นับตั้งแต่ปริภูมิสถานปรักเซียนแดนบรรพกาลพังทลาย จนถึงวันนี้เป็นเวลาผ่านไปหลายเดือนแล้ว
แม้เวลาจะไม่นาน แต่อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ในสถานการณ์ที่ปั่นป่วนในปัจจุบัน
จากความทรงจำของมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดทั้งสองแห่งเผ่าดิน หลัวซิวก็ได้รับข่าวที่น่าตื่นตกใจ!
บรรพจารย์ฮวง…… ตายแล้ว!
ข่าวดังกล่าวเหมือนสายฟ้าจากท้องฟ้าที่สว่างไสว แม้ว่าตัวธรรมสงบนิ่งอย่างหลัวซิว ก็ยังอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งตัว
ปฏิกิริยาแรกของเขาคือ ข่าวนี้เป็นความจริงหรือ? ถึงอย่างไรบรรพจารย์ฮวงก็ถือว่าเป็นหนึ่งในตำนาน อีกแค่ครึ่งก้าวก็จะเหยียบเข้าสู่แดนวิถีเซียนแล้ว ในยุคปัจจุบันที่ไม่มีชาวเซียนปรากฏขึ้นบนโลก ใครยังสามารถสังหารผู้แข็งแกร่งกึ่งเซียนอย่างมกุฎเต๋าขั้นสูงได้?
ความทรงจำของมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดทั้งสองไม่ได้มีข้อมูลที่ละเอียดมากนัก ที่พวกเขาสามารถรับรู้ข่าวเช่นนี้ได้ ก็คือตอนที่อยู่ในสถานบรรพบุรุษถ้ำมังกรของเผ่าดิน บังเอิญได้ยินผู้อาวุโสท่านหนึ่งเอ่ยขึ้นเท่านั้น
“ถ้าหากบรรพจารย์ฮวงตายแล้วจริง ๆ เช่นนั้นอาจารย์……”
หลัวซิวขมวดคิ้ว ตัวธรรมที่สงบนิ่งทำให้เขารักษาสติสัมปชัญญะและความสงบได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะได้ทราบข่าวที่น่าตกใจเช่นนี้ก็ตาม
หากข้อมูลดังกล่าวเป็นจริง เช่นนั้นก็หมายความว่าสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงกับเผ่ามังกรไท่ชูร่วมมือกันโจมตีโลกร้าง แต่ท่ามกลางโลกร้างไม่ใช่จะมีแค่บรรพจารย์ฮวงท่านเดียว ยังมีอาจารย์ของหลัวซิว นั่นก็คือมกุฎเต๋าหวูจี๋คอยบัญชาอยู่ด้วย
หากว่าบรรพจารย์ฮวงเกิดเรื่องขึ้น เช่นนั้นมกุฎเต๋าหวูจี๋ที่ออกมาจากแดนในวันนี้จะเป็นเช่นไร?
หลัวซิวคิดว่าเป็นไปได้มากที่ข่าวจะเป็นจริง ถึงอย่างไรบรรพจารย์ฮวงก็เป็นถึงการดำรงอยู่ของตำนาน หากไม่มีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้น ผู้อาวุโสของเผ่าดินจะนำเรื่องการตายของบรรพจารย์ฮวงออกมาพูดส่งเดชได้อย่างไร?
“ผุ!”
เปลวเพลิงสองลูกถูกหลัวซิวโบกมือโยนออกไป ศพไร้ศีรษะของมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดทั้งสองของเผ่าดิน ถูกเผาทำลายเป็นเถ้าธุลีในพริบตา เมื่อลมพัดผ่านมา ก็ปลิวละล่องไปตามอากาศ
ทุกคนในเมืองแสงดาวที่เห็นฉากนี้รู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก นั่นเป็นถึงผู้แข็งแกร่งที่มาจากเผ่าดิน คนตรงหน้านี้กลับสังหารเขาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ดาวร้ายที่น่าหวาดเกรงเช่นนี้ ใครจะไปกล้ายั่วยุ?
ตัวสำนึกของหลัวซิวแผ่ขยายถึงขีดสุดทันที ครอบคลุมทุกซอกทุกมุมของเมืองแสงดาวทั้งหมดอย่างสมบูรณ์แบบ
ในไม่ช้าเขาก็ตรึงตำแหน่งหนึ่งไว้ จากนั้นร่างของเขากระพริบ และเทเลพอร์ตตรงไป
ด้านหน้าตำหนักหลักเมืองของเมืองแสงดาว นักยุทธ์สองคนหยุดเขาไว้ด้วยท่าทีระมัดระวัง “ที่แห่งนี้คือตำหนักหลักเมืองเป็นสถานที่สำคัญ หากไม่ได้รับอนุญาต ห้ามเข้า”
เมืองแสงดาวกว้างขวาง แต่เพราะหลัวซิวใช้การเทเลพอร์ตมายังที่นี่ ดังนั้นคนของตำหนักหลักเมืองทางนี้ จึงยังไม่รู้เรื่องที่สองผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดถูกสังหาร
“ไสหัวไป!”
หลัวซิวคร้านจะพูดให้เปลืองน้ำลาย เห็นเพียงเขาเดินสาวเท้าก้าวเข้าไป บนร่างปลดปล่อยออร่าที่มองไม่เห็นออกมา ทำให้นักยุทธ์สองคนที่อารักขาอยู่หน้าตำหนักหลักเมืองลอยกระเด็นออกไป แต่ละคนต่างกระอักเลือดสดออกมา หมดสติไปในทันที ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
เวลานี้ท่ามกลางสำนักของตำหนักหลักเมือง เจ้าเมืองของเมืองแสงดาวกำลังจัดงานเลี้ยงให้กับชายหนุ่มรูปงามที่มาจากเผ่าดิน หรือก็คือตี้เทียนเจี๋ยนั่นเอง
เผ่าดินในโลกใต้ดินนี้ เรียกได้ว่าเป็นกองกำลังที่ยิ่งใหญ่อย่างไร้ข้อโต้แย้ง ถึงแม้ว่าตี้เทียนเจี๋ยจะมีผลการฝึกตนไม่ถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะว่าเขาเกิดในเผ่าดิน เป็นผู้สืบทอดที่ครอบครองสายเลือดมังกรดินตรีภพอย่างแท้จริง เช่นนั้นต่อให้เจ้าเมืองของเมืองแสงดาวจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าท่านหนึ่ง เขาก็ยังไม่กล้าที่จะละเลยแม้แต่น้อย
“น่าเสียดายจริง หากว่าข้าไม่ได้มองผิดไป ผู้หญิงคนนั้นก็น่าจะครอบครองการสืบทอดสายเลือดที่ยิ่งใหญ่อยู่ด้วย หากว่าสามารถผสมกันได้ ย่อมต้องทำให้ระดับของสายเลือดของข้าเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยทีเดียว”
งานเลี้ยงในโถงใหญ่ ตี้เทียนเจี๋ยดื่มเหล้าในแก้วด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างหดหู่ ถอนหายใจด้วยความเสียดาย
ก่อนหน้านี้หลังจากออกจากเกสเฮ้าว์กลางเมืองแสงดาว คนรับใช้ชราในบัญชาของเขาได้ไปจัดการกับชายที่อยู่กับผู้หญิงคนนั้นแล้ว ผู้หญิงคนนั้นพยายามที่จะหลบหนี แต่ก็ถูกเขานำกำลังคนมาขัดขวางไว้ด้วยตนเอง
ตี้เทียนเจี๋ยคือจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดขั้นสูง ครอบครองการสืบทอดพลังแห่งสายเลือดของบรรพจารย์ดิน ดังนั้นแม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาต่อให้เจอกับผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดช่วงกลางเขาก็สามารถจัดการได้อย่างใจเย็น
ตี้เทียนเจี๋ยเดิมคิดว่ามันคงจะง่ายที่จะจัดการผู้หญิงคนนั้นด้วยกำลังของเขาเอง หลังจากที่เขาจับผู้หญิงคนนี้ได้ เขาก็สามารถสนุกกับนางได้จนพอใจ สนองงานอดิเรกโรคจิตของเขาด้วยความสุขทางเพศอย่างพึงพอใจ
แต่ตี้เทียนเจี๋ยไม่คาดคิดว่าเขาจะประเมินความแข็งแกร่งของผู้หญิงคนนั้นผิดไป เธอไม่ใช่แค่ ผู้หญิงที่เพียงแค่สวยงามและมีออร่าที่โดดเด่นแต่แต่มีผลการฝึกตนจักรพรรดิเทพวัฏจักรเจ็ดช่วงกลาง พลังที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าตนเลย
ตี้เทียนเจี๋ยสามารถมั่นใจได้ว่าท่ามกลางโลกใต้ดินไม่มีทางมีผู้หญิงคนใดที่เก่งกาจถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งออร่าสายเลือดที่แข็งแกร่งออกมาจากผู้หญิงคนนั้น มันมีพลังและเก่าแก่ยิ่งกว่าเลือดบรรพจารย์ดินในร่างกายของเขาเสียอีก!
การค้นพบนี้ทำให้ตี้เทียนเจี๋ยรู้สึกดีจนแทบคลั่ง แม้ว่าความแข็งแกร่งของผู้หญิงจะไม่อ่อนแอ แต่เขาก็ยังสามารถทำร้ายผู้หญิงคนนั้นอย่างรุนแรงได้ด้วยการใช้ไพ่ตาย
เมื่อตี้เทียนเจี๋ยคิดว่าเขาไม่เพียงแต่จะได้ร่างกายของผู้หญิงที่สวยโดดเด่นเท่านั้น แต่ยังได้รับโอกาสในการยกระดับสายเลือดของเขาด้วย แต่ผู้หญิงบ้าคนนั้นกลับหนีรอดไปได้จากใต้จมูกของเขา!
หากว่าแค่หนีก็ยังไม่เป็นไร ถึงอย่างไรโลกใต้ดินก็กว้างใหญ่เสียขนาดนี้ เพียงแค่อีกฝ่ายไม่ได้หนีออกไปจากขอบเขตของโลกใต้ดิน เช่นนั้นก็อย่าคิดแม้แต่จะหนีการไล่ตามของเขา
แต่ว่า! ผู้หญิงคนนั้นกลับหนีเข้าไปในสถานที่ที่แม้แต่เขาก็ไม่กล้าเข้าไป!
สถานที่แห่งนั้น มีนามว่าหุบเขาเขี้ยวโลหิต!
ก็เหมือนกับแดนบรรพกาลแห่งโลกร้าง หอคอยนภากาศของโลกสวรรค์ ทุกแดนของโลกาผู้สูงส่งทั้งแปด ต่างก็มีสถานที่ประหลาด มีสิ่งเร้นลับทุกประเภทที่คนทั่วไปไม่รู้
ท่ามกลางหุบเขาเขี้ยวโลหิตมีความเร้นลับแบบใดที่ซ่อนอยู่ แม้แต่มกุฎเต๋าบรรพจารย์ดินเองก็ยังไม่รู้ ในตอนแรกเริ่มที่มกุฎเต๋าบรรพจารย์ดินเปิดโลกใต้ดินขึ้นมา ยังไม่มีสถานที่ดังเช่นหุบเขาเขี้ยวโลหิตเกิดขึ้น
สำหรับที่มาของหุบเขาเขี้ยวโลหิต มีการพูดถึงกันว่าหุบเขาเขี้ยวโลหิตมาจากแดนบรรพกาล หรือบางคนก็บอกว่ามาจากหอคอยนภากาศของโลกสวรรค์
ไม่ว่าหุบเขาเขี้ยวโลหิตจะมีที่มาอย่างไร นับตั้งแต่หุบเขาเขี้ยวโลหิตปรากฏขึ้น ก็ปักหลักอยู่ที่โลกใต้ดิน นับตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน
และนับตั้งแต่หุบเขาเขี้ยวโลหิตปรากฏขึ้น เหล่าบรรพอาจารย์แห่งเผ่าดินก็ได้เอ่ยเตือนกับทุกคนในเผ่า หุบเขาเขี้ยวโลหิตคือเขตต้องห้าม ไม่อนุญาตให้บุกรุก!
จะว่าไปก็บังเอิญ ตำแหน่งที่ตั้งของหุบเขาเขี้ยวโลหิต ห่างไปจากเมืองแสงดาวไม่ไกลนัก ภายใต้การรับรู้ว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ เหยียนเยว่เอ๋อร์เพื่อที่จะไม่ทำให้ตนถูกอีกฝ่ายจับตัวได้ จึงได้ขับเคลื่อนการป้องกันของเตาอลวนหวูจี๋ บุกเข้าไปในหุบเขาเขี้ยวโลหิตอย่างไม่ลังเล
เหยียนเยว่เอ๋อร์ไม่รู้ว่าหุบเขาเขี้ยวโลหิตเป็นสถานที่แบบใด แต่ตี้เทียนเจี๋ยกลับรู้จักอย่างแจ่มแจ้ง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าแม้แต่จะตามเข้าไป
“ท่านชายเทียนเจี๋ยหมายตาสตรีนางใดไว้หรือยัง?”
เจ้าเมืองแสงดาวยิ้มออกมา เขาค่อนข้างที่จะรู้จักกับชายหนุ่มที่ชื่อว่าตี้เทียนเจี๋ยคนนี้ดี และรู้อย่างชัดเจนว่าเขาหื่นกามมากถึงเพียงใด เพราะเมื่อผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง เจ้าหนุ่มคนนี้ก็จะมายังเมืองแสงดาวของเขา หากจะพูดให้ดูดีก็คือมาเยี่ยมเยียน แต่ในความเป็นจริงคือต้องการให้เขานำเสนอผู้หญิงที่มีร่างกายพิเศษหรือมีพรสวรรค์ค่อนข้างสูง
ในโลกยุทธ์ที่มีผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ เพียงแค่เจ้ามีพลังที่แข็งแกร่ง ก็จะได้ผู้หญิงที่ต้องการเพียงแค่โบกมือเรียกแบบสบาย ๆ เท่านั้น แต่ถ้าต้องการคนที่มีสายเลือดพิเศษหรือพรสวรรค์ที่ค่อนข้างสูง เงื่อนไขจะเข้มงวดกว่านี้มาก
แต่เพื่อที่จะเอาอกเอาใจท่านชายวัยเยาว์คนนี้ของเผ่าดิน เจ้าเมืองแสงดาวจึงทุ่มเททั้งกายทั้งใจเพื่อทำสิ่งนี้ เห็นเพียงเขาปรบมือ ผู้หญิงหลายคนก็ถูกนำตัวมาอยู่ตรงหน้าของตี้เทียนเจี๋ย
จากซ้ายไปขวา ความงามและเสน่เหลือล้น ดังคำที่ว่าความสวยเกิดจากภายใน ผลการฝึกตนโลกยุทธ์เมื่อถึงระดับที่มั่นคง ต่อให้จะเกิดมาหน้าตาอัปลักษณ์มากเพียงใด ก็จะกลายเป็นผู้ที่สวยงามได้อยู่ดี
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ตี้เทียนเจี๋ยเมื่อเห็นผู้หญิงเหล่านี้ต้องตาลุกวาวเป็นแน่ แต่ในเวลานี้ กขากลับไม่มีความสนใจเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าผู้หญิงเหล่านี้บางคนจะมีสายเลือดคุณสมบัติที่ดีเลิศก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่หนีเข้าไปในหุบเขาเขี้ยวโลหิต ยังคงห่างชั้นกันอย่างมหาศาล
“เจ้าคือตี้เทียนเจี๋ย?” ในเวลานี้เอง ก็พลันมีเสียงดังขึ้นอย่างกระทันหัน
“ใครกัน?”
ในห้องโถง หลังจากได้ยินเสียงนี้ เจ้าเมืองแสงดาวและตี้เทียนเจี๋ยรวมถึงบุคคลที่มีหน้ามีตาของเมืองแสงดาวที่อยู่ในที่แห่งนี้ต่างก็พากันหันไปมองยังประตูทิศทางที่มาของเสียง
ในหมู่พวกเขา โดยเฉพาะเจ้าเมืองแสงดาวก็มีสีหน้าที่จริงจังขึ้นมา เพราะนี่คือตำหนักหลักเมืองของเขา รอบด้านต่างจัดวางค่ายต้องห้ามเอาไว้เป็นจำนวนมหาศาล ในตอนนี้ มีคนบุกเข้ามาโดยไม่แตะต้องตัวต้องห้ามและตัวเขาเองกลับไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อน เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปเป็นแน่!
“เจ้าเองหรือ?”
ตี้เทียนเจี๋ยแค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นหลัวซิว เพราะในตอนแรกที่หลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์ออกมาจากเกสเฮ้าว์ด้วยกัน เขาจัดการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาที่อยู่ใกล้กับเกสเฮาว์ส่งรูปเหมือนของชายคนนี้ให้เขา
“เจ้าช่างกล้าหาญเหลือเกิน สังหารฆ่ารับใช้ของข้า แล้วยังกล้ามาปรากฎตัวต่อหน้าข้าอีกหรือ?”
ระหว่างที่พูด ตี้เทียนเจี๋ยก็ได้ลุกขึ้นยืน นัยน์ตาแฝงไปด้วยรังสีสังหาร ถึงแม้ว่าเขาจะมักมากในกาม แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายกล้ามาปรากฏตัวถึงที่แห่งนี้ แน่นอนว่าไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน
เห็นเพียงตี้เทียนเจี๋ยโบกมือ นักยุทธ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังเหมือนหอคอยเหล็กพุ่งเข้าหาหลัวซิว ดาบเทพเล่มหนึ่งเปล่งกระกายแสงออกมา ดวงแสงดาบตัดสลับกันเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ ครอบคลุมร่างของหลัวซิวเอาไว้
รู้อยู่แล้วว่าหลัวซิวสามารถสังหารข้ารับใช้ที่มีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดได้ ตี้เทียนเจี๋ยที่กล้ายืนตรงนี้อย่างมั่นคง ก็เพราะความมั่นใจของเขา เพราะในบรรดาองครักษ์ที่อยู่รอบตัวเขานั้น คนที่ลงมือในขณะนี้ก็คือผู้ที่มีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า
ทั่วทั้งโลกใต้ดิน ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งนั้นมีน้อยมาก อีกทั้งจากคลื่นผลการฝึกตนที่แผ่กระจายออกมา ผู้ชายในชุดดำตรงหน้าคนนี้ก็ไม่มีทางเป็นผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งไปได้
ดวงแสงดาบที่เปล่งประกายครอบคลุมหลัวซิวเอาไว้ด้วยด้วยจิตสังหารที่ดุร้าย ทุกดวงแสงดาบหนักดั่งขุนเขา มีระลอกคลื่นล้อมรอบปริภูมิที่กดขี่ เหมือนผิวน้ำในทะเลสาบที่โยนหินลงไป
หลัวซิวเดินเข้าไปในห้องโถงนี้เหมือนเดินเล่น เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าที่สำแดงการโจมตีออกมา ราวกับว่าเขาไม่เห็นมันด้วยซ้ำ เขาเดินตรงไปหาตี้เทียนเจี๋ย
“ไสหัวไป!”
การโจมตีของหลัวซิวเด็ดขาดมาก วินาทีที่เขาเอ่ยปากออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เขาก็ยกมือขึ้นมาและใช้เพียงนิ้วมือเดียวกดลงไป
เคล็ดเซียนแปรเก้าของเขาได้บรรลุถึงแดนขั้นที่หกแล้ว ทุกส่วยของร่างกายไม่แตกต่างไปจากเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ เพียงนิ้วมือเดียวดูเหมือนจะธรรมดา แต่ในความจริงมันเหมือนกับการกระตุ้นการโจมตีของเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ชิ้นหนึ่ง ไม่มีสิ่งใดแตกต่างกันเลย
แต่การโจมตีของหลัวซิว ย่อมไม่ง่ายดายเหมือนอย่างการอัญเชิญเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ชิ้นหนึ่ง ในการโจมตีของเขายังเปี่ยมไปด้วยไร้ลักษณ์กำลังเซียน ออร่าที่น่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายอย่างท่วมท้น ครอบคลุมทุกคนในห้องโถงทันที
อาณากำลังเซียน!
หากจะกล่าวในถูก คืออาณาจักรไร้ลักษณ์!
ด้วยการกระตุ้นไร้ลักษณ์กำลังเซียน อาศัยผลการฝึกตนของหลัวซิวในตอนนี้ เมื่ออาณาของเขาสำแดงออกมา เทียบได้กับผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่ง!
ภายใต้การกดขี่ของความแข็งแกร่งแห่งอาณาจักรไร้ลักษณ์กำลังเซียน มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าที่ถือดาบเทพพุ่งเข้ามา เหมือนกับตัวประหลาดต่ำต้อยที่อาละวาดน่าขันสิ้นดี
“ผุ!”
หมอกโลหิตลอยขึ้นในอากาศ นิ้วของหลัวซิวก็ทรงพลังราวกับดาบที่คมกริบ พุ่งเข้าใส่ร่างของมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าทันที
ร่างของผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าคนนี้ราวกับดาวตกพุ่งกระเด็นออกไป เลือดกระเซ็นไปทั่วร่าง เส้นลมปราณทั้งหมดในร่างกายแตกเป็นเสี่ยง ๆ ช่องจิตดั้งเดิมในขณะที่เขากำลังจะหลบหนีเขาถูกพลังแห่งอาณาบีบโดยไร้ลักษณ์กำลังเซียนจนกลายเป็นแหลกละเอียด เมื่อร่างตกลงสู่พื้นก็ได้กลายเป็นศพไปแล้ว เรียกว่าตายจนไม่สามารถตายซ้ำได้อีก
เมื่อเห็นศพจมกองเลือด ทุกคนในห้องโถงอดไม่ได้ที่จะหายใจไม่ออก ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้าง
นั่นเป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า อีกทั้งยังไม่ใช่มหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าทั่วไป แต่เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าช่วงปลาย!
ไอ้หนุ่มผู้นี้มีที่มาอย่างไรกันแน่? เข้าใช้เพียงนิ้วมือนิ้วเดียวเท่านั้น ก็สามารถสังหารผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าได้อย่างง่ายดาย?
“กรี๊ด!……”
ในงานเลี้ยง สตรีที่ก่อนหน้านี้ยังคงร้องเพลงและเต้นรำอยู่ก็พากันกรีดร้องออกมา
แต่ในขณะนี้ ตี้เทียนเจี๋ยที่มีใบหน้ามั่นใจและภาคภูมิใจเมื่อครู่ ในตอนนี้กลับสูญเสียสีสันบนใบหน้าไป ความตื่นตระหนกฉายออกมาจากดวงตาของเขา