มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 2914 พลังวัฏสงสารสูงสุด

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2914 พลังวัฏสงสารสูงสุด

มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2914

“ข้าศึกบุก!”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“ค่ายพิทักษ์เขาเปิดออกแล้ว!”

“……”

หลังจากเสียงเตือนระฆังดังก้องไปทั่ว ทั้งสำนักเขาของอาณากระบี่หวูจี๋ก็วุ่นวายไปชั่วขณะ ภายใต้การควบคุมของเหล่าผู้อาวุโสและระดับสูงของอาณากระบี่ สถานการณ์ความวุ่นวายจึงสงบลงไปอย่างรวดเร็ว

ในฐานะที่เป็นกองกำลังใหญ่ระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดแห่งหนึ่ง หากอาณากระบี่หวูจี๋ไม่มีแม้แต่ความสามารถที่จะรับมือกับเหตุร้ายเช่นนี้ละก็ พวกเขาก็ไม่มีทางตั้งตระหง่านอยู่ในโลกร้างมาได้ยาวนานเช่นนี้ด้วยซ้ำ

หุบเขาสยบปีศาจถูกหลัวซิวอพยพมายังดินแดนของอาณากระบี่หวูจี๋ตั้งนานแล้ว ด้วยเหตุนี้หลังจากค่ายพิทักษ์เขาถูกเปิดออก หุบเขาสยบปีศาจก็อยู่ภายในขอบเขตที่ถูกค่ายใหญ่คุ้มกันเช่นกัน

“ผู้ใดบังอาจโจมตีดินแดนของอาณากระบี่หวูจี๋?”

ภายในหุบเขาสยบปีศาจ ใบหน้าของเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตะลึงงัน ปัจจุบันเหยียนเยว่เอ๋อร์ออกจากการปิดขังแล้ว ผลการฝึกตนของนางแข็งแกร่งมากกว่าเดิม บนร่างกายที่แวววับมีแสงเซียนของเพลิงอัคคีเป็นประกายอยู่เป็นระยะ ๆ ซึ่งอยู่ในแดนจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อช่วงปลายแล้ว

……

นภาเหนือดินแดนอาณากระบี่หวูจี๋ เมิ่งเชียนชางกำลังแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อทั้งสามพันคนที่เขายกมาจากจ่างเทียนตี้ก็ล้วนยืนอยู่ด้านหลังเขาด้วยใบหน้าที่เยือกเย็นเช่นกัน ราวกับหุ่นเชิดที่ไม่มีความรู้สึกใด ๆ

“เศษเดนที่ใด บังอาจโจมตีสำนักเขาของอาณากระบี่หวูจี๋ของข้า?”

เสียงตะคอกที่โกรธเกรี้ยวสะท้อนลงมาจากด้านบน ก่อนจะมีผู้อาวุโสไท่ซ่างที่มีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อคนหนึ่งเดินออกมา จิตสังหารเข้มงวด

ปัจจุบันสถานการณ์ในโลกร้างผันผวนไม่แน่นอน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่ทำให้ผู้อาวุโสไท่ซ่างคนนี้รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยคือ ศัตรูที่มารุกล้ำไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่จินตนาการเอาไว้แต่อย่างใด มีเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อคนหนึ่งรวมไปถึงจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้ออีกหลายพันคน

เบื้องหลังของเจ้าหมอนั่นคือกองกำลังใด? หรือพวกเขาคิดว่าอาศัยกำลังคนแค่นี้ก็สามารถจัดการอาณากระบี่หวูจี๋ได้แล้วอย่างนั้นหรือ?

“แค่มหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อช่วงกลางกระจอก ๆ ก็บังอาจจองหองต่อหน้าข้าอย่างนั้นรึ?”

เมิ่งเชียนชางมองกราดลงมาจากที่สูง ก้มมองไปทางผู้อาวุโสไท่ซ่างคนนั้น ดวงตาที่เยือกเย็นคู่หนึ่งเหมือนดั่งอสรพิษ มีจิตสังหารที่ไม่มีการปิดบังเลยแม้แต่น้อยทะลุออกมาจากแววตา

ไม่มีลางบอกเหตุใด ๆ เมิ่งเชียนชางก็ลงมือโจมตีภายในพริบตาแล้ว พลังแห่งวัฏสงสารที่ฝึกรวมมาจากเกณฑ์พลังเต๋าการเวียนว่ายตายเกิดและห้วงเวลาผนึกรวมกันอยู่กลางอนัตตา แล้วกลายเป็นมือใหญ่ข้างหนึ่ง กลางฝ่ามือของมือใหญ่มีรูเล็ตหนึ่งชิ้น ถัดจากนั้นมือใหญ่ก็กดอัดไปทางผู้อาวุโสไท่ซ่างแห่งอาณากระบี่หวูจี๋คนนั้น

“ระวัง!”

“รีบถอย!”

“ศักยภาพของศัตรูสูสีกับเรา!”

สีหน้าอารมณ์ของผู้อาวุโสไท่ซ่างอีกสี่คนที่เหลือดูตะลึงงัน ไม่มีผู้ใดคาดถึงเลยว่าฝ่ายตรงข้ามจะลงมือโจมตีโดยตรง

“เมิ่งเชียนชาง ตายซะเถอะ!”

เงาร่างของตู๋กูเจี้ยนเฉินพุ่งทะยานขึ้นฟ้า คนอื่น ๆ ในอาณากระบี่หวูจี๋ไม่รู้จักเมิ่งเชียนชาง แต่ตู๋กูเจี้ยนเฉินกลับไม่มีทางไม่รู้จัก

ควบคุมแสงกระบี่ ความเร็วในการเคลื่อนที่ของตู๋กูเจี้ยนเฉินรวดเร็วมาก ๆ แล้ว ทว่าขณะที่เขาพุ่งออกไปจากอาณากระบี่หวูจี๋ ภายใต้การกดอัดจากพลังแห่งวัฏสงสาร ผู้อาวุโสไท่ซ่างคนนั้นของอาณากระบี่หวูจี๋ก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนาแล้ว ร่างกายแหลกสลายเป็นฝุ่นผง

ต่างอยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อเหมือนกัน แต่เมิ่งเชียนชางใช้เพียงกระบวนท่าเดียว ก็สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในแดนเดียวกันได้ภายในวินาทีเดียว!

“ตู้มม!”

รูเล็ตชิ้นหนึ่งที่ผันมาจากกงล้อเทพวงหนึ่งพุ่งโจมตีเข้ามา แล้วปะทะเข้ากับแสงกระบี่ดวงนั้นของตู๋กูเจี้ยนเฉิน เห็นเพียงแสงกระบี่แตกสลาย จากนั้นร่างกายของตู๋กูเจี้ยนเฉินก็กระเด็นออกไป

“ดูท่าไม่ว่าจะเป็นภพชาตินี้หรือในอดีตชาติ ตู๋กูเจี้ยนเฉินเจ้าก็ยังคงอ่อนแออยู่เหมือนเคยเลยนะ ทำได้เพียงดิ้นทุรนทุรายอยู่ด้านหลังเจ้าไท่ซ่างฉิงนั่นหรือ?”

เส้นผมที่ยาวดำของเมิ่งเชียนชางปลิวลอย แหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วหัวเราะดังลั่นอย่างจองหองพองขน

“ไอ้คนชั่วโอหัง ฆ่ามัน!”

ผู้อาวุโสไท่ซ่างคนอื่น ๆ ในอาณากระบี่หวูจี๋ก็ต่างพากันพุ่งสังหารออกมาเช่นกัน ผู้อาวุโสไท่ซ่างสองคนที่เป็นผู้นำมีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ

“ไม่ประมาณตน!”

มีความดุร้ายทะลุออกมาจากแววตาเมิ่งเชียนชาง เห็นเพียงกงล้อเทพแปดวงที่อยู่หลังศีรษะเขากลายเป็นรูเล็ต รูปร่างลักษณะเหมือนดั่งสังสารวัฏหมุนเวียน ยิ่งอยู่ยิ่งใหญ่ แฝงความห้าวหาญเปี่ยมพลัง

“พลังวัฏสงสารสูงสุด!”

จากการที่เมิ่งเชียนชางตะคอกเสียงดังลั่นคำหนึ่ง จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อทั้งสามพันคนที่เขายกมาจากจ่างเทียนตี้ก็ต่างพากันกระโดดพุ่งพรวดไปข้างหน้า เงาร่างหลอมรวมเข้าไปในรูเล็ตที่กลายมาจากกงล้อเทพของเขา

จักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อสามพันคนหลอมรวมเข้ากับกงล้อเทพ ทำให้พลังออร่าบนตัวเมิ่งเชียนชางพุ่งขึ้นสูงภายในพริบตา

“ตู้มม!”

หลังจากพุ่งขึ้นถึงจุดวิกฤตหนึ่งแล้ว กลางอนัตตาหลังศีรษะเมิ่งเชียนชางก็ผนึกรวมกงล้อเทพวงที่เก้าออกมาได้แล้ว!

เห็นได้ชัดเจนเลยว่าวิชาที่เขาใช้คือเคล็ดวิชาบางอย่างของเต๋าสังสารวัฏ อาศัยเคล็ดวิชาประเภทนี้ใช้ผลการฝึกตนของจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อทั้งสามพันคนปลุกเสกร่างตน ทำให้เขาสามารถทลายพันธนาการ ก้าวเข้าสู่แดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ

“ฮ่าฮ่า มันคือความรู้สึกที่แข็งแกร่งเช่นนี้นี่แหละ ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกเช่นนี้มานานแล้วจริง ๆ ……”

ดื่มด่ำกับพลังอันแข็งแกร่งที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายตัวเอง มีความรู้สึกที่พึงพอใจปรากฏบนใบหน้าเมิ่งเชียนชาง เมื่อหนึ่งยุคตรีภพก่อนหรือสามแสนกว่าล้านปีก่อน ผลการฝึกตนของเขาก็อยู่ที่มหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อนี่แหละ

“แต่น่าเสียดายที่กงล้อวัฏจักรธรรมไม่ได้อยู่ในมือข้า”

นี่คือสิ่งเดียวที่ทำให้เมิ่งเชียนชางรู้สึกเสียดายเล็กน้อย หากมีกงล้อวัฏจักรธรรมอยู่ในกำมือละก็ เมื่อเขาอาศัยผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ สามารถปลดปล่อยกำลังรบที่เทียบเท่าผู้สูงส่งออกมาได้โดยสมบูรณ์เลย

ทว่าแม้จะไม่มีกงล้อวัฏจักรธรรม ผลการฝึกตนเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อเหมือนกัน เขาก็ไม่ได้นำผู้อาวุโสไท่ซ่างสองคนนั้นของอาณากระบี่หวูจี๋มาไว้ในสายตาเช่นกัน

มีคู่ต่อสู้ในแดนเดียวกันน้อยมาก แทบจะเป็นผู้ไร้เทียมทานในแดนเดียวกัน เมิ่งเชียนชางจึงมีคุณสมบัติทำตัวหยิ่งยโสเช่นนี้!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ……

รัศมีของพลังอมตะและของขลังแย้มบานอยู่กลางอนัตตา ออร่าของธรรมดั้งเดิมฮึกเหิม คลื่นพลังที่น่าสยดสยองม้วนซัดหมื่นจักรวาล บดขยี้ทุกสรรพสิ่งที่อยู่กลางอนัตตาให้แตกสลาย

เส้นทางแห่งวัฏสงสารสมกับเป็นหนึ่งในวิถียุทธ์ขั้นสูงสุดในหมื่นดาราจักรวาลเสียจริง เมิ่งเชียนชางไม่เพียงต้านทานพลังโจมตีของมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อทั้งสองเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังเป็นฝ่ายได้เปรียบด้วย โจมตีมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อคนอื่น ๆ จนกระอักเลือดแล้วกระเด็นออกไป

“แม้แต่ผู้อาวุโสไท่ซ่างก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมันอย่างนั้นหรือ”

เหยียนเยว่เอ๋อร์ เหยียนซีโรว่ จี้หานยู่และคนอื่น ๆ ต่างก็พากันยืนอยู่ตรงทางเข้าของหุบเขาสยบปีศาจ และมองเห็นการเข่นฆ่าเหนือนภาอาณากระบี่หวูจี๋

พวกนางเข้าใจดีมาก ๆ เลยว่าผู้อาวุโสไท่ซ่างของอาณากระบี่หวูจี๋ล้วนเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ ในจำนวนทั้งหมดยิ่งมีสองคนที่เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ ซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งที่เป็นรองเพียงผู้สูงส่ง

วินาทีนี้เหล่าผู้อาวุโสไท่ซ่างร่วมมือกัน แต่ก็ไม่สามารถต้านทานการรุกล้ำของศัตรูอย่างนั้นหรือ นี่จึงทำให้สีหน้าของผู้คนในอาณากระบี่หวูจี๋ดูประหม่าขึ้นมา

“ฟึ่บ!”

เลือดกลุ่มหนึ่งทำให้ขอบฟ้าถูกย้อมด้วยสีแดงสด ร่างกายของตู๋กูเจี้ยนเฉินร่วงลงมาจากท้องฟ้า และกระแทกลงบริเวณทางเข้าของหุบเขาสยบปีศาจพอดี

“ผู้อาวุโสเจี้ยนเฉิน!”

เหยียนเยว่เอ๋อร์รีบบินออกไปในทันที หยิบเม็ดยาเซียนออกมาจากแหวนเก็บของ แล้วป้อนให้ตู๋กูเจี้ยนเฉินกิน

แม้นตู๋กูเจี้ยนเฉินจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อ แต่ระดับของเม็ดยาเซียนที่หลัวซิวทิ้งไว้ให้นางก็ไม่ต่ำเช่นกัน หลังจากกินลงไปแล้ว ใบหน้าที่ขาวซีดของตู๋กูเจี้ยนเฉินก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติไม่น้อยเลย

“ขอบพระคุณมาก”ตู๋กูเจี้ยนเฉินรู้จักเหยียนเยว่เอ๋อร์อยู่ ทราบอยู่ว่านางเป็นคนรู้ใจที่อยู่ข้างกายหลัวซิว

“ผู้อาวุโสเจี้ยนเฉินเกรงใจเกินไปแล้ว ตกลงความเป็นมาของศัตรูผู้มารุกล้ำเป็นอย่างไรกันแน่?”เหยียนเยว่เอ๋อร์สอบถามอย่างรู้สึกสงสัย

“คนดังกล่าวมีนามว่าเมิ่งเชียนชาง และสิ่งที่ฝึกก็คือการถ่ายทอดสืบสานของประมุขเต๋าวัฏสงสาร ซึ่งเป็นศัตรูเก่ากับไท่ซ่างฉิงในอดีตชาติของหลัวซิว”ตู๋กูเจี้ยนเฉินตอบกลับอย่างไม่รีบไม่ร้อน

สำหรับข้อมูลของไท่ซ่างฉิงนั้น ไม่ใช่ความลับอะไรในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดด้วยซ้ำ พวกเหยียนเยว่เอ๋อร์จึงทราบเรื่องนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

“ศัตรูเก่าของท่านสวามี?”เหยียนเยว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วที่โค้งงามได้รูปนั่นเล็กน้อย แสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วพูด: “มันก็เหมาะกับการเป็นศัตรูเก่าท่านหรือ?”

“ห๊ะ?”

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเหยียนเยว่เอ๋อร์ ตู๋กูเจี้ยนเฉินก็รู้สึกตะลึงเล็กน้อย พลางคิดในใจว่าไม่ว่าจะเป็นอดีตชาติหรือภพชาตินี้ เหตุใดสตรีที่โอบล้อมอยู่ข้างกายเจ้าไท่ซ่างฉิงนั่นจึงมั่นใจในตัวเขาเช่นนี้?

“ถอย!”

“ถอยกลับเข้าไปในค่ายพิทักษ์เขา!”

บนท้องฟ้านอกอาณากระบี่หวูจี๋ เหล่าผู้อาวุโสไท่ซ่างร่วมมือกัน แต่ก็ยากที่จะต้านทานพลังโจมตีของเมิ่งเชียนชาง เตรียมพร้อมที่จะถอยกลับเข้าไปในอาณากระบี่หวูจี๋ เพื่ออาศัยพลานุภาพของค่ายพิทักษ์เขามาต้านทานศัตรูตัวฉกาจคนนี้

“ขอแค่ถอยกลับเข้าไปในม่านแสงค่ายใหญ่ นอกเสียจากมันเป็นผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่ง มิเช่นนั้นก็อย่าคิดว่าจะสามารถบุกรุกเข้าไปในอาณากระบี่หวูจี๋ได้แม้แต่ก้าวเดียว”

ทันทีที่สิ้นเสียงผู้อาวุโสไท่ซ่างมหาจักรพรรดิยุทธ์แปดกงล้อคนหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีวิกฤตการณ์แห่งความตายที่น่ากลัวปกคลุมร่างกายเขาเอาไว้

เมิ่งเชียนชางปรากฏด้านหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รูเล็ตที่โบราณและเรียบง่ายชิ้นหนึ่งร่วงหล่นลงมากะทันหัน ทำให้ร่างกายเขาถูกบทขยี้จนกลายเป็นเนื้อเละ ๆ ระเบิดแตกเป็นหมอกเลือดอยู่กลางท้องฟ้า

“พวกเจ้าจักหนีไม่รอดแม้แต่คนเดียว!”

เมิ่งเชียนชางแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น เขาสามารถสัมผัสได้อยู่ว่าทุกครั้งที่ตัวเองสังหารคู่ต่อสู้หนึ่งคน พลังวัฏสงสารสูงสุดก็จะทำให้ผลการฝึกตนของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ถ้าเกิดกำจัดพวกผู้อาวุโสไท่ซ่างในอาณากระบี่หวูจี๋หมดละก็ ผลการฝึกตนของเขาน่าจะสามารถยกระดับถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นสูงได้แล้ว

การดับสลายสูญสิ้นของผู้อาวุโสไท่ซ่างทำให้คนจำนวนไม่น้อยต่างตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก สำหรับคนส่วนใหญ่ในอาณากระบี่หวูจี๋แล้ว ผู้อาวุโสไท่ซ่างทุกคนที่มีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่สูงส่ง ปัจจุบันไม่นึกเลยว่าคนเหล่านั้นจะตายอย่างน่าเวทนาอยู่ต่อหน้าพวกเขา

เรื่องตื่นตระหนกตกใจเป็นเพียงเรื่องรอง สิ่งที่ตามมาก็คือความหวาดกลัวที่เกิดจากการโจมตีของศัตรู!

“อ๊ากก! ……”

เสียงกรีดร้องที่น่าเวทนาดังขึ้นมาอีกครั้ง นี่เป็นผู้อาวุโสไท่ซ่างคนที่สามแล้วที่ตายอยู่ในเงื้อมมือเมิ่งเชียนชาง

กระทั่งวินาทีนี้ บนนภานอกอาณากระบี่หวูจี๋ก็เหลือเพียงผู้อาวุโสไท่ซ่างสองคนที่มีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ รวมไปถึงตู๋กูเจี้ยนเฉินที่เพิ่งตกลงมาจากฟ้าแล้วบาดเจ็บสาหัส

และในเวลานี้เอง อาศัยช่วงจังหวะที่ผู้อาวุโสสองคนถูกสังหาร ผู้อาวุโสไท่ซ่างสองคนที่มีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อจึงเข้าไปในขอบเขตของอาณากระบี่ ได้รับการคุ้มครองจากม่านแสงค่ายใหญ่ ในขณะที่รู้สึกว่าตนรอดพ้นจากภัยพิบัติอยู่นั้น ภายในใจก็เต็มเปี่ยมไปด้วยไฟโกรธที่ล้นฟ้า

ถูกศัตรูบุกโจมตีมาถึงสำนักเขาไม่ว่า ผู้อาวุโสไท่ซ่างถึงขั้นดับสลายสูญสิ้นติดต่อกันถึงสามคน สำหรับอาณากระบี่หวูจี๋แล้ว นี่ต้องเป็นการโจมตีและการเหยียดหยามที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน!

“พวกเจ้าคิดจริง ๆ หรือว่ามีกระดองเต่าแค่อันเดียวก็ปลอดภัยแล้ว?”

นอกม่านแสงค่ายใหญ่ เมิ่งเชียนชางหัวเราะอย่างเยือกเย็น ก่อนจะพลิกมือหยิบฮู้สีดำออกมาหนึ่งชิ้น

“ฮู้ดับต้องห้าม!”

เสี้ยววินาทีที่เห็นเมิ่งเชียนชางหยิบฮู้ดับต้องห้ามนั่นออกมา ตู๋กูที่อยู่ในหุบเขาก็ลืมตาขึ้นมากะทันหัน แววตาเฉียบคมดั่งกระบี่ มองทะลวงปริภูมิ

ตั้งแต่วินาทีที่เมิ่งเชียนชางปรากฏตู๋กูก็สัมผัสได้แล้ว แต่เขาแค่ไม่ได้ลงมือเท่านั้นเอง แม้นเหตุการณ์ในครั้งนี้จะทำให้อาณากระบี่หวูจี๋ต้องสูญเสียผู้แข็งแกร่งไปบ้าง ทว่าสำหรับกองกำลังระดับแดนศักดิ์สิทธิ์หนึ่งแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นการขัดเกลาและบททดสอบที่ต้องประสบ

อย่างไรเสียเขาก็ไม่มีทางประคองแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ใหญ่โตได้ด้วยแรงตนเองเพียงคนเดียวอยู่แล้ว นอกเสียจากมีผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งย่างกรายมาถึง มิเช่นนั้นภัยคุกคามอื่น ๆ ล้วนต้องให้อาณากระบี่หวูจี๋เป็นผู้จัดการเอง เมื่อไม่ถึงช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย เขาจักไม่ลงมือง่าย ๆ

แต่ฮู้ดับต้องห้ามกลับแตกต่างกัน เพราะมีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าที่ชำนาญในวิถีค่ายเท่านั้นถึงจะสามารถกลั่นฮู้ประเภทนี้ออกมาได้ ขอแค่เป็นค่ายกลที่บรรลุไม่ถึงระดับประมุขเต๋า เมื่ออยู่ต่อหน้าฮู้ดับต้องห้าม ค่ายกลเหล่านั้นก็แทบจะไม่ต่างอะไรจากของตกแต่งเลย!

“ฉึก!”

เสี้ยววินาทีที่เมิ่งเชียนชางกระตุ้นฮู้ดับต้องห้าม ก็มีแสงมืดดวงหนึ่งบินออกไปจากฮู้สีดำ วินาทีนี้ม่านแสงค่ายใหญ่ระดับผู้สูงส่งที่แข็งแกร่งไม่ต่างอะไรจากสิ่งเปราะบาง เพียงพริบตาเดียวก็ถูกฉีกกระชากจนแตกสลาย และไม่คงอยู่อีกต่อไป!

ทันทีที่ไม่มีการขวางกั้นของม่านแสงค่ายกล จากศักยภาพ ณ ปัจจุบันของเมิ่งเชียนชาง ล้วนเป็นฝันร้ายสำหรับคนในอาณากระบี่หวูจี๋ ทั้งสำนักเขามีโอกาสสูญสิ้นอยู่ในเงื้อมมือเขาสูงมาก!

เมื่อดำเนินการมาถึงวินาทีนี้ ตู๋กูรู้อยู่ว่าตัวเองจำเป็นต้องลงมือแล้ว เขาสามารถยอมรับความเสียหายของอาณากระบี่หวูจี๋ได้ในขอบเขตที่กำหนด แต่กลับไม่มีทางนิ่งดูดายต่อหายนะที่อาณากระบี่หวูจี๋จะถูกล้มล้าง

ไม่ว่าอย่างไรอาณากระบี่แห่งนี้ก็เป็นกิจการงานที่เขาทุ่มแรงกายแรงใจบ่มเพาะมายาวนานมาก ๆ แล้ว

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท