มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 2907 เจ้าตายแน่

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2907 เจ้าตายแน่

มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2907

เหมือนอย่างที่นักสาสน์เต๋าในด่านที่สี่กล่าว ตั้งแต่ที่เข้ามาในสถานสาสน์เต๋าแห่งนี้แล้ว หลัวซิวก็ไม่พบวิธีการใด ๆ ที่สามารถออกไปจากที่นี่ได้เลย

ทั้งสถานสาสน์เต๋าถูกพลังที่แข็งแกร่งพลังหนึ่งปกคลุม ซึ่งการพันธนาการและการผนึกของพลังประเภทนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ผลการฝึกตนของเขาในปัจจุบันสามารถทลายได้อย่างแน่นอน

หลัวซิวไม่ได้รีบเข้าสู่ด่านที่ห้าแต่อย่างใด เขานั่งท่าขัดสมาธิอยู่ด้านหน้าประตูแสงดาว ก่อนจะเข้าสู่สภาวะการฝึกตนอย่างรวดเร็ว

เมื่อนักสาสน์เต๋าในด่านที่สี่เห็นกิริยาท่าทางของเขา ก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน และเขาก็จะไม่จู่โจมหลัวซิวขณะฝึกตนด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือยังมีความชื่นชมทะลุออกมาจากแววตาเล็กน้อย

“เขาฉลาดมาก บางทีหลังจากผ่านไปหลายปี เขาอาจจะได้รับการถ่ายทอดสืบสานของที่นี่จริง ๆ ก็เป็นได้”

นักสาสน์เต๋าด่านสี่พูดในใจ คนที่อยู่ตรงหน้านี้สามารถใช้ผลการฝึกตนจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อโค่นล้มตัวเอง เช่นนั้นหากเขายกระดับผลการฝึกตนของตัวเองให้ขึ้นไปถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อ เช่นนั้นเขาก็น่าจะมีศักยภาพที่สามารถฝ่าด่านห้าได้แล้ว

คอยหลังจากที่เขาผ่านด่านห้า ก็สามารถฝึกตนต่อไปได้ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองมีความมั่นใจที่จะสามารถฝ่าฟันด่านที่หกได้แล้วค่อยก้าวไปข้างหน้าต่อ เมื่อพูดตามหลักทฤษฎี การปฏิบัติอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเช่นนี้มันมีโอกาสผ่านทุกด่านได้จริง ๆ

แน่นอนอยู่แล้วว่าอัตราที่จะทำเช่นนี้สำเร็จมันต่ำมาก ๆ เนื่องจากตลอดกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านพ้นมา อัจฉริยะจำนวนมากที่เคยมาที่นี่ล้วนเคยคิดวิธีการนี้ได้อยู่ แต่การที่จะให้ผลการฝึกตนของตัวเองค่อย ๆ ยกระดับขึ้นไปได้นั้น มันจะทำได้ง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร?

มิหนำซ้ำเมื่ออยู่ในสถานสาสน์เต๋าแห่งนี้ นอกจากได้รับความล้ำลึกส่วนหนึ่งของพลังอมตะหลอมจิตหลังจากผ่านทุก ๆ ด่านแล้ว ก็ไม่ได้รับทรัพยากรการฝึกตนใด ๆ อีกเลย

หลัวซิวเข้าใจดีมาก ๆ ว่าจากศักยภาพ ณ ปัจจุบันของตัวเอง ต่อให้อาศัยพลังของหอคอยฮวงจะทำให้เขาสามารถต่อกรกับผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อได้ แต่กลับยังไม่เพียงพอที่จะสามารถทำให้เขาผ่านด่านห้าไปได้อย่างมั่นใจ

อ้างอิงจากข้อมูลที่เขาได้รับจากนักสาสน์เต๋าในด่านก่อน ๆ นักสาสน์เต๋าที่อยู่ในทุก ๆ ด่านของสถานสาสน์เต๋าล้วนเป็นบุคคลขั้นสุดยอดที่แท้จริงในหนึ่งแดนใหญ่

ผลการฝึกตนในปัจจุบันของหลัวซิวคือจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อช่วงกลาง การที่อยากให้ตัวเองมีกำลังรบที่ไม่ด้อยกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อทั้งปวงนั้น อย่างน้อยก็ต้องยกระดับให้ขึ้นไปถึงแดนจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อขั้นสูงให้ได้ก่อน

ต่อให้บรรลุถึงแดนจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อขั้นสูง กำลังรบขอตัวเขาเองก็ไม่สามารถต่อกรกับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อได้ ก็ยังต้องอาศัยพลังของหอคอยฮวงอยู่ดี

“หลังจากเคล็ดเซียนแปรเก้าบรรลุถึงแปรที่หก ก็เข้าสู่สภาวะตีบตันแล้ว การที่อยากฝึกถึงแปรที่เจ็ดนั้น นอกเสียจากผลการฝึกตนของข้าสามารถบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ”

บนวิถีการฝึกยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นผลการฝึกตน พลังอมตะหรือการตระหนักรู้ในธรรมวิถี แดนยิ่งสูง การยกระดับก็จะทำได้ยิ่งยาก โดยเฉพาะวรยุทธ์กลั่นร่างขั้นสุดยอดที่เป็นทำนองเดียวกันกับเคล็ดเซียนแปรเก้า มาตรแม้นว่าด้วยผลการฝึกตนผู้แกร่งเลิศของตู๋กูเจี้ยนเฉิน ก็ฝึกถึงแดนแปรที่หกเท่านั้นเอง

การที่อยากยกระดับจากแปรที่หกขึ้นไปถึงแปรที่เจ็ดนั้น ไม่เพียงผลการฝึกตนต้องบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ ยังต้องใช้สมุนไพรเพิ่มพลังที่มากดุจมหานที และยาเซียนสมบัติขั้นสุดยอดมาตกตะกอนด้วย

หากฝึกเคล็ดเซียนแปรเก้าขึ้นไปถึงแดนแปรที่เจ็ด เช่นนั้นร่างเนื้อก็จะสามารถต้านทานอาวุธเทพมหาศักดิ์ และสำหรับตู๋กูแล้ว ผลการฝึกตนของตัวเขาเองก็คือผู้แกร่งเลิศตั้งแต่แรกอยู่แล้ว การที่ร่างเนื้อจะสามารถต้านทานอาวุธเทพมหาศักดิ์ได้หรือไม่นั้น มันไม่ค่อยมีความหมายอะไรสำหรับเขาแล้ว

ในขณะที่หลัวซิวหยุดฝึกตนอยู่ในด่านที่สี่อยู่นั้น ไม่นานนัก ก็มีคนอื่นฝ่าฟันขึ้นมาถึงด่านที่สี่เช่นกัน

ผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ที่เดินทางมาสถานสาสน์เต๋าในครั้งนี้ มีมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อไม่น้อย และยิ่งมีมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้ออย่างมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอด้วย

อย่างไรก็ตามผลลัพธ์สุดท้ายกลับไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ นอกจากมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอแล้ว มหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อคนอื่น ๆ ล้วนถูกนักสาสน์เต๋าในด่านที่สี่ใช้พลังอมตะหลอมจิตสังหาร!

แม้นนักสาสน์เต๋าในด่านที่สี่จะแข็งแกร่ง และยิ่งมีกำลังรบที่แทบจะไม่ต่างอะไรจากมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ ทว่าอย่างไรเสียมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอก็เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อช่วงปลาย การข้ามผ่านด่านที่สี่จึงเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปากอยู่แล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้ ภายในพื้นที่ของด่านที่สี่จึงเหลือแค่หลัวซิวและมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอสองคน

ส่วนผู้คนนับแสนที่เดินทางมาถึงสถานสาสน์เต๋าแห่งนี้พร้อมกับพวกเขา คนส่วนมากล้วนไม่มีทางฝ่าฟันขึ้นมาถึงขั้นนี้ได้อีกแล้ว

ซึ่งนี่ก็คือความน่ากลัวของแดนบรรพกาล คนนับแสนถูกส่งเข้ามาที่นี่ แต่กลับมีเพียงหลัวซิวและมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอที่ยังมีชีวิตอยู่ ยิ่งกว่านั้นคือหากพวกเขาทั้งสองไม่สามารถผ่านด่านได้อีกละก็ พวกเขาก็จะตายอยู่ในนี้เหมือนกัน!

“สุดท้ายผู้ที่สามารถมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้ จักมีเพียงข้าผู้เดียวเท่านั้น!”

มีจิตสังหารที่เฉียบคมและดุดันเป็นประกายระยิบระยับอยู่ในแววตามหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอ เขาหกระเหินเดินฟ้า มุ่งหน้าเดินตรงมาทางหลัวซิวที่กำลังนั่งท่าขัดสมาธิอยู่หน้าประตูแสงดาว

“เวิ่งง!”

เห็นเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอง้างมือปล่อยฝ่ามือออกมา บนมือใหญ่สีทองมีพลังเต๋าวนเวียนแล้วครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่

เดิมทีสิ่งที่มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอฝึกคือธรรมเวชทอง และธรรมประเภทนี้แข็งแรงไม่อาจมลาย พลังโจมตีเกะกะระราน

ทว่าเขาที่ฝ่าฟันอยู่ในสถานสาสน์เต๋าก็ได้รับพลังอมตะหลอมจิตเช่นกัน จึงตระหนักความล้ำลึกของธรรมเวชกาลล้นที่แฝงซ่อนอยู่ในพลังอมตะหลอมจิตได้เสี้ยวหนึ่ง อีกทั้งหลอมรวมมันเข้าไปในธรรมเวชทองของตัวเอง จึงทำให้ศักยภาพของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากในทีเดียว!

และนี่ก็เป็นสาเหตุที่เขาลงมืออย่างเด็ดเดี่ยวหลังจากเจอหลัวซิวที่นี่นั่นเอง ก่อนหน้านี้ก่อนที่จะเข้ามาในแดนบรรพกาล หลัวซิวสามารถต่อสู้กับเขาได้ ทว่าบัดนี้ศักยภาพของเขาเพิ่มขึ้นเยอะมาก หลัวซิวต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตัวเองแน่นอน!

มากไปกว่านั้นคือในมุมมองของมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอ สถานสาสน์เต๋านี่ก็คือโชคและโอกาสของเขา หากได้รับพลังอมตะหลอมจิตที่สมบูรณ์ครบถ้วนของที่นี่ เช่นนั้นเขาก็จะเป็นผู้แข็งแกร่งที่ฝึกธรรมดั้งเดิมสองประเภทอย่างล้นและทองพร้อมกัน อนาคตมีความหวังที่จะบรรลุเป็นผู้สูงส่ง ตลอดจนประมุขเต๋า!

“มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอ เจ้าไม่เจียมตัวมากเกินไปแล้ว”

หลัวซิวนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิ ไม่ได้ลุกขึ้นมาแต่อย่างใด เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ณ เสี้ยววินาทีที่มือใหญ่สีทองนั่นร่วงลงมา เตาอลวนหวูจี๋ก็บินลอยขึ้นฟ้า แล้วพุ่งชนเข้ากับมือใหญ่

“อาวุธเทพมหาศักดิ์หรือ? แม้นเจ้าจักเป็นอัจฉริยะวิถีเซียน สามารถข้ามขั้นประลอง ทว่าช่วงระยะความต่างระหว่างเจ้าและข้าไม่ใช่สิ่งที่สามารถทดแทนได้ด้วยอาวุธเทพมหาศักดิ์ชิ้นเดียว”

มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอหัวเราะอย่างเยือกเย็น การลงมือโจมตีในเมื่อครู่นี้ของเขาไม่ได้ทุ่มสุดกำลังสามารถแต่อย่างใด เป็นเพียงการทดสอบหยั่งเชิงเท่านั้น

เห็นเพียงแสงทองที่อยู่รอบกายเขาสว่างเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น พลังของธรรมดั้งเดิมสองประเภทโคจรปลุกเสก ทำให้พลานุภาพของมือใหญ่สีทองก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงกับกดอัดจนเตาอลวนหวูจี๋ร่วงหล่นลงมา ราวกับจักกดอัดเตาเทพเตานี้ลงไปบดขยี้หลัวซิวให้ตาย!

“ตู้ม!”

มีรัศมีเทวพรั่งพรูออกมาจากเตาอลวนหวูจี๋ ผนึกรวมเงาลวงมหาศักดิ์ออกมา อาศัยการปลุกเสกจากพลังแห่งวิถีเซียน หลัวซิวที่มีผลการฝึกตนจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อช่วงกลางอาศัยเตาอลวนหวูจี๋ผนึกรวมเงาลวงมหาศักดิ์ออกมา ก่อนจะมีพลังออร่าที่เทียบทัดมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อช่วงปลายตลบฟุ้งออกมา

อย่างไรก็ตามแม้นจะอยู่ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อช่วงปลายเหมือนกัน แต่เงาลวงมหาศักดิ์กลับด้อยกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอไม่น้อยเลย

“ตู้มม!”

พลานุภาพในฝ่ามือนี้ของมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอปะทุออกมาอย่างดุดัน เงาลวงมหาศักดิ์ต้านทานได้ไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำ ก็ถูกโจมตีจนสลายหายไปโดยสิ้นเชิง

ในขณะเดียวกัน มือใหญ่ของมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอก็กดอัดเตาอลวนหวูจี๋ และใกล้จะกระแทกลงร่างหลัวซิวแล้ว

“มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอ เจ้าอย่าลืมนะว่าเตาเทพเตานี้ไม่ใช่ไพ่เด็ดท่าไม้ตายของข้า”

หลัวซิวไม่ได้ลนลานแต่อย่างใด มีหอคอยเทวสีทองหลังหนึ่งบินออกมาจากหว่างคิ้วเขา พลังที่แข็งกร้าวถึงขีดสุดม้วนซัดออกมา พุ่งชนเข้ากับมือใหญ่สีทองจนแตกสลายทันที

หอคอยฮวง!

ทั้งยังเป็นหอคอยฮวงจริง ๆ ด้วย!

“มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอ ข้าจักส่งเจ้าไปลงนรกเอง!”

หลังจากเรียกหอคอยฮวงออกมาแล้ว หลัวซิวก็ไม่มีความลังเลใจใด ๆ เลยแม้แต่น้อย เห็นเพียงเงาร่างของเขาเคลื่อนไหวทีหนึ่ง ถ่ายเทพลังแห่งวิถีเซียนเข้าไปในหอคอยฮวงอย่างบ้าคลั่ง กระตุ้นพลานุภาพของอัญมณีดั้งเดิมชิ้นนี้ให้ถึงขีดสุด พลังอันมากมายมหาศาลที่น่าสยดสยองอย่างยิ่งราวกับสามารถสยบทุกสรรพสิ่งในจักรวาลได้ยังไงอย่างนั้น

เมื่อหอคอยฮวงปรากฏ สีหน้าของมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอก็เปลี่ยนไปอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากเขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่า พลังของอัญมณีดั้งเดิมชิ้นนี้สามารถสร้างภัยคุกคามให้แก่ตนได้อย่างแน่นอน

ภายใต้การสยบของหอคอยฮวง มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอง้างมือปล่อยพลังฝ่ามือออกมาอีกหนึ่งครั้ง เห็นเพียงฝ่ามือที่เขาปลดปล่อยออกมาเปลี่ยนแปลงเป็นร้อยแปดพันเก้า นิ้วมือทั้งห้ากลายเป็นมังกรทองห้าตัว พุ่งชนเข้ากับหอคอยฮวง

“โครมคราม……”

เสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นที่น่ากลัวก้องกังวาน หอคอยฮวงสีทองสั่นสะเทือนอย่างไม่หยุดหย่อน ภายในเวลาชั่วลมหายใจเดียว พลังอมตะของมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอก็ถูกทำลายทิ้งอย่างราบคาบ

และในเวลานี้เอง เงาร่างของหลัวซิวเคลื่อนไหวเร็วปานสายฟ้า ปลดปล่อยตราสรรพสิทธิ์ออกไปโจมตีใส่ร่างแท้ของมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอ

มีพลังอมตะที่นับไม่ถ้วนระเบิดออกมาจากตราสรรพสิทธิ์ มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอใช้ร่างวัชรยักษ์ ได้ยินเพียงเสียงดังที่ต่ำทุ้มดังก้องอย่างไม่หยุดหย่อน พลังอมตะที่ระเบิดออกมาจากตราสรรพสิทธิ์โจมตีลงร่างกายมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทออย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่สามารถทลายเกราะป้องกันของร่างวัชรยักษ์

“ชัวะ!”

ร่างหลัวซิวกระพริบแล้วปรากฏตรงหน้ามหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอ มีแสงเซียนพรั่งพรูออกมาจากร่างกายที่เทียบทัดเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์

“ทะยานเซียน!”

ร่างกายหลัวซิวกลายเป็นแสงเซียนดวงหนึ่ง ภายในแสงเซียนราวกับมีเงาร่างของเซียนองค์หนึ่งกำลังบินลอยขึ้นสู่เก้าสวรรค์

เมื่อเปรียบเทียบกับพลังอมตะของตราสรรพสิทธิ์ พลังโจมตีของวิชาทะยานเซียนกลับแข็งกร้าวยิ่งกว่า เห็นเพียงเซียนที่อยู่ในแสงเซียนโบกมือทีหนึ่ง ปลดปล่อยพลังฝ่ามือโจมตีใส่มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอ

อั่ก!

ร่างกายของมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอสั่นสะเทือน สีหน้าขาวซีดลงไปภายในพริบตา แม้นร่างวัชรยักษ์ของเขาจะแข็งแกร่งมาก แต่เมื่ออยู่ภายใต้พลังโจมตีของพลังอมตะวิถีเซียน ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่น้อยเลย ทั้งกระอักเลือดด้วย

ทว่าหลัวซิวก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่นัก ในขณะที่เขาใช้วิชาทะยานเซียนโจมตีฝ่ายตรงข้าม พลังฝ่ามือของมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอก็ร่วงลงบนตัวเขาเช่นกัน ทำให้ตัวเขากระเด็นออกไป มีเลือดปะทุออกมาจากร่างกาย เลือดอาบท่วมตัว

“มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอนี่สมกับเป็นผู้แข็งแกร่งที่สามารถฝึกตนถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อช่วงปลายจริง ๆ หลังจากธรรมเวชทองของมันหลอมรวมเข้ากับพลังอมตะหลอมจิตแล้ว ศักยภาพก็แทบจะสามารถเทียบทัดมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นสูงแล้ว”

ไร้ลักษณ์วิวัฒนาการพลังแห่งชีวิตฟื้นฟูบาดแผลตามร่างกาย สีหน้าของหลัวซิวยิ่งอยู่ยิ่งเข้มงวดขึ้นมา

เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าดูเหมือนตัวเองจะต่อสู้กับมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอได้อย่างสูสี แท้จริงแล้วศักยภาพของเขาอ่อนกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทออยู่

เนื่องจากตั้งแต่เริ่มโจมตีกระทั่งบัดนี้ แม้แต่หอคอยฮวงเขาก็หยิบออกมาใช้แล้ว แต่มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอกลับไม่ได้ใช้อาวุธเทพชีวีของตัวเองด้วยซ้ำ

เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอกำลังทดสอบไพ่เด็ดไม้ตายของเขาอยู่ ทันทีที่ใช้อาวุธเทพชีวีโจมตีละก็ ต้องเป็นพลังโจมตีที่ถึงแก่ชีวิตได้อย่างแน่นอน!

ส่วนนักสาสน์เต๋าในด่านที่สี่ มองดูการต่อสู้ของพวกเขาทั้งคู่มาโดยตลอด ไม่ว่าจะด้วยตัวตนของนักสาสน์เต๋าหรือศักยภาพของเขา ก็ล้วนไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้เข่นฆ่าระดับนี้ได้

“ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่น่ากลัวยิ่งนัก!”

เมื่อเห็นว่าหลัวซิวอาศัยผลการฝึกตนจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อแล้วสามารถต่อกรกับผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อช่วงปลาย นักสาสน์เต๋าในด่านสี่มองดูจนรู้สึกช็อกไม่เบาเลย

“ตายซะเถอะ!”

จู่ ๆ มหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอก็ลงมือโจมตีอีกครั้ง เห็นได้ชัดเจนเลยว่าครั้งนี้เขาได้ใช้อุบายที่ทรงพลังกว่าเก่า ผังค่ายม้วนหนึ่งถูกเขากางออก เพียงพริบตาเดียวก็ผนึกอนัตตารัศมีหนึ่งแสนลี้ไว้แล้ว

แสงทองที่แวววาวจับตาทั้งหลายผสมผสานกัน แล้วกลายเป็นกรงขังหนึ่งกรง ทำการกักขังหลัวซิวไว้ตรงกลาง

และในเวลานี้เอง ก็มีรัศมีเทวเป็นประกายระยิบระยับอยู่ตรงจุดตันเถียนของมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอ ก่อนจะมีกระบี่เทพสีทองเล่มหนึ่งบินออกมา พุ่งฟาดฟันไปทางหลัวซิวที่ถูกกักขังอยู่กลางผังค่าย

และกระบี่เทพเล่มนี้ก็คืออาวุธเทพชีวีของมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอ ต่อให้หลัวซิวฝึกเคล็ดเซียนแปรเก้าขึ้นไปถึงแปรที่หก ก็ต้านทานความเฉียบแหลมของกระบี่เทพเล่มนี้ไม่ได้แน่นอน

“เจ้าตายแน่!”ใบหน้าของมหาจักรพรรดิยุทธ์นภาทอดุร้าย

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท