หลังจากนั้นทางตำรวจได้เดินทางมาถึง
พวกเขาได้พบเศษกระจกกันกระสุนที่ถูกทำลาย พวกเขารีบเข้าไปในสำนักงานทันที แต่พวกได้ชะงักเพราะพวกเขาได้กลิ่นเลือดลอยไปทั่ว
“ยกมือขึ้น!!” ตำรวจหยิบปืนขึ้นมาเล็งไปที่เกาเผิง เพราะเขาเป็นคนเดียวที่ยังรอดชีวิต
“อย่าขยับ”
“เอามือวางไว้ที่หัวและก้มหน้าลงไป”
เกาเผิงปฏิบัติตามแต่โดยดี ขณะที่เขากำลังหมอบอยู่ เขาก็พูดขึ้นว่า
“ผมคือเกาเผิงที่โทรแจ้งพวกคุณ สามารถตรวจสอบเรื่องนี้ได้นะครับ” ระหว่างที่เขาพูด เขาสั่งให้สตีปี้ทำตัวนิ่งๆใจเย็นๆเข้าไว้
“ตำรวจอย่างพวกคุณคงไม่ทำร้ายพลเมืองหรอกใช่มั้ย” เกาเผิงพูดขณะกำลังหมอบอยู่ แต่เขาก็รู้แปลกมือของมันรู้เหนียวๆ เมื่อเขาเอามือมาดูก็พบว่าเป็นเลือดของเขาที่ไหลออกมาจากบาดแผล
หลังจากที่พวกเขายืนยันตัวเกาเผิงได้แล้ว พวกเขาก็รีบปฐมพยาบาลเกาเผิงทันที
พวกตำรวจได้สำรวจสถานณ์ที่เกิดเหตุ พบศพชายสองคนที่ติดอยู่กับใยแมงมุม บริเวณศีรษะกับลำตัวถูกเจาะไปหลายแห่ง มีเลือด เครื่องในและเศษสมองไหลออกไปทั่ว เป็นภาพที่ดูน่ากลัวมาก
‘ศพยังอุ่นๆอยู่เลย’
ที่อยู่ข้างพวกเขามีศพของสัตว์อสูรที่เป็นตะขาบขนาดเท่าแขน ถูกฉีกกระชากเป็นสองส่วนและก็มีสัตว์อสูรอีกตัวหนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายดินน้ำมันได้ส่งเสียงออกมาและเคลื่อนไหวช้าๆ
“ที่เกิดเหตุเคลียร์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บช่วยส่งรถพยาบาลมาที่นี่ที” ตำรวจได้รายงานผ่ายวิทยุสื่อสารของพวกเขา
……..
ในห้องสืบสวน
เจ้าหน้าที่ได้สอบถามเกาเผิงว่า “ทำไมคุณถึงฆ่าพวกเขา”
“ผมก็แค่ป้องกันตัว” เกาเผิงศีรษะของเขาพันด้วยผ้าพันแผล
เมื่อเห็นท่าทีที่สงบของเกาเผิงจึงทำให้เจ้าหน้าต้องขมวดคิ้ว
“จากการตรวจสอบ พวกเขาถูกพันด้วยใยแมงมุมทำให้พวกเขาไม่อาจทำอะไรคุณได้แล้ว”
“ก็ผมไม่รู้หรอกนะว่า พวกเขาจะสู้ได้หรือไม่ได้ พวกเขาได้เอาค้อนทุบไปที่หัวผมไปแล้ว” แผลที่ศีรษะของเกาเผิงไม่มีทางเองได้หลังจากที่เขาฆ่าชายที่ถือค้อนไปแล้ว
“จะยังก็เถอะ พวกเขาได้ติดใยแมงมุมและถูกฆ่าโดยสัตว์อสูรของคุณ คุณต้องส่งสัตว์อสูรของคุณมาให้ทางตำรวจตรวจสอบ”
เกาเผิงนิ่งเงียบไป
‘ก็โจรสองคนนั้นต้องฆ่าเขานี่ แล้วทำไมเขาต้องปล่อยให้พวกเขามีชีวิตรอดออกไปล่ะ’
แต่ถ้าหากเขาจับพวกเขาไว้ พวกเขาจะโดนตั้งข้อบุกรุกในยามวิกาลและพยายามฆ่าอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องลงมือรุนแรงขนาดนี้
เขาได้แต่ถอนหายใจ เขาไม่ใช่คนดีเท่าไหร่นัก ที่จะปล่อยคนพวกนี้รอดไปได้ เกาเผิงให้โอกาสโจรทั้งสองได้หนีไปแล้ว แต่พวกเขากับปัดโอกาสนี้ทิ้ง
“ที่สัตว์อสูรของผมฆ่าสองคนนั้นเพราะว่ามันโกรธที่เห็นผมโดนทำร้าย”
เจ้าหน้าที่ขมวดคิ้วไม่พอใจกับตำตอบที่ได้รับ ขณะที่เขาจะถามต่อ ก็มีเสียงประตูขัดจังหวะขึ้นมาพอดี
*ก๊อก ก๊อก*
มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามา เขาเห็นผู้กำกับยืนอยู่กับชายวัยกลางคนที่เขาไม่รู้จักอยู่ข้างนอก
“ผลการสอบสวนออกมาว่า ชายสองคนนี้ได้บุกรุกเข้ามาและพยายามฆ่าคนที่อยู่ข้างใน เขาทำเพื่อป้องกันตัวเอง” ผู้กำกับที่เดินเข้ามาได้กล่าว
เจ้าหน้าที่คนนั้นรู้สึกแปลกๆ คดีบุกรุกแค่นี้นี้ ถึงกับทำไห้ผู้กำกับต้องมาออกหน้าด้วยตัวเองเลยเหรอ แสดงว่าพื้นหลังของเด็กคนนี้คงจะไม่ธรรมดา เขาพยักหน้ายอมรับก่อนจะเก็บของและออกจากห้องสอบสวน
“ลุงหลิว?”
เกาเผิงจำชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างผู้กำกับได้ทันที เขาไม่คิดว่าลุงหลิวจะมีปรากฏตัวที่นี่
แม้เขาจะไม่รู้ว่าลุงหลิวจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างไร แต่เขาก็ไม่คิดว่าลุงหลิวจะมีพาวเว่อร์มากขนาดไปคุยกับท่านผู้กำกับได้
“เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว งั้นพวกเรากลับกันเถอะ” ลุงหลิวพูดกับเกาเผิงด้วยรอยยิ้ม
เกาเผิงเดินตามลุงหลิวอย่างเงียบๆ เขาเก็บคำถามมากมายไว้ในใจ รอให้ออกจากสถานีตำรวจก่อนถึงจะเริ่มถามเขา
แต่เกาเผิงไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี
ทำให้บรรยากาศระหว่างสองคนนี้เต็มไปด้วยความอึดอัด
“ฉันได้รับการมอบหมายจากใครบางคนให้มาปกป้องเธอ” ลุงหลิวพูดพูดเรื่องนี้ขึ้นมาระหว่างกำลังจะลงบันได
เกาเผิงตกใจและหันไปมองลุงหลิว
ลุงหลิวเผยรอยยิ้มออกมาอย่างสดใส “เธอไม่อยากรู้หรอว่าคนๆนั้นเป็นใคร”
เกาเผิงมองไปที่ลุงหลิวและถามอย่างสงสัยว่า “เป็นคุณตาของผมใช่มั้ย”
‘นี่เขาเดาไปง่ายๆขนาดนี้เลยเหรอ’ รอยยิ้มของลุงหลิวก็แข็งค้างทันที
“คนปกติที่ไหนจะมานั่งปกป้องเด็กกำพร้าด้วยล่ะ” ตอนนี้จิตใจของเขาเริ่มสงบแล้วหลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงมามาดๆ
“ตั้งแต่เกิดมหาภัยพิบัติ คุณตาของฉันก็ได้หายตัวไป ไม่รู้ว่าเขาจะประสบอุบัติรึเปล่า แต่เขาเป็นคนเดียวที่ผมนึกออกว่า คนที่ต้องการปกป้องผมมากขนาดนี้นั้นคือใคร” เกาเผิงพูด
ลุงหลิวไม่ตอบเขาแต่ท่าทางของเขาก็เหมือนเฉลยไปแล้ว
เกาเผิงถอนหายใจ ตอนนี้เขารู้สึกสับสนมาก “คุณตายังแข็งแรงมั้ยครับ”
ยังไงเลือดก็ข้นกว่าน้ำ
ที่คุณตาที่ไม่เคยมาหาเขาก็คงมีเหตุผลบางอย่าง
ไม่อย่างนั้นคงไม่ส่งคนมาปกป้องเขามาเป็นเวลานานหรอก
“ตาเฒ่านั่นแข็งแรงจะตาย ยังอยู๋ได้อีกเป็นสิบๆปี” ลุงหลิวหัวเราะเบาๆ “มีเรื่องวุ่นวายที่บริษัทของตาเฒ่านั่นจึงไม่สามารถมาหาหลานของเขาได้น่ะ แต่เขาใกล้จะสะสางปัญหาเสร็จแล้ว เธอรู้มั้ยเกาเผิง ตาแก่นั่นโกรธมากที่รู้ว่าเธอถูกจับส่งเข้าโรงพักน่ะ ฉันไม่เคยเห็นเขาโกรธขนาดนี้มาก่อนเลย ขนาดคนรู้ว่ามีคนต้องการจะฮุบบริษัทของเขา เขายังไม่โกรธขนาดนี้เลย”
“คะ ครับ” เกาเผิงตอบรับอย่างเงียบๆ “หวังว่าเขาจะสะสางปัญหาเสร็จเร็วๆนี้น่ะครับ”
หลังจากที่รู้ว่าคุณตายังมีชีวิตอยู่ ทำให้จิตใจของเกาเผิงตอนนี้ว้าวุ่นมาก แม้ภายนอกจะดูนิ่งๆเหมือนผืนน้ำก็ตาม
ลุงหลิวรู้ว่าคงต้องให้เวลากับเกาเผิงในเรื่องนี้สักพัก
…
เมื่อเกาเผิงกลับมาที่อพาร์ทเม้นท์ เกาเผิงดูเหม่อลอยมากถึงขนาดเผลอทำมีดบาดนิ้วตอนหั่นผักเลย
ทำให้ต้าซื่อสะดุ้งตื่นทันที
‘มีใครมาตีขาเค้าเนี่ย’
‘ใครกันน้า’
‘ใครกันน้า’
ต้าซื่อลุกขึ้นและคลานไปทั่วห้องนั่งเล่น
เกาเผิงถอยหายใจมองไปที่ผักที่หั่นแบบหยาบไม่ประณีต เขาเลยเอาผักพวกนี้ใส่หม้อและเริ่มทำอาหาร
วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายมีคนมาบุกปล้นที่สำนักงานในระหว่างที่ยกระดับสตีปี้และที่สำคัญเขาได้รู้ว่าคุณตาของเขายังมีชีวิตอยู่และส่งคนมาดูแลอย่างลับๆในตลอดหลายปีที่ผ่านมา