ในความฝัน
เขาเจอชายที่ถือค้อนกับชายที่ถือมีด พวกเขาเดินเข้ามาหมายที่จะเอาชีวิตเขา
ไม่ว่าเกาเผิงจะวิ่งหนีไปไกลแค่ไหน พวกเขาก็ตามเกาเผิงทันอยู่ดี จนในที่สุดเกาเผิงก็วิ่งไปต่อไม่ไหวแล้ว
เกาเผิงเหงื่อแตกพลั่ก ตอนนี้เขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
พวกเขาเดินเข้ามาอย่างช้าพร้อมรอยยิ้มที่ดูน่ากลัวสยดสยองเป็นอย่างมาก เขายกค้อนขึ้นมาหมายที่จะฟาดไปที่หัวของเกาเผิง
ขณะที่เกาเผิงกำลังจะโดนฟาด จู่ๆก็มีสัตว์อสูรโผล่ออกมา
มันเป็นแมงมุมที่สูงเสียดฟ้าโผล่ออกมา มันใช้ขาบดขยี้ชายทั้งสองคน
เกาเผิงสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที เหงื่อเต็มใบหน้า ‘นี่ฉันกลัวคนที่ฉันพรากชีวิตไปอย่างงั้นเหรอ’
ก่อนหน้านี้เขาก็ฆ่าพวกสัตว์อสูรไปเยอะมาก แต่ทำไมเขาถึงได้หวาดกลัวจนถึงขนาดกับนอนฝันร้ายแบบนี้ ที่เขาฆ่าเขาก็เพราะพวกเขาเริ่มก่อน เขาไม่ได้ผิดอะไร หากสตีปี้ไม่อยู่ใกล้ๆ ทักษะเคลื่อนดาราก็คงไม่ทำงาน เขาอาจนอนจมกองเลือดไปแล้วก็ได้
“ก็แค่ฝันร้ายเท่านั้น” เกาเผิงทำจิตใจให้สงบจากก็กลับไปนอนต่อ
………
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป หลังจากเหตุการณ์นั้น ได้มีการจัดการสอบสอบเอนทรานซ์ระดับชาติขึ้น การสอบนี้จัดขึ้นเพื่อคัดเรียนเข้ามหาวิทยาลัยในภาควิชาปกติ
การสอบนี้เป็นเรื่องง่ายๆสำหรับเกาเผิง เขาไม่กังวลเรื่องการสอบเลย เพราะมันท่องจำซะส่วนใหญ่จึงเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับเขา
ครั้งหนึ่งเขาเคยได้ที่4ของระดับชั้น ห่างจากที่1เพียง 15คะแนนเท่านั้นเอง แต่เพราะคะแนนวิชาพละที่ต่ำของเขาทำให้ดึงคะแนนของเขาให้ต่ำลงมาที่ 4
แต่ตอนนี้เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากสัตว์อสูรของแข็งแกร่งขึ้นตัวเขาก็แข็งแกร่งขึ้นด้วย ถึงแม้จะไม่อาจเทียบเท่าซูเปอร์แมนแต่เขารู้สึกว่าเขาสามารถวิ่งเป็นกิโลได้โดยไม่หอบเลย นี่พิสูจน์แล้วว่าหากสัตว์อสูรเก่งขึ้นเจ้าของก็จะเก่งตาม
แต่ความแข็งแกร่งก็ไม่อาจเอาไปสู้กับสัตว์อสูรจริงๆได้ ดูเมื่อว่าพลังจะมีประโยชน์เวลาวิ่งหนีสัตว์อสูรซะมากกว่า
…….
ผ่านไป 2วัน การสอบเอนทรานซ์ระดับชาติ เพื่อคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยในภาควิชาปกติก็สิ้นสุดลง หลังจากนี้ก็ปิดเทอมใหญ่แล้ว ทำให้นักเรียนหลายคนมีความสุขมากที่จะได้พักผ่อนซะที
การได้ปิดเทมอหลังจากที่ผ่านการสอบมาอย่างยากลำบากนั้น ช่างเป็นความรู้สึกที่บอกไม่บอกจริงๆ
เกาเผิงปล่อยวางเรื่องสอบครั้งที่ผ่านมาไปแล้ว เขาไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องนี้มากนัก เพราะกว่าผลสอบจะออกก็ตั้ง 2สัปดาห์ มากังวลเรื่องผลตอนนี้ไปก็ไร้ประโยชน์
หลังจากสอบเสร็จ เขาก็แทบจะไม่มีอะไรทำ เขารู้สึกเบื่อมาก จึงฝึกสัตว์อสูรแก้เบื่อ เขารู้สึกว่ามันสนุกมากกว่าเมื่อก่อนมาก
หลังจากผ่านเรื่องร้ายๆมา เขาพบว่าหลังจากนี้เขาต้องเจอเรื่องอันตราย สัตว์อสูรของเขาจะคอยช่วยเหลือและพาเขาออกจากวิกฤติได้ การที่ได้คอยดูแลและเฝ้าดูเติบโตของมัน ทำให้เขามีความสุขมาก
แม้จะสอบเสร็จแต่พวกนักเรียนเตรียมทหารก็ยังคงฝึกซ้อมต่อไป เพื่อการสอบเอนทรานซ์ของพวกเขาในอีกครึ่งเดือนหน้า
การฝึกในกรงวันนี้ก็ยังเป็นค้างคาวกะโหลกปีกสีน้ำเงินเหมือนเดิม ตั้งแต่วันนั้นมันก็ไม่ไหนเลย ทำให้มันเป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำลานฝึกซ้อมไปแล้ว ไม่มีใครสามารถกำราบมันลงได้ซะที
ค้างคาวกะโหลกปีกสีน้ำเงินห้อยหํวลงมามองออกไปด้านกรงด้วยความเบื่อหน่าย
ในตอนแรกมันยังตื่นสถานที่และมนุษย์อยู่ แต่หลังจากได้ข้าวได้น้ำทุกวันทำให้เลิกกลัวไปอย่างหมดสิ้น แต่ละวันมันได้ฝึกฝนพวกสัตว์อสูรอย่างมีความสุข
“ผู้ฝึกสอนครับวันนี้ผมจะท้าทายเจ้าค้างคาวนั่น” เฉินฮั่วเฉียวพูดกับผู้ฝึกสอน
ที่ยืนอยู่ข้างหลังของเขาคือหมีประกายสายฟ้า
เกาเผิงลอบสังเกตไปที่หมีประกายสายฟ้า เขาพบว่าหมีตัวนี้เลเวลเพิ่มขึ้น 1เลเวล ขนแวววาว ร่างกายแข็งแรงขึ้น
พวกเขาได้ท้าทายค้างคาวกะโหลกปีกสีน้ำเงินนั่นแทบทุก 2วัน จนกลายเป็นกิจวัตรไปแล้ว
เมื่อค้างคาวกะโหลกปีกสีน้ำเงินได้เห็นหมีประกายสายฟ้าที่โง่เง่า มันเตรียมตัวที่จะเล่นสนุกกับมันอีกในวันนี้
หมีประกายแสงเดินเข้าไปอย่างมั่นใจ ก่อนหน้านี้ไม่ว่ามันจะยั่วยุสักแค่ไหนมันก็ไม่ลงมาสักที ดังนั้นมันจึงพับหูและก้มตัวลงไปนอนที่พื้นในกรง
ค้างคาวกะโหลกปีกสีน้ำเงินมองลงครู่หนึ่งก่อนจะเปิดปาดโจมตีด้วยคลื่นเสียง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรหมีประกายสายฟ้าที่นอนอยู่ข้างล่างได้ เมื่อได้เห็นแบบนี้มันก็รู้สึกเบื่อ มันจึงหลับตาและนอนหลับเช่นกัน
กลุ่มนักเรียนที่มานั่งดูนอกกรง ต่างก็สงสัย ทำไมสัตว์อสูรสองตัวถึงต่างฝ่ายต่างแข่งกันหลับแบบนี้
ยิ่งดูก็ยิ่งน่าเวทนา จนหัวผู้ฝึกสอนมนไม่ไหว เขาต้องการให้พวกมันมาสู้กันไม่ใช่ให้มานอน เขาสั่งให้เฉินฮั่วเฉียวให้เรียกหมีประกายแสงออกมาซะ
“มีแค่เฉียวฮั่วเฉียวเท่านั้นที่พยายามอย่างหนักในทุกๆวิถีทางที่จะกำราบเจ้าค้างคาวนั่น แม้จะไม่สบความสำเร็จแต่เขาก็ได้เรียนรู้ไม่มากก็น้อย” เขาพูดพลางเย้ยหยันนักเรียนที่เหลือ
หลังจากหยุดคิดไปสักครู่ จากนั้นเขาก็พูดด้วยเสียงเบา “เพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้กับพวกคุณ หากใครเอาชนะเจ้าค้างคาวนี่ได้ ทางเราจะยกมันให้กับพวกคุณ”
ค้างคาวกะโหลกปีกสีน้ำเงินเป็นสัตว์อสูรที่อยู่ท็อปเทียร์ของสัตว์อสูรชนชั้นขุนนาง อีกทั้งมันยังสามารถบินได้อีก ราคาของมันไม่ต่ำกว่า 200-300 เครดิตพันมิตรอย่างแน่นอน
สัตว์อสูรที่นำมาฝึกนี้ไม่ว่ามันจะอยู่หรือตาย หลังจากฝึกเสร็จต้องส่งมันก่อนไปที่กองทัพ มันเป็นถือเป็นทรัพย์สินของทางกองทัพ
แต่เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนของเขามีกำลังใจในการสู้ เขาถึงกับต้องยอมควักเนื้อจ่ายเลย
เกาเผิงก็สนใจในข้อเสนอนี้เหมือนกัน แต่เขาไม่สามารถตอบรับได้ก็เพราะว่าการสอบเอนทรานซ์ของพวกนักเรียนเตรียมทหารใกล้จะเข้ามาแล้ว อีกแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น
หากเขานำดัมมี่มาที่นี่ในวันพรุ่งนี้ ทุกคนก็จะรู้เรื่องดัมมี่กันหมด ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากเปิดเผยตัวตนของดัมมี่ในตอนนี้ เขาต้องการทำตัวเองให้มีโปรไฟล์ต่ำเข้าไว้ คนอื่นๆจะได้ไม่มาสนใจเขามากนัก
‘แต่ข้อเสนอนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ’
ดูเหมือนแผนการที่ต้องทำตัวให้โปรไฟล์ต่ำของเกาเผิงคงจะไม่สามารถทำได้อีกต่อไปแล้ว
…….
เมื่อวันที่ 10มิถุนายน ได้มีข่ายกระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ข้อความดังกล่าวสร้างความโกลาหลไปทั่ว
สหพันธ์รัฐบาลโลก ได้ผนวกองค์การผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรกับผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรชั้นนำทั้ง 12แห่งจากทั่วโลกเข้าด้วยกัน เพื่อก่อตั้งองค์กรที่มีชื่อว่า
สหพันธ์ผู้ฝึกสอนสัตว์อสูร