มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2931
“มังกรอิม เจ้าเลิกคิดเสียเถอะ!”
แน่นอนว่ามกุฎเต๋าบรรพจารย์ฮวงไม่สามารถนั่งมองเฉย ๆ เพื่อให้มกุฎมังกรอิมไปสู้กับหลัวซิวได้ ดังนั้นวินาทีที่มกุฎมังกรอิมทำลายอนัตตาพุ่งเข้าไปสู่สถานปรักเซียน เขาก็พุ่งตามเข้าไปด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังยกมือขึ้นปล่อยวิชาพลังอมตะมากมายเข้าไปโจมตีมกุฎมังกรอิมอีกด้วย
“เจ้าที่ไม่มีหอคอยฮวง มีสิทธิ์อะไรมาสู้กับข้า?”
สีหน้าของมกุฎมังกรอิมเผยรอยยิ้มเย็นชาด้วยความเย้ยหยันออกมา นอกจากอู๋จี๋และนอกนภาสองศิษย์พี่น้องนี้ที่ทำให้นางค่อนข้างที่จะหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่สำหรับบรรพโบราณทั้งแปดแล้ว นางไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา
“ปัง!”
สถานปรักเซียนแต่เดิมก็มีอายุมาอย่างยาวนานอยู่แล้ว ปริภูมิภายในนั้นไม่มั่นคงอย่างมาก เมื่อผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าทั้งสองคนต่อสู้กันภายในที่แห่งนี้ อนัตตาขนาดมหึมาก็พลันแตกร้าวลงในพริบตา ระเบิดออกกลายเป็นความว่างเปล่า
มกุฎเต๋าทั้งสองท่านไม่มีใครปราณีใครทั้งสิ้น มกุฎเต๋าบรรพจารย์ฮวงควบคุมธรรมเวชกาลร้าง ร่างเนื้อแข็งแรงหาใดเทียม ทุกการขยับต่างก็ปล่อยพลังอำนาจมหาศาลออกมา มกุฎมังกรอิมครอบครองความมืดและน้ำแข็งแห่งไท่หยิน สิ่งที่นางสำแดงพลังอมตะความมืดออกมานั้น ต่างก็เป็นสิ่งที่สามารถกลืนกินได้แม้แต่ห้วงเวลา
มกุฎเต๋าทั้งสี่ค่อสู้กันโดยแบ่งฝ่ายเป็นสองสอง สองคนอยู่ภายในสถานปรักเซียน อีกสองคนอยู่ด้านนอกสถานปรักเซียน
เนื่องด้วยสงครามระหว่างมกุฎมังกรอิมและมกุฎเต๋าบรรพจารย์ฮวงยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ปริภูมิทั่วทั้งสถานปรักเซียนก็ถูกทำลายลงไปจนแทบไม่เหลือเค้าโครง เรียกได้ว่าผู้สูงส่งและมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าจำนวนไม่น้อยที่ก่อนหน้านี้ถูกส่งเข้ามาหาสมบัติภายในสถานปรักเซียนต่างก็ถูกคลื่นของพลังนั้นโจมตี ภายในชั่วพริบตาก็เสียชีวิตโดยไม่เหลือแม้แต่โครงกระดูก
โชคยังดีที่คนที่ถูกคลื่นจากสงครามระหว่างมกุฎเต๋าโจมตีนั้นมีไม่มาก แต่ภายในสถานปรักเซียนมียาเซียนและทรัพยากรที่หายากเป็นจำนวนมากนั้นได้รับผลกระทบอย่างมาก ไม่รู้ว่ามีของดีสักกี่มากน้อยที่ถูกทำลายไป
หลัวซิวคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะกลายเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋า แต่ว่าเขาเห็นแค่เพียงมกุฎมังกรอิมกับมกุฎเต๋าบรรพจารย์ฮวง แต่กลับไม่เห็นอาจารย์ของตนและมกุฎเต๋าหวูซินเลย
สงครามการปะทะกันระหว่างผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋า หลัวซิวไม่มีทางเข้าไปใกล้อย่างแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาในตอนนี้เป็นเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าช่วงปลาย ต่อให้เขาบรรลุถึงแดนผู้สูงส่ง ก็ใช่ว่าจะมีคุณสิทธิ์เข้าไปแทรกแซงสงครามระดับมกุฎเต๋า
ปริภูมิทั่วทั้งสถานปรักเซียนต่างเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงขึ้นมา หลัวซิวประเมินว่า หากเหตุการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่นานจากนี้ปริภูมิทั่วทั้งปรักเซียนก็จะพังทลายลง ทุกสิ่งทุกอย่างในที่แห่งนี้ ต่างก็จะถูกพลังงานของปริภูมิที่พลังทลายทั้งหมดแผดเผาจนสิ้น
อาศัยสรรพคุณของน้ำอมฤตเทียนอี บาดแผลของหลัวซิวก็ได้ฟื้นฟูขึ้นมาไม่น้อย เขาหยิบเอาแผนที่ม้วนหยกออกมา ไม่นานก็สามารถตรึงตำแหน่งของสามสมบัติในปรักเซียนไว้ได้ ชิ้นสุดท้ายก็คือที่อยู่ของเข็มทิศสาสน์เต๋าชิ้นนั้น
ในเมื่อรากเซียนน้ำไฟและไข่มุกสาสน์เต๋าต่างก็ได้มาอยู่ในมือแล้ว แน่นอนว่าหลัวซิวจึงไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยสมบัติชิ้นสุดท้ายอย่างเข็มทิศสาสน์เต๋าให้หลุดมือไป
เมื่อมีมกุฎเต๋าบรรพจารย์ฮวงลงมือ ต่อให้พลังของมกุฎมังกรอิมจะแข็งแกร่งกว่ามกุฎเต๋าบรรพจารย์ฮวงเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่สามารถหาจังหวะมาลงมือกับหลัวซิวได้อยู่ดี
ดังนั้น ใช้เวลาเพียงไม่นาน หลัวซิวก็สามารถค้นหาจนเจอตำแหน่งของเข็มทิศสาสน์เต๋า แต่ว่าเขากลับมองไม่เห็นเข็มทิศสาสน์เต๋า เห็นเพียงห้วงลึกแห่งหนึ่งที่มีตัวต้องห้ามพละเซียนน้ำไฟผนึกอยู่
และตามสัญลักษณ์บนแผนที่ม้วนหยก เข็มทิศสาสน์เต๋าก็น่าจะอยู่ที่ฐานล่างสุดของห้วงลึกแห่งนี้
“ปัง!”
หลัวซิวกระโดดลงไปในห้วงลึกอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาโคจรสรรพวิถีล้วนว้าง รอบกายเปล่งประกายไปด้วยแสงเซียน ฝืนฝ่าการโจมตีของตัวต้องห้ามพละเซียนน้ำไฟเอาไว้ และดำดิ่งลงไปยังด้านล่างสุดของห้วงลึกเรื่อย ๆ
ทันใดนั้นเอง เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลของออร่าวิถีเซียน จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นถึงกงล้อกลมที่มีลักษณะเหมือนดาวหกแฉก ลอยอยู่ท่ามกลางความมืดในห้วงลึก
ลายเส้นบนกงล้อนั้นตัดสลับกันไปมา ทุก ๆ ลายเส้นต่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความลึกลับของวิถีเซียน แต่ไม่เหมือนกับรากเซียนน้ำไฟ บนเข็มทิศสาสน์เต๋าชิ้นนี้มีออร่าของAttrไหลเวียนอยู่ ไม่ใช่Attrของพละน้ำไฟ
“สมบัติแห่งฟ้าดินบ่มเพาะหรือ?”
วินาทีที่หลัวซิวมองเห็นเข็มทิศสาสน์เต๋า ลางสังหรณ์ของเขาก็บอกกับเขาว่าสมบัติชิ้นนี้ต้องไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์กลั่นขึ้นมาอย่างแน่นอน เพราะว่าหากเป็นสมบัติที่ชาวเซียนกลั่น ไม่มีทางที่จะมีออร่าพลังเต๋าทั่วไปทั้งชิ้นเช่นนี้
จากบนเข็มทิศสาสน์เต๋า หลัวซิวสัมผัสได้ถึงAttrของปริภูมิ Attrของความเร็ว Attrของแสง กระทั่งAttrของเวลา
“ล้วนเต็มไปด้วยกำลังเซียนของAttrทั้งสี่ชนิด?” แววตาของหลัวซิวเผยความประหลาดใจออกมา ในมือของเขาก็มีภัณฑ์เซียนอยู่ชิ้นหนึ่ง แต่ขวดเซียนอัคคีหลอมจิต ก็เป็นแค่เพียงภัณฑ์เซียนที่มีเพียงAttrไฟชนิดเดียวเท่านั้น
นั่นก็หมายความว่า หากเข็มทิศสาสน์เต๋าในมือของเขาสามารถยกระดับไปถึงระดับภัณฑ์เซียนได้ นั่นก็เทียบเท่ากับสมบัติชิ้นหนึ่งแข็งแกร่งกว่าขวดเซียนอัคคีหลอมจิตหลายหมื่นหลายแสนเท่า
ขนาดของเข็มทิศสาสน์เต๋านั้นไม่ใหญ่ รัศมีมีเพียงแค่ระยะประมาณหนึ่งเมตรเท่านั้น หลัวซิวไม่ลังเลที่จะเปิดตัวตัวหยั่งรู้ของตนออก เก็บเอาเข็มทิศสาสน์เต๋าเข้าไปด้านใน
ในวินาทีที่เข็มทิศสาสน์เต๋าถูกหลัวซิวเก็บไป สมบัติทั้งสามชิ้นทั่วทั้งสถานปรักเซียนจึงหายไปทั้งหมด
เมื่อสมบัติทั้งสามชิ้นถูกเก็บไปจนหมด เช่นนั้นตัวต้องห้ามที่ชาวเซียนทิ้งเอาไว้ในที่แห่งนี้ ก็หมดความหมายที่จะดำรงอยู่ ณ ที่แห่งนี้อีกต่อไป
ดังนั้น เมื่อเข็มทิศสาสน์เต๋าชิ้นสุดท้ายถูกหลัวซิวชิงไปแล้ว ทั่วทั้งปริภูมิของสถานปรักเซียน ก็ยิ่งทวีคูณความเร็วในการพังทลายขึ้นอีกในทันที
ถึงแม้ว่าจะไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าต่อสู้กันในที่แห่งนี้ ปริภูมิแห่งนี้ก็ยังจะพังทลายอยู่ดี เพียงแค่การพังทลายนั้นจะเร็วหรือช้าก็เท่านั้น
“ไม่ได้การ รีบหนี!”
เมื่อหลัวซิวเก็บเข็มทิศสาสน์เต๋าไปแล้ว ก็ได้เป็นการเพิ่มความเร็วในการพังทลายปริภูมิสถานปรักเซียนอีกด้วย พลังการดับสูญอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมา ทำให้ทุกคนที่อยู่ภายในสถานปรักเซียนต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา
ไม่ว่าจะเป็นนักยุทธ์ระดับประมุขเต๋า หรือผู้สูงส่ง หรือกระทั่งมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า ทุกคนต่างสำแดงวิชาของตนที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาอย่างบ้าคลั่งเพื่อทำลายปริภูมิ คิดเพียงแต่ต้องการจะหนีออกไปจากที่แห่งนี้
เว้นเพียงแต่มกุฎมังกรอิมและมกุฎเต๋าบรรพจารย์ฮวงที่ไม่ขยับเขยื้อน สำหรับพวกเขาที่บรรลุถึงระดับมกุฎเต๋าแล้วนั้น ระดับการพังทลายของปริภูมิเพียงเท่านี้ ไม่สามารถคุกคามพวกเขาได้
อย่างไรก็ตาม ความน่ากลัวจากการพังทลายของปริภูมิสถานปรักเซียน มันห่างไกลกับสิ่งที่ทุกคนคาดคิดเอาไว้มาก ผลลัพธ์สุดท้าย เรียกได้ว่าแม้แต่บริเวณด้านนอกของแดนบรรพกาล ต่างก็ถูกคลื่นพลังกันถ้วนหน้า
หลัวซิวก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะมีผลลัพธ์เช่นนี้ เขาแน่ใจว่าเขาไม่สามารถต้านทานพลังการดับสูญจากปริภูมิที่พลังทลายลงได้ ดังนั้นเขาจึงได้เลือกหลบเข้าไปภายในหอคอยฮวงในทันที
ในฐานะที่เป็นสิ่งล้ำค่าที่เกิดจากดั้งเดิมบ่มเพาะ การป้องกันของหอคอยฮวงย่อมไม่ต้องอธิบายให้มากความ ไม่ว่าพลังการับสูญของปริภูมิจะน่ากลัวถึงเพียงใด ก็ไม่สามารถทำลายหอคอยฮวงได้
การเลือกของหลัวซิวเป็นการเลือกที่ถูกต้อง หอคอยฮวงไม่สามารถถูกทำลายได้จริง ๆ ภายใต้การโจมตีของพลังแห่งการดับสูญ หอคอยฮวงถูกม้วนเข้าไปภายในอนัตตา
ในขณะเดียวกัน ทั่วทั้งบริเวณภายนอกแดนบรรพกาลต่างตกอยู่ในความโกลาหล ทุกคนต่างกำลังพากันหนีอย่างบ้าคลั่ง
ผู้คนของวังซิวหลัว ภายใต้การคุ้มครองของผู้นำทั้งห้าของต้วนคง พวกเขาต่างกำลังล่าถอยเช่นเดียวกัน แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่โกลาหลเกินไป ผู้คนจำนวนมากจึงแยกไปคนละทิศละทาง สูญเสียร่องรอย ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?”
สีหน้าของมกุฎเต๋าบรรพจารย์ฮวงย่ำแย่ถึงขีดสุด พลังทำลายล้างจากการพังทลายของสถานปรักเซียน ม้วนเอาบริเวณด้านนอกของทั้งแดนบรรพกาล ผลลัพธ์เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้อยู่เหนือความคาดหมายของเขา
“ฮั่นแน่ พลังทำลายล้างที่น่าหวาดเกรงเช่นนี้ ต่อให้เป็นประมุขเต๋าก็คงจะเอาชีวิตรอดได้ลำบาก เจ้าหนุ่มผู้นั้นที่ครอบครองคุณสมบัติวิถีเซียน คงจะตายไปแล้วเป็นแน่?”
มกุฎมังกรอิมกลับยิ้มออกมา ถึงแม้ผลลัพธ์เช่นนี้ก็จะไม่ใช่สิ่งที่นางคาดการณ์เอาไว้ก็ตาม ผู้แข็งแกร่งของเผ่ามังกรไท่ชูที่ติดตามมากับนางพากันตายไปไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับอีกฝ่ายที่ต้องสูญเสียอัจฉริยะที่ครอบครองคุณสมบัติวิถีเซียนคนหนึ่ง นางก็คิดว่านั่นทำให้นางได้เปรียบ
“ศิษย์น้อง!”
ร่างของฉินจ้านทะลุผ่านเข้ามาท่ามกลางพลังงานอันน่าหวาดกลัวของปริภูมิที่พังทลาย เขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่เหยียบเข้าสู่เกณฑ์มกุฎเต๋าเช่นกัน ถึงแม้ว่าพลังผลการฝึกตนเมื่อเทียบกับมกุฎเต๋าหวูจี๋ พวกเขายังคงห่างชั้นกันอยู่มาก แต่ก็สามารถก้าวเดินอยู่บนปริภูมิพังทลายในระดับนี้ได้
อย่างไรก็ตาม เขาไม่พบร่องรอยของหลัวซิวแต่อย่างใด และในสถานที่ห่างออกไป มกุฎเต๋าหวูจี๋ยังคงรบราฆ่าฟันกับมกุฎเต๋าหวูซินอยู่ ไม่มีเวลาไปกังวลใจในเรื่องอื่น ๆ
ในอนัตตาที่พังทลายนั้น หอคอยเล็ก ๆ ที่มีแสงสีทองจาง ๆ ลอยอยู่เหมือนเรือลำเดียวในมหาสมุทรสีดำ
หอคอยเล็ก ๆ สีทองนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นหอคอยฮวง ถึงแม้ว่านี่จะเป็นสิ่งล้ำค่าดั้งเดิมอันยิ่งใหญ่ แต่ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครใช้ผลการฝึกตนควบคุม มันสามารถพึ่งพาวัสดุของตัวสมบัติเองเพื่อต้านทานผลกระทบจากพลังทำลายล้างของปริภูมิได้
และถึงแม้จะมีกันชนป้องกันของตัวหอคอยฮวงเองอยู่ หลัวซิวอยู่ภายในหอคอยฮวง ก็ยังคงได้รับผลกระทบจากพลังแห่งการทำลายล้างที่น่าหวาดกลัวอย่างต่อเนื่อง
เขาในเวลานี้ใกล้จะสิ้นลมหายใจเต็มที ก่อนหน้านี้เพิ่งใช้น้ำอมฤตเทียนอีเพื่อฟื้นฟูบาดแผล แต่ในเวลานี้มันกลับสาหัสหนักยิ่งกว่าเดิม
ถ้าว่ากันตามหลักเหตุผลที่จะเป็นไปตามปกติแล้ว ต่อให้สมบัติทั้งสามชิ้นของสถานปรักเซียนจะถูกคนเก็บไปหมด ปริภูมิของสถานปรักเซียนจะพังทลายไปจนสิ้น ก็ยังจะมีเวลาที่ยาวนาน อีกทั้งต่อให้พังทลายลง พลังในการทลาย ก็จะไม่ได้รุนแรงถึงขนาดม้วนเอาทั่วทั้งบริเวณรอบนอกของแดนบรรพกาลเข้าไปเช่นนี้
แต่สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมักจะสวนทางกลับอยู่เสมอ ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าสี่คนต่อสู้กัน ทำให้สถานการณ์ทั้งหมดเลวร้ายลงถึงเพียงนี้ ผลลัพธ์ดังกล่าว ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าทั้งสี่ต่างก็คาดไม่ถึง
ภายในปริภูมิด้านในหอคอยฮวง เลือดสดไหลเต็มตัวของหลัวซิวนอนคว่ำอยู่บนพื้น ในเวลานี้แม้แต่นิ้วเดียวเขาก็ยังไม่สามารถกระดิกนี้วได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะหยิบน้ำอมฤตเทียนอีจากภายในแหวนเก็บของเพื่อมารักษาแผลเลย
ในเวลานี้เอง มหาสมุทรปริภูมิอันมืดมิดภายนอก พลันเกิดกระแสน้ำวนปรากฏขึ้น กลืนกินทุกสิ่งที่เข้ามาใกล้
เมื่อหอคอยสีทองขนาดเล็กถูกกลืนกิน หญิงผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นในระยะไกล และเห็นภาพตรงหน้านี้
“ฟู่จวิน!”
เมื่อนางเห็นหอคอยทองเล็ก ๆ นั้น นางก็ร้องอุทานออกมา แต่เสียงของนางก็ไม่อาจดังก้องไปในปริภูมิที่พังทลายแห่งนี้
หญิงผู้นี้ ก็คือเหยียนเยว่เอ๋อร์ การพังทลายของปรักเซียนปริภูมิ ทำให้เกิดการชุลมุลไปทั่วทั้งบริเวณด้านนอกแดนบรรพกาล ท่ามกลางความโกลาหล นางคลาดกับคนอื่น แต่กลับได้เห็นกระแสวนที่ดูดกลืนหอคอยฮวงเข้าไปด้านในพอดี
โดยไร้ซึ่งความลังเล เหยียนเยว่เอ๋อร์กระโจนเข้าไปทันที จากนั้นร่างของนางก็ถูกกระแสวนกลืนกินไปด้วยเช่นกัน วินาทีที่ถูกกลืนกิน นางรู้ตัวดีว่านางอาจสิ้นชีพได้ แต่ต่อให้ตัวต้องตาย นางก็หมายที่จะตายเคียงข้างกับฟู่จวิน
……
การสืบค้นและแย่งชิงของแดนบรรพกาล ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดผลลัพธ์เช่นนี้ พื้นที่ใจกลางแดนบรรพกาลในตอนนี้ยังไม่ถูกเปิดขึ้น แต่บริเวณรอบนอกกลับถูกพลังการดับสูญของปริภูมิผนึกเอาไว้ พลังแห่งปริภูมิที่พังทลายเดือดดาล เป็นเหมือนปราการธรรมชาติทำให้คนที่อยู่ต่ำกว่าระดับประมุขเต๋า ต่างล้มเลิกความคิดที่จะเข้าไปด้านในแดนบรรพกาล
มกุฎเต๋าหวูจี๋และมกุฎเต๋าหวูซินต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส ท้ายที่สุดต่างแยกย้ายกันไป จากคำบอกของฉินจ้าน มกุฎเต๋าหวูจี๋ได้รับรู้ถึงข่างการหายตัวไปของหลัวซิว แต่เขาก็ไม่มีเวลามาสนใจมากมายนัก สิ่งที่ทำเป็นอย่างแรกคือกลับไปที่โลกาอนัตตาอู๋จี๋ปิดขังเพื่อรักษาบาดแผล
“เขาไม่ตายง่าย ๆ เช่นนั้นหรอก”
เมื่อฉินจ้านมาขอร้องให้มกุฎเต๋าบรรพจารย์ฮวงช่วยตามหาหลัวซิว มกุฎเต๋าบรรพจารย์ฮวงกลับยิ้มออกมาอย่างลึกลับ ให้คำตอบที่คลุมเครือแก่คนถาม
ฉินจ้านในตอนแรกไม่เข้าใจในความหมายนั้น แต่ด้วยความเฉลียวฉลาดของเขา ไม่นานก็สามารถคิดไปถึงกุญแจสำคัญได้ นั่นก็คือหอคอยฮวง!
“ใช่แล้ว ในมือของศิษย์น้องครอบครองหอคอยฮวงอยู่ ต่อให้เขาไม่สามารถต่อต้านพลังแห่งการทำลายล้างของปริภูมิพังทลายได้ แต่หอคอยฮวงนั้นทำได้ เขาต้องยังไม่ตายเป็นแน่ แค่เพียงอาจถูกคลื่นของปริภูมิพังทลาย ไม่รู้ว่าถูกส่งไปยังที่ใดก็เท่านั้น”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉินจ้านก็พอวางใจลงได้ ในเวลาเดียวกันเขาก็เข้าใจได้ว่าเหตุใดอาจารย์จึงไม่สนใจเรื่องนี้แล้วไปปิดขังรักษาตัวเสียอย่างนั้น ด้านหนึ่งคืออาการบาดเจ็บของอาจารย์สำหรับคนทั่วไปแล้วเป็นสิ่งสำคัญที่สุด อีกด้านหนึ่งคืออาจารย์รู้ว่าศิษย์น้องครอบครองหอคอยฮวงไว้ อย่างไรเขาก็ต้องยังมีชีวิตอยู่!