มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2919
มกุฎเต๋าหวูจี๋มีอยู่ในโลกในยุคแห่งความโกลาหลนับไม่ถ้วน เขาได้เคยสำรวจหอคอยนภากาศ เคยบุกเข้าไปในพื้นที่แกนกลางของแดนบรรพกาล เคยไปยังส่วนลึกของภวังค์ดาราศุภรและสำรวจซากปรักหักพังโบราณนับไม่ถ้วน
ในฐานะคนรุ่นหลัง ได้เดินตามรอยเท้าของบรรพบุรุษในสมัยโบราณและติดตามเหตุการณ์ในอดีตที่สูญหายไปในสายน้ำแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน
ตามคำพูดของมกุฎเต๋าหวูจี๋ ยุคสมัยที่เก่าแก่ที่สุดที่เขารู้จักคือยุคของประเทศเซียน!
เป็นยุคแห่งความรุ่งโรจน์และความเจริญรุ่งเรืองที่หาที่เปรียบมิได้ ในยุคนั้น มีชาวเซียนนับไม่ถ้วนและมีประเทศเซียนมากมายในจักรวาล และทุกๆ ประเทศเซียนจะมีราชาเซียนนั่งเป็นผู้บังคับบัญชา
เป็นยุคที่ประมุขเต๋ามีอยู่ทุกที่และมีแดนผู้สูงส่งมากพอๆกับสุนัข มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งที่มรรคผลกลายเซียนเท่านั้นที่ยังพอจะเรียกได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งในห้วงดารา
แต่ไม่ว่ายุคสมัยจะยิ่งใหญ่และอลังการเพียงใด ในที่สุดก็จะมีกระบวนการแห่งความเจริญรุ่งเรืองแล้วเสื่อมถอย และความหายนะก็ปะทุขึ้น!
มันเป็นการต่อสู้ที่น่าเศร้าอย่างยิ่งระหว่างชาวเซียน ชาวเซียนทุกคนมีกองทัพเทพมารจำนวนนับไม่ถ้วนภายใต้คำสั่งของพวกเขา ภัยพิบัติร้ายแรงกวาดล้างไปทั่วทั้งจักรวาลและทำลายล้างการสืบทอดนับไม่ถ้วน
หลัวซิวไม่เคยมีประสบการณ์ในยุคนั้น แต่เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความรุ่งโรจน์ของยุคนั้นและโศกนาฏกรรมของหายนะจากคำบอกเล่าของมกุฎเต๋าหวูจี๋
หลังจากความหายนะของยุคประเทศเซียนสิ้นสุดลง จักรวาลทั้งหมดถูกทำลายจนไม่เหมือนเดิม และชาวเซียนที่เหลืออยู่ได้ซ่อมแซมปริภูมิที่พังทลายและสร้างดาวเคราะห์ที่มีชีวิตขึ้นมาทีละดวง
อย่างไรก็ตาม หายนะครั้งใหญ่นั้นรุนแรงมากจนทั้งจักรวาลแตกเป็นเสี่ยงๆ และชิ้นส่วนของจักรวาลบางส่วนก็พัฒนาผ่านยุคแห่งความโกลาหลนับไม่ถ้วน ค่อยๆ ก่อตัวเป็นดาราจักรวาลของสมัยต้าเหยียน
แต่ในสมัยต้าเหยียน ไม่มีร่องรอยของชาวเซียนในจักรวาลและอารยธรรมของวิถียุทธ์การฝึกตนเริ่มขึ้นจากแรกเริ่ม ในบางครั้ง บางคนจะพบการสืบทอดเล็กน้อยของยุคประเทศเซียนในซากปรักหักพังโบราณ
จนกระทั่งต่อมา คนๆหนึ่งที่ประกาศตัวเองว่าเป็นราชาเซียนได้มาถึง สอนสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและมอบวิชาวิเศษอันสูงสุดให้แก่ผู้คน
ราชาเซียนเทศนาและไม่สอนออกไปง่ายๆ ต้องผ่านการทดลองและความยากลำบากมากมายเพื่อให้มีคุณสมบัติที่จะเดินไปถึงตรงหน้าราชาเซียน ในยุคนั้น มีเพียงสิบสี่คนที่ผ่านการทดสอบและกลายเป็นผู้โชคดีที่ได้นั่งฟังเทศนาของราชาเซียนผู้นั้น และถือตนเป็นศิษย์ของราชาเซียน
มกุฎเต๋าหวูจี๋เป็นหนึ่งในสิบสี่คนในตอนนั้น!
แล้วมกุฎเต๋าหวูจี๋ยังได้รู้ความลับของยุคประเทษเซียนจากปากราชาเซียน ด้วยเหตุนี้จึงรู้จักแดนบรรพกาลและหอคอยนภากาศ เป็นการสืบทอดที่เหลือมาจากชาวเซียนในยุคประเทษเซียน
ตามคำพูดของราชาเซียน หากคนรุ่นหลังสามารถกลายเซียนได้ สามารถตามรอยเท้าที่ทิ้งไว้โดยกลายเซียนโบราณและไปสู่อีกโลกใหม่ได้
“สมบัติแปลกประหลาดแปดชิ้นถูกเพาะพันธุ์ขึ้นมาในธรรมจักรวาลดั้งเดิม และราชาเซียนได้มอบมันให้กับพวกเราแปดคนในบรรดาสิบสี่คน ก็คือฟ้า ดิน เสวียน เหลือง จักรวาล จักรภพ ล้น ฮวง บรรพโบราณทั้งแปดที่เจ้ารู้จัก”
“ตามที่ราชาเซียนกล่าวไว้ สมบัติอัญมณีดั้งเดิมทั้งแปดนี้มีศักยภาพสูง และพวกมันมีโอกาสที่จะเติบโตไปสู่ระดับภัณฑ์เซียนในอนาคต ดังนั้นบรรพโบราณทั้งแปดที่ได้รับสมบัติทั้งแปดนี้จึงมีความยินดียิ่งนัก โดยต่างคิดว่าพวกเขาจะต้องกลายเซียนในอนาคตอย่างแน่นอน”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้ามกุฎเต๋าหวูจี๋มีความขมขื่น “บางทีราชาเซียนอาจไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเวลานั้น แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการกระทำของราชาเซียนนี้ ได้ปลูกฝังหายนะไว้ในพวกเราสิบสี่คนตั้งแต่แรก!”
ตามคำบอกเล่าของมกุฎเต๋าหวูจี๋ หลัวซิวไม่ได้ขัดจังหวะ แต่เพียงฟังอย่างเงียบ ๆ หลัวซิวเห็นด้วยอย่างยิ่งกับทฤษฎีต้นตอของหายนะ เพราะราชาเซียนมีศิษย์สิบสี่คน แต่เขากลับมอบให้กับแปดในสิบสี่คน และนี่จะทำให้อีกหกคนรู้สึกไม่พอใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ในบรรดาพวกเราสิบสี่คน นอกนภาโดดเดี่ยวและเย่อหยิ่ง เขาเชื่อว่าการฝึกฝนวิถียุทธ์ต้องพึ่งตนเองทุกอย่าง ไม่พึ่งพาสิ่งภายนอกใด ๆ เพื่อบรรลุวิถีเซียนแท้ ดังนั้นแม้ราชาเซียนจะมอบอัญมณีดั้งเดิมนั้นให้แก่เขา เขาก็จะไม่รับ”
“สำหรับข้า ข้าค่อนข้างเฉื่อยชา สำหรับข้าแล้ว ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีอัญมณีดั้งเดิมก็ตามก็เป็นเรื่องที่ข้าแยแส”
“อันที่จริง ในใจของทั้งนอกนภาและข้ารู้ว่าเหตุผลหลักที่ราชาเซียนมอบอัญมณีดั้งเดิมทั้งแปดให้กับแปดคนนั้นก็เพราะพรสวรรค์ของคนแปดคนนั้นต่ำที่สุดในบรรดาสิบสี่คน พวกเราหกคนไม่ต้องการการช่วยเหลือจากอัญมณีดั้งเดิม ในอนาคตก็มีความหวังอย่างมากในการกลายเซียน แต่บรรพโบราณทั้งแปดนั้นแตกต่างออกไป หากพวกเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือจากอัญมณีดั้งเดิม ความหวังของพวกเขาที่จะกลายเซียนในอนาคตนั้นริบหรี่”
“เดิมที มันคงจะดีถ้าเรื่องนี้ผ่านพ้นไป แต่จู่ๆ ก็มีชาวเซียนที่ทรงพลังอีกคนมาถึง และการต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตายก็เกิดขึ้นระหว่างเขากับราชาเซียน!”
“ในท้ายที่สุด ราชาเซียนเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกันและเกือบจะตาย ก่อนที่เขาจะตาย เขาได้เรียกพวกเราทั้งสิบสี่คนมา ตั้งใจจะบอกเรื่องสุดท้ายหลังจากที่เขาเสียชีวิตแก่เขา”
“ราชาเซียนใจดีและหวังเสมอว่าศิษย์พี่ศิษย์น้องสิบสี่คนสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ แต่เนื่องจากการแบ่งอัญมณีดั้งเดิม หวูซินและมังกรอิมเอี๊ยงไท่ชูมีความขุ่นเคืองใจมานาน ดังนั้นหลังจากที่ราชาเซียนเสียชีวิตแล้วก็ไร้ความปรานีทันที!”
“การโจมตีของหวูซิน ทำให้เราคาดไม่ถึงและในสถานการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัว บรรพโบราณทั้งแปดได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่ใช่ข้าและนอกนภาช่วยพวกเขาทันเวลา พวกเขาคงตายไปนานแล้ว!”
“แต่ในบรรดาพวกเราสิบสี่คน หวูซินและมังกรอิมเอี๊ยงไท่ชูนั้นแข็งแกร่งที่สุด แม้ว่านอกนภากับข้าจะร่วมมือกันก็ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ ดังนั้นจึงขอให้มกุฎเต๋าสังสารวัฏช่วยเหลือ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ มกุฎเต๋าหวูจี๋ถอนหายใจอย่างเสียใจ “นี่คือหายนะในสมัยต้าเหยียน ในเวลานั้น บรรพโบราณทั้งแปดยังคงอยู่ในแดนประมุขเต๋า แม้ว่าข้าและนอกนภาจะเป็นแดนมกุฎเต๋าและร่วมมือกับวัฏจักรธรรม ความแข็งแกร่งก็ด้อยกว่า หวูซิน และมังกรอิมเอี๊ยงไท่ชูทั้งสามคน”
“ในท้ายที่สุด บรรพโบราณทั้งแปดได้ต่อสู้โดยการตัดขาดการทางล่าถอยในอนาคต ผสานตัวเองเข้ากับธรรมดั้งเดิมผ่านอัญมณีดั้งเดิม และบังคับให้บรรลุสู่แดนมกุฎเต๋า ถึงจะได้รับชัยชนะที่น่าสังเวช”
การผสานกับธรรมดั้งเดิม หมายความว่าแดนวิถียุทธ์ของบรรพโบราณทั้งแปดจะหยุดอยู่ที่ระดับธรรมดั้งเดิมตลอดไปและจะไม่มีทางไปถึงแดนวิถีแห่งเซียนได้ การเสียสละอย่างนี้ยิ่งใหญ่นัก!
เนื่องจากการต่อสู้ครั้งนั้น มกุฎเต๋าสังสารวัฏอยู่ข้างกับบรรพโบราณทั้งแปด ดังนั้นหลังสงคราม บรรพโบราณทั้งแปดและมกุฎเต๋าทั้งสองก็สัญญาว่าจะให้มกุฎเต๋าสังสารวัฏเป็นผู้ปกครองโลกมหาศักดิ์แปดด้านหลายยุคแห่งความโกลาหล ใช้สิ่งนี้เพื่อฝึกฝนพลังวัฏสงสารสูงสุดของตนเอง
แต่ในไม่ช้าบรรพโบราณทั้งแปดและมกุฎเต๋าทั้งสองก็ค้นพบว่ามกุฎเต๋าสังสารวัฏมีความทะเยอทะยานสูง ด้านหนึ่ง เขาได้สอนสั่งจ้าววัฏสงสารเพื่อทำให้เส้นทางแห่งวัฏสงสารของเขาสมบูรณ์แบบ อีกด้านหนึ่งก็สร้างกองกำลังจ่างเทียนตี้ขึ้นมาเพื่อค้นหาชิ้นส่วนอัญมณีดั้งเดิมที่หายสาบสูญในการต่อสู้ครั้งนั้น
สิ่งนี้ทำให้บรรพโบราณทั้งแปดและมกุฎเต๋าทั้งสองตระหนักว่ามกุฎเต๋าสังสารวัฏก็อยากได้อัญมณีดั้งเดิมทั้งแปดเช่นกัน เมื่อเขาบรรลุเส้นทางแห่งวัฏสงสารบรรลุผลบริบูรณ์แล้ว บรรพโบราณทั้งแปดจะเป็นคนแรกที่เขาจะกำจัดทิ้งเพื่อแย่งชิงอัญมณีดั้งเดิม!
แม้ว่าในระดับของมกุฎเต๋า ดูเหมือนว่าโลกมหาศักดิ์แปดด้านจะได้เปรียบ แต่เนื่องจากบรรพโบราณทั้งแปดได้หลอมรวมเข้ากับธรรมดั้งเดิมถึงบรรลุแดนมกุฎเต๋า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถออกจากโลกที่พวกเขาสร้างขึ้นได้
กล่าวอีกนัยหนึ่งบรรพจารย์ฮวงอยู่ได้แต่ในโลกร้างเท่านั้น ไม่สามารถไปโลกสวรรค์และไม่สามารถไปโลกใต้ดินได้ ผนึกร่างผันสามารถไปได้ แต่ความแข็งแกร่งระดับสูงสุดก็แค่ระดับประมุขเต๋าเท่านั้น
ในกรณีนี้ บทบาทที่บรรพโบราณทั้งแปดสามารถใช้ได้จะลดลงอย่างมาก
ดวงตาของมกุฎเต๋าหวูจี๋เต็มไปด้วยความกังวล ในสถานการณ์ที่มกุฎเต๋าสังสารวัฏยืนอยู่ฝ่ายมกุฎเต๋าหวูซินและมกุฎมังกรอิมเอี๊ยงไท่ชู เขาไม่มีความมั่นใจมากนักที่จะต่อกร
“อาจารย์ ถ้ามีการอ้างอิงของวรยุทธ์วิถีแห่งเซียน จะเพิ่มโอกาสให้อาจารย์บรรลุกลายเซียนได้หรือไม่?”
หลัวซิวพลิกมือและหยิบม้วนหยกที่บันทึกพลังอมตะหลอมจิตและคัมภีร์เซียนออกมา
“น้ำใจของเจ้านี้ ข้ารับแล้ว แต่การที่อาจารย์จะสามารถก้าวข้ามไปสู่เซียนได้หรือไม่นั้น วิชาไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือโอกาสที่ทำให้ข้าสามารถบรรลุไปได้”
มกุฎเต๋าหวูจี๋ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม ครั้งหนึ่ง เขาเคยฟังคำสอนของราชาเซียน ดังนั้นเขาจึงไม่ขาดการอ้างอิงด้านวรยุทธ์วิถีแห่งเซียน และในหลายปีมานี้เขาไปบุกซากปรักหักพังหลายที่ก็ได้รับการสืบทอดวรยุทธ์วิถีแห่งเซียนบางอย่างเช่นกัน
“แล้วโอกาสแบบไหนที่อาจารย์จะบรรลุได้?” หลัวซิวถาม
“โอกาสระดับเซียน เช่น โอสถเซียน หรือพลังแห่งการสืบทอดที่ผู้แข็งแกร่งวิถีแห่งเซียนทิ้งไว้!” มกุฎเต๋าหวูจี๋กล่าว
วรยุทธ์วิถีแห่งเซียนและพลังอมตะนั้นหาได้ไม่ยาก แต่โอสถเซียนและพลังแห่งการสืบทอดนั้นหายาก
ตัวอย่างเช่น หลัวซิวได้รับพลังแห่งการสืบทอดในสถานสาสน์เต๋า ดังนั้นผลการฝึกตนของเขาจึงสามารถบรรลุไปสู่จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดสูงสุดได้อย่างรวดเร็ว แต่ระดับของพลังแห่งการสืบทอดนี้ไม่เพียงพอสำหรับผู้แข็งแกร่งเช่นมกุฎเต๋าหวูจี๋ให้บรรลุฝ่าพันธนาการแห่งแดนเซียน
แม้แต่พลังแห่งวิถีแห่งเซียนที่เก็บไว้ในขวดเซียนอัคคีหลอมจิตก็มีความสำคัญเพียงเล็กน้อยสำหรับผู้แข็งแกร่งอย่างมกุฎเต๋าหวูจี๋ เพราะมีเพียงสิบห้านาที ซึ่งเวลาสั้นเกินไป
และหลัวซิวก็เคยคิดเช่นกัน มนุษย์อมตะอาจอยู่เหนือมกุฎเต๋า แต่ด้วยไพ่ตายต่างๆ ที่พวกมกุฎเต๋าสังสารวัฏ มกุฎเต๋าหวูซิน และมกุฎมังกรอิมเอี๊ยงไท่ชูมี แม้ว่าเขาจะสามารถได้รับพละมนุษย์อมตะในสิบห้านาที ก็อาจไม่สามารถคุกคามถึงชีวิตของพวกเขาได้
เมื่อเขาใช้ไพ่ตายนี้แต่ไม่สามารถกำจัดพวกมกุฎเต๋าสังสารวัฏได้ เขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายอย่างยิ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เกี่ยวกับความลับในขวดเซียนอัคคีหลอมจิต หลัวซิวไม่ได้บอกมกุฎเต๋าหวูจี๋ บางทีถ้าใช้ในช่วงเวลาวิกฤต มันอาจจะมีผลที่คาดไม่ถึงจริงๆ
หากเป็นการโจมตีตรงๆ อาจไม่ง่ายที่จะฆ่า มกุฎเต๋าด้วยพละมนุษย์อมตะ แต่ถ้าเป็นการลอบโจมตีล่ะ?
ใครจะคิดว่าผู้น้อยที่มีผลการฝึกตนของจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดจะใช้พลังเทียบได้กับชาวเซียนล่ะ?
เรื่องที่หุบเขาสยบปีศาจถูกทำลายลง หลัวซิวได้รวมมกุฎเต๋าสังสารวัฏไว้ในรายการคนที่ต้องสังหาร!
เมื่อหลัวซิวกลับมาจากโลกาอนัตตาอู๋จี๋ ธรณีสำนักอาณากระบี่เปลี่ยนไปใหม่ ค่ายกลที่เสียหายได้รับการบูรณะ ซากปรักหักพังได้รับการทำความสะอาด และตำหนักถูกสร้างขึ้นใหม่
ผู้คนในหุบเขาสยบปีศาจได้สร้างพื้นที่ใหม่ในธรณีสำนัก ภายใต้การคุ้มครองของเหล่าต้วนคง พวกเขาได้กินยาเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ
“ศิษย์น้อง นี่คือศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเรา ฉินจ้าน!”
ในวังซิวหลัวที่สร้างขึ้นใหม่ ตู๋กูพาชายหนุ่มในชุดดำมาหาหลัวซิว
“คารวะศิษย์พี่ใหญ่”
หลัวซิวยืนขึ้นและทำความเคารพ เขารู้ว่ามกุฎเต๋าหวูจี๋มีศิษย์เจ็ดคน เขาเป็นศิษย์น้องเล็ก ตู๋กูเป็นศิษย์พี่หก และยังมีศิษย์พี่อีกห้าคน
และฉินจ้านผู้นี้ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของมกุฎเต๋าหวูจี๋ ผลการฝึกตนหยั่งรู้ไม่ได้
“ศิษย์น้องเล็ก ไม่จำเป็นต้องเกรงใจเกินไป แม้ว่าข้าไม่เคยพบเจ้า แต่ข้าได้ยินอาจารย์กล่าวถึงเจ้าหลายครั้ง ข้าอยากเป็นเพื่อนกับเจ้ามานาน”
ฉินจ้านประสานมือคำนับกลับ สีหน้าไม่มีความเย่อหยิ่งใดๆ เพราะเขารู้ว่าหลัวซิวบุกถึงชั้นที่ยี่สิบสามในวังเซียนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะในด้านของพรสวรรค์หรือความสามารถ ขาไม่ได้อ่อนแอกว่าตัวเขาเองและเหนือกว่าเขาด้วยซ้ำ
“ข้าได้รับคำสั่งจากอาจารย์ให้ไปเฝ้าบริเวณรอบนอกของแดนบรรพกาล ข้าบังเอิญเชี่ยวชาญวิถีแห่งห้วงเวลาพอดี และศิษย์น้องเล็กเชี่ยวชาญวิถีแห่งความเป็นตาย เจ้ากับข้า ร่วมมือกัน เราสามารถคืนชีพให้กับบางคนที่ตายในการลอบโจมตีครั้งนี้ของจ่างเทียนตี้ได้” ฉินจ้านพูดจุดประสงค์ของเขาในการมา
“ฟื้นคืนชีพ?”
เมื่อเขาได้ยินว่าศิษย์พี่ใหญ่คนนี้เชี่ยวชาญวิถีแห่งห้วงเวลา หลัวซิวก็เดาได้อย่างคลุมเครือแล้ว ความยินดีปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาทันที
เพราะเมื่อก่อนตอนที่เขาฟื้นคืนชีพเสี่ยวเจียงหมิง เขาอาศัยผลการฝึกตนของเขาเองเพื่อบังคับย้อนเวลา จากนั้นก็ทำเรื่องที่ไม่ควรทำ โดยใช้พลังแห่งความเป็นตายเพื่อชุบชีวิตคนตายจากเพลาไหลรวย!
วิธีนี้มีข้อจำกัดอย่างมาก เมื่อก่อนเขาสามารถฟื้นคืนชีพเสี่ยวเจียงหมิงได้ ส่วนใหญ่เป็นเพราะเสี่ยวเจียงหมิงเป็นเพียงมนุษย์ที่ไม่ได้ฝึกฝนถึงเทพมารเลยด้วยซ้ำ
แต่ในบรรดาสมาชิกของหุบเขาสยบปีศาจที่จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาและศิษย์ที่ตายไปของของอาณากระบี่หวูจี๋ในวันนี้นั้น พวกเขาหลายคนมีระดับผลการฝึกตนที่เหนือกว่าจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ด และเป็นไปไม่ได้เลยที่หลัวซิวจะทำได้สำเร็จด้วยแดนในตอนนี้ของเขา
แต่หากศิษย์พี่ใหญ่คนนี้สามารถช่วยเหลือได้ ก็จะแตกต่างออกไป เพราะหลัวซิวสามารถรู้สึกได้ว่าความสำเร็จของศิษย์พี่ใหญ่คนนี้ในด้านวิถีแห่งห้วงเวลาได้มาถึงระดับของประมุขเต๋าแล้ว นั่นคือแดนธรรมดั้งเดิมบรรลุผล กระทั่งถึงแดนบริบูรณ์!