มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2904
ประตูแห่งแสงดาวเปิดออกแล้ว!
หลังจากใช้เวลาผนึกรวมกันมานานสองปี ประตูที่เก่าแก่บานหนึ่งก็ปรากฏกลางกลุ่มดาวระลอกคลื่น
และในขณะเดียวกัน การโคจรของกลุ่มดาวระลอกคลื่นก็หยุดลงเช่นกัน ประตูบานดังกล่าวเปิดออก ก่อนจะมีรัศมีที่ไร้ขอบเขตแย้มบานออกมา แวววาวจับตา ราวกับพระอาทิตย์ดวงหนึ่ง
รัศมีที่ไร้ขอบเขตแผ่ขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง ส่องสว่างทั้งจักรวาลที่มืดหมดแล้วหนาวเย็น และดึงดูดสายตาฝั่งเมืองต้าฮวงโบราณและเมืองหวูยวน
“ถ่ายทอดคำสั่งของข้า……”
ประมุขเต๋าฮวงโหวรีบออกคำสั่งทันที เรือรบอสูรร้างทั้งหลายต่างบินออกมาจากเมืองต้าฮวงโบราณ จากนั้นก็มีเงาร่างมนุษย์ที่ถี่ยิบและผู้ที่ควบคุมของขลังโบยบินจำนวนมากผันร่างเป็นแสงกล พุ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน ฝั่งเมืองหวูยวนก็มีการเคลื่อนไหวในทันทีเช่นกัน หุ่นเชิดมังกรอสูรเปิดทาง เป้าหมายของทุกคนล้วนผนึกไปที่ประตูแสงดาวนั่น
ทันทีที่ทั้งสองฝ่ายมาถึง ก็ต่างส่งผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อออกมาบนสนามรบทันที หลัวซิวเบิ่งมองออกไปไกล ๆ ก่อนจะมองเห็นจ้าวปีศาจเสวียนหยิน จ้าวปีศาจเทียนหยาง รวมไปถึงบรรพอาจารย์คนนั้นของชนเผ่าเฉว่ซ่าในขบวนของฝ่ายตรงข้าม
แต่ทว่าผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งไม่ได้ออกรบแต่อย่างใด อย่างไรเสียแดนบรรพกาลก็เพิ่งเปิดออก ซึ่งมีเพียงเขตบริเวณรอบนอกเท่านั้นที่ระดับความอันตรายมีการลดลง แม้นโชคโอกาสที่อยู่บริเวณรอบนอกจะมีไม่น้อยเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นคือมีโอกาสส่งผลดีต่อผู้สูงส่งอย่างยิ่งด้วย ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับความอันตรายที่ต้องเผชิญด้วยแล้ว มันกลับได้ไม่คุ้มเสียสักเท่าไหร่
อันที่จริงประโยชน์หลักของประมุขเต๋าฮวงโหวและประมุขเต๋าหวูยวนที่อยู่ในนี้หลัก ๆ คือการข่มขวัญ เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามลงมือสังหารจอมยุทธ์แดนต่ำอย่างอุกอาจ แล้วทำให้พลังของฝ่ายตัวเองลดทอนลงไป
หลัวซิวย่อมต้องเข้าร่วมการปฏิบัติการในครั้งนี้อยู่แล้ว และเขาก็ทราบความอันตรายที่ซ่อนอยู่ในแดนบรรพกาลเช่นกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับความอันตรายแล้ว สิ่งที่เขาใส่ใจมากกว่าคือตนจะได้รับโชคและโอกาสระดับใด เขาจำเป็นต้องทำให้ผลการฝึกตนของตัวเองยกระดับขึ้นไปถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ อย่างน้อยสุดก็ต้องบรรลุถึงจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อขั้นสูง
จากการที่ยิ่งอยู่ยิ่งประชิดใกล้ประตูแห่งแสงดาว กองทัพใหญ่ของทั้งสองฝ่ายใกล้ไหลมารวมกันแล้ว และทันทีที่ทั้งสองฝ่ายไหลมารวมตัวกัน เช่นนั้นการเข่นฆ่าระหว่างทั้งสองฝ่ายก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อย่างแน่นอน
“ฆ่า!”
“ฆ่าพวกมันซะ!”
“……”
ศึกสงครามที่ยิ่งใหญ่ได้ปะทุขึ้นในทันที เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวที่นับไม่ถ้วนดังก้องไปทั้งห้วงดารา เหล่าผู้แข็งแกร่งที่ฝึกตนมาเป็นล้านปีต่างปลดปล่อยรัศมีที่แวววาวที่สุดในชีวิตออกมา ต่อสู้อยู่บนสนามรบอย่างองอาจกล้าหาญ
บางทีถ้าเกิดไม่มีสงครามเช่นนี้ จากอายุขัยของพวกเขาสามารถคงอยู่ได้เป็นร้อยล้านปีเลย แต่ว่าเมื่อมหันตภัยแห่งความเป็นความตายของทั้งห้วงดารากำลังจะมาเยือน จึงไม่อาจมีผู้ใดหลบเลี่ยงได้เลย มีเพียงทำสงครามกันครั้งหนึ่ง ถึงจะมีโอกาสกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามได้โดยสิ้นเชิง!
“โครมคราม……”
อนัตตาแตกสลายอย่างต่อเนื่อง กองทัพใหญ่ของทั้งสองฝ่ายราวกับเหล็กกล้าที่ซัดกระหน่ำเข้าด้วยกันดั่งกระแสน้ำ รัศมีจากพลังอมตะของขลังที่นับไม่ถ้วนระเบิด
พลังออร่าของผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อทั้งหลายซัดสาด กงล้อเทพทั้งหลายที่สูงหลายพันเมตรลอยอยู่กลางอนัตตา พลานุภาพของกงล้อเทพทุกวงล้วนน่าสยดสยองอย่างยิ่ง อำนาจมโหฬารพันลึก
“นี่ก็คือสงคราม เมื่อจำนวนผู้แข็งแกร่งอย่างมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อมีมากถึงระดับที่แน่นอน แม้แต่ข้าเองก็ต้องถดถอย”
ในเมืองหวูยวน สายตาของประมุขเต๋าหวูยวนเบิ่งมองไปทางสนามรบ แล้วพูดด้วยความรู้สึกที่ทอดถอนใจเล็กน้อย
“โดยเฉพาะอนุกรมผู้สูงส่ง ยิ่งกว่านั้นคือผู้แกร่งเลิศขั้นสูงบางคนมีศักยภาพที่ไม่ด้อยกว่าประมุขเต๋าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของประมุขเต๋าหวูยวน เหล่าผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่งที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาก็ล้วนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ช่วงระยะความต่างของหนึ่งแดนใหญ่ เป็นสิ่งที่สามารถทดแทนได้ด้วยจำนวนจริง ๆ หรือ?
มิหนำซ้ำการที่สามารถใช้ผลการฝึกตนผู้แกร่งเลิศต่อกรกับประมุขเต๋าได้นั้น ในโลกใบนี้มีคนประเภทนั้นคงอยู่จริง ๆ หรือ?
ในจำนวนคนทั้งหมดนี้ ผู้สูงส่งอัมพรเทวเป็นผู้ที่เข้าใจความรู้สึกนี้ดีที่สุดแล้ว เดิมทีเขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งอนุกรมผู้สูงส่งนี่แหละ แต่กลับเข้าใจดีอย่างลึกซึ้งเลยว่าตนที่อยู่ในสภาวะเฟื่องฟูที่สุดเป็นอย่างไร คาดว่าก็คงต้านทานการกดอัดด้วยนิ้วมือเดียวของผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าไม่ได้
ประมุขเต๋าหวูยวนไม่ได้อธิบายแต่อย่างใด อ้างอิงจากข่าวกรองที่จ่างเทียนตี้ยึดกุม ในบรรดาศิษย์เต็มตัวของมกุฎเต๋าหวูจี๋ ก็มีผู้ที่มีศักยภาพอย่างที่กล่าวมาข้างต้นนี่แหละ
ในฐานะที่เป็นประมุขเต๋า กาลเวลาที่หวูยวนคงอยู่มานั้นยาวนานเพียงพออย่างแน่นอน เขาจำได้ดีมาก ๆ ว่าในยุคสมัยที่ไกลโพ้นอย่างยิ่ง ก็คือศิษย์เต็มตัวคนนั้นของมกุฎเต๋าหวูจี๋นี่แหละที่ลงมือสังหารประมุขเต๋าคนหนึ่ง!
ก่อนตายประมุขเต๋าคนนั้นได้หลบหนีเข้าไปในหอคอยนภากาศ แต่ทว่าผู้ที่เห็นภาพเหตุการณ์ในครั้นนั้น ล้วนทราบกันดีว่าประมุขเต๋าที่บาดเจ็บสาหัสนั่นต้องไม่รอดแน่นอน
ซึ่งประมุขเต๋าที่ถูกศิษย์ของมกุฎเต๋าหวูจี๋สังหารนั่นก็คือประมุขเต๋าคงกระพัน!
แม้นจะขึ้นชื่อว่าคงกระพัน แต่สุดท้ายก็ถูกสังหารอยู่ดี ยิ่งกว่านั้นคือผู้ที่สังหารเขาไม่ใช่ประมุขเต๋าที่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่เป็นเพียงผู้แกร่งเลิศคนหนึ่งเท่านั้น!
“หวูยวน!”
จู่ ๆ ก็มีเสียงเสียงหนึ่งสะท้อนมา เห็นเพียงเงาร่างของประมุขเต๋าฮวงโหวปรากฏบนกำแพงเมืองของเมืองต้าฮวงโบราณ ภายในแววตามีจิตสังหารที่ไม่มีการปิดบังปนอยู่ด้วย แล้วผนึกมาทางประมุขเต๋าหวูยวน
“ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดจ่างเทียนตี้จึงต้องร่วมมือกับสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงและเผ่ามังกรไท่ชู พวกเจ้าคิดว่าหากเผ่าตระกูลโบราณทั้งแปดของเราพ่ายแพ้ไปแล้ว สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงและเผ่ามังกรไท่ชูก็จะปล่อยให้พวกเจ้ามีชีวิตรอดต่อไปอย่างนั้นหรือ?”ประมุขเต๋าฮวงโหวพูดกระแทกเสียงต่ำ
“คำถามนี้ของเจ้าตอบยากมาก ข้าก็แค่ปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ท่านเท่านั้นแหละ”ประมุขเต๋าหวูยวนตอบกลับอย่างเย็นชา
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ระหว่างเจ้าและข้าคงต้องประมือกันหน่อยแล้วล่ะ ในฐานะที่เจ้าเป็นประมุขเต๋า บางทีวันนี้อาจเป็นวันที่เจ้าได้สูญเสียชีวิตที่เป็นอมตะ แล้วนอนหลับใหลอยู่ในห้วงดาราที่มืดมนและเย็นเยือกนี้”ประมุขเต๋าฮวงโหวหกระเหินเดินฟ้า จิตสังหารเข้มข้นมากยิ่งขึ้น!
“สังหารข้า?”ประมุขเต๋าหวูยวนแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น “ฮวงโหวเอ๊ยฮวงโหว เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว ถ้าเกิดผู้บุกเบิกของชนเผ่าฮวงพวกเจ้ามาเยือนด้วยตนเอง ข้าย่อมต้องอ่อนข้อและหลบเลี่ยงให้อยู่แล้ว ทว่าเจ้ายังอ่อนไปหน่อย”
“จักรวาลที่กว้างใหญ่เป็นเอกภพ หลังจากแตกแยกกันมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันก็ถึงยุคสมัยของการรวมดินแดนแล้วล่ะ”
สีหน้าอารมณ์ของประมุขเต๋าหวูยวนเย็นชา ก่อนจะตอบกลับด้วยการถากถางเล็กน้อย “มหันตภัยแห่งต้าเหยียนเมื่อคราวก่อน หากไม่ใช่เพราะอัษฎบรรพดั้งเดิมใช้ร่างผันโลกาฝืนบรรลุถึงแดนมกุฎเต๋า ห้วงดาราแห่งนี้คงไม่คงอยู่มาตั้งแต่ยุคสมัยนั้นแล้ว”
“บรรพบุรุษของเรามุมานะอย่างทรหด อดทนมายาวนานเช่นนี้ ซึ่งสิ่งที่รอคอยก็คือวันนี้……”
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ประมุขเต๋าฮวงโหวก็หรี่ตาลง “ข้าคิดว่าข้าพอจะเดาได้แล้วล่ะว่าพระองค์ที่เจ้าหมายถึงคือผู้ใด”
ประมุขเต๋าหวูยวนผงะ ก่อนจะตอบสนองกลับมาได้ทันทีว่าเมื่อครู่ตัวเองปากมากไปหน่อย ทว่าเขาก็ไม่ได้ใส่ใจเช่นกัน ยังไงไม่เร็วก็ช้าตัวตนของพระองค์ก็จะถูกค้นพบอยู่ดี มิหนำซ้ำฮวงโหวก็แค่คาดเดาเท่านั้น
สมมุติเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ต่อให้เขาคาดเดาถูกแล้วอย่างไร? พระองค์เป็นหนึ่งในคนที่ตั้งตระหง่านอยู่บนจุดสูงสุดของทั้งจักรวาลเชียวนะ!
……
ในระหว่างที่หกระเหินเดินฟ้าอยู่ในห้วงดารา ข้างกายหลัวซิวล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ
ครั้นเมื่ออยู่บนสนามรบแห่งหุบเขาอสูรฟ้า ผลการฝึกตนของหลัวซิวบรรลุ ต่อมาก็แสดงกำลังรบระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อออกมา ด้วยเหตุนี้เขาก็ต้องไปต่อสู้กับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อของฝ่ายตรงข้ามอยู่แล้ว
“ตู้มม!”
กองทัพใหญ่ของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรง เงาร่างของหลัวซิวหายวับไปภายในพริบตา โคจรเกณฑ์ปริภูมิและความเร็วโดยตรง ระดับความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขารวดเร็วถึงขั้นที่แม้แต่ตัวสำนึกยังยากที่จะจับได้
“ช่างเป็นความเร็วที่รวดเร็วยิ่งนัก ทุกคนระวังด้วย!”
คนฝั่งเมืองหวูยวนต้องจำหลัวซิวได้อยู่แล้ว อีกทั้งอ้างอิงจากข่าวคราวที่ทูตเพ้าขาวนำมา พวกเขาก็พอจะเข้าใจศักยภาพของหลัวซิวนี่แล้ว
“ไปตายซะเถอะ!”
ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งของเผ่ามังกรไท่ชูคำรามแล้วพุ่งสังหารเข้ามา บนตัวเขามีเกร็ดสีขาวเงินที่ถี่ยิบปรากฏ มีเขามังกรที่เฉียบแหลมคู่หนึ่งงอกออกมาตรงศีรษะ มือทั้งสองข้างกลายเป็นกรงเล็บที่เฉียบคม หางมังกรสีเงินที่ระยิบระยับที่อยู่ด้านหลังกำลังสะบัดไปมา
พลังออร่าของเขาดุดันอย่างยิ่ง มาตรแม้นว่าผลการฝึกตนจะเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นปฐมภูมิ แต่เนื่องจากในตัวมีสายเลือดของเผ่ามังกรไท่ชู พลังออร่าที่ระเบิดออกมาจึงเทียบเท่ามหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อช่วงกลางแล้ว
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น ร่างเนื้อของเผ่ามังกรไท่ชูแข็งแกร่ง พลังก็น่าทึ่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ด้วย
“เผ่ามังกรหรือ?”
หลัวซิวหรี่ตาลง เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าเผ่ามังกรในโลกาเทพมังกรไท่ชูแตกต่างจากเผ่ามังกรในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดโดยสิ้นเชิงเลย
อดีตเขาคิดมาโดยตลอดเลยว่าสายเลือดของเผ่ามังกรตกทอดมาจากอสูรโบราณดาราในยุคไท่ชู กระทั่งต่อมาเขาถึงจะเข้าใจอย่างแท้จริงว่าอสูรโบราณดาราที่กล่าวถึงนั้น อันที่จริงก็แค่ได้สืบทอดพลังสายเลือดที่น้อยนิดของเผ่ามังกรที่แท้จริงเท่านั้นแหละ
ส่วนโลกาเทพมังกรไท่ชูกลับถูกขนานนามว่าเป็นแหล่งกำเนิดของเผ่ามังกร ในจำนวนสายเลือดทั้งหมด สายเลือดที่มีเกียรติสูงที่สุดก็คือโลหิตมังกรไท่ชู!
“ตู้มม!”
เพียงพริบตาเดียว กำปั้นของหลัวซิวก็พุ่งชนเข้ากับกรงเล็บของผู้แข็งแกร่งแห่งเผ่ามังกรไท่ชู
“ช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!”
สีหน้าของผู้แข็งแกร่งเผ่ามังกรไท่ชูเปลี่ยนไปอย่างมาก สัมผัสได้แค่ว่ามีพลังแรงอันมากมายมหาศาลที่ยากจะต้านทานเคลื่อนผ่านกำปั้นตน แล้วม้วนซัดเข้ามาอย่างรุนแรง เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ทำให้ร่างกายเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงไปหลายครั้งมากจนนับไม่ถ้วน กรีดร้องอย่างอนาถ จากนั้นร่างกายก็กระเด็นออกไปโดยตรง
ศักยภาพของหลัวซิวเทียบเท่ามหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นปฐมภูมิที่ศักยภาพค่อนข้างแข็งแกร่งจริง ๆ แต่ถ้าเกิดพูดถึงพลังในการปะทะกันโดยตรงแล้ว เขาที่ฝึกเคล็ดเซียนแปรเก้าถึงแปรที่หกก็แข็งแรงกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อส่วนมากมาก ๆ
“จากศักยภาพของข้า สามารถสังหารมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อได้อย่างง่ายดายเลย แต่ถ้าเกิดจะสังหารมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อกลับไม่ง่ายเช่นนั้นแล้ว พวกที่สามารถฝึกตนขึ้นมาถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อได้นั้น ทุกคนล้วนมีอุบายที่ยอดเยี่ยม”
หลัวซิวไม่ได้พุ่งเข้าไปอย่างบุ่มบ่ามเพราะอยากแสดงศักยภาพ เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่านี่ไม่ใช่การต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง นี่คือสงครามที่ยุ่งเหยิง ขอแค่เขาเกิดความประมาทแม้แต่นิดเดียว ก็มีโอกาสถูกคู่ต่อสู้คนอื่น ๆ หาจังหวะลงมือโจมตีได้
หลัวซิวไม่ได้ไปหาเรื่องคู่ต่อสู้ที่อยู่สูงกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อช่วงกลาง หลังจากเขาโจมตีผู้แข็งแกร่งแห่งเผ่ามังกรไท่ชูคนนั้นจนกระเด็นออกไปแล้ว เขาก็ผนึกเป้าหมายไปที่มหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นปฐมภูมิอีกคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระโจนสังหารเข้าไปภายในเสี้ยววินาที
“ระวัง!”
“ถ่วงเวลามันเอาไว้!”
เพียงพริบตาเดียว ก็มีมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นปฐมภูมิห้าคนปรากฏข้างกายเขาพร้อมกัน พวกเขาเชื่อว่าต่อให้หลัวซิวจะมีกำลังรบที่เทียบเท่ามหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ ทว่าพวกเขาทั้งห้าต่างเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นปฐมภูมิ ก็สามารถต่อกรกับหลัวซิวได้อย่างแน่นอน และยิ่งมีโอกาสสังหารกำจัดเขาทิ้งได้ด้วย!
“เวิ่ง!”
มีรัศมีเทวดวงหนึ่งบินออกมาจากหว่างคิ้วหลัวซิว มีความรู้สึกหวาดผวาปรากฏบนใบหน้ามหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นปฐมภูมิคนหนึ่งที่พุ่งสังหารเข้ามา เมื่อเขาอยากถดถอย แต่กลับไม่ทันแล้ว
เสียงปั้งดังขึ้น เตาอลวนหวูจี๋กดอัดเข้ามา ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นปฐมภูมิคนหนึ่งจึงดับสลายสูญสิ้นคาที่ ไม่เหลือแม้แต่ซากกระดูก
“ศักยภาพของมันแข็งแกร่งเช่นนี้เลยรึ?”
“กระบวนท่าเดียวก็สังหารมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นปฐมภูมิได้แล้ว คงมีเพียงผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อช่วงปลายแล้วถึงจะสามารถต่อกรกับมันได้!”
“ถ่วงเวลามันเอาไว้ ต่อให้ฆ่ามันไม่ตาย ก็ต้องพันธนาการมันเอาไว้”
ในขณะที่หลัวซิวกำลังสังหารคู่ต่อสู้คนหนึ่งอยู่นั้น ข้างกายเขาก็มีผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นปฐมภูมิปรากฏเจ็ดคนแล้ว
อย่างไรก็ตามแม้นจะได้เปรียบเรื่องจำนวนคน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหลัวซิวที่มีอาวุธเทพมหาศักดิ์ชั้นยอดอยู่ในมือ เขาก็ยังกดอัดพลังโจมตีของผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นปฐมภูมิทั้งเจ็ดคนด้วยท่าทีที่องอาจอยู่เช่นเคย กระทืบจนพวกเขาถอยหลังกลับไปอย่างต่อเนื่อง ร้องโอดครวญอย่างไม่หยุดหย่อน
ไม่นานนัก ผู้แข็งแกร่งเผ่ามังกรไท่ชูที่ถูกหลัวซิวโจมตีจนกระเด็นออกไปในเมื่อครู่นี้ก็พุ่งสังหารกลับมา เมื่อมีการเข้าร่วมของเขา ถึงจะสามารถต้านทานพลังโจมตีที่ดุดันของหลัวซิวได้อย่างยากลำบาก
“ท่านชายหลัวดุดันเช่นนี้เลยหรือ?”
“พวกที่อยู่ในอาณากระบี่หวูจี๋ล้วนเป็นพวกปีศาจ เจ้าแดนคือวิปริตคนหนึ่ง เจ้าสำนักน้อยนี่ก็น่าสยดสยองเช่นนี้อีก”
“ได้ยินมาว่าสำนักอัมพรเทวศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกเจ้าแห่งอาณากระบี่ล้มล้างนี่แหละ อดีตเราล้วนคิดว่าผลการฝึกตนของเจ้าแห่งอาณากระบี่สูงสุดก็อยู่ที่มหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นสูง แต่กลับไม่มีผู้ใดคาดถึงเลยว่าเขาจักปกปิดได้แนบเนียนเช่นนี้ บรรลุถึงผู้สูงส่งตั้งนานแล้ว”
เหล่ามหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อที่อยู่ในขบวนของฝั่งเมืองต้าฮวงโบราณมองเห็นภาพฉากบนสนามรบของหลัวซิว แต่ละคนดูทอดถอนใจมาก มีความตะลึงเสี้ยวหนึ่งทะลุออกมาจากแววตา
ต้องท้าวความก่อนว่าแม้หลัวซิวจะเป็นร่างที่ไท่ซ่างผู้สูงส่งกลับชาติมาเกิด แต่ระยะเวลาที่เขาฝึกตนในภพชาตินี้ ก็แค่สองพันกว่าปีเท่านั้น!
แค่หลัวซิวคนเดียวก็ควบคุมคู่ต่อสู้แปดคนได้ นี่จึงทำให้มหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อคนอื่น ๆ ของเมืองต้าฮวงโบราณรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเยอะมาก ๆ สถานการณ์รบของผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อเริ่มค่อย ๆ เอนไปทางเมืองต้าฮวงโบราณแล้ว
“เขาคือหลัวซิวหรือ? บุคคลที่ถูกยกย่องให้เป็นอัจฉริยะวิถีเซียน?”
มีชายหนุ่มที่แววตาโหดเหี้ยมอำมหิตคนหนึ่งปรากฏบนสนามรบ เขาคือคนในสายจ่างเทียนตี้ มีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อช่วงปลาย ซึ่งมีนามว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอ!
“ชัวะ!”
เห็นเพียงเขาผันร่างเป็นแสงทองดวงหนึ่ง ยกมือโบกครั้งหนึ่ง ดวงแสงดาบสีทองดวงหนึ่งจึงจุติลงมาจากฟ้า แล้วเฉือนสับไปทางหลัวซิวอย่างดุดัน
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าวิถีที่มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอนี่ฝึกคือธรรมเวชทอง!