ตอนที่ 428: เล่นให้สนุก
“นี่มันเกมประวัติศาสตร์ไหงเจ้าเล่นให้กลายเป็นเกมน่ากลัวไปได้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากเจ้าเล่นเกมสยองขวัญ” ฟางฉีเอ่ยพร้อมสวมชุดหูฟังเสมือนจริงพลางเข้าสู่เกมด้วยน้ําเสียงหมั่นเขี้ยว
มันยังคงแสดงฉากเริ่มต้นก่อนสลับเข้าตัวเกม
อย่างไรก็ตามผู้ชมยังคงมึนงงไปตามกัน พวกเขานั่งดูการต่อสู้ในโลกเสมือนจริง ยังคงนึกถึงชงหลิวผู้ทําลายหอคอยปราบปีศาจและหยิบดาบปีศาจออกมา ฉากนั้นดูน่าทึ่งและตราตรึงมากแม้เวลาจะผ่านไปแล้วก็ตาม!
“ท่านหัวหน้าสมาคม .. อะไร .. นี่มันอะไรกัน!?”
“นี่คือธุรกิจหลักหรือเรียกว่างานหลักของร้านเรา” ฟางฉีตอบพร้อมกับแนะนําความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเกมให้พวกเขาฟัง
“ในฐานะพนักงานและสมาชิกของร้าน แม้ว่าพวกท่านจะไม่ได้เล่นเกม แต่พวกเจ้าต้องเรียนรู้เรื่องราวพื้นฐาน” ฟางฉีกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เพื่อที่พวกท่านจะได้อธิบายให้เหล่าลูกค้าเข้าใจถึงแก่นแท้ของเกมมากขึ้น เข้าใจ?”
“เอ่อ .. หัวหน้าสมาคม” หลี่ว์หยาทําหน้าเหยเก “ สิ่งนี้จะสามารถเพิ่มความแข่งแกร่งในการฝึกฝนของเราได้จริงหรือ? เราสามารถเรียนรู้เทคนิคขั้นสูงได้หรือไม่!?”
ฟางฉีที่กําลังควบคุมจิงเทียนหันกลับมาตอบขณะที่ตัวละครกําลังลุกออกจากเตียง “เห็นนี้มั้ย? ในเกมนี้ข้าคือตัวละครหลักซึ่งหมายความว่าเราจะได้รับหรือเรียนรู้ทุกอย่างที่ตัวละครหลักได้เรียนรู้ มีอีกสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า ภาพยนต์” ซึ่งนั่นเจ้าเองสามารถสังเกตและเรียนรู้สิ่งที่เจ้าเห็นในนั้นได้ แต่ตอนนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงวิธีการเล่นเกมก่อน”
พวกเขาทั้งสามที่ยืนมองฟางฉีเล่นเกมเซียนกระบี่พิชิตมาร 3 อย่างตั้งใจ
“หัวหน้าสมาคมกําลังถูกโจมตี”
“ไม่ เดี๋ยวนะเขาไม่ได้เป็นตัวละครหลัก ”
พวกเขากระซิบกระซาบกันระหว่างดูการต่อสู้
“ช่ว!.. นั่นดูสิเขาเป็นตัวละครหลัก!”
“ตัวละครหลักตอนนี้กําลังถูกทุบตี หรือเขาเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป…”
เรื่องราวยังคงดําเนินไปจนกระทั่งชงหลิวพบเข้ากับโรงรับจํานําเขาเข้าไปเพื่อนําดาบแห่งปีศาจไปจํานํา
“ เขาไม่ใช่ปีศาจหรอกหรือ?”
“เขามาที่นี่ได้ยังไง”
เสียงอุทานและพูดคุยอยู่ข้างหลังฟางฉี
บนหน้าจอในตอนนี้ชงหลิวมองไปที่จิงเทียนด้วยสายตาประหลาดใจและผิดหวัง ก่อนที่เขาจะพูดขึ้น “เจ้าช่าง อ่อนแอ
เสียงนั้นฟังดูเศร้าโศกและผิดหวังมานานนับพันปี สุดท้ายในตอนนี้ดาบปีศาจก็ได้กลับมาอยู่ในมือของจิงเทียนอีกครั้ง เรื่องราวของเซียนกระบี่พิชิตมาร 3 กําลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง!
เนื้อเรื่องหลักของเกมนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิดซึ่งตัวละครหลักได้ลืมเรื่องราวชีวิตก่อนหน้านี้ ซึ่งสําหรับผู้ชมแล้วนี่คือการกลบชาติมาเกิดของผู้เป็นอมตะเพื่อแก้แค้นกับจอมมารในโลกใบใหม่
ผู้เป็นอมตะเฟยเพ็งและจอมมารชงหลิวเป็นศัตรูกัน แต่ต่างชื่นชมในพลังของกันและกัน นี่เป็นการเผชิญหน้าครั้งแรกระหว่างจิงเทียนและชงหลิวในโลกมนุษย์ ชะตากรรมและปฏิสัมพันธ์ทั้งหมดก่อนหน้านี้ระหว่างเขาทั้งสองรวมไปถึงชื่อเจีจยนและดาบปีศาจกําลังจะถูกเปิดเผย ผู้ชมกําลังเดินทางเข้าสู่โลกเซียนเซียที่น่าอัศจรรย์อีกครั้ง!
หากเรื่องราวแบบในอดีตเกิดขึ้นให้พวกเขาเห็นก่อนพวกเขาคงจะตกตะลึงเป็นอย่างมากและปรารถนาที่จะเรียนรู้เป็นแน่
“ศิษย์หลันหลิวดูนั่น! ดาบนั่นกําลังตามติดจิงเทียน” หลินเอ๋อพบว่าเกมนี้ค่อนข้างน่าค้นหาและน่าสะพรึงในเวลาเดียวกัน
“ผู้เป็นอมตะดูน่าเกรงขาม เขาดูเหมือนพวกเรามากหลังจากที่กลับชาติมาเกิด ”
หลี่หรูหยาเอ่ยถาม “นี่ท่านหัวหน้าสมาคม เราได้เรียนรู้จากสิ่งนี้จริงหรือ? เราจะกลายเป็นผู้เป็นอมตะแบบท่านผู้นี้หรือไม่?”
พวกเขารับรู้ว่านี่เป็นเพียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านหน้าจอ แม้ว่ามันจะเหมือนจริงมากแต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้
เวลาเดียวกัน
ณ นอกร้าน
“ที่นี่มีร้านใหม่หรือ?” ผู้ฝึกฝนวัยเริ่มรุ่นแต่งตัวมีสไตล์สองสามคนมองดูหน้าร้านด้วย ความสงสัยพวกเขากําลังจะเข้าไปแต่แล้วกับพบกับเสมียนของร้านใกล้เคียงห้ามปรามไว้ก่อน “พวกท่านจะไปไหนกันอย่าเข้าไปเลยสนใจไปร้านข้าแทนนั้น?”
“ทําไมละ? ทําไมถึงไม่ให้เราเข้าไป?”
“พวกท่านควรอยู่ให้ห่างจากร้านนี้” เสียงหนึ่งเอ่ย
หน้าร้านเงียบที่ว่าเงียบแล้วกลับเงียบกว่าเดิม
แน่นอนว่าภายในร้าน ช่างแตกต่างออกไป เหล่าสมาชิกภายในร้านต่างตื่นเต้นมากเมื่อได้รู้ว่าพวกเขาสามารถสัมผัสกับชีวิตอมตะที่แท้จริงได้หลังจากตัวละครกลับชาติมาเกิด!
“หัวหน้าสมาคม ถ้าเราลองเล่นเอง ” หลี่หรูหยากําลังจะเอ่ยปากถามเรื่องส่วนลดในการทํางาน อย่างไรก็ตามเขามองดูราคาบนกระดานดําขนาดเล็ก คริสตัล 80 เม็ดสําหรับการเปิดใช้งานและจากนั้นชั่วโมงละ 2 เม็ด พวกเขาสามารถซื้อได้อย่างสบาย “ตอนนี้เราไม่มีลูกค้า เราสามารถเล่นได้มั้ย?”
“แน่สิ!” ฟางฉีตอบ
เขาชี้ไปที่ข้อความเล็กๆ บนกระดานแล้วพูดว่า “ไม่ต้องสนใจใคร ถ้าอยากเล่นก็เล่นถ้าไม่เล่นก็ออกไป”
“ดี! ดี! ดี!” หลี่หรูหยาพูดด้วยน้ําเสียงตื่นเต้น “เล่นถ้าอยากเล่นไม่อยากก็ออกไป”
เขาหวังคงยังไม่มีใครในตอนนี้
เนื่องจากไม่มีลูกค้าในร้าน ฟางอีจึงไม่ได้ซีเรียสเท่าไรนักเขาอนุญาติให้สมาชิกในร้า นเล่นเกมได้แม้จะในเวลางาน
“นอกจากนี้พวกเจ้ายังดูเรื่องกระบี่เทพสังหารควบคู่ไปด้วยได้นะ อย่ามัวแต่เล่นเกมจนเพลิน ละ” ฟางฉีเอ่ย
“เข้าใจแล้ว ท่านหัวหน้าสมาคม!” ทุกคนต่างยุ่งกับการเล่นเกม
ผ่านไปสักพักฟางฉีที่เพิ่งกินข้าวกลางวันเสร็จเงยหน้าขึ้นและมองไปรอบๆ ร้าน “อย่าลืมกินข้าวกันละ!” เขาตะโกน
“เข้าใจแล้ว!” พวกเขายังคงให้ความสนใจกับเกมเช่นเดิม
“จําไว้ ”
“เข้าใจแล้ว ท่านหัวหน้า!” พวกเขาตอบก่อนที่ฟางฉีจะพูดจบแต่แล้วข้อความบนหน้าจอก็ปรากฏขึ้น เวลาเล่นเกมของท่านใกล้ถึงขีดจํากัดแล้ว]
“ ” พวกเขาทั้งหมดมองหน้าฟางฉีด้วยสีหน้าอารมณ์ขุ่น พร้อมร้องออกมาว่า “ขอเล่นอีกหน่อยไม่ได้หรอ .. แค่นิดเดียวเอง”
ฟางฉีมองหน้าพวกเขา “พวกเจ้ามาทํางานหรือมาเล่นเกม”
เวลาผ่านไปผู้เล่นสองคนพบเกมใหม่ด้วยความประหลาดใจและยังไม่ได้รับคําแนะนําใดจากฟางฉี
เดวิลเมครายสามนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ มันไม่ใช่เกมของนักรบแต่เน้นไปในแนวทางการฝึกฝนพวกเขาค้นพบว่ามันรสนิยมดีไม่แพ้โลกในเซียนเซียเลย
ผ่านไปหลายวัยแล้วร้านใหม่ยังไม่มีลูกค้าเข้ามาเลยนอกจากหลี่หรูหยาและหลี่หลันเหลียวที่อยู่กับการเป็นทั้งพนักงานและลูกค้า ไร้วี่แววแม้แต่การเดินเข้ามาถามไถ่
เช้าวันนี้หลี่หลันเหลียวและคนอื่นๆ กําลังจะออกจากโรงแรมไต้หวังและเดินทางไปยังร้านคาเฟอินเตอร์เน็ต ระหว่างทางพวกเขาได้ยินคนพูดคุยกันว่า “ดูนั่นสิ! องค์หญิงตัวน้อยของบ้านเจีย งได้มาถึงแล้ว!”
“จริงหรือ? แม้แต่องค์หญิงของตระกูลเจียงยังเดินทางมาที่สํานักสวรรค์ใช่หรือเปล่า?”
“ที่สํานักสวรรค์นั้นเต็มไปด้วยผู้คนมากมายไม่ว่าจะเป็นลูกท่านหลานเธอ หวังซี, หนานกงชูว, ชวนหยวน รวมไปถึงเหล่าอัฉริยะเต็มไปด้วยผู้คนในดินแดนดัง”
ข้อความปรากฏขึ้นบนหยกสื่อสารของฟางฉี (ท่านหัวหน้าร้านของท่าเปิดมั้ย?