มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2913
“นะนี่…..”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ในเมืองหวูยวน สีหน้าอารมณ์ของเหล่าผู้สูงส่งอย่างพวกทูตเพ้าขาวเปลี่ยนไปอย่างมาก เนื่องจากไม่มีคนใดคาดถึงเลยว่าหลังจากเข้ามาในแดนบรรพกาลแล้ว สถานการณ์จะเป็นเช่นนี้
คนฝั่งเมืองหวูยวนตายหมดแล้วหรือ?
หากภายในแดนบรรพกาลมีความอันตรายแฝงซ่อนอยู่ตั้งแต่แรกแล้วละก็ แล้วคนเกือบแสนฝั่งเมืองต้าฮวงโบราณมีชีวิตรอดมาได้อย่างไร?
“ให้ตายเถอะ ฮวงโหว ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นประมุขเต๋าเช่นกัน ไม่นึกเลยว่าเจ้าจักใช้แผนโกงอย่างนั้นหรือ!”
น้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธเกรี้ยวของประมุขเต๋าหวูยวนดังก้องอยู่ในอนัตตาฟ้าดิน เนื่องจากเขาสังเกตเห็นว่าในขบวนทัพฝั่งเมืองต้าฮวงโบราณมีออร่าของผู้สูงส่งที่เขาไม่คุ้นเคยปรากฏหลายออร่า
ด้วยเหตุนี้ประมุขเต๋าหวูยวนจึงคิดเองเออเองว่าในบรรดากองทัพนับแสนที่เข้ามาในแดนบรรพกาลล่วงหน้า ฝั่งเมืองต้าฮวงโบราณได้แอบส่งผู้สูงส่งเข้ามาด้วย ฉะนั้นหลังจากที่เข้ามาในแดนบรรพกาลแล้ว จึงทำการฆ่าล้างผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเขาให้สิ้นซาก
ผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่งคนหนึ่งสามารถล้มล้างกองทัพที่มีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อได้อย่างง่ายดายเลย มิหนำซ้ำเขายังสัมผัสพลังออร่าของผู้สูงส่งได้จากขบวนทัพของฝ่ายตรงข้ามด้วย ซึ่งไม่ได้มีเพียงออร่าเดียวเท่านั้น?
สำหรับประมุขเต๋าหวูยวนแล้ว ผู้แข็งแกร่งที่ผลการฝึกตนบรรลุขึ้นมาถึงระดับขั้นอย่างพวกเขา สิ่งที่ดูหมิ่นมากที่สุดก็คือลูกไม้กลโกงเช่นนี้ เนื่องจากต่อให้จอมยุทธ์แดนต่ำจะตายไปมากเท่าไหร่ก็ไม่มีผลกระทบต่อสถานการณ์ใหญ่ การปะทะในครั้งนี้ประมุขเต๋าฮวงโหวดูเหมือนจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ในทางตรงกันข้ามกลับทำให้ประมุขเต๋าหวูยวนดูถูกเขาอย่างยิ่ง
เสียงที่คับแค้นใจของประมุขเต๋าหวูยวนได้ระบือไปทั่ว พิโรธอย่างยิ่ง ประมุขเต๋าฮวงโหวที่เพิ่งควบคุมเมืองโบราณแล้วมาถึงแดนบรรพกาลก็รู้สึกผงะไปอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน
กำลังคนที่ทั้งสองฝ่ายส่งออกมาแทบจะมีกำลังรบที่สูสีกันเลย เดิมทีคิดว่าต้องเป็นศึกสงครามที่บาดเจ็บสาหัสทั้งสองฝ่ายแน่นอน แต่ผู้ใดจะคิดได้เล่าว่าจะมีเรื่องประหลาดใจเช่นนี้เกิดขึ้น?
ตัวสำนึกของผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าเฉียบแหลมและว่องไวมากเพียงใด ประมุขเต๋าฮวงโหวก็สัมผัสได้ทันทีเช่นกันว่ามีคนนับพันรวมตัวกันอยู่ข้างกายหลัวซิว ซึ่งเขาไม่คุ้นเคยพลังออร่าเหล่านั้นเลย จึงทำให้ประมุขเต๋าฮวงโหวสามารถยืนยันได้แล้วว่านั่นไม่ใช่จอมยุทธ์ที่ฝั่งเมืองต้าฮวงโบราณส่งออกไปแน่นอน
และสิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือประมุขเต๋าฮวงโหวสัมผัสพลังออร่าของผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่ง 14 คนได้จากจำนวนคนทั้งหมดนั้น ผลการฝึกตนของกำลังคนที่เหลืออย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อ มากไปกว่านั้นคือมีหนึ่งพันกว่าคนล้วนเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ!
ผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ไม่ได้หาง่ายเหมือนผักในตลาด อีกอย่างอายุขัยของผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ก็มีขีดจำกัดเช่นกัน ต่อให้เป็นภูมิฐานที่ชนเผ่าฮวงสั่งสมมาอย่างยาวนาน มากสุดก็ไม่มีทางมีผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อหนึ่งพันกว่าคน
ถัดจากนั้นสิ่งที่ทำให้ประมุขเต๋าฮวงโหวรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาอีกครั้งคือ มีชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งยืนอยู่ข้างกายหลัวซิว เขาค้นพบว่าตัวเองมองผลการฝึกตนของฝ่ายตรงข้ามไม่ทะลุเลย
ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋า ซึ่งอยู่เหนือระดับและแดนที่ใหม่เอี่ยมแล้ว ผู้ที่สามารถทำให้เขามองผลการฝึกตนไม่ทะลุมีเพียงสองสถานการณ์เท่านั้น หนึ่งคือผลการฝึกตนของฝ่ายตรงข้ามสูงกว่าตัวเอง หรือไม่ก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในแดนเดียวกันกับตัวเอง!
ต้องท้าวความก่อนว่ามาตรแม้นว่าเป็นจอมยุทธ์ที่เริ่มฝึกวิถีเซียนอย่างหลัวซิว แม้นประมุขเต๋าฮวงโหวจะไม่สามารถวินิจฉัยรายละเอียดแดนผลการฝึกตนของเขาได้อย่างแม่นยำ แต่ก็พอจะคาดเดาโดยคร่าว ๆ ได้อยู่ ดังนั้นเขาจึงสามารถยืนยันได้ว่าผลการฝึกตนของหลัวซิวต้องบรรลุไม่ถึงระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้ออย่างแน่นอน
“คนเหล่านี้มาจากที่ใด?”
ประมุขเต๋าฮวงโหวขมวดคิ้วลงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็นึกถึงตัวตนอีกตัวตนหนึ่งของหลัวซิวอย่างอดไม่ได้
“ใช่สิ เขาคือศิษย์ของมกุฎเต๋าหวูจี๋ บางทีคนเหล่านั้นอาจเป็นผู้ที่มกุฎเต๋าหวูจี๋จัดแจงให้ค่อยคุ้มกันอยู่ข้างกายเขา? มกุฎเต๋าหวูจี๋ทะนุถนอมศิษย์คนนี้ไม่น้อยเลยนี่”ประมุขเต๋าฮวงโหวคิดเองเออเอง
เมืองโบราณทั้งสองย่างกรายมาถึงแดนบรรพกาล ในขณะที่ประมุขเต๋าฮวงโหวและประมุขเต๋าหวูยวนสัมผัสการคงอยู่ของผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าอย่างต้วนคงได้ ต้วนคงก็สัมผัสพลังออร่าของประมุขเต๋าทั้งสองคนนั้นได้เช่นกัน
“นายน้อย……”ต้วนคงมองไปทางหลัวซิวที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาในเชิงสอบถาม เพราะเขาไม่ทราบว่าประมุขเต๋าทั้งสองที่ย่างกรายมายังสถานที่แห่งนี้ ตกลงผู้ใดเป็นคนฝ่ายตัวเองกันแน่
ในขณะเดียวกัน เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังออร่าที่มากมายมหาศาลของผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋า สีหน้าอารมณ์ของคนอื่น ๆ ในกองทัพเทพมารก็ต่างดูเข้มงวด ราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ!
ก่อนหน้านี้การกวาดล้างบริเวณรอบนอกของแดนบรรพกาลเป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปาก แต่ทว่าสำหรับกองทัพเทพมารแล้ว ผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าก็เป็นคู่ต่อสู้ที่จัดการยากมากเลยทีเดียว
สิ่งที่แตกต่างจากครั้งก่อนคือครั้งนี้หลัวซิวไม่ได้เอ่ยปากออกคำสั่ง ผู้บัญชาการใหญ่ทั้งห้าของกองทัพเทพมารต่างก็ไม่ได้ลงมือโดยพลการ
“ต้วนคง หากเจ้าร่วมมือกับประมุขเต๋าท่านนั้น สามารถสยบประมุขเต๋าอีกคนได้หรือไม่?”
หลัวซิวใช้นิ้วชี้ไปทางเมืองต้าฮวงโบราณ แล้วสอบถามต้วนคงที่อยู่ข้าง ๆ
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ต้วนคงจึงขมวดคิ้วลงเล็กน้อย แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจ “เมื่อต่างอยู่ในแดนประมุขเต๋าเหมือนกัน ประมุขเต๋าคนหนึ่งสังหารประมุขเต๋าอีกคนได้ยากมาก ต่อให้ประมุขเต๋าสองคนร่วมมือกันแล้วสามารถโค่นล้มฝ่ายตรงข้ามได้ ทว่าโอกาสที่จะสังหารฝ่ายตรงข้ามได้กลับต่ำมาก ๆ ขอรับ”
“หากข้านำขวดเซียนอัคคีหลอมจิตให้เจ้ากระตุ้นล่ะ?”หลัวซิวถามอีกครั้ง
“หากไม่มีพลังแห่งวิถีเซียนจักไม่สามารถกระตุ้นมณีวิถีเซียนได้นะขอรับ แม้แต่มกุฎเต๋าก็ทำไม่ได้เช่นกัน”ต้วนคงส่ายหน้า
“ดูท่าการที่จะกำจัดประมุขเต๋าคนหนึ่งนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ!”
เมื่อต้วนคงได้ยินคำพูดนี้ เขาก็รู้สึกกลืนไม่เข้าข่ายไม่ออกทันที นายน้อยคนนี้ของตัวเองเพิ่งจะอยู่ในแดนจักรพรรดิเจ็ดกงล้อ ไม่นึกเลยว่าก็คิดที่จะกำจัดประมุขเต๋าแล้วอย่างนั้นหรือ?
“หลัวซิว!”
และในเวลานี้เอง ก็มีแสงกลดวงหนึ่งบินออกมาจากเมืองต้าฮวงโบราณ ถัดจากนั้นเงาร่างของประมุขเต๋าฮวงโหวก็ปรากฏด้านหน้าหลัวซิว
“ประมุขเต๋า”หลัวซิวประสานมือทำท่าคารวะ
ประมุขเต๋าฮวงโหวผงกหัว จากนั้นสายตาก็ร่วงลงบนตัวต้วนคงที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา “ท่านนี้คือ?”
“ข้าคือต้วนคง ผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพเทพมารที่อยู่ใต้บังคับบัญชานายน้อย”ต้วนคงเป็นฝ่ายตอบกลับด้วยตนเอง
“ใต้บังคับบัญชา?”เมื่อประมุขเต๋าฮวงโหวได้ยินคำตอบดังกล่าว ก็รู้สึกตะลึงมาก ผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋านั้นหยิ่งผยองมากเพียงใด ต่อให้หลัวซิวเป็นศิษย์ของมกุฎเต๋าหวูจี๋ ก็มีคุณสมบัติทำให้ประมุขเต๋าคนหนึ่งยอมปฏิบัติตามคำสั่งอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาอย่างสมัครใจได้หรือ?
แต่เรื่องตะลึงก็เป็นส่วนของเรื่องตะลึง ประมุขเต๋าฮวงโหวไม่ได้ไต่ถามอะไรมากนัก ก่อนจะพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า: “ข้าก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าข้างกายเจ้าจะมีประมุขเต๋าคนหนึ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ ฝ่ายเราก็มีประมุขเต๋าสองคนแล้ว ได้โปรดผู้เพื่อนยุทธ์ช่วยลงมือปราบปรามขับไล่เมืองหวูยวนด้วยนะขอรับ”
คำพูดประโยคแรก เป็นคำพูดที่ประมุขเต๋าฮวงโหวพูดกับหลัวซิว ส่วนประโยคที่สองเขากลับมองไปทางต้วนคง แล้วสอบถามเจตนาของต้วนคง
ต้วนคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร แต่เป็นการมองไปทางหลัวซิว เนื่องจากเขาจำคำตักเตือนของนายน้อยท่านนี้ได้ตลอดมา และเข้าใจดีมากเช่นกันว่าความเป็นความตายของตัวเองล้วนถูกยึดกุมอยู่ในมือนายน้อยท่านนี้
“ไปเถิด”
สำหรับข้อเรียกร้องของประมุขเต๋าฮวงโหว หลัวซิวก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
“รับทราบ!”
ต้วนคงตอบตกลงคำหนึ่ง จากนั้นเขาก็ก้าวเดินไปข้างหน้า ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับประมุขเต๋าฮวงโหว
และในเวลานี้เอง ณ เสี้ยววินาทีที่ประมุขเต๋าหวูยวนที่อยู่ในเมืองหวูยวนมองเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว จิตใจเขาก็หวาดหวั่นขึ้นมาทันที มีลางสังหรณ์บางอย่างผุดขึ้นมาในใจ
“ตู้มม!”
ไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ ทั้งนั้น หลังจากหลัวซิวพยักหน้าแล้ว ต้วนคงและประมุขเต๋าฮวงโหวที่ยืนด้วยกันก็ลงมือโจมตีพร้อมกันอย่างรู้ใจกัน
หอคอยเทวหลังหนึ่งที่มีเพลิงอัคคีสีทองลอยวนเป็นเกลียวถูกประมุขเต๋าฮวงโหวเรียกออกมา หอคอยเทวขยายใหญ่ขึ้นตามแรงลม สูงใหญ่ตั้งตระหง่าน ราวกับเขาเซียนโบราณหนึ่งลูก กดอัดไปทางเมืองหวูยวน
ต้วนคงก็เรียกของขลังออกมาหนึ่งชิ้นเช่นกัน ซึ่งเป็นกระบี่เทพที่โดดเด่นเล่มหนึ่ง แสงกระบี่ตัดสลับกัน มีความลึกลับมหัศจรรย์ของพลังอมตะหลอมจิตแฝงซ่อนอยู่ภายใน ทุกสรรพสิ่งที่ถูกปราณกระบี่โจมตี ล้วนจะสลายหายไป กลายเป็นความว่างเปล่า
“ให้ตายเถอะ! พวกมึงมันเลวทรามต่ำช้า! ……”
มีเสียงตะคอกที่โกรธมากจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ของประมุขเต๋าหวูยวนสะท้อนออกมาจากเมืองหวูยวน เมื่อเผชิญหน้ากับประมุขเต๋าที่แดนผลการฝึกตนไม่ต่ำกว่าตัวเอง อย่างมากเขาก็จะสามารถต้านทานพลังโจมตีของประมุขเต๋าคนเดียวเท่านั้น
“ตู้มม!”
จากการที่มีเสียงระเบิดดังลั่นขึ้นมา เมืองหวูยวนต้านทานการพุ่งชนของหอคอยเทวเพลิงอัคคีสีทองได้ แต่ประมุขเต๋าหวูยวนกลับไม่มีเวลาได้พักหายใจเลยด้วยซ้ำ ปราณกระบี่หลอมจิตของต้วนคงที่ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ก็เฉือนสังหารเข้ามา
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! ……
ปราณกระบี่ทั้งหลายฟาดฟันเข้าไปในเมือง ผู้แข็งแกร่งแห่งยุทธ์จำนวนมากที่อยู่ภายในเมืองหวูยวนล้วนได้รับผลกระทบ ร่างกายสลายหายไปในปราณกระบี่ ตายจนตายซ้ำเป็นรอบที่สองไม่ได้แล้ว
เสียงตู้มดังขึ้น เมืองหวูยวนพุ่งทลายอนัตตา แล้วออกไปจากฟ้าดินของแดนบรรพกาลด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุด
ประมุขเต๋าฮวงโหวและต้วนคงร่วมมือกันโจมตี ทำให้เมืองหวูยวนถูกโจมตีจนสั่นสะเทือนอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถหยุดยั้งคูเมืองแห่งนี้ได้อยู่ดี เมืองหวูยวนทะลวงอนัตตาแล้วหายวับไป
“ชนะแล้ว!”
“บรรพจารย์ฮวงโหวจงเจริญ!”
วินาทีที่เห็นเมืองหวูยวนบินหนีไป ผู้คนในเมืองต้าฮวงโบราณก็อดตะโกนโห่ร้องอย่างมีความสุขไม่ได้
แม้นที่นี่จะเป็นเขตพื้นที่รอบนอกสุดของแดนบรรพกาล แต่ก็เป็นเขตพื้นที่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยทรัพยากรที่แน่นหนาอย่างแน่นอน อย่างน้อยก่อนแดนบรรพกาลจะปิดลง พวกเขาสามารถรีดไถทรัพยากรและโชคโอกาสทั้งปวงของที่นี่ได้อย่างโจ่งแจ้ง!
ที่นี่มีการถ่ายทอดสืบสานจำนวนมากที่ผู้แข็งแกร่งทิ้งไว้ แล้วถ้าเกิดได้รับโอกาสเหล่านั้น ก็จะทำให้อัจฉริยะฝ่ายตัวเองเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แล้วเพิ่มอัตราชนะให้กับสงครามแห่งมหันตภัยในอนาคต
อันที่จริงหลัวซิวก็คิดเรื่องนี้ได้เช่นกัน เขาสามารถได้รับการถ่ายทอดสืบสานที่นักเซียนหลอมจิตทิ้งไว้บริเวณรอบนอกของแดนบรรพกาล เช่นนั้นแดนบรรพกาลกว้างใหญ่เช่นนี้ จึงต้องมีการถ่ายทอดสืบสานและโอกาสคงอยู่อีกมากมายแน่นอน หากสามารถนำผู้คนในหุบเขาสยบปีศาจเข้ามาในนี้ อย่างนั้นเขาก็มีความหวังที่จะจัดตั้งกองทัพเทพมารที่ทรงพลังได้แล้ว
ในขณะที่ทุกคนกำลังตะโกนบอกว่าบรรพจารย์ฮวงโหวจงเจริญอย่างมีความสุขอยู่นั้น แววตาทั้งหลายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเคารพยำเกรงก็จ้องมองไปทางต้วนคงที่ยืนอยู่ข้างกายประมุขเต๋าฮวงโหวเช่นกัน
หลังจากต้วนคงและประมุขเต๋าฮวงโหวร่วมมือการขับไล่ประมุขเต๋าหวูยวนออกไปแล้ว เขาก็กลับไปยืนอยู่ด้านหลังหลัวซิวเหมือนองครักษ์ที่จงรักภักดีคนหนึ่ง ภายในเวลาชั่วขณะ แววตาที่ซับซ้อนต่าง ๆ ก็ล้วนผนึกรวมกันไปที่ตัวหลัวซิวอีกครั้ง
เรื่องราวดำเนินการมาถึงขั้นนี้ ขอแค่เป็นคนที่มีสติปัญญาความรู้ก็สามารถดูออกอยู่ว่าตัวตนของหลัวซิวไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เขาไม่เพียงเป็นเจ้าสำนักน้อยแห่งอาณากระบี่หวูจี๋ แต่เป็นผู้แข็งแกร่งที่สามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับประมุขเต๋าฮวงโหว เพราะในมือเขามีพลังที่สามารถต่อกรเทียบทัดประมุขเต๋า!
……
ในขณะที่ฝั่งหลัวซิวได้รับชัยชนะหลังจากขับไล่เมืองหวูยวนออกไปได้ บนนภาอาณากระบี่หวูจี๋ที่ตั้งอยู่ในดินแดนโลกร้างที่อยู่ห่างไกลออกไป จู่ ๆ อนัตตาก็สั่นสะเทือน จากนั้นก็มีเงาดำหลายร่างปรากฏพร้อมกัน
ซึ่งผู้ที่เป็นผู้นำก็คือเมิ่งเชียนชางนั่นเอง หลังศีรษะเขามีกงล้อเทพลอยอยู่แปดวง ข้างกายมีจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อสามพันกว่าคน!
“ตัง! ตัง! ตัง! ……”
เสี้ยววินาทีที่เมิ่งเชียนชางพาคนเหล่านี้ย่างกรายมาถึงนภาเหนืออาณากระบี่หวูจี๋ ก็มีเสียงเตือนระฆังดังก้องไปทั่วอาณากระบี่หวูจี๋
ผู้อาวุโสไท่ซ่างทั้งห้าคนที่มีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อต่างพากันเดินออกมาจากสถานที่ฝึกตนของตัวเอง
“เปิดค่ายพิทักษ์เขา!”
ปฏิกิริยาการตอบสนองของอาณากระบี่หวูจี๋รวดเร็วอย่างยิ่ง จากการที่ผู้อาวุโสไท่ซ่างออกคำสั่ง ม่านแสงของค่ายใหญ่ก็เลื่อนขึ้นด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุด ทำการคุ้มกันทั้งอาณากระบี่หวูจี๋เอาไว้
นี่คือมหาค่ายคุ้มกันระดับผู้สูงส่งหนึ่งค่าย ต่อให้ผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่งโจมตีเข้ามา ก็สามารถต้านทานได้เช่นกัน
เมื่อเห็นการกระทำของอาณากระบี่หวูจี๋ เมิ่งเชียนชางก็กระตุกยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น เนื่องจากทั้งหมดทั้งมวลนี้อยู่ในการคาดหมายของเขาตั้งแต่แรกแล้ว
แม้จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อทั้งสามพันคนที่เขาพามาด้วยจะไม่สามารถทำอะไรมหาค่ายคุ้มกันระดับผู้สูงส่งนี้ได้ ทว่าเมื่อมีสมบัติชิ้นนั้นที่อาจารย์ประทานให้เขา จึงสามารถทลายค่ายกลดังกล่าวได้อย่างง่ายดายเลย