มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 2932 โลกใต้ดิน

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2932 โลกใต้ดิน

มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2932

เหมือนกับที่ทุกคนได้รู้ โลกาผู้สูงส่งทั้งแปดเป็นโลกาที่บรรพโบราณทั้งแปดใช้ตนเองผสานกับสิ่งล้ำค่าดั้งเดิมเปิดโลกขึ้น ท่ามกลางบรรพโบราณ ทั้งแปด หนึ่งในนั้นคือมกุฎเต๋าบรรพจารย์ดิน ก็เป็นอสูรจิตที่บ่มเพาะท่ามกลางตรีภพในสมัยต้าเหยียน

ร่างเดิมของมกุฎเต๋าบรรพจารย์ดินคือมังกรตัวหนึ่ง แต่ในด้านของพื้นฐานความสามารถพรสวรรค์ ก็ยังคงเป็นรองจากมกุฎมังกรอิมและมกุฎมังกรเอี๊ยงแห่งไท่ชู ในบรรดาบรรพโบราณทั้งแปด อยู่ในอันดับที่สอง

ในวันนี้มหาทัณฑ์ได้เปิดฉากขึ้นแล้ว โลกาผู้สูงส่งทั้งแปดอยู่ในความวิกฤติ ไม่ใช่แค่เพียงโลกร้างเกิดสงครามอย่างต่อเนื่อง โลกาผู้สูงส่งอื่น ๆ อีกเจ็ดด้าน ต่างก็ไม่ได้อยู่ในความสงบ

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว การเปิดขึ้นของแดนบรรพกาล ทำให้กองกำลังของโลกร้างตกอยู่ในสภาวะตึงเครียด แต่ที่โลกใต้ดินกลับสงบอย่างมาก

ในทะเลทรายที่ลมและทรายพัดเป็นเสียงหวีดเบา ๆ ผู้หญิงในชุดสีแดงถือหอคอยสีทองขนาดเล็กไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ย่างก้าวของนางอ่อนโรย ใบหน้าของซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด

ผู้หญิงชุดแดงคนนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นเหยียนเยว่เอ๋อร์ ท่ามกลางความมืดของปริภูมิพังทลาย นางมองเห็นกระแสวนกำลังดูดกลืนหอคอยฮวง ดังนั้นนางจึงกระโดดเข้าไปในกระแสวนนั้นอย่างไม่ลังเล

สำหรับเหยียนเยว่เอ๋อร์แล้ว หลัวซิวคือฟู่จวินของนาง เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต หากว่าหลัวซิวตายไป นางก็ไม่หมายที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ดังนั้นนางรู้ดีว่าการกระโจนเข้าไปในกระวนนั้นมันอันตรายเสียยิ่งกว่าสิ่งใด แต่นางก็ยังกระโจนเข้าไปอย่างไม่ลังเล หวังเพียงแค่ว่า ต่อให้ตนต้องตาย ก็ยังได้ตายเคียงข้างฟู่จวินของนาง

เมื่อเหยียนเยว่เอ๋อร์ฟื้นขึ้นมาจากการสลบไสล นางก็พบว่าตัวนางอยู่ท่ามกลางทะเลทรายที่อ้างว้าง นางไม่ได้ประหลาดใจแม้แต่น้อยที่ตนยังไม่ตาย แต่สิ่งแรกที่นางนึกถึงคือตามหาร่องรอยของฟู่จวิน

เพียงแต่น่าเสียดาย นางไม่สามารถค้นหาร่องรอยของหลัวซิวได้ หาเจอแค่เพียงหอคอยฮวงที่ถูกเศษกรวดทับถมเอาไว้

เหยียนเยว่เอ๋อร์ไม่ใช่เจ้าของของหอคอยฮวง ดังนั้นตัวสำนึกของนางจึงไม่สามารถเข้าไปสืบค้นสถานการณ์ภายในหอคอยฮวงได้ แต่ลางสังหรณ์บอกนางว่า ฟู่จวินจะต้องอยู่ด้านในหอคอยฮวงเป็นแน่ เขายังมีชีวิตอยู่!

โดยไม่ทันรู้ตัว เวลาก็ผ่านล่วงเลยไปแล้วถึงสามเดือนกว่า เพราะกระแสวนทะลุปริภูมิ ตัวของเหยียนเยว่เอ๋อร์เองก็ได้รับบาดเจ็บมาไม่น้อย ดังนั้นนางจึงต้องใช้เวลาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ จึงสามารถเดินออกมาจากทะเลทรายที่อ้างว้างนี้ได้

แต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น หอคอยฮวงกลับอยู่ในความนิ่งเงียบอยู่ตลอดเวลา สิ่งนี้ทำให้ในใจของเหยียนเยว่เอ๋อร์กังวลอยู่ไม่น้อย นานถึงเพียงนี้แล้วยังไม่ออกมา เห็นได้ชัดว่าอาการของฟู่จวินน่าจะสาหัสทีเดียว

การคาดเดาของเหยียนเยว่เอ๋อร์นั้นถูกต้อง พลังดับสูญจากปริภูมิพังทลายของสถานปรักเซียน ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าต่างก็ยังต้องพากันล่าถอย ต่อให้หลัวซิวจะเก่งกาจสักเพียงใด แต่แท้จริงแล้วก็เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าคนหนึ่ง เขาสามารถอาศัยหอคอยฮวงรักษาชีวิตไว้ได้ก็ถือว่าเป็นโชคดีอย่างมากแล้ว

อาการบาดเจ็บของเขาในวันนี้สาหัสอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ท่ามกลางหอคอยฮวงเขาอยู่ในสภาวะหมดสติอยู่ตลอดเวลา หากไม่ใช่เพราะว่าเขาเชี่ยวชาญวิถีแห่งความเป็นตาย หากไม่ใช่ว่าตลอดมาใช้วิถีแห่งชีวีรั้งเอาไว้ มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาอาจจะตายไปนานแล้ว

เมื่อมาถึงด้านนอกของทะเลทราย เหยียนเยว่เอ๋อร์ได้เห็นนักยุทธ์คนอื่น ๆ นั่นทำให้นางรู้ได้ทันทีว่าตรออกมาจากทะเลทรายแล้ว หลังจากเดินต่อไปอีกไม่นาน สายตาของนางก็มองเห็นรูปร่างของคูเมืองที่สร้างอยู่ท่ามกลางทะเลทราย

คูเมืองแห่งนี้ มีนามว่าเมืองแสงดาว และคำว่า ‘แสงดาว’ นี้ ก็ทำให้เหยียนเยว่เอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะระลึกไปถึงช่วงเวลานั้น

ช่วงเวลาที่อยู่ในโลกแสงดาว เป็นประสบการณ์ชีวิตที่มีความสุขที่สุดของนาง หากว่านางไม่ได้เจอกับฟู่จวิน บางทีโลกของนางอาจมีแค่เพียงสีดำมืดเท่านั้น

หลัวซิวไม่อยู่ มีเพียงตัวนางแค่คนเดียว เหยียนเยว่เอ๋อร์ก็ไม่รู้ว่าควรจะไปที่ใด เรียกได้ว่านางเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในตอนนี้ตนอยู่ในสถานที่ใดกันแน่

ดังนั้นหลังจากที่นางเข้ามายังเมืองแสงดาวแล้ว จึงได้ตามหาเกสเฮ้าว์แห่งหนึ่ง สิ่งแรกที่นางต้องทำ นั่นคือทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานที่ที่ตนอยู่ในตอนนี้

เดินอยู่บนถนนใจกลางเมือง คิ้วเรียวงามของเหยียนเยว่เอ๋อร์ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เพราะนางสัมผัสได้ถึงสายตาที่สอดส่องมาทางนางโดยที่มีเจตนาไม่ดี โดยเฉพาะกับหอคอยสีทองที่นางกอดเอาไว้ ทำให้มีตัวสำนึกมากมายสอดส่องเข้ามา

ระดับของหอคอยฮวงสูงมาก เหยียนเยว่เอ๋อร์ก็ไร้หนทาง นางลองนำหอคอยฮวงเก็บเข้าไปในแหวนเก็บของแล้ว แต่กลับไม่สามารถเก็บเข้าไปได้

แม้ว่านางจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อทำสีหน้าให้นิ่งสงบ แต่ผู้หญิงที่มีใบหน้าซีดเผือดราวกับได้รับบาดเจ็บ บวกกับรูปร่างหน้าตาและออร่าที่ไม่ธรรมดานั้น อีกทั้งยังอยู่คนเดียว จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ตกเป็นเป้าสายตา

หลังจากใช้หินแก้วดั้งเดิมจ่ายค่าบริการ เหยียนเยว่เอ๋อร์ก็เข้าพักในเกสเฮ้าว์แห่งหนึ่งในเมืองแสงดาว หลายปีมานี้นางจัดการเรื่องของหุบเขาสยบปีศาจ ย่อมไม่ใช่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีประสบการณ์หรือคนโง่ที่ไม่ประสีประสา กลับกันนางฉลาดมาก นางรู้ว่านับตั้งแต่วินาทีที่นางก้าวเข้ามาในเมือง ก็ถูกคนจับจ้องเสียแล้ว

ดังนั้นสิ่งแรกที่นางทำหลังจากเข้ามาในเกสเฮ้าว์ ก็คือฟื้นฟูผลการฝึกตนของตน พลังของนางต่อให้ไม่สามารถเทียบเท่าได้กับฟู่จวินของตน แต่ที่โชคดีคือนางก็อยู่ในแดนจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ด รวมถึงตนยังไปปลุกสายเลือดวิถีเซียนขึ้นมาแล้ว สำหรับการป้องกันตัวถือว่าเพียงพอแล้ว

ห้องพักในเกสเฮ้าว์ต่างก็มีตัวต้องห้าม เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของแขก อีกทั้งท่ามกลางเกสเฮ้าว์โดยทั่วไปต่างเป็นตัวต้องห้ามประเภทโจมตี หากว่ามีคนบุกเข้ามาในห้องของลูกค้าท่านอื่น ๆ เกสเฮ้าว์ก็มีหน้าที่ที่ต้องรักษาปัญหาด้านความปลอดภัยให้กับลูกค้า

ในห้องพัก เหยียนเยว่เอ๋อร์นำหอคอยฮวงวางไว้ในตำแหน่งที่ตนเหลือบตามองก็สามารถเห็นได้ทันทีอย่างเบามือ จากนั้นก็หยิบเอายาออกมาจากแหวนเก็บของ เริ่มฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตนเอง

แต่ในขณะที่เหยียนเยว่เอ๋อร์กำลังฟื้นฟูผลการฝึกตนอยู่ภายในเกสเฮ้าว์ นักยุทธ์หลายคนที่ไม่รู้ที่มาก็เข้ามายังเกสเฮ้าว์แห่งนี้

“ผู้หญิงคนนั้นที่เพิ่งเข้าพักอยู่ที่ห้องใด?”

ชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีใบหน้าขาวสะอาดเดินตรงเข้ามายังหน้าแผนกต้อนรับของเกสเฮ้าว์ นิ้วมือเคาะอยู่บนเคาน์เตอร์ต้อนรับ เอ่ยปากถามอย่างไร้มารยาท

พนักงานของเกสเฮ้าว์ขมวดคิ้ว “ท่านชาย นี่มันผิดกฎ”

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการทำธุรกิจ ยังมีสิ่งสำคัญที่ต้องปฏิบัติตาม ดังนั้นแม้ว่าพนักงานเกสเฮ้าว์จะเห็นว่าภูมิหลังของชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่ได้เลือกที่จะประนีประนอมในทันที

“กฎ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของนี้ ชายหนุ่มก็ชะงักไปเล็กน้อย ราวกับว่าเขาได้ยินสิ่งที่น่าขันที่สุดในโลก “ในโลกใต้ดินใบนี้ สิ่งที่ข้าพูดก็คือกฎ!”

เมื่อชายหนุ่มพูดเช่นนี้ เรียกได้ว่าเป็นการกระทำที่โอหังมาก แต่เมื่อเขาหยิบป้ายบัญชาการออกมาวางบนเคาน์เตอร์ สีหน้าของพนักงานก็เปลี่ยนไปทันที

มันแตกต่างกับการตั้งตัวเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอดของโลกอื่น ๆ ท่ามกลางโลกใต้ดินไม่มีสำหนักหรือตระกูลใดกล้าเรียกตนเองว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงสถานบรรพบุรุษของเผ่าดินเท่านั้น จึงจะได้รับการยกย่องว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์

บรรพโบราณทั้งแปดเปิดโลกาผู้สูงส่งทั้งแปด ทั้งยังทิ้งลูกหลานที่สืบทอดสายเลือดของตนเองไว้ หลังจากเวลาผ่านไป พวกเขาก็เพิ่มจำนวนและกลายเป็นแปดเผ่าโบราณในปัจจุบัน

เพราะว่าแต่เดิมมกุฎเต๋าบรรพจารย์ดินก็คืออสูรจิตตรีภพ ดังนั้นสายเลือดของเขาจึงค่อนข้างแข็งแกร่ง คนรุ่นหลังก็มีน้อย ยิ่งเป็นผู้ที่ครอบครองความแข็งแกร่งของสายเลือดอสูรจิต ความสามารถในการให้กำเนิดยิ่งยากมากเข้าไปอีก ในโลกของวิถียุทธ์นี้ เดิมทีก็เป็นกฎที่สมดุลของทุกสิ่ง

และชายหนุ่มที่มายังเมืองแสงดาวผู้นี้ ก็มีต้นกำเนิดมาจากเผ่าดิน เป็นผู้สืบทอดที่ครอบครองสายเลือดมังกรดินตรีภพ

ทุก ๆ คนที่สืบทอดครอบครองสายเลือดเผ่าดิน ท่ามกลางโลกใต้ดินต่างก็มีตัวตนและสถานะที่ไม่ธรรมดา ยกตัวอย่างชายหนุ่มผู้หยิ่งจองหองคนนี้ ผลการฝึกตนของเขาไม่สูง เป็นเพียงแค่จักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ด แต่ท่ามกลางโลกใต้ดิน ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า ก็ยังไม่กล้าไปยั่วยุเขา

เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์เผ่าดิน พนักงานตัวเล็ก ๆ ของเกสเฮ้าว์ย่อมไม่กล้าที่จะต่อต้านหรือละเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เรียกว่ากฎคุ้มครองความเป็นส่วนตัวให้กับลูกค้า ในเวลาเช่นนี้มันก็กลับกลายเป็นแค่สายลมเท่านั้น

“ท่านชาย จะให้ข้าน้อยไปจับตัวนางออกมาหรือไม่?”

เมื่อได้รู้ว่าเหยียนเยว่เอ๋อร์พักอยู่ที่ห้องใด ชายชราที่ติดตามมากับชายหนุ่มเผ่าดินก็เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

ชายชราผู้นี้ไม่ใช่คนของเผ่าดิน เป็นเพียงข้ารับใช้ข้างกายของชายหนุ่มเผ่าดินเท่านั้น แต่ว่าเขาติดตามท่านชายมาเป็นเวลานานหลายปี รับรู้เป็นอย่างดีว่าท่านชายเป็นคนที่เจ้าชู้มากเป็นสันดาน ก่อนนี้ในตอนที่เพิ่งเข้ามาในเมืองแสงดาว ก็สังเกตเห็นหญิงสาวชุดแดงแล้ว จากนั้นก็เดินตามติดมาตลอดจนถึงที่นี่

“ไม่ ข้าตี้เทียนเจี๋ย หากทำเช่นนั้น มันจะไม่เป็นการหยาบคายต่อแม่นางหรือ?”ชายหนุ่มเผ่าดินยิ่มพร้อมส่ายหน้าไปมา “เพียงแค่อยู่ภายในโลกใต้ดินแห่งนี้ ข้าตี้เทียนเจี๋ยไม่ว่าจะถูกใจแม่นางผู้ใด ไม่มีใครที่สามารถหลุดพ้นเงื้อมมือของข้าได้”

“ท่านชายพูดถูกแล้ว” ชายชราพยักหน้าเห็นด้วย

“ของที่สนุกเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องค่อย ๆ เล่นจึงจะสนุก” ตี้เทียนเจี๋ยหัวเราะร่าอย่างสำราญใจ

……

เหยียนเยว่เอ๋อร์รู้สึกโชคดีมากที่ช่วงระยะเวลาที่ตนฝึกตนอยู่ภายในเกสเฮ้าว์ไม่มีคนมารบกวน ในตอนที่นางสัมผัสได้ว่าทุกอย่างถูกฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แล้ว ตัวสำนึกของนางก็พลันสังเกตได้ว่ามีตัวสำนึกจำนวนหนึ่งกำลังสอดส่องเข้ามาจากภายนอกเกสเฮ้าว์

ผลการฝึกตนและบาดแผลของนางได้ถูกฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แล้ว ถึงแม้จะมีเพียงผลการฝึกตรแดนจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดช่วงกลาง แต่หากจะต้องลงมือต่อสู้ขึ้นมาจริง ๆ นางก็รู้สึกว่าต่อให้คนต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดขั้นสูงก็ยังสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน

เมื่อลืมตาขึ้นมาในวินาทีแรก เหยียนเยว่เอ๋อร์ก็มองไปทางหอคอยฮวง แต่ว่านางกลับไม่พบหอคอยฮวง แต่พบกับร่างหนึ่งที่นางเฝ้าคิดถึงอยู่ทุกลมหายใจ

“ฟู่จวิน? ฟู่จวินฟื้นแล้ว?”

เหยียนเยว่เอ๋อร์ดีใจจนลุกขึ้นยืน จากนั้นนัยน์ตาทั้งสองข้างก็พลันแดงกร่ำพุ่งตัวเข้าไปในอ้อมกอดของหลัวซิว

คนที่เหยียนเยว่เอ๋อร์เห็นอยู่ในตอนนี้ ก็คือหลัวซิวไม่ผิดแน่ ความจริงเมื่อสองวันก่อนเขาก็ได้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางหอคอยฮวง ถึงแม้บาดแผลจะยังห่างจากการฟื้นฟูอยู่มาก แต่กลับมากพอที่จะทำให้เขาออกมาจากหอคอยฮวงได้ จากนั้นก็นำหอคอยฮวงเก็บกลับไป

“เด็กโง่ เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่?”

หลัวซิวลูบผมยาวสีแดงเพลิงของเหยียนเยว่เอ๋อร์ เขาจำได้ว่าก่อนจะหมดสติไปเขาเข้าไปด้านในของหอคอยฮวง ส่วนเรื่องหลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้อะไรอีกเลย

เหยียนเยว่เอ๋อร์รีบเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นบอกให้หลัวซิวรับรู้ เมื่อได้ยินว่าทั่วทั้งบริเวณด้านนอกของแดนบรรพกาล ต่างก็ถูกคลื่นพลังงานแพร่กระจายไปทั่วทั้งบริเวณด้านนอก หลัวซิวก็ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก คาดไม่ถึงว่าเรื่องจะเลวร้ายได้ถึงเพียงนี้

“ถ้าหากว่าข้าคาดการไม่ผิด สถานที่ที่พวกเราอยู่ในตอนนี้ น่าจะเป็นโลกใต้ดิน”

หลัวซิวค่อย ๆ เอ่ยปากพูดออกมา สำหรับออร่าของทวยเทพธรรมเวชดั้งเดิมเขาไม่มีทางเข้าใจผิดเป็นแน่ ท่ามกลางกฎทวยเทพธรรมฟ้าดิน มีพลังเต๋าของธรรมเวชแห่งดินที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นเขาจึงคาดเดาว่าตนอยู่ท่ามกลางโลกใต้ดิน

ธรรมเวชกาลร้าง คือวิถีกลั่นร่าง วิถีร่างเนื้อ

ธรรมเวชกาลล้น คือวิถีกลั่นแปร วิถีแห่งเพลิงอัคคี

เช่นนั้นธรรมเวชแห่งดิน ก็คือวิถีป้องกัน กฎธรรมเวชธาตุดิน

พลังงานของปริภูมิพังทลายฉีกกระชากอนัตตา การวาร์ปเช่นนั้นจึงเป็นแบบสุ่ม ต่อให้เป็นหลัวซิวเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโชคดีว่าตนไม่ได้ถูกวาร์ปไปยังโลกาฟ้าดินหลิงหลงหรือโลกาเทพมังกรไท่ชู หากถูกส่งไปยังพื้นโลกดาราทั้งสองแห่งจริง ๆ เขาเกรงว่าตนอาจจะถูกจับกินจนไม่เหลือแม้กระทั่งกระดูก

สำหรับโลกใต้ดิน ในสายตาของหลัวซิวมองว่ามันค่อนข้างที่จะปลอดภัยกว่า เพราะตามที่เขาได้รับรู้มา มกุฎเต๋าบรรพจารย์ดินของโลกใต้ดิน มันเป็นค่ายของทางฝั่งเขาเอง

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท