็นประมุขเต๋า?
หลัวซิวก็รู้สึกตะลึงเล็กน้อยเช่นกัน นี่เป็นครั้งที่สามที่เขาสัมผัสพลังอำนาจของผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าได้อย่างแท้จริง ครั้งหนึ่งคือครั้นเผชิญหน้ากับประมุขเต๋าเฟิงเทียนในดินแดนนอกนภา ส่วนอีกครั้งหนึ่งคือพลังออร่าของประมุขเต๋าเยว่เทียนที่สัมผัสได้จากวังดับฟ้าแห่งสรรพมหาโลกา
“ทุกท่าน นี่คือบรรพอาจารย์แห่งชนเผ่าฮวงของข้า ประมุขเต๋าฮวงโหว!”
ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุล้วนไม่ทราบความเป็นมาของประมุขเต๋าฮวงโหว ดังนั้นเจ้าเมืองต้าฮวงจึงลุกขึ้นยืนแล้วอธิบายกับทุกคน
ใช่ประมุขเต๋าจริง ๆ ด้วย!
“กราบคารวะประมุขเต๋า!”
ทุกคนที่อยู่ในตำหนักหลักล้วนพากันคารวะอย่างเคารพนอบน้อม บางคนประหวั่นพรั่นพรึงต่ออำนาจแห่งประมุขเต๋า จึงคารวะโดยการคุกเข่ากราบ และมีผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่ตัวธรรมหนักแน่น จึงแค่คารวะโดยการประสานมือก้มคำนับ
ซึ่งหลัวซิวก็คือคนประเภทที่สอง
สาเหตุพวกเจ้าเมืองต้าฮวงคุกเข่ากราบนั้นเป็นเพราะประมุขเต๋าฮวงโหวคือบรรพอาจารย์ของพวกเขา ซึ่งกำเนิดจากชนเผ่าเดียวกัน
แต่ทว่าสำหรับหลัวซิวแล้ว ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นประมุขเต๋า เขาก็จะไม่คุกเข่ากราบเช่นกัน ในโลกหล้านี้ ผู้ที่มีคุณสมบัติให้เขาคุกเข่ากราบได้ มีเพียงอาจารย์ของเขามกุฎเต๋าหวูจี๋
ไม่ว่าอย่างไรภายในส่วนลึกจิตใจของหลัวซิวก็เคารพอาจารย์ท่านนั้นของตัวเองมาก ๆ
ประมุขเต๋าฮวงโหวไม่ได้ใส่ใจพิธีประเพณีของชาวบ้านทั่วไปมากเท่าไหร่นัก เห็นเพียงเจ้าเมืองต้าฮวงถอยลงมาจากที่นั่งหลัก เขาย่างเท้าเดินลงมาพลางโบกมือพลางพูด: “ทุกท่านมิต้องพิธีรีตองมากหรอก”
จากการที่ประมุขเต๋าฮวงโหวเอ่ยปากพูด ทุกคนถึงจะพากันลุกขึ้นยืน แล้วนั่งลงบนที่นั่งของตัวเอง
ประมุขเต๋าฮวงโหวไม่ได้เก็บพลังอำนาจบนตัวกลับเข้าร่างแต่อย่างใด บนใบหน้าของทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุล้วนเปี่ยมล้นไปด้วยความเคารพยำเกรงที่ลึกซึ้ง
“ข้าว่าทุกท่านคงจะสงสัยมากสินะว่าเหตุใดข้าจึงมาที่นี่”จู่ ๆ ประมุขเต๋าฮวงโหวก็เอ่ยปากพูด
ซึ่งมันก็จริงอย่างที่เขาว่า ไม่เพียงหลัวซิวเท่านั้น ผู้แข็งแกร่งอย่างเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนฮวง รวมไปถึงผู้แข็งแกร่งจากตระกูลสำนักทั้งหลายก็ต่างรู้สึกสงสัยมากเช่นกัน ก่อนหน้านี้ขณะทำสงครามกับหุบเขาอสูรฟ้า ประมุขเต๋าท่านนี้ไม่ได้ปรากฏแต่อย่างใด วินาทีนี้เขากลับปรากฏตัวกะทันหัน จึงไม่มีผู้ใดทราบอยู่แล้วว่ามันเป็นเพราะเหตุใดกันแน่
“เพราะแดนบรรพกาลจะเปิดออกแล้ว”ประมุขเต๋าฮวงโหวค่อย ๆ ตอบกลับอย่างไม่รีบไม่ร้อน
แดนบรรพกาล?
ผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์จำนวนมากที่อยู่ในที่เกิดเหตุ มีคนที่แสดงสีหน้าตะลึงงัน ทว่าใบหน้าของผู้คนส่วนมากกลับเต็มไปด้วยความสับสน งุนงงและไม่เข้าใจมากกว่า
คนที่ทราบเรื่องราวของแดนบรรพกาลมีเยอะมาก ทว่าจำนวนคนที่ทราบความลับที่ซ่อนอยู่ภายในกลับมีน้อยมากถึงมากที่สุดเลย
สำหรับจอมยุทธ์ทั้งหลายที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ขอแค่พูดถึงแดนบรรพกาล คำแรกที่ผู้คนจะนึกถึงก็คืออันตราย!
“ปกติหากแดนบรรพกาลไม่เปิดออก แม้แต่ผู้สูงส่งประมุขเต๋าบุกเข้าไปแล้วก็ต้องได้ตายอย่างแน่นอน ทว่าหากอยู่ในสภาวะที่เปิดออกแล้ว เช่นนั้นความอันตรายที่ซุกซ่อนอยู่ในแดนบรรพกาลก็จะลดลงไปไม่น้อยเลย”
“ซึ่งการเปิดออกของแดนบรรพกาลก็มาพร้อมกับโชคโอกาสเช่นกัน หรือของขลังอาวุธเทพที่ทรงพลัง ไม่ก็สมุนไพรเพิ่มพลังที่ล้ำค่า และมีโอกาสมีการถ่ายทอดสืบสานของผู้แข็งแกร่งโบราณคงอยู่อีกด้วย”
“หากอยู่ในช่วงอดีตก็แล้วไป ทว่าปัจจุบันศึกสงครามมหันตภัยแห่งพื้นโลกดาราทั้งสามสามารถปะทุได้ตลอดเวลา ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ การเปิดออกของแดนบรรพกาลจึงมีความสำคัญมากอย่างเห็นได้ชัด”
“ด้วยเหตุนี้ข้าจึงปฏิบัติตามคำสั่งของบรรพจารย์ฮวง จักนำพาพวกเจ้ามุ่งหน้าไปยังแดนบรรพกาล!”ประมุขเต๋าฮวงโหวตรงไปตรงมามาก ๆ ถ่ายทอดสิ่งที่ตนจะสื่อออกมาโดยไม่มีความลังเลใจเลยแม้แต่น้อย
“บรรพจารย์ฮวง?”
“บรรพจารย์ฮวงยังมีชีวิตอยู่หรือ?”
“……”
คนจำนวนไม่น้อยต่างแสดงสีหน้าแปลกใจ เนื่องจากตำนานเล่าขานกันว่าหลังจากบรรพโบราณทั้งแปดบุกเบิกโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดแล้ว พวกเขาก็หายเข้าไปในกลีบเมฆ ดูเหมือนจะดับสลายสูญสิ้นไปแล้ว
ปัจจุบันกลับได้ยินประมุขเต๋าฮวงโหวพูดเองก็ปากเลยว่าปฏิบัติตามคำสั่งของบรรพจารย์ฮวง ซึ่งนี่ก็หมายความว่าบรรพจารย์ฮวงยังมีชีวิตอยู่มิใช่หรือ?
เช่นนั้นในเมื่อบรรพจารย์ฮวงยังมีชีวิตอยู่ แล้วบรรพสวรรค์ บรรพจารย์ดิน บรรพจารย์เสวียน บรรพจารย์เหลือง บรรพจารย์จักรวาล บรรพจารย์จักรภพและบรรพจารย์ล้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
ประมุขเต๋าฮวงโหวอมยิ้ม เขาไม่ได้อธิบายในเรื่องนี้แต่อย่างใด เขาแค่มีหน้าที่ถ่ายทอดข้อมูลให้ผู้คนในโลกหล้าว่าผู้บุกเบิกยังมีชีวิตอยู่ และมีเพียงทำให้ผู้คนในโลกทราบว่าเหล่าผู้บุกเบิกยังมีชีวิตอยู่ ถึงจะสามารถทำให้เหล่าผู้คนในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดมีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อเผชิญหน้ากับมหันตภัยแห่งยุค
ผู้ที่ไม่เคยผ่านพ้นมหันตภัยแห่งยุคต้าเหยียนไม่มีทางรู้ได้เลยว่าทันทีที่มหันตภัยปะทุ คู่ต่อสู้ที่โลกมหาศักดิ์ทั้งแปดต้องเผชิญหน้าด้วยน่าสยดสยองและแข็งแกร่งมากเพียงใด
ภายใต้คำสั่งของประมุขเต๋าฮวงโหว กองทัพใหญ่ทั้งหลายจึงรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ต่อมาเมืองต้าฮวงโบราณก็ทะลวงฟ้า บินตรงไปยังแดนบรรพกาล
ทั้งจักรวาลถูกแบ่งออกเป็นสามห้วงดาราใหญ่ โดยแยกออกเป็นโลกาฟ้าดินหลิงหลง โลกาเทพมังกรไท่ชูรวมไปถึงอัญโลกาแปดทิศ
ส่วนอัญโลกาแปดทิศก็คือชื่อดั้งเดิมของโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด สาเหตุที่ชื่ออัญโลกาแปดทิศนั้น ย่อมต้องเป็นเพราะมีอัญมณีดั้งเดิมแปดชิ้นถูกหล่อเลี้ยงออกมาในห้วงดาราแห่งนี้อยู่แล้ว
อดีตอัญโลกาแปดทิศเป็นอันหนึ่งเดียวกัน ทว่าเนื่องจากมหันตภัยในยุคต้าเหยียน ทำให้อัญโลกาแปดทิศถูกโจมตีจนแตกสลาย และโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดที่บรรพโบราณทั้งแปดบุกเบิกก็ยึดครองห้วงดาราส่วนมาก แต่ก็ยังมีห้วงดาราบางจุดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเกณฑ์ฟ้าดินที่พังทลาย
ยกตัวอย่างเช่นมหาโลกาพันสามและโลกาดาราที่นับไม่ถ้วน ซึ่งห้วงดาราเหล่านี้ล้วนมีเกณฑ์ฟ้าดินที่ไม่สมบูรณ์แบบ และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็มีผลพวงมาจากมหันตภัยในยุคต้าเหยียน
ห้วงดาราที่โลกร้างคงอยู่มีแผ่นดินใหญ่ของโลกร้างเป็นจุดศูนย์กลาง บริเวณรอบ ๆ มีโลกาดาราที่นับไม่ถ้วนโอบล้อม
ยืนอยู่บนกำแพงเมืองของเมืองต้าฮวงโบราณ หลังจากบินเข้าไปในห้วงดารา เมื่อหันหน้ากลับไปก็จะสามารถมองเห็นแผ่นดินใหญ่ของทั้งโลกร้าง ลักษณะรูปร่างของแผ่นดินใหญ่โลกร้างดูแล้วเหมือนหอคอยฮวงที่ตั้งตรงอยู่ในห้วงดารา
เมื่อเบิ่งมองออกไปไกล ๆ สามารถมองเห็นโลกท่วมท้นหรือโลกล้นที่อยู่ติดกับโลกร้าง ลักษณะรูปร่างของแผ่นดินใหญ่ของโลกล้น ดูเหมือนเตาอหังการฟ้าดินหนึ่งเตา
“ใช่อย่างที่คาดการณ์เอาไว้จริง ๆ ด้วย บรรพโบราณทั้งแปดในยุคต้าเหยียนอาศัยอัญมณีดั้งเดิมทั้งแปดชิ้น ถึงจะบุกเบิกโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดออกมาได้จริง ๆ”
ในฐานะที่เป็นเจ้าของหอคอยฮวง หลัวซิวสามารถสัมผัสได้อยู่ว่าหอคอยฮวงมีความสัมพันธ์บางอย่างต่อแผ่นดินใหญ่ของโลกร้างที่อยู่ด้านล่างลาง ๆ