หลัวซิวได้รับสมบัติสามชิ้นมาจากสถานปรักเซียน ในจำนวนทั้งสามชิ้น เข็มทิศสาสน์เต๋าคือตัวอ่อนภัณฑ์เซียนชิ้นหนึ่งที่ถูกหล่อเลี้ยงออกมาเองโดยธรรมชาติ อนาคตหากสามารถบรรลุถึงระดับภัณฑ์เซียน มันต้องอยู่เหนือขวดเซียนอัคคีหลอมจิตอย่างแน่นอน
ในไข่มุกสาส์นเต๋ามีวรยุทธ์วิถีเซียน ทั้งยังเป็นวรยุทธ์ระดับเซียนวิชาหนึ่งด้วย ซึ่งระดับขั้นของมันก็อยู่เหนือขวดเซียนอัคคีหลอมจิตเช่นกัน
เทพธิดาหยุนเซวียนไม่ได้ถามถึงเข็มทิศสาสน์เต๋า และไม่ได้ถามถึงไข่มุกสาส์นเต๋าเช่นกัน แต่ดันถามถึงรากเซียนน้ำไฟ นี่จึงทำให้หลัวซิวตระหนักได้ว่ามีโอกาสสูงมากที่เทพธิดาหยุนเซวียนอาจจะมีวิธีการบางอย่าง ซึ่งสามารถดูดซับกลั่นแปรพลังเซียนที่บริสุทธิ์ในรากเซียนน้ำไฟแล้วยกระดับผลการฝึกตนได้เหมือนเขา
โดยส่วนใหญ่แล้ว นอกเสียจากเป็นผู้แข็งแกร่งที่ฝึกวิถีน้ำไฟ คนอื่นจะไม่สามารถกลั่นแปรพลังเซียนน้ำไฟได้ สาเหตุที่หลัวซิวทำเช่นนั้นได้ ก็เป็นเพราะเขาได้เปรียบเรื่องยึดกุมวิถีไร้ลักษณ์
แต่ทว่าหลัวซิวก็ไม่เคยคิดเลยว่ามีเพียงตนเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้ เนื่องจากในโลกที่มีผู้ฝึกยุทธ์มากมายมหาศาลนี้ มันลึกลับกว่าที่เขารู้จักมาก และมีความเป็นไปได้ที่นับไม่ถ้วนคงอยู่เช่นกัน
เพียงพริบตาเดียว ทั้งสองแค่พูดคุยกันอย่างเรียบง่ายไม่กี่ประโยค ก็มีข้อมูลและการคาดเดาจำนวนมากกระพริบผ่านไปในหัวหลัวซิว
“รากเซียนมีประโยชน์ต่อข้าอยู่ ฉะนั้นจึงไม่สามารถแลกเปลี่ยนกับเจ้าได้”หลัวซิวส่ายหน้าพลางตอบกลับ
“เจ้าไม่กลัวข้าแตกหักกับเจ้าหรือ?”สีหน้าของเทพธิดาหยุนเซวียนหม่นหมองลงไป
……
เพียงพริบตาเดียว นับตั้งแต่หลัวซิวและเทพธิดาหยุนเซวียนร่วมมือกันสังหารผู้สูงส่งอัมพรเทว ปัจจุบันเวลาก็ล่วงเลยไปสามเดือนกว่าแล้ว
เมื่อนนั้นเทพธิดาหยุนเซวียนอยากแลกเปลี่ยนรากเซียนน้ำไฟ แต่กลับจบลงด้วยความล้มเหลว อย่างไรเสียภายในรากเซียนน้ำไฟก็มีพลังเซียนที่บริสุทธิ์แฝงซ่อนอยู่ ทั้งระดับของพลังงานยังอยู่เหนือพลังดั้งเดิมบริสุทธิ์ที่แฝงเร้นอยู่ร่างกายในประมุขเต๋าด้วย
รากเซียนน้ำไฟเป็นกุญแจสำคัญที่จะบอกว่าหลัวซิวสามารถบรรลุสู่แดนผู้สูงส่งภายในระยะเวลาอันสั้นได้หรือไม่ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางนำมันไปแลกเปลี่ยนกับเทพธิดาหยุนเซวียนอยู่แล้ว แม้นเขาจะรู้อยู่ว่าบนตัวเทพธิดาหยุนเซวียนต้องมีสมบัติที่ไม่ธรรมดาแน่นอน
แน่นอนอยู่แล้วว่าแม้เขาจะปฏิเสธในการแลกเปลี่ยน เทพธิดาหยุนเซวียนก็ไม่ได้ลงมือแตกหักกับเขาจริง ๆ ผลลัพธ์สุดท้ายก็แค่แยกจากกันอย่างไม่สบอารมณ์
หลังจากโลกร้างถูกข้าศึกยึดครองไปแล้ว สามารถพูดได้เลยว่าผู้สูงส่งอัมพรเทวที่อยู่ในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงแห่งโลกร้างเป็นหมากที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ฉะนั้นการดับสลายสูญสิ้นของผู้สูงส่งอัมพรเทวก็ทำให้โลกร้างวุ่นวายไม่น้อยเช่นกัน
ทว่าหลัวซิวกลับซ่อนเร้นไปตั้งนานแล้ว ตลอดช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมานี้เขาก็ไม่ได้ปล่อยให้เวลาสูญเปล่า พลางใช้ไฟอมฤตชูหยวนชุบร่างเนื้อต่อ พลางอาศัยหินบรรพไท่ชูและไข่มุกเต๋ามาผนึกรวมพลังเซียนในร่างกาย
ผลการฝึกตนของเขาอยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อขั้นสูงแล้ว ต่อจากนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็คือเตรียมพร้อมสำหรับการบรรลุสู่แดนผู้สูงส่ง ซึ่งสิ่งแรกที่เขาต้องทำก็คือยกระดับผลการฝึกตนให้ถึงขีดสูงสุด
ร่างเนื้อยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ก็สามารถรองรับผลการฝึกตนได้มากเท่านั้น เพราะฉะนั้นหลัวซิวจึงอยากสะสมผลการฝึกตนให้อยู่ในสภาวะที่เต็มอิ่มจนถึงขีดสุด ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งมาตกตะกอน
นอกจากนี้แล้วยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมาก นั่นก็คือหอคอยฮวงที่อยู่ในตัวหยั่งรู้ของเขายังคงร้องเรียกออร่าดั้งเดิมเสี้ยวหนึ่งที่ผนึกร่วมอยู่ในทุกแห่งหนของห้วงดาราโลกร้างอย่างไม่หยุดหย่อน
ซึ่งออร่าดั้งเดิมเหล่านี้ก็คือดั้งเดิมของมกุฎเต๋าบรรพฮวงนั่นเอง
ระยะเวลาสามเดือนล่วงเลยไป ไม่ว่าจะเป็นร่างเนื้อหรือผลการฝึกตนของหลัวซิว ต่างก็มีการยกระดับอย่างมั่นคง เขาไม่ได้รีบทลายพันธนาการของแดนใหญ่แต่อย่างใด เนื่องจากเขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่ายิ่งแดนในปัจจุบันสั่งสมได้ลึกซึ้งมากเท่าไหร่ ถึงแม้ระดับความยากในการบรรลุแดนใหญ่จะเพิ่มขึ้น แต่กลับจะทำให้รากฐานของเขาแข็งขันมากกว่าเดิม ความสามารถในการเจริญเติบโตและความสามารถในการบ่มเพาะในอนาคตก็จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
เขาเตรียมพร้อมที่จะยกระดับศักยภาพของตัวเองให้ขึ้นไปถึงขีดสูงสุด รอหลังจากที่ศักยภาพของเขาไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้แล้ว เขาก็จะเลือกที่จะทลายพันธนาการของแดนใหญ่
ดังนั้นเขาจึงใช้ทรัพยากรอย่างหินบรรพไท่ชูและไข่มุกเต๋าตลอดมา แล้วเก็บรากเซียนน้ำไฟไว้ คอยทลายพันธนาการของแดนใหญ่เมื่อไหร่ ค่อยใช้ทรัพยากรนี้
แต่ทว่าในวันนี้ ขณะที่หลัวซิวยังปิดขังอยู่ จู่ ๆ ก็มีความรู้สึกที่ไม่สบายใจผุดขึ้นมาในหัวใจเขา ทำให้เขาตื่นขึ้นมาจากสภาวะฝึกตน
เสี้ยววินาทีที่เขาลืมตาขึ้นมา ความรู้สึกไม่สบายใจนั่นก็รุนแรงมากยิ่งขึ้น ก่อนที่มันจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นวิกฤตการณ์ที่เร่งด่วนมาก!
“หรือว่ามีคนทราบตัวตนของข้าแล้ว ทั้งยังตามหาสถานที่ปิดขังของข้าพบด้วย?”
หลัวซิวรีบหยุดการฝึกตนทันที พร้อมกับแผ่ขยายตัวสำนึกของตัวเองออกไป สถานที่ที่เขาเลือกฝึกตนคือกลางป่าไม้แห่งหนึ่งที่ไม่มีอะไรโดดเด่นในโลกร้าง บริเวณรอบ ๆ ของถ้ำที่เขาบุกเบิกขึ้นมาอย่างเรียบง่ายก็ถูกเขาจัดวางด้วบค่ายกลระดับผู้สูงส่งชั้นสูงเช่นกัน
เมื่อพูดตามหลักแล้ว ต่อให้มีผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งเดินทางผ่านสถานที่แห่งนี้ ทั้งใช้ตัวสำนึกแผ่สำรวจหนึ่งรอบ ขอแค่ผลการฝึกตนไม่สูงกว่าผู้สูงส่งช่วงปลาย ก็ไม่มีทางค้นพบถ้ำดังกล่าวของเขาแน่นอน
หลังจากหลัวซิวแผ่ตัวสำนึกออกไปนอกค่ายกลต้องห้าม จู่ ๆ เขาก็สังเกตเห็นว่ามีระลอกคลื่นปริภูมิปรากฏบนนภาสูง
“ในที่สุดก็เจอตัวเจ้าแล้ว……”
เสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเก่าแก่สะท้อนมาจากอนัตตา ถัดจากนั้นก็มีชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดคลุมยาวขาวดำ ย่างเท้าเดินออกมาจากระลอกคลื่นปริภูมิ
ด้านหลังของชายวัยกำลังคนนั่นมีรูเล็ตขนาดใหญ่กำลังโคจรอยู่อย่างช้า ๆ มีพลังออร่าที่เก่าแก่และมโหฬารพันลึกไหลเวียนออกมาจากด้านใน
มกุฎเต๋าวัฏสงสาร!
หลัวซิวไม่เคยเห็นรูปร่างลักษณะของมกุฎเต๋าวัฏสงสารมาก่อน แต่เขากลับไม่มีทางจำพลังออร่าของเส้นทางแห่งวัฏสงสารผิดแน่นอน
เขาที่เป็นไท่ซ่างฉิงในอดีตชาติเคยเห็นกงล้อวัฏจักรธรรมมาก่อน ฉะนั้นจึงรับรู้ได้ในทันทีว่ารูเล็ตขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่ด้านหลังฝ่ายตรงข้ามก็คือกงล้อวัฏจักรธรรม!
แต่ว่ากงล้อวัฏจักรธรรมในวินาทีนี้ไม่สมบูรณ์แต่อย่างใด ตรงกลางกงล้อมีรูหนึ่งรู น่าจะเป็นเพราะขาดส่วนสำคัญอย่างลูกแก้วความเป็นตาย
นอกเหนือจากกงล้อวัฏจักรธรรมแล้ว สาเหตุที่ทำให้หลัวซิวยืนยันได้อีกขั้นว่าฝ่ายตรงข้ามคือมกุฎเต๋าวัฏสงสารนั้น เป็นเพราะพลังอำนาจอันน่าสยดสยองที่แผ่กระจายออกมาจากตัวฝ่ายตรงข้าม ครั้นเมื่ออยู่ในแดนบรรพกาล เขาก็เคยสัมผัสพลังอำนาจประเภทนี้ได้จากตัวมกุฎเต๋าหวูซินและมกุฎมังกรอิมเช่นกัน
ในโลกหล้านี้ มกุฎเต๋าที่ฝึกเส้นทางแห่งวัฏสงสารก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือมกุฎเต๋าวัฏสงสารที่เป็นเจ้าแห่งฟ้าดิน!
“เจ้าค้นพบข้าได้อย่างไร?”
หัวใจของหลัวซิวเต้นเร็วอย่างบ้าคลั่ง เขาเพ่งเล็งความสนใจไปที่คำพูดที่มกุฎเต๋าวัฏสงสารพูดขณะปรากฏ ฝ่ายตรงข้ามบอกว่าในที่สุดก็เจอตัวเจ้าสักที คำพูดนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
หรือว่ามกุฎเต๋าวัฏสงสารตามหาข้ามาโดยตลอด? แล้วเขาทราบได้อย่างไรว่าข้ามาถึงโลกร้างแล้ว?
“โอ๊ะ? เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะไม่หลบหนีอย่างนั้นหรือ?”
มกุฎเต๋าวัฏสงสารลอยอยู่บนนภาสูงพลางใช้มือทั้งสองข้างไขว้ไว้ด้านหลัง ภายในแววตามีความเย็นชาปนอยู่ด้วย กราดมองลงมายังที่ซ่อนตัวของหลัวซิว ต่อให้มีการบดบังจากค่ายกลระดับผู้สูงส่งชั้นสูง ก็ไม่สามารถปิดกั้นสายตาเขาได้อยู่ดี
หลัวซิวเข้าใจดีมาก ๆ ว่าเมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าคนหนึ่ง เขาก็ไม่มีโอกาสที่จะหลบหนีได้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาที่อยู่ในถ้ำจึงลุกตัวขึ้น แล้วย่างกรายออกมา พลางโบกมือถอนค่ายกลที่จัดวางอยู่รอบ ๆ ทิ้ง
“เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าที่สง่าผ่าเผย ไม่นึกเลยว่าจะถามคำถามปัญญาอ่อนเช่นนี้ หรือเจ้าคิดว่าข้าที่มีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อคนหนึ่งจะสามารถหลุดพ้นไปจากเงื้อมมือเจ้าได้อย่างนั้นหรือ? หากสามารถหลบหนีได้ละก็ ข้าคงหลบหนีไปตั้งนานแล้ว ยังต้องรอให้ถึงวินาทีนี้อีกหรือ?”หลัวซิวกระโดดทีหนึ่ง ก่อนจะร่วงลงบนยอดเขาของภูเขาที่รกร้างลูกหนึ่ง แล้วหันหน้ามองไปทางมกุฎเต๋าวัฏสงสาร
“น่าสนใจดีแฮะ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋า เมื่ออยู่ต่อหน้าข้าก็ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง แต่เจ้ากลับยังสามารถยืนอย่างผ่อนคลายอยู่ที่นั่นได้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหวูจี๋ได้รับลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งเลย”
มกุฎเต๋าวัฏสงสารหัวเราะอย่างเรียบนิ่ง “เจ้าคงรู้สึกสงสัยมากเลยสินะว่าข้าเจอตัวเจ้าได้อย่างไร? ในเมื่อเหมือนอย่างที่เจ้ากล่าวมา เจ้าไม่มีทางหนีพ้นไปจากเงื้อมมือข้าได้ด้วยซ้ำ เช่นนั้นข้าจักบอกเจ้าก็ได้……”
เมื่อได้ยินคำพูดของมกุฎเต๋าวัฏสงสาร ในที่สุดหลัวซิวก็ถึงบางอ้อทันที
ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋า เรื่องราวที่มกุฎเต๋าวัฏสงสารทราบนั้นมีเยอะมาก ครั้นเมื่ออยู่ในแดนบรรพกาล มาตรแม้นว่าการประมือระหว่างมกุฎเต๋าบรรพฮวงและมกุฎมังกรอิมจะไม่รุนแรงอย่างมกุฎเต๋าหวูซินและมกุฎเต๋าหวูจี๋ ทว่าขณะที่มกุฎเต๋าบรรพฮวงกลับมาจากแดนบรรพกาล อันที่จริงเขาก็บาดเจ็บสาหัสเล็กน้อยเช่นกัน ซึ่งไม่ได้อยู่ในสภาวะที่เฟื่องฟูสุดขีดแต่อย่างใด
มิหนำซ้ำมกุฎเต๋าวัฏสงสารยังมีการวางแผนล่วงหน้าด้วย ดังนั้นเขาจึงจู่โจมสำเร็จ อีกทั้งอาศัยพลังวัฏสงสารสูงสุดที่แทบจะบรรลุผลของเขา เขาจึงใช้เวลาที่สั้นมาก ๆ ก็สามารถสังหารมกุฎเต๋าบรรพฮวงได้แล้ว และยิ่งทำให้มกุฎเต๋าคนอื่น ๆ ในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดไม่ทันได้ลงมือให้การช่วยเหลือมกุฎเต๋าบรรพฮวงได้ด้วย
แต่มกุฎเต๋าวัฏสงสารกลับเข้าใจดีมากว่าเหมือนเขาจะสังหารมกุฎเต๋าบรรพฮวงไปแล้ว ทว่าแท้จริงแล้วมกุฎเต๋าบรรพฮวงไม่ได้ตายไปแต่อย่างใด เพราะวิธีในการบรรลุสู่มกุฎเต๋าของมกุฎเต๋าบรรพฮวงก็คือการหลอมรวมร่างกายตัวเองเข้ากับหอคอยฮวง แล้วบุกเบิกห้วงดาราโลกร้างออกมา
สามารถพูดได้เลยว่าขอแค่อยู่ในห้วงดาราโลกร้าง มกุฎเต๋าบรรพฮวงก็จะเป็นอมตะ ขอแค่ห้วงดาราโลกร้างไม่ดับสลาย หอคอยฮวงไม่มอดไหม้ เขาก็ไม่มีทางตายไปอย่างแท้จริง
จากผลการฝึกตนระดับมกุฎเต๋า ต้องมีศักยภาพที่สามารถทำลายล้างห้วงดาราแห่งหนึ่งได้อย่างแน่นอน แต่ห้วงดาราโลกร้างกลับแตกต่างกัน เนื่องจากห้วงดาราแห่งนี้ถูกบุกเบิกออกมาโดยหลอมรวมเข้ากับหอคอยฮวง เพราะฉะนั้นขอแค่หอคอยฮวงยังอยู่ ห้วงดาราแห่งนี้ก็ไม่มีวันพังพินาศ เช่นนั้นต่อให้เขาฆ่าล้างอสูรจิตทั้งปวงในห้วงดาราแห่งนี้ทิ้ง ทำลายล้างดาราทั้งปวง แต่แท้จริงแล้วห้วงแห่งนี้ก็ยังคงอยู่ มกุฎเต๋าบรรพฮวงก็ยังไม่ตายอยู่เช่นเคย
เขาใช้เส้นทางแห่งวัฏสงสารอนุมาน ก่อนจะได้บทสรุปในที่สุด นั่นก็คือหากมกุฎเต๋าบรรพฮวงต้องการฟื้นคืนชีพละก็ เช่นนั้นก็ต้องใช้หอคอยฮวงมาผนึกรวมดั้งเดิมที่เขาหลอมรวมเข้ากับห้วงดาราของโลกร้างออกมา
ส่วนเรื่องที่หอคอยฮวงอยู่ในมือหลัวซิวนั้น มกุฎเต๋าวัฏสงสารต้องทราบเรื่องนี้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ดังนั้นหลังจากที่เขาสัมผัสได้ว่ามีดั้งเดิมเสี้ยวหนึ่งของมกุฎเต๋าบรรพฮวงปรากฏในห้วงดาราโลกร้าง เขาก็รู้แล้วว่าหลัวซิวที่มีหอคอยฮวงมาถึงโลกร้างแล้ว!
ตอนแรกเริ่มมกุฎเต๋าวัฏสงสารยังไม่สามารถตามหาได้ว่าหลัวซิวอยู่ที่ใดกันแน่ แต่หลังจากผู้สูงส่งอัมพรเทวถูกคนสังหาร เขาก็ผนึกเขตพื้นที่โดยคร่าว ๆ ได้ภายในพริบตา เพราะอ้างอิงจากการคาดการณ์ของเขา การตายของผู้สูงส่งอัมพรเทวต้องมีความเกี่ยวข้องกับหลัวซิวอย่างแน่นอน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสัญชาตญาณของผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าว่องไวและเฉียบแหลมมาก เขาใช้เวลาแค่สามเดือนกว่า ก็เจอสถานที่ซ่อนเร้นของหลัวซิวแล้ว
“เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็น่าจะสามารถตายได้อย่างหมดห่วงแล้วสินะ? ขอแค่สังหารเจ้า ข้าไม่เพียงสามารถกลั่นแปรลูกแก้วความเป็นตายที่อยู่ในวิญญาณดั้งเดิมของเจ้า เพื่อมาซ่อมแซมกงล้อวัฏจักรธรรมให้ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมโดยสิ้นเชิง ทั้งยังสามารถครอบครองอัญดั้งเดิมอย่างหอคอยฮวงด้วย”
“เจ้าทราบหรือไม่ว่าทั้งจักรวาลคงอยู่มายาวนานอย่างไม่รู้จบแล้ว แต่ก็หล่อเลี้ยงอัญดั้งเดิมออกมาได้เพียงแปดชิ้นเท่านั้น หากข้าได้ครอบครองหอคอยฮวง เช่นนั้นด้วยผลการฝึกตนของข้า ก็จะสามารถกลั่นแปรห้วงดาราของทั้งโลกร้าง เมื่อเป็นเช่นนั้น บรรพจารย์ฮวงก็ต้องได้ตายอย่างไร้ข้อสงสัย ส่วนข้านั้นก็สามารถอาศัยจุดหัวเลี้ยวหัวต่อในการกลั่นแปรทั้งโลกร้าง มีโอกาสหกส่วนซึ่งสามารถทลายพันธนาการ บรรลุสู่เซียนในรวดเดียว!”
“หากข้าบรรลุเป็นเซียน ก็จักเป็นผู้ไร้เทียมทาน ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ กองกำลังอย่างจ่างเทียนตี้ที่ข้าริเริ่มเที่ยวเสาะหารวบรวมเศษชิ้นส่วนของอัญดั้งเดิมทุกชิ้นมาโดยตลอด ถึงครานั้นอัญดั้งเดิมอีกเจ็ดชิ้นที่เหลือก็ต้องตกอยู่ในกำมือข้า แล้วข้าก็จะกลายเป็นผู้ชี้ขาดที่แท้จริงของจักรวาลนี้ เป็นผู้ชี้ขาดเพียงหนึ่งเดียว!”
น้ำเสียงของมกุฎเต๋าวัฏสงสารเรียบนิ่งมาก เมื่อผลการฝึกตนบรรลุขึ้นมาถึงแดนอย่างเขา สภาพจิตใจสุขุมไม่หวั่นไหวง่าย ๆ ตั้งนานแล้ว
เขาไม่ถือสาที่จะบอกเล่าความคิดของตนให้หลัวซิวทราบเลยด้วยซ้ำ เพราะสำหรับเขาแล้ว หลัวซิวเป็นเพียงคนคนหนึ่งที่ใกล้จะตาย มหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อกระจอก ๆ คนหนึ่ง ไม่มีทางหลุดพ้นไปจากเงื้อมมือของเขาที่เป็นมกุฎเต๋าได้ด้วยซ้ำ
“หากเจ้าเป็นศิษย์ของข้า มันจะดีเพียงใดกันนะ? ปัญญาแห่งวิถีเซียน น่าเสียดายจัง……”
มกุฎเต๋าวัฏสงสารถอนหายใจเบา ๆ เฮือกหนึ่ง ก่อนจะมีมือใหญ่ข้างหนึ่งที่ประกอบมาจากพลังแห่งวัฏสงสารขยำไปทางหลัวซิว