จังหวัดฮัมกยองภูเขามาก ใกล้เขาฉางไป๋ซาน ไม่มีพื้นที่ราบ พื้นที่เช่นนี้ ยึดไปก็ไม่มีความหมายใด คาโตนำกำลังบุกราวกับไฟลามแผดเผา ตัดหัวแสดงกำลังเสร็จ จากนั้นก็ถอนทัพกลับไป
ระยะห่างจากเมืองฮัมฮึง จังหวัดฮัมกยองไป 150 ลี้ เป็นที่ตั้งทัพหน้าสุดของโจรวัวโค่ว กองรบสองโจรวัวโค่วสืบข่าว หมู่บ้านเล็กๆ ทิ้งคนไว้ที่หมู่บ้าน 300 กว่าคน
ทางใต้จังหวัดฮัมกยองยังดี มีบ้านใหญ่อยู่เหมือนกัน เมืองฮัมฮึงทางเหนือแถบนี้ล้วนเป็นเขา เป็นที่พักพวกชาวบ้านที่หลบหนีมากับพวกนายพรานล่าสัตว์ ไม่มีรายได้อันใด โจรวัวโค่วพักที่นี่มี่แต่ความลำบาก แม้เป็นกลางเขา การคมนาคมนับว่าสะดวก แต่ก็มีชีวิตไม่สู้กับที่อยู่ในประเทศวัวตน
ตั้งแต่ซามูไรนำทัพจนถึงทหารราบเบื้องหน้า ทุกคนล้วนเอาแต่บ่นไม่พอใจ แต่ไม่มีทางเลือก ผู้ใดให้พวกเขาชาติกำเนิดต่ำต้อย ตำแหน่งเช่นนี้ ย่อมไม่อยู่ในสายตาของตระกูลใหญ่ เสบียงที่ขนมาค่อนข้างย่ำแย่ แต่ก็ยังรับประกันได้ว่ามีกินให้อิ่ม กินดีก็จำต้องเข้าป่าไปหาทางเอง
ทหารราบหลายคนตอนอยู่ประเทศวัวก็พวกนายพรานออกล่าสัตว์บนเขาตามฤดูกาล ซามูไรนำกำลังมา หากคิดกินอาหารมื้อดีมีเนื้อสัตว์ ก็ต้องให้พวกเขาพัก อนุญาตให้พวกเขาออกไปล่าสัตว์ได้
ว่าไปแล้วตอนนี้ใกล้เดือนสี่แล้ว อากาศก็เริ่มอบอุ่นแล้ว ฤดูนี้สัตว์ในภูเขาผอมที่สุด แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรกิน นายพรานพวกนี้จึงได้เข้าไปในภูเขาออก ‘สำรวจ’ ทหารราบล้วนรอคอยอยู่หน้าประตูอย่างใจจดใจจ่อ
แอบได้ยินว่าจังหวัดพยองอันรบกันหนัก แม้แต่เปียงยางก็เสียไปแล้ว แต่ได้ยินว่ากองกำลังหมิงถูกตีพ่ายย่อยยับที่เมืองโซอุลตายไปหมื่นคน ขุนพลถูกตัดหัว แต่ทว่าจังหวัดฮัมกยองยังนับว่าสงบอยู่ กองรบสองยังคงส่งทหารออกไปก่อกวนไม่หยุด ดูท่าแล้วจังหวัดฮัมกยองยังคงปลอดภัย
เพราะเป็นหน่วยทัพแนวหน้า ดังนั้นหน้าประตูกับหอสังเกตการณ์ล้วนมองเห็นปากทางเขา ที่นี่เป็นเส้นทางที่ต้องผ่านหากจะมาจากเหนือลงใต้ผ่านทางหุบเขา
“มีคนออกมาแล้วๆ!”
รอบๆ ยากลำบาก พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องออกไปลาดตระเวน อยู่เฉยๆ ในป้อมก็เท่ากับปฏิบัติงานลาดตระเวนแนวหน้าแล้ว คนที่มองจากที่สูงมองไปทางนั้นก่อนตะโกนดัง ทุกคนล้วนชะเง้อมองตามไป ไม่รู้นายพรานวันนี้นำสัตว์อะไรกลับมา จากปากทางเขามีคนขี่ม้ากันมาหลายคน มองไกลๆ ไม่ชัด เห็นแต่พวกเขาหยุดชะเง้อมองจากปากทางช่องเขา
ทุกทางบนป้อมล้วนมีคนชะโงกหน้าออกไปดู และก็เปลี่ยนสีหน้ารอคอยเป็นแตกตื่นตกใจทันที พวกทหารม้าที่กรูกันออกมาจากช่องเขายิ่งมาก ไหนเลยเป็นนายพรานทหารฝ่ายตนเอง เห็นชัดว่าเป็นศัตรูมาโจมตี
“ศัตรู ศัตรู…”
ทหารโจรวัวโค่วบนหอสังเกตการณ์ตะโกนดังแตกตื่นตกใจ ซามูไรหลายคนวิ่งออกมา มองไปยังทหารม้ากองใหญ่ที่กรูกันออกมาจากช่องเขา สีหน้าซีดเผือด ทหารม้ากองใหญ่เห็นชัดว่ามุ่งตรงมายังที่นี่ ซามูไรผู้หนึ่งสะบัดหัวอย่างแรงก่อนจะตะโกนดัง
“รีบไปรายงานหัวหน้า คนที่เหลือปิดประตูป้อม เตรียมการต่อสู้ๆ!!”
ทหารม้าบุกออกมายิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ทว่าความเร็วการเดินทัพใหญ่ก็ยังคงเป็นปกติ มีแต่ทหารม้าหลายร้อยมุ่งเข้าสืบข่าวในหมู่บ้าน
คาโต คิโยมาสะวันนั้นตลอดเส้นทางกวาดล้างมา ไม่มีแรงต้านทานใด ที่นี่ภูเขาเป็นกำบังธรรมชาติ ดังนั้นการสร้างป้อมก็คือการตั้งค่ายพักทหารธรรมดา ไม่ได้มีความยากโจมตีใด แน่นอนไม่อาจทานกองกำลังทหารม้า
ทหารโจรวัวโค่วในที่สูงได้เห็นกลุ่มทหารม้าที่มากัน ไม่ได้สวมเกราะ เป็นแค่ชุดหนังด้านนอก เสื้อผ้าก็ผ้าธรรมดา ขนม้าก็ไม่ได้ตัดเล็บให้ดี เหมือนพวกโจรโดยแท้ บนหัวยังสวมหมวกหนัง สภาพเช่นนี้แม้โจรวัวโค่วไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินมาก่อน
“เผ่าอูเหลียงฮา เผ่าอูเหลียงฮา!”
ทหารม้าฝ่ายตรงข้ามเข้าใกล้ป้อมมากพอแล้ว ทุกคนถึงกับมองเห็นชัด ข้างอานม้าของทหารม้าสองสามคนแถวหน้าสุดยังแขวนหัวที่เลือดหยดติ๋ง แม้มองไม่ชัด แต่ก็เหมือนหัวของพวกฝั่งตนที่ออกไปล่าสัตว์
สิ่งก่อสร้างเล็กๆ แค่นี้ ด้านบนแม้แต่ปืนใหญ่วัวโค่วล้วนไม่มี แต่ธนูพอมี ในเวลากระชั้นชิดยังรู้จักน้าวธนูยิงใส่
ทหารม้าที่บุกมาฝีมือขี่ม้ายอดเยี่ยม บนหลังม้ายังเอี้ยวตัวหลบไปมาได้ หลบลูกธนูที่ยิงมาได้ พูดไปแล้ว กลุ่มทหารในป้อมนี้มีมือธนูแค่สิบกว่าเท่านั้น
พอเข้าใกล้แล้ว เหล่าผู้กล้าบนหลังม้าก็น้าวธนูเล็งยิงทันที ทหารโจรวัวโค่วหลายนายบนที่สูงว่ายังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกยิงร่วง ทหารม้าผู้กล้าล้อมวนรอบป้อม ยิงธนูใส่ไม่หยุด ด้านในมีเสียงร้องไห้ดังมาน่าสงสาร ทหารราบหลายนายเตรียมป้องกันบนกำแพงป้อม แต่ถูกธนูยิงบาดเจ็บล้มตาย
ทหารสวมชุดหนังวิ่งวนรอบ ในป้อมเงียบไปมากแล้ว มีคนคิดชะโงกหัวออกมาดู ด้านนอกก็ยิงใส่
ทหารม้าที่ล้อมอยู่เริ่มถอยออก คนด้านในยังไม่ทันได้ผ่อนลมหายใจ ขอเหล็กหลายอันก็ถูกโยนขึ้นมาทางด้านหน้าประตูใหญ่ ขอเหล็กเหล่านี้ล้วนใช้เชือกโยงกับม้า เตรียมพร้อมครู่หนึ่ง ตะโกนดังก่อนม้าสิบกว่าตัวจะเคลื่อนไหวพร้อมกัน ป้อมที่ประตูไม่ได้เตรียมเสริมความแน่นหนาก็เริ่มมีเสียงแยกจากกัน ไม้หลายท่อนถูกแยกออกจากกัน ประตูป้อมฉีกตัวจากกำแพงไม้ร่วง
ประตูป้อมเพิ่งถูกฉีกออกไป ไม่ทันรอให้คนออกมาอุดไว้ ทหารม้าเหล่านี้ก็ตะโกนดังบุกเข้าไป ทหารราบในป้อมพากันลนลานแตกตื่น คนด้านหน้าคนหนึ่งหลบไม่ทัน ถูกกระบองเหล็กแหลมทุบใส่ทันที กระบองเหล็กแหลมนี้เป็นกระบองไม้ท่อนหนาด้านบนมีตะปูตอกไว้ หุ้มด้วยแผ่นเหล็ก ฟาดจากบนหลังม้าลงมา แม้เป็นเกราะหมวกเหล็กก็ล้วนทานไม่อยู่ ไม่ต้องพูดถึงว่าทหารราบเหล่านี้สวมแค่เกราะไม้ไผ่ หัวย่อมถูกตีแตกกระจาย คนอื่นๆ ล้วนตวัดดาบและขวานใหญ่เข้าใส่ ฟันใส่หัวราวกับสับผัก
ขุนพลทหารซามูไรเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หนีก็หนีไม่รอด ได้แต่กัดฟันสู้ตาย คว้าดาบออกมาตะโกนบุก ถึงกับล้วนไม่อาจเข้าใกล้ม้าของอีกฝ่าย ก็ถูกธนูคนบนหลังม้ายิงตายไปก่อน
พอปะทะกัน ทหารราบที่แต่เริ่มก็เริ่มตีปะทะมาอย่างราบรื่น พวกเขาตกใจขวัญหนีแล้ว มีคนไม่สนใจอันใดหนีออกไป มีคนทิ้งอาวุธไปคุกเข่าขอยอมจำนนที่มุมหนึ่ง
ไหนเลยจะหนีได้ ไหนเลยจะยอมจำนนได้ คนที่ยอมจำนนคุกเข่า ก็แค่ให้ทำให้มุมสังหารทหารชุดหนังบนหลังม้านั้นวาดวงกว้างขึ้นสังหารทิ้งหมดไม่มีเหลือเช่นกัน คิดหนี ทหารม้าด้านหน้ายังเคลื่อนไหวอยู่ มีดวงดีอันใดที่จะเป็นปลารอดจากแหนี้ไปได้
*************
“ถุยๆ พวกนอกด่านเร็วกันจริง ใกล้กวาดล้างหมดแล้วสิ!”
ขุนพลทหารขบวนทัพม้าหม่าซานเปียวอารักขาหวังทง ตลอดทางมาก็เข้ากวาดล้างปะทะตามหมู่บ้าน ด้านในเช่นไร คนเหล่านี้ผ่านสนามรบมามากไม่สนใจ พวกเขาล้วนกำลังคำนวณเวลา ไม่นาน ก็มีพวกหนึ่งถือหัววิ่งออกมา เปื้อนเลือดตามตัวไม่น้อย เห็นชัดว่าสังหารราบแล้ว
“ม่อรื่อเกิน ปาถูอยู่กันครบ เจ้าเรียกพวกนอกด่านได้อย่างไรกัน!”
หวังทงตำหนิ หม่าซานเปียวไม่สนใจ ยิ้มแหะๆ กล่าวว่า
“ปกติข้าก็เรียกเช่นนี้ ตอนดื่มสุรา เจ้าสองคนนี่ยังเรียกตัวเองเช่นนี้!”
ทุกคนล้วนหัวเราะดัง ไม่สนใจก็คือไม่สนใจ หวังทงกล่าวต่อแบบไม่สนใจเท่าไร ที่ที่เขาตั้งใจดูก็คือการต่อสู้บนเขา เขากล่าวว่า
“ดิบเถื่อน ประเด็นคือความดิบเถื่อน มีสิ่งนี้ แม้ว่าไม่ได้รับการฝึกซ้อมอย่างเป็นการเป็นงาน ก็ย่อมทำให้พวกเขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่งได้”
“แม่ทัพใหญ่ ไม่อาจกล่าวว่าไร้การฝึกซ้อม ชาวเผ่าหนี่ว์เจินยังไม่ทันหน้าใบไม้ผลิหน้าหนาว ก็รวมตัวกันออกล่าจับปลาแล้ว นี่ก็เป็นการฝึกเช่นกัน”
ตอนนั้นชื่อเฮยที่คอยเลี้ยงม้าให้หวังทง ตอนนี้เป็นขุนพลระดับสี่แล้ว ยังมีตำแหน่งขุนพลหน่วยจู่โจม แต่ทว่าชายมองโกลตอนนั้น ตอนนี้ใกล้ห้าสิบแล้ว อายุมากก็สุขุมมากแล้ว พอเขากล่าวจบ หวังทงพยักหน้า
“แม่ทัพใหญ่ มีโจรวัวโค่วสามคนหนีไปรายงานข่าว ต้องตามหรือไม่”
ทหารม้าทหารติดตามหนุ่มผู้หนึ่งเข้ามารายงาน เป็นปัวอิงแห่งตระกูลปัว หวังทงส่ายหน้า ยิ้มกล่าวว่า
“เหตุใดต้องไล่ตาม ให้พวกเขาบอกว่าผู้ใดคือคาโต คาโตหนีไปย่อมปะทะกับกองกำลังหู่โถว หากไม่หนีก็ต้องรวมกำลังทหาร ก็พอดีสะดวกเราโจมตี”
ได้ยินหวังทงกล่าวเช่นนี้ ทุกคนล้วนยิ้มตาม มีชาวเผ่าหนี่ว์เจินหนวดเคราขาวเป็นหย่อมเดินม้ามาพร้อมชายหนุ่มอารักขาหลายคน ทุกคนล้วนหยุด หวังทงโบกมือให้พวกเขาไปดูแลจัดการตามจุดต่างๆ ชายชราผู้นั้นมาด้านหน้าลงจากม้าคำนับ หวังทงยิ้ม กล่าวว่า
“ซูหลี่ไห่เจ้าอายุมากแล้ว ไม่ต้องลำบากเช่นนี้ กล่าวบนม้าก็ได้ หัวและเงินทองได้ไปแล้วใช่ไหม?”
ชายชราผู้นั้นรู้ว่าควรทำตัวเช่นไรมาก ท่าทางเขาเองก็ดูแข็งแรง ลงจากม้าตามธรรมเนียมโขกศีรษะ จากนั้นกล่าวว่า
“แม่ทัพใหญ่ช่างเมตตา นำพวกเรามาแก้แค้นก็ถือเป็นคุณราวขุนเขาแล้ว ให้พวกข้าน้อยได้มีเงินทองอีก ช่างไม่รู้จะขอบคุณเช่นไร”
หวังทงบนหลังม้ายิ้ม กล่าวว่า
“ตัดหัวได้เป็นความชอบทางการทหาร ควรทำเช่นไรก็ทำเช่นนั้น คนของเจ้ากล้าหาญ ก็มีผลตอบแทนในความกล้าหาญ”
“แม่ทัพใหญ่ เห็นพวกเขากล้าหาญ ไม่สู้ให้พวกเขาวันหน้าติดตามแม่ทัพใหญ่เป็นอย่างไร?”
วาจาซูหลี่ไห่เบื้องหน้ากล่าวได้ตรงไปตรงมา รู้จักตามน้ำ หวังทงอึ้งไป จ้องมองซูหลี่ไห่ ก่อนจะยิ้ม ถามขึ้น
“รบกันย่อมมีบาดเจ็บล้มตาย จะว่าไปแล้วเดิมรวมกันอญ฿ที่นี่ หากต้องมาจากกันไป เจ้าปล่อยทิ้งได้ลงหรือ?”
ซูหลี่ไห่มีตำแหน่งดังผู้บัญชาการ ที่ไห่ซีพวกเขานี้ได้รับการยกย่องอย่างสูง พูดให้ถูกคือเป็นอันดับหนึ่งในพื้นที่ กล่าวอันใดก็มักเป็นดังตัวแทนของคนในพื้นที่ ซูหลี่ไห่ถอนหายใจกล่าวว่า
“มีอันใดทิ้งไม่ได้ เด็กๆ พวกนี้เมื่อก่อนได้แต่อุดอู้กันอยู่ที่นี่ ไม่เคยเห็นโลก ตอนนี้ได้เงินทองมามาก รู้ว่าโลกกว้างใหญ่ ล้วนคิดอยากออกไปเผชิญโลกสักครา ข้าน้อยเองไม่อยากขวาง ที่จริงกล่าวกับแม่ทัพใหญ่ไม่ปิดบัง หากข้าน้อยอายุน้อยกว่านี้อีกสิบปียี่สิบปีก็คิดจะออกไปเปิดโลกกว้างเช่นกัน”
หวังทงพยักหน้า กล่าวว่า
“ยากที่เจ้ามองโลกได้กระจ่างเช่นนี้ คนเผ่าเจ้ามีคนเช่นเจ้า นับเป็นวาสนายิ่ง!!”