มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 2936 พบซูเสว่หลันอีกครั้ง

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2936 พบซูเสว่หลันอีกครั้ง



เนื่องจากการถ่ายทอดสืบสานของเผ่าดินมีสายเลือดที่แข็งแกร่ง ดังนั้นความสามารถในการขยายพันธุ์จึงต่ำมาก ทายาททุกคนที่มีสายเลือดสะอาดบริสุทธิ์จึงหาพบได้ยาก

และเป็นเพราะระดับสูงของเผ่าดินให้ความสำคัญและทะนุถนอมทายาทที่มีสายเลือดบริสุทธิ์เป็นพิเศษ ดังนั้นจึงส่งผลให้ผู้คนในเผ่าดินที่อยู่ในโลกใต้ดินจองหองพองขน เป็นการคงอยู่ที่ไม่กล้ามีผู้ใดรุกราน

อดีตก็เคยมีเรื่องราวที่ทายาทของเผ่าดินถูกสังหารเช่นกัน ภายใต้อารมณ์ที่โกรธเกรี้ยวของระดับสูงเผ่าดิน ขอแค่เป็นคนหรือตระกูลสำนักที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ล้วนถูกขจัดทิ้งอย่างราบคาบ

ตี้เทียนเจี๋ยเป็นทายาทของผู้อาวุโสเผ่าดิน การที่สามารถได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสในเผ่าดินได้นั้น ผลการฝึกตนอย่างน้อยก็ต้องไม่ต่ำกว่าระดับผู้สูงส่ง เมื่อดูจากอายุขัยที่ยาวนานของผู้อาวุโสระดับผู้สูงส่งคนหนึ่ง ทายาทลูกหลานทั้งชีวิตอย่างน้อยก็มีไม่ต่ำกว่าสิบคน

ดังนั้นเมื่อตี้เทียนเจี๋ยถูกสังหาร ท่านพ่อเขาก็ออกจากการปิดขังโดยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ก่อนจะตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นทางเมืองแสงดาวได้อย่างรวดเร็ว

แต่ทว่าปฏิกิริยาของเผ่าดินช้าไปหน่อย เมื่อเผ่าดินส่งผู้แข็งแกร่งมาตรวจสอบในเมืองแสงดาว หลัวซิวก็พาเหยียนเยว่เอ๋อร์บินหนีไปจากโลกใต้ดินแล้ว มาถึงดาราจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลที่อยู่ด้านนอก!

ในส่วนลึกของห้วงดารา มีดาราที่มีสิ่งมีชีวิตคงอยู่ไม่มากนัก เวลาส่วนมากสภาพแวดล้อมบริเวณรอบ ๆ ล้วนอยู่ในความมืดและความหนาวเย็น ซึ่งจะเห็นแสงสว่างที่เหมือนดังแสงดาวตกเคลื่อนผ่านความมืดมิดอยู่เป็นครั้งคราว แล้วหายจากไปไกล

เหยียนเยว่เอ๋อร์ก็ถูกหลัวซิวจัดแจงให้อยู่ในหอคอยฮวง เขาเชื่อว่าเมื่ออาศัยประสิทธิผลของน้ำอมฤตเทียนอี ใช้เวลาอีกไม่นานเยว่เอ๋อร์ก็น่าจะฟื้นกลับคืนมาแล้ว ชีวีดั้งเดิมที่ถูกไอสังหารในหุบเขาเขี้ยวโลหิตกัดกร่อนก็จะถูกน้ำอมฤตเทียนอีทำให้ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมเช่นกัน

ไอสังหารสีเลือดที่อยู่ในเตาอลวนหวูจี๋ถูกหลัวซิวกลั่นแปรทิ้งแล้ว เตาเทพกลายเป็นแสงกลดวงหนึ่งเคลื่อนที่อยู่ในอนัตตา ส่วนหลัวซิวนั้นก็กำลังนั่งท่าขัดสมาธิอยู่บนฝาเตา พลางหยิบเข็มทิศสาสน์เต๋าและไข่มุกสาสน์เต๋าออกมา

สิ่งที่อยู่ภายในไข่มุกสาสน์เต๋าคือวรยุทธ์ระดับเซียนหนึ่งวิชา ซึ่งระดับขั้นของมันจะอยู่เหนือคัมภีร์เซียนหลอมจิตหนึ่งระดับ

ปัจจุบันหลัวซิวทราบแล้วว่าแดนเซียนที่อยู่เหนือมกุฎเต๋า ยังมีการแบ่งเป็นเซียน เซียนดิน รวมไปถึงเซียนชั้นฟ้า

ครั้นเมื่อยังมีชีวิต นักเซียนหลอมจิตก็คือผู้แข็งแกร่งระดับเซียน ซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่ระดับต่ำที่สุดในเซียน ส่วนไข่มุกสาสน์เต๋าลูกนี้ที่หลัวซิวได้รับจากสถานปรักเซียน วรยุทธ์ที่บันทึกอยู่ภายในคือวรยุทธ์ระดับเซียนดิน

และวรยุทธ์ดังกล่าวก็ไม่มีชื่อที่น่าทึ่งหรือแปลกประหลาดอะไรเช่นกัน แค่มีนามว่าคัมภีร์เซียนน้ำไฟ

ชื่อของวรยุทธ์ธรรมดาเรียบง่ายมาก และเมื่อดูจากชื่อก็สามารถมองเห็นได้ง่าย ๆ เลยว่านี่คือวรยุทธ์ระดับเซียนของการฝึกวิถีน้ำไฟหากสามารถฝึกวรยุทธ์ดังกล่าวให้ขึ้นไปถึงแดนเซียน เช่นนั้นพลังเซียนที่ผนึกรวมออกมาก็จะมีAttrน้ำไฟสองประเภท

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว วรยุทธ์ของนักเซียนหลอมจิตสามารถฝึกAttrได้เพียงAttrเดียวเท่านั้น นั่นก็คือAttrไฟ ซึ่งเป็นสิ่งที่แปรเปลี่ยนออกมาหลังจากฝึกธรรมเวชกาลล้นถึงแดนบริบูรณ์

ธรรมดั้งเดิมและวิถีเซียนมีความหมายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลย ยกตัวอย่างเช่นหากเป็นคนที่ฝึกธรรมเวชกาลล้นเหมือนกัน เมื่อธรรมดั้งเดิมของพวกเขาแปรเปลี่ยนเป็นวิถีเซียน อ้างอิงจากวรยุทธ์และวิธีการฝึกที่แตกต่างกัน Attrของพลังเซียนที่ทุกคนฝึกออกมาก็จะแตกต่างกัน

แม้จะเป็นธรรมเวชกาลล้นเหมือนกัน ก็มีโอกาสฝึกพลังเซียนAttrน้ำออกมาได้ และมีโอกาสฝึกพลังเซียนAttrไฟออกมาได้เช่นกัน

และAttrประเภทนี้มีบ่อเกิดมาจากวิถีเซียน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในระดับเดียวกันกับวิถีเบญจธาตุ หยินหยาง ลมอัสนีที่อยู่ในกฎทวยเทพธรรมด้วยซ้ำ

ส่วนพลังเซียนไร้ลักษณ์ของหลัวซิวนั้น เมื่อมองจากมุมมองความหมายบางอย่าง สามารถพูดได้เลยว่ามันไม่มีAttr แต่ก็สามารถพูดได้ว่ามันมีAttrทุกประเภทเช่นกัน

ยกตัวอย่างเช่นเขาฝึกพลังอมตะหลอมจิต เช่นนั้นเขาก็สามารถใช้พลังเซียนไร้ลักษณ์เปลี่ยนให้มันเป็นAttrไฟ หากเขาตระหนักรู้คัมภีร์เซียนน้ำไฟ เช่นนั้นเขาก็สามารถวิวัฒนาการพลังเซียนที่มีAttrไฟน้ำออกมาพร้อมกันได้

แต่ทว่าในบรรดาAttrทั้งหมด สิ่งที่หลัวซิวเชี่ยวชาญมากที่สุดก็ยังเป็นAttrเป็นและตาย รองลงมาคือปริภูมิและเวลา ในส่วนของAttrอื่น ๆ แม้เขาจะสามารถอาศัยพลังเซียนไร้ลักษณ์วิวัฒนาการออกมา แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วพลานุภาพจะอ่อนกว่าเล็กน้อย เนื่องจากตัวเขาเองไม่ได้ชำนาญมากเท่าไหร่นัก และไม่ค่อยได้ใช้เช่นกัน

นอกจากวรยุทธ์วิถีเซียนดังกล่าวแล้ว ภายในไข่มุกสาสน์เต๋าไม่มีพลังสืบสานใด ๆ ที่เซียนทิ้งไว้ สิ่งที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าทั้งหลายให้ความสำคัญมากที่สุดกลับเป็นหนึ่งในสมบัติทั้งสามชิ้นที่มีมูลค่าน้อยที่สุดในสถานปรักเซียน

หลัวซิวมีวิถีเซียนไร้ลักษณ์ของตัวเอง ดังนั้นเขาย่อมไม่มีทางเน้นฝึกวิถีเซียนน้ำไฟเป็นพิเศษอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ไข่มุกสาสน์เต๋าลูกนี้จึงถูกหลัวซิวโยนเข้าไปในแหวนเก็บของอย่างไม่ใส่ใจ

ถัดจากนั้นสายตาของหลัวซิวก็ร่วงลงบนเข็มทิศสาสน์เต๋า สมบัติชิ้นนี้คือตัวอ่อนภัณฑ์เซียน ซึ่งเป็นสมบัติที่ถูกหล่อเลี้ยงออกมาในพละวิถีเซียนน้ำไฟ ด้านการเจริญเติบโตและการบ่มเพาะของมันอยู่เหนือหอคอยฮวงเสียอีก!

อัญมณีดั้งเดิมชิ้นหนึ่งก็เพียงพอที่จะสามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าหลายคนเป็นศัตรูกันอย่างฉับพลันได้แล้ว ส่วนตัวอ่อนวิถีเซียนที่มีมูลค่าสูงกว่าอัญมณีดั้งเดิมนั้น มูลค่าของมันเป็นอย่างไรไม่ต้องบอกก็พอจะทราบได้แล้ว

ในพลังเซียนของเข็มทิศสาสน์เต๋ามีAttrแฝงซ่อนอยู่สี่ประเภท โดยจัดเป็นปริภูมิ ความเร็ว เวลาและแสง

แต่หลัวซิวรู้สึกว่าAttrของเข็มทิศสาสน์เต๋าน่าจะไม่ได้มีแค่สี่ประเภท เพราะด้านบนของเข็มทิศสาสน์เต๋าเป็นรูปดาวหกแฉกที่ประกอบมาจากลายค่าย Attrทั้งสี่ประเภทที่หลัวซิวสัมผัสได้ก็เป็นพลังเต๋าที่แพร่กระจายออกมาจากสี่แฉกของรูปดาวนี่แหละ ส่วนอีกสองแฉกที่เหลือกลับไม่มีออร่าพลังเต๋าใด ๆ ไหลเวียน

หลัวซิวพยายามกลั่นแปรเข็มทิศสาสน์เต๋า เมื่อเขาสัมผัสได้ว่าถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้ว ก็พบว่าตนแค่สามารถกลั่นแปรตัวต้องห้ามขั้นแรกของของขลังชิ้นนี้เท่านั้น

ออร่าพลังเต๋าที่ไหลเวียนอยู่บนเข็มทิศสาสน์เต๋ายังคงมีAttrสี่ประเภทอยู่เช่นเคย แต่หลังจากกลั่นแปรตัวต้องห้ามขั้นแรกสำเร็จ หลัวซิวก็พบว่าตัวเองแค่สามารถโคจรพลังแห่งปริภูมิของเข็มทิศสาสน์เต๋า

“หรือว่าจำเป็นต้องกลั่นแปรตัวต้องห้ามที่มากกว่านี้ ถึงจะสามารถควบคุมAttrพละเซียนได้มากขึ้น?”หลัวซิวพูดพึมพำคนเดียว และคำตอบนี้จะทราบได้ก็ต่อเมื่อเขาสามารถกลั่นแปรตัวต้องห้ามขั้นที่สองสำเร็จ

เมื่อเหยียนเยว่เอ๋อร์ได้สติกลับคืนมา หลัวซิวก็มองเห็นดาราดวงหนึ่งที่มีสิ่งมีชีวิตแล้ว

ดาราดังกล่าวตั้งอยู่บนพรมแดนระหว่างโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดและห้วงดาราไร้จ้าวที่ติดต่อกัน ซึ่งมีนามว่าดาราทงซัง

ถึงแม้ห้วงดาราไร้จ้าวจะไม่ถือเป็นของโลกใดโลกหนึ่งในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด แต่ทว่าเนื่องจากห้วงดาราแห่งนี้อยู่ติดกับโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด เพราะฉะนั้นผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่จึงสามารถสืบทราบเรื่องราวหลายอย่างที่เกิดขึ้นในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด

“ท่านสวามี ข้าผิดเองที่ไร้ประโยชน์ สร้างความยุ่งยากให้ท่านเพิ่มอีกแล้ว”

หลังจากเยว่เอ๋อร์ได้สติกลับคืนมานางก็ดูไม่เป็นสุข ครั้นเมื่อนางบุกเข้าไปในหุบเขาเขี้ยวโลหิต ก็เตรียมเผชิญหน้ากับความตายแล้ว และในความเป็นจริงนางยอมที่จะตายไปเอง แต่ก็ไม่อยากให้ท่านสวามีเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงเพื่อช่วยชีวิตนาง

วินาทีนี้เมื่อเห็นว่าตัวเองยังมีลมหายใจอยู่ นางจักยังไม่ทราบได้อย่างไรว่าท่านสวามีก็ต้องเข้าไปในหุบเขาเขี้ยวโลหิตแน่นอน?

และเป็นเพราะเหตุนี้นี่เอง เหยียนเยว่เอ๋อร์ถึงรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น ถึงแม้หลัวซิวจะไม่ได้พูดอะไรก็ตาม ทว่าจิตใจนางกลับเอาแต่โทษตัวเอง

“ยัยบื้อ ต่อไปข้าไม่อนุญาตให้เจ้าพูดคำพูดเช่นนี้อีก”หลัวซิวโอบกอดนางเข้าไปในอ้อมอก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

ความแข็งแกร่งในภพชาตินี้ ทำให้มือทั้งสองข้างของเขาเปื้อนด้วยเลือดไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ และมีเพียงขณะที่อยู่ต่อหน้าโฉมงามของตน เขาถึงจะแสดงด้านที่อ่อนโยนออกมา

ไม่จำเป็นต้องมีคำมั่นสัญญาใด ๆ และไม่จำเป็นต้องมีคำพูดหอมหวานอะไรเช่นกัน เหยียนเยว่เอ๋อร์ก็สามารถสัมผัสความรู้สึกรักที่ลึกซึ้งนั่นของหลัวซิวได้แล้ว นี่จึงทำให้นางรู้สึกตื้นตันใจมากยิ่งขึ้น

นางพยักหน้าเบา ๆ ใบหน้าแนบติดกับหน้าอกที่แข็งแกร่งนั่นของเขา ดื่มด่ำกับความสงบและความสุขนี้

จอมยุทธ์ที่เดินทางไป ๆ มา ๆ อยู่ในห้วงดารามีเยอะมาก และพบเจอคู่หนุ่มสาวได้บ่อยมากเช่นกัน ดังนั้นเมื่อหลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์ปรากฏบนดาราทงซัง จึงไม่ได้รับความสนใจจากผู้อื่นแต่อย่างใด

ในเมื่อจะสืบเสาะข่าวคราว เช่นนั้นก็ต้องไปสถานที่ที่มีจอมยุทธ์บนดาราทงซังรวมตัวกันมากที่สุดอยู่แล้ว จากตัวสำนึก ณ ปัจจุบันของหลัวซิว สามารถแผ่คลุมทั้งดาราได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะผนึกไปที่คูเมืองแห่งหนึ่งบนดารานี้ดวงรวดเร็ว

คูเมืองดังกล่าวมีนามว่าเมืองหยุนซัง เล่ากันว่าเจ้าเมืองของที่นี่คือสตรีนางหนึ่ง ผลการฝึกตนอยู่ที่แดนจักรพรรดิเทพเจ็ดกงล้อ

จอมยุทธ์ที่เดินทางเข้าออกประตูเมืองมีเยอะมาก ๆ ขอแค่จอมยุทธ์ที่มีผลการฝึกตนสูงกว่าเทพมารระดับเก้า ล้วนแต่จะเปิดเผยกงล้อเทพที่อยู่ด้านหลังตัวเอง ส่วนหนึ่งก็เพื่อจะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในผลการฝึกตนของตน และลดปัญหาที่ไม่มีความจำเป็น ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เป็นเพราะเมื่อจำนวนกงล้อเทพยิ่งมาก ก็ยิ่งสอดคล้องกับตำแหน่งอำนาจของจอมยุทธ์คนหนึ่งที่อยู่ในห้วงดารา

นอกจากเหล่าแดนศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดแล้ว การที่จอมยุทธ์ส่วนมากสามารถฝึกตนถึงแดนเทพมารระดับเก้าได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ดังนั้นเมื่อหลัวซิวเห็นว่าผลการฝึกตนของจอมยุทธ์ส่วนมากที่อยู่บนนี้ยังไม่ถึงเทพมารระดับเก้า และมองเห็นผู้ที่มีกงล้อเทพอยู่หลังศีรษะบ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งมีกงล้อเทพแค่หนึ่งถึงสองวงเท่านั้น

หลัวซิวก็เปิดเผยกงล้อเทพที่อยู่หลังศีรษะตัวเองเช่นกัน กงล้อเทพของเขามีเพียงวงเดียว ทว่าเมื่ออยู่บนนี้มันก็เป็นสัญลักษณ์ของผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าคนหนึ่งแล้ว ซึ่งสถานที่อย่างเมืองหยุนซัง เทพมารระดับเก้าคนหนึ่งถือเป็นผู้แข็งแกร่งที่หาพบได้น้อยมาก ๆ

ในส่วนของเหยียนเยว่เอ๋อร์นั้น นางกลับอำพรางกงล้อเทพ เนื่องจากกงล้อเทพของนางมีถึงเจ็ดวง ทันทีที่เปิดเผยละก็ มันก็จะดูโดดเด่นมากเกินไปจริง ๆ

เมื่อหลัวซิวพาเหยียนเยว่เอ๋อร์เข้าไปในเมือง องครักษ์ที่อยู่หน้าประตูเมืองเห็นกงล้อเทพที่ลอยอยู่หลังศีรษะเขา จึงทำความเคารพอย่างเคารพนอบน้อม ไม่ได้สอบถามอะไร เปิดทางเข้าเมืองให้โดยตรง

“โครม”

และในเวลานี้เอง ก็มีเสียงระเบิดที่ดังลั่นสะท้อนมาจากตำแหน่งที่อยู่ห่างไกลออกไป หลัวซิวไม่ต้องหันกลับไปมอง ตัวสำนึกก็สัมผัสได้แล้วว่ามีจอมยุทธ์สองคนกำลังต่อสู้อยู่ในตำแหน่งที่อยู่ห่างไม่ไกลจากเมืองหยุนซัง

องครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าทางเข้าเมืองย่อมสังเกตเห็นด้วยอยู่แล้ว ทว่าพวกเขากลับไม่มีท่าทีที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด เห็นได้ชัดเจนเลยว่าการต่อสู้และการเข่นฆ่าเช่นนี้เป็นสิ่งที่หาพบได้บ่อยมากในห้วงดารา หน้าที่ขององครักษ์อย่างพวกเขาก็คือเฝ้ารักษาประตูเมืองของเมืองหยุนซัง ขอแค่การต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามไม่กระทบมาถึงที่นี่ พวกเขาก็จะไม่สนใจ

ในโลกของจอมยุทธ์ การต่อสู้และการเข่นฆ่าเป็นหัวข้อหลักตลอดกาล หลัวซิวก็พบเห็นบ่อยจนไม่รู้สึกแปลกใจอะไรแล้ว แต่ทว่าเมื่อเขาใช้ตัวสำนึกแผ่สำรวจจอมยุทธ์ทั้งสองคนที่กำลังต่อสู้กันอย่างเรื่อยเปื่อย จู่ ๆ ความรู้สึกบนใบหน้าเขาก็ผงะไปครู่หนึ่งอย่างควบคุมไม่ได้

เนื่องจากเขาเห็นสตรีนางหนึ่งที่รู้จัก ซึ่งชื่อของสตรีนั้นก็คือซูเสว่หลัน

“ท่านสวามี เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”เหยียนเยว่เอ๋อร์มองหน้าหลัวซิว นางต้องสัมผัสตัวสำนึกของสามีตัวเองได้อยู่แล้ว วินาทีนี้เขากำลังให้ความสนใจกับสตรีนางหนึ่งอยู่

เหยียนเยว่เอ๋อร์ย่อมไม่มีทางคิดอยู่แล้วว่าสามีตนตกหลุมรักสตรีนางนั้น ต่อให้สตรีคนดังกล่าวจะงดงามมากก็ตาม ทว่าโฉมงามในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดมีอย่างล้นหลาม ในบรรดาสตรีที่อยู่ข้างกายสามี ไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่งก็ล้วนดีเลิศกว่าสตรีนางนั้นมาก

ในมุมมองของเหยียนเยว่เอ๋อร์ นางรู้สึกว่าในเมื่อหลัวซิวให้ความสนใจสตรีนางนั้น น่าจะเป็นเพราะบนตัวสตรีนางนั้นมีสิ่งของหรือเรื่องราวที่คุ้มแก่การให้เขาให้ความสนใจ

“เราไปดูสถานการณ์ทางนั้นก่อน”

หลัวซิวกุมมือเหยียนเยว่เอ๋อร์ เห็นเพียงเขาก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าว ก่อนจะพาเหยียนเยว่เอ๋อร์หายวับไปกับที่ วินาทีต่อไปทั้งคู่ก็ปรากฏบนสนามรบที่อยู่ห่างไม่ไกลจากเมืองหยุนซัง

การปรากฏกะทันหันของเงาร่างหนึ่ง ทำให้ทั้งสองคนที่กำลังประมือกันต่างคาดไม่ถึง แต่วินาทีต่อไปสิ่งที่ทำให้ใบหน้าเขาดูตะลึงงันมากกว่าเดิมคือ คนที่ปรากฏแค่โบกมือครั้งเดียวเท่านั้น ชี่จิ้งหนึ่งก็สั่นกระเพื่อมมาเหมือนระลอกคลื่น ทำให้พวกเขาทั้งสองต่างถอยหลังกลับไปพร้อมกัน

ซูเสว่หลันถอยหลังกลับไปหลายร้อยเมตรถึงจะทรงตัวได้ เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสภาพจิตใจที่ไม่แน่วแน่ จู่ ๆ ก็มีรัศมีแห่งความแปลกใจทะลุออกมาจากแววตาที่งดงามคู่นั้น

“เจ้าเองหรือ?”

ซูเสว่หลันย่อมต้องรู้จักหลัวซิวอยู่แล้ว เมื่อปีนั้นนางยังเป็นคนยุยงให้ถูโยวหมิงพาตัวเองจากไปขณะที่คนดังกล่าวเข้าไปในดินแดนนอกนภาอยู่เลย

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท