“ถูโยวหมิงเอ๊ยถูโยวหมิง ข้าควรตำหนิด่าว่าเจ้าอย่างไรดี?”
หลัวซิวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เมื่อปีนั้นเขาและถูโยวหมิงเดินทางมาโลกร้างพร้อมกัน ก็เป็นเพราะได้พบกับซูเสว่หลันนี่แหละ ต่อมาถูโยวหมิงจึงถูกอารมณ์ความรู้สึกพันธนาการ จนซึมเซาไม่มีชีวิตชีวา
อันที่จริงเวลานั้น ต่อให้เป็นคนปัญญาอ่อนยังดูออกเลยว่าซูเสว่หลันกำลังหลอกใช้ถูโยวหมิง หลังจากนางได้รับสมบัติอย่างไฟเทวชิงเทียนมาจากมือถูโยวหมิงแล้ว นางก็ทอดทิ้งเขาอย่างไม่ลังเลใจ
แต่ทว่าบางทีในโลกใบนี้ สิ่งที่อธิบายได้ยากที่สุดก็คือเรื่องอารมณ์ความรู้สึกแล้วล่ะ เป็นปัญหาที่แม้แต่คนปัญญาอ่อนยังมองออก แต่ตัวถูโยวหมิงเองดันจมปลักอยู่ภายใน
ฉะนั้นต่อมา ภายใต้การยุยงและมอมเมาของซูเสว่หลัน เจ้าหมอนั่นก็หนีไปพร้อมกับซูเสว่หลันอีกครั้ง
ส่วนครั้งนี้กลับไม่สามารถช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้ ถูโยวหมิงตายไปแล้ว หลัวซิวแทบจะสามารถยืนยันได้ร้อยทั้งร้อยเลยว่า การตายของถูโยวหมิงต้องมีความเกี่ยวข้องกับซูเสว่หลันอย่างแน่นอน!
หลังจากหลัวซิวพาเหยียนเยว่เอ๋อร์เทเลพอร์ตหายไปจากห้องรับแขกอีกครั้ง ก็เหลือเพียงหัวหน้าแก๊งทงซังและโกวต๋าทั้งสองคนมองหน้าซึ่งกันและกัน ในขณะเดียวกันก็เกิดความรู้สึกเหมือนมีชีวิตรอดมาจากภัยพิบัติยังไงอย่างนั้น
เนื่องจากศักยภาพของฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งมากเกินไปจริง ๆ แข็งแกร่งถึงขั้นที่แค่ใช้จิตนึกคิด ก็สามารถทำให้พวกเขาทั้งสองตายอย่างไร้ที่ฝังได้แล้ว
เสื้อผ้าบนตัวหัวหน้าแก๊งทงซังแทบจะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แม้นเขาจะตรึกตรองจนสมองแตกก็จินตนาการไม่ได้ว่าผู้แข็งแกร่งคนนั้นมาจากสถานที่ใดกันแน่ เหตุใดผู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้จึงสนใจเรื่องราวของตัวละครเล็ก ๆ อย่างถูโยวหมิงและซูเสว่หลัน?
……
ตัวสำนึกของหลัวซิวสามารถครอบคลุมทั้งดาราทงซัง ดังนั้นการที่เขาอยากตามหาคนคนหนึ่งในเมืองหยุนซัง จึงเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว
เขาไม่ได้สังหารหัวหน้าแก๊งทงซังและโกวต๋า ด้านหนึ่งเป็นเพราะสำหรับเขาแล้วสองคนนั้นเป็นเพียงตัวละครปานมดตัวจ้อย และด้านหนึ่งก็เป็นเพราะเขายืนยันได้แล้วว่าการตายของถูโยวหมิงไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเขา
ส่วนไฟเทวชิงเทียนนั้น กลับถูกเก็บอยู่ในแหวนเก็บของของหัวหน้าแก๊งทงซังมาโดยตลอด ขณะที่หลัวซิวจากไป เขาก็รวดเอาแหวนเก็บของวงนั้นมาเหมือนกัน
ไม่นานนัก ตัวสำนึกของหลัวซิวก็เจอตัวซูเสว่หลัน ต่อมาเขาก็ใช้วิชาเทเลพอร์ตอีกครั้ง พาเหยียนเยว่เอ๋อร์ปรากฏตรงหน้าซูเสว่หลันโดยตรง
“อันที่จริงข้าอยากสังหารเจ้ามาก”
ทันทีที่พบหน้ากัน หลัวซิวก็พ่นประโยคนี้ออกมาอย่างเยือกเย็น อีกทั้งก็มีไอสังหารตลบฟุ้งออกมาจากร่างกายเขาจริง ๆ ซึ่งไม่ใช่การล้อเล่นแต่อย่างใด
“เพราะเหตุใด?”มีความระแวดระวังปรากฏในแววตาซูเสว่หลัน นางถอยหลังกลับไปสามสี่ก้าวแล้วพูด “ข้าเป็นคนรักของถูโยวหมิง เจ้าไม่ใช่สหายของถูโยวหมิงหรือ? เจ้าไม่ช่วยข้าจัดการแก๊งทงซังก็แล้วไป ไม่นึกเลยว่าเจ้ายังคิดที่จะสังหารข้าอีกอย่างนั้นหรือ?”
หลัวซิวแสยะยิ้มเยาะอย่างเยือกเย็น “เจ้าควรขอบคุณถูโยวหมิง หากไม่ใช่เพราะเขาละก็ เจ้าคงตายไปตั้งนานแล้ว”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ตัวสำนึกของหลัวซิวก็พุ่งออกมาจากห้วงจักรหยั่งรู้ สำหรับการปฏิบัติต่อสตรีอย่างซูเสว่หลันนั้น หลัวซิวลงมือโดยที่ไม่มีความปราณีเลยแม้แต่น้อย ตัวสำนึกของเขาพุ่งเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของนางด้วยลักษณะท่าทีที่แข็งกร้าว อ่านความทรงจำของนางโดยตรง
หลังจากหลัวซิวได้อ่านความทรงจำของซูเสว่หลันแล้ว เขาถึงจะรู้ว่าสตรีนางนี้หน้าด้านไร้ยางอายมากเพียงใด เพื่อทำให้ผลการฝึกตนแข็งแกร่ง เพื่อที่จะได้รับทรัพยากรการฝึกตนที่มากกว่าเดิม สตรีนางนี้แทบจะสามารถทอดทิ้งทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็นมิตรสหายของนางหรือญาติพี่น้อง
ในโลกของซูเสว่หลันมีเพียงตัวนางเท่านั้น คนอื่นที่เหลือล้วนเป็นเพียงเครื่องมือที่นางหลอกใช้ ล้วนเป็นเครื่องมือที่ทำให้นางก้าวไปสู่ระดับขั้นที่สูงกว่า
นางเป็นสตรีที่เจ้าแผนการและมีความทะเยอทะยานสูงมาก นางฝันและจินตนาการว่าสักวันตนจะสามารถกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่ตั้งตระหง่านอยู่บนจุดสูงสุดของดาราจักรวาล เพื่อเป็นการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว นางยอมทำได้ทุกอย่าง
ทว่าในมุมมองของหลัวซิว นางก็เป็นเพียงคนโง่เง่าที่กิเลสสูงไม่รู้จักพอ สภาพจิตใจและอุปนิสัยเช่นนี้ของนาง ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจักไม่มีทางกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงได้
“ตึก!”
หลังจากหลัวซิวดึงตัวสำนึกกลับมา ร่างกายของซูเสว่หลันก็อ่อนระทวยล้มลงไปกับพื้น หมดสติไป
หลัวซิวใช้พลังอำนาจฝืนอ่านความทรงจำของนาง ดังนั้นตัวหยั่งรู้ของซูเสว่หลันจึงได้รับความเสียหายในแบบที่ไม่สามารถรักษาให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ซึ่งบาดแผลเหล่านี้จะทำให้รากฐานของนางได้รับความเสียหายด้วย ชั่วชีวิตนี้ไม่มีวันบรรลุถึงแดนที่สูงยิ่งกว่าได้แล้ว
แต่หลัวซิวกลับไม่ได้สังหารนาง เนื่องจากเขาก็ไม่ทราบเช่นกันว่าหากถูโยวหมิงอยู่ที่นี่ด้วยละก็ เขาจะฆ่านางหรือไม่ ดังนั้นเขาวางแผนที่จะฟื้นคืนชีพถูโยวหมิงกลับคืนมาก่อน ค่อยให้ถูโยวหมิงเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องนี้เองจักดีกว่า
แน่นอนอยู่แล้วว่าถ้าเกิดถูโยวหมิงยังหลงผิดอย่างกู่ไม่กลับ ยังคงเลือกที่จะเชื่อใจสตรีนางนี้ละก็ เช่นนั้นถูโยวหมิงก็หมดหนทางเยียวยาแล้วจริง ๆ และหลัวซิวก็จะไม่สนใจเรื่องใด ๆ ของเขาอีก
อันที่จริงตอนนั้นเมื่อเขาทราบว่าถูโยวหมิงและซูเสว่หลันจากไปพร้อมกัน หลัวซิวก็ไม่อยากสนใจเขาอีกแล้ว แต่แค่คิดไม่ถึงว่าในชีวิตคนเรามักจะมีเรื่องบังเอิญมากมายอยู่เสมอ เขาบังเอิญเจอพวกเขาที่นี่ ดังนั้นจึงนิ่งดูดายไม่ได้
……
จากความทรงจำของโกวต๋าและซูเสว่หลัน หลัวซิวทราบตำแหน่งที่ตั้งของห้วงลึกนั่นตั้งนานแล้ว โดยเฉพาะในความทรงจำของซูเสว่หลัน ถูโยวหมิงยิ่งถูกซูเสว่หลันผลักเข้าไปในห้วงลึกแห่งนั้นด้วยมือตนเอง
ในส่วนของเรื่องที่ว่าเหตุใดซูเสว่หลันจึงต้องทำเช่นนี้นั้น เหตุผลมันก็ง่ายมาก ๆ นั่นก็คือเพื่อที่จะดำรงชีวิตได้ดีกว่าเดิม
อย่างไรเสียไฟเทวชิงเทียนก็มีเพียงดวงเดียว เมื่อได้รับทรัพยากรที่เหมือนกันก็ต้องแบ่งกันใช้สองคน ซึ่งถ้าเกิดมีเพียงตัวซูเสว่หลันคนเดียวละก็ เช่นนั้นนางไม่เพียงสามารถยึดกุมไฟเทวชิงเทียนคนเดียว ทรัพยากรที่นางหาได้ก็สามารถใช้มายกระดับผลการฝึกตนของตัวเองโดยสิ้นเชิง ไม่จำเป็นต้องแบ่งให้ผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการที่ถูโยวหมิงตกหลุมรักสตรีที่ไร้ไมตรีจิตสัจธรรมเช่นนี้นั้น มันเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับเขาจริง ๆ
หากเขาไม่มีสหายอย่างหลัวซิว บางทีเมื่อหลายร้อยปีก่อน ถูโยวหมิงก็คงตายไปตั้งนานแล้ว
ตำแหน่งที่ตั้งของห้วงลึกอยู่ไม่ไกลจากดาราทงซังมากเท่าไหร่นัก จากความเร็วในการเทเลพอร์ตของหลัวซิว ก็ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาทีเช่นกัน พวกเขาก็มาถึงบนดาราที่รกร้างว่างเปล่าดวงหนึ่ง
นี่คือดาราดวงหนึ่งที่ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตเลย บนแผ่นดินรกร้างที่กว้างใหญ่เต็มเปี่ยมไปด้วยก้อนหินและฝุ่นละออง พายุที่คำรามโหมกระหน่ำ ออร่าของเกณฑ์พลังเต๋าก็รุนแรงยุ่งเหยิงเช่นกัน
บนพื้นของดาราดวงนี้มีรอยร้าวขนาดใหญ่ ซึ่งมีรอยร้าวขนาดใหญ่ที่เหมือนดั่งหุบเขานี่เป็นใจกลาง ห้วงลึกที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นเหมือนดั่งอสูรโหดที่กำลังอ้าปากกว้าง พร้อมทั้งดูดกลืนทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบ ๆ
“เยว่เอ๋อร์ ที่นี่อาจจะค่อนข้างอันตราย เจ้าเข้าไปในหอคอยฮวงของข้าก่อน”หลัวซิวพูดกับเหยียนเยว่เอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ
“อื้ม”เหยียนเยว่เอ๋อร์ปฏิบัติตามการตัดสินใจของหลัวซิวดีมาก ๆ นางพยักหน้าหงึก ๆ จากนั้นก็ปล่อยให้หลัวซิวเก็บตัวนางเข้าไปในหอคอยฮวงโดยไม่ขัดขืน
เมื่อไม่มีสิ่งที่ต้องคอยพะวงหน้าพะวงหลัง หลัวซิวจึงบินไปยังตำแหน่งของห้วงลึก เมื่อเข้าใกล้ห้วงลึกดังกล่าว ก็มีแรงดึงกระชากที่มากล้นสะท้อนมา ราวกับมีเชือกไร้รูปเส้นหนึ่งพันธนาการเขาเอาไว้ แล้วดึงเขาลงไปในห้วงลึก
พลังดูดกลืนดึงกระชากนี้แข็งแกร่งมาก แม้จะอยู่เขตพื้นที่รอบ ๆ อย่างน้อยก็ต้องเป็นเทพมารระดับเก้าถึงจะสามารถต้านทานได้อย่างยากลำบาก อีกทั้งเมื่อยิ่งเข้าใกล้ห้วงลึกมากเท่าไหร่ พลังนี้ก็ยิ่งน่าสยดสยองมากเท่านั้น
จากศักยภาพผลการฝึกตนของหลัวซิว เขาก็ไม่ได้เดินไปใจกลางห้วงลึกเช่นกัน วินาทีนี้พลังดึงกระชากที่กำลังพันธนาการร่างกายเขาบรรลุถึงระดับที่น่าสยดสยองมาก ๆ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อคนหนึ่ง เกรงว่าก็คงต้านทานไม่ไหว คงถูกห้วงลึกดึงกระชากเข้าไปตั้งนานแล้ว
หลัวซิวไม่ได้เดินไปข้างหน้าต่อ เขา ณ วินาทีนี้อยู่ห่างจากใจกลางห้วงลึกอีกแค่เล็กน้อยแล้ว แต่ทว่าระยะห่างที่เล็กน้อยเช่นนี้ มาตรแม้นว่าเป็นเขาก็ไม่กล้าเดินเข้าไปอย่างบุ่มบ่าม
ทันใดนั้นเอง รูม่านตาของหลัวซิวก็หดลงกะทันหัน เนื่องจากเขามองเห็นหมอกดำก้อนหนึ่งกำลังผนึกรวมกันอยู่ในห้วงลึก หมอกดำเหล่านั้นกำลังไหลกลิ้งโคจรอย่างต่อเนื่อง ราวกับระลอกคลื่นสีดำ
หากมีปรากฏการณ์เช่นนี้เพียงอย่างเดียวก็แล้วไป สิ่งที่ทำให้หลัวซิวใส่ใจจริง ๆ คือ ณ เสี้ยววินาทีในเมื่อครู่นี้ เขามองเห็นมุมหนึ่งของโลงศพหนึ่งโลงในระลอกคลื่นสีดำ!
แม้นจะเห็นเพียงมุมใดมุมหนึ่ง แต่ออร่าพลังเต๋าที่ไหลเวียนออกมาจากโลงศพนั่นกลับทำให้หลัวซิวรู้สึกคุ้นเคยมาก
โลงศพเทวฝังสวรรค์!
จู่ ๆ เขาก็นึกถึงโลงศพเทวฝังสวรรค์ที่เคยค้นพบในโบราณสถานแห่งมหาโลกาพันสาม นั่นคือโลงศพที่ผันมาจากร่างเนื้อของผู้แข็งแกร่งแห่งยุคทั้งเก้าในยุคไท่ชู แล้วผนึกประมุขเต๋าปรโลกเอาไว้!
ในอดีตโลกทัศน์ประสบการณ์ของหลัวซิวยังมีไม่มากพอ ไม่ทราบว่าผู้แข็งแกร่งแห่งยุคทั้งเก้าคนนั้นเป็นผู้แข็งแกร่งระดับใดกันแน่
แต่ทว่าเมื่ออนุมานจากโลกทัศน์ประสบการณ์ ณ ปัจจุบันของเขา การที่สามารถปิดผนึกปรโลกระดับประมุขเต๋าได้นั้น อย่างน้อยผู้แข็งแกร่งแห่งยุคทั้งเก้าคนนั้นก็อยู่ในแดนผู้แกร่งเลิศ ยิ่งกว่านั้นคือมีหนึ่งถึงสองคนอาจบรรลุถึงแดนประมุขเต๋าแล้ว
แต่ทว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่กุญแจสำคัญ กุญแจสำคัญคือเหตุใดโลงศพเทวฝังสวรรค์ถึงปรากฏที่นี่?
ถูโยวหมิงเคยได้รับโอกาสบางอย่างในพระราชวังที่ประมุขเต๋าปรโลกทิ้งไว้ ยิ่งกว่านั้นคือเขาได้กลั่นแปรหลอมรวมเท่ากับปณิธานเสี้ยวหนึ่งของประมุขเต๋าปรโลก จนได้รับการถ่ายทอดสืบสานมาส่วนหนึ่ง
“กาลเวลาทวนกลับ!”
หลัวซิวยกมือขึ้นมาโบกทีหนึ่ง เขาทดลองใช้พลังเซียนไร้ลักษณ์วิวัฒนาการวิถีห้วงเวลา ทำให้เพลาไหลรวยไหลย้อนกลับ สืบสาวกลับไปถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นที่นี่
แต่ทว่าภายใต้ผลกระทบจากพลังดูดกลืนวิญญาณของห้วงลึกนั่น ออร่าเกณฑ์พลังเต๋าของที่นี่ยุ่งเหยิงและรุนแรงมากเกินไป แม้นหลัวซิวจักเรียกเพลาไหลรวยออกมาได้ แต่กลับไม่สามารถย้อนเวลากลับไปถึงอดีต
เมื่อไม่สามารถย้อนเวลา เช่นนั้นต่อให้ถูโยวหมิงจะตายอยู่ในนี้จริง ๆ หลัวซิวก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีทางใช้อุบายใด ๆ มาฟื้นคืนชีพเขาได้
แต่หลัวซิวก็ไม่ได้ใส่ใจต่อเรื่องนี้มากเท่าไหร่นัก เรื่องบางอย่างสามารถทำได้ เรื่องบางอย่างทำไม่ได้ ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งที่มีกำลังรบระดับผู้สูงส่ง หลัวซิวก็ปลงตกต่อเรื่องเช่นนี้ได้อยู่
ซึ่งนี่ไม่ได้หมายความว่าหลัวซิวเย็นชาถึงขั้นที่ไม่สนใจความเป็นความตายของคนที่อยู่ข้างกาย นี่เป็นเพียงสภาพจิตใจที่อยู่เหนือข้อพิพาทใด ๆ ทั้งสิ้น มีเพียงผลการฝึกตนวิถียุทธ์บรรลุถึงแดนที่แน่นอนแล้ว ถึงจะสัมผัสความรู้สึกเช่นนี้ได้อย่างแท้จริง
ยกตัวอย่างเช่นผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งคนหนึ่ง มุมมองและสภาพจิตใจของเขาที่มีต่อผู้คนที่อยู่ข้างกายและสิ่งอื่นใด ๆ ย่อมไม่ใช่สิ่งที่มหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อคนหนึ่งสามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว
ในเมื่อมีแดนที่อยู่เหนือข้อพิพาทใด ๆ ทั้งสิ้น ก็ต้องมีสภาพจิตใจและมุมมองที่อยู่เหนือข้อพิพาทใด ๆ ทั้งสิ้นเช่นกัน นี่เป็นความรู้สึกประเภทหนึ่งที่สามารถสัมผัสได้แต่กลับไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
หลัวซิวไม่เข้าใจว่าเหตุใดโลงศพเทวปรโลกถึงปรากฏที่นี่ แต่เขาก็ไม่มีความคิดที่จะสืบสาวราวเรื่องเช่นกัน ในบรรดาประมุขเต๋าแห่งยุคไท่ชู ประมุขเต๋าเฟิงเทียนยังมีชีวิตอยู่ ประมุขเต๋าเยว่เทียนก็น่าจะทลายการผนึกแล้ว เขาได้รับน้ำอมฤตเทียนอีมาแล้ว ซึ่งสามารถย้อนกลับไปยังเขาผีเก้าเพื่อให้ประมุขเต๋าเลี่ยเทียนหลอมสร้างดั้งเดิมและฟื้นคืนชีพกลับมาใหม่ได้ตลอดเวลา
เช่นนั้นต่อให้มีประมุขเต๋าปรโลกคลานออกมาจากโลงศพอีกคนหนึ่ง หลัวซิวก็จะไม่รู้สึกแปลกใจอะไรเลยแม้แต่น้อย
มกุฎเต๋าหวูจี๋เคยบอกกับเขาว่ามหันตภัยที่จะม้วนซัดทั้งจักรวาลสามโลกามีบ่อเกิดจากพรหมเซียน
ซึ่งพรหมเซียนเป็นโอกาสที่เพียงพอที่จะสามารถทำให้คนบรรลุเป็นเซียน และผู้ที่จะชี้ขาดชะตาในครั้งนี้ไม่ใช่ประมุขเต๋า แต่เป็นเหล่ามกุฎเต๋า!
หลัวซิวก็เคยคิดคำถามนี้มาก่อนเช่นกัน โอกาสที่เพียงพอที่จะสามารถทำให้บรรลุเป็นเซียนไม่มีทางทำให้คนหลายคนบรรลุเป็นเซียนได้แน่นอน เช่นนั้นต่อให้เหล่ามกุฎเต๋าทั้งหลายอยู่ในความสัมพันธ์แบบร่วมมือกัน ก็ใช่ว่าจะสมานฉันท์พึ่งพาได้เหมือนที่มองเห็นภายนอก
ยกตัวอย่างเช่นการตายของมกุฎเต๋าบรรพฮวงในครั้งนี้ หลัวซิวก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่มีทางธรรมดาเรียบง่ายแน่นอน ภายในเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำแน่!
อย่างไรเสียหากมกุฎเต๋าบรรพฮวงตายง่ายขนาดนั้นละก็ แล้วมกุฎเต๋าคนนี้จะมีทางคงอยู่มาได้ไม่รู้ตั้งกี่ยุคตรีภพหรือ?