“แน่นอนว่าเธอเป็นสาวน้อยที่น่ารักน่าชังแบบนี้ย่อมไม่รู้อะไรพวกนี้หรอก” ชายชราพยักหน้าและพูดกับจางซวนด้วยรอยยิ้ม “เจ้าหญิงตัวน้อยบังเอิญว่าคุณปู่มีเรื่องจะคุยกับพี่ชายของหนูสักหน่อย ทำไมหนูไม่เข้าไปข้างในไปกินไอติมล่ะ คุณปู่รับรองว่าพี่ชายต้องหายโกรธหนูแน่นอน”
จางซิงชิงงงเล็กน้อย ก่อนที่จะตามน้ำอย่างรวดเร็ว
“ใช่แล้ว ถ้าซวนน้อยของพี่ไปกินไอติม พี่จะหายโกรธน้องเลยล่ะ”
“ตกลงค่ะ” เด็กสาวพยักหน้าอย่างเศร้าเล็กน้อย ก่อนที่ผู้หญิงในสูทสีแดงจะพาเธอไปข้างใน
“เชิญนั่งก่อนสิ ทำตัวตามสบาย ไม่ต้องกังวลไป ฉันเป็นคนรักษาคำพูด” ชายชราพูดพลางโบกพัดในมืออย่างช้าๆ “แต่กลับกัน หากคุณไม่รักษาคำพูด อย่าหาว่าฉันโหดร้ายล่ะกัน”
จางซิงชิงรู้สึกขนลุกกับคำขู่ของเขา
“ผะ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเด็กคนนั้นเลย พวกเราแค่นั่งคุยกันเท่านั้น”
“ถ้าแค่นั้นผมคงไม่จำเป็นต้องเสียเวลานั่งคุยกับคุณหรอก” ชายชรายกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างช้าๆจากนั้นก็เงยหน้ามองไปที่จางซิงชิง “ฉันที่ชื่อว่า จีฮันอู ฉันต้องการจะใช้งานคุณ”
“คุณ…” จางซิงชิงตกใจ เขาอยู่สายงานนี้มานาน เป็นไปไม่ดืที่จะไม่รู้จักจิฮันอู เขาไม่คิดว่าคนระดับนี้จะมาหาเขาโดยตรง “คุณไม่ได้มาฆ่าผมเหรอ?”
“คุณยังมีประโยชน์อยู่ฉันไม่ทำอย่างงั้นหรอก” จิฮันอูกล่าวอย่างใจเย็น “การฆ่าเป็นวิธีที่ง่าย แต่มันก็เป็นวิธีที่สิ้งเปลืองมากเช่นกัน”
จางซิงชิงต้องการจะถามโง่ๆว่าไม่กลัวเขาทรยศหรือแต่ก็ปิดปากไป คนอย่างจิฮันอูมีวิธีที่หลากหลายที่จะควบคุมเขา ดังนั้นเขาจึงก้มหน้าก้มตารับคำสั่งของเขาอย่างช่วยไม่ได้
……….
“นี่คือทุกอย่างที่ผมรู้ครับ….บอส” จางซิงชิงไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรดี จะเรียกชื่อก็ไม่ได้ เขาไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากลังเลได้แปปเดียวก็เรียกเขาว่าบอส
“คุณสามารถเรียกฉันว่า ท่านประธานจีแบบคนอื่นๆได้” จีฮันอูพูดอย่างไม่เป็นทางการ
“ครับ ท่านประธานจี”
“นายกเทศมนตรีเมืองเจียงหนาน ฮั่นหยวนหมิง อย่างงั้นเหรอ” เขาพูดชื่อนี้วนไปวนมาและเผยรอยยิ้มที่น่าขนลุกบนใบหน้าของเขา
ก่อนหน้านี้เขาได้รับข้อมูลมาว่า มีคนกำลังสืบประวัติของเกาเผิงอยู่ เขานึกว่ามีคนที่เป็นศัตรูของเขาเริ่มระแคะระคายเรื่องหลานชายของเขาแล้ว เขาจึงรีบมาที่นี่ทันทีแต่เขาไม่คิดว่าทั้งตัวการและแรงจูงใจจะต่างออกไปจากที่เขาคิดแบบนี้
หากเป็นก่อนเกิดมหาภัยพิบัติ เขาคงไม่กล้าทำอะไรนายกเทศมนตรี
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่
กฎมันได้เปลี่ยนไปแล้ว หากเป็นแค่นายกเทศมนตรี คิดเหรอว่าตำแหน่งแค่นั้นจะช่วยปกป้องอะไรเขาได้
เพราะโลกนี้คือโลกที่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์พูด
“ท่านประธานจีครับ คุณต้องการจะกำจัดฮั่นหยวนหมิงรึเปล่าครับ”
“ไม่จำเป็น” จีฮันอูส่ายหัว “เรื่องนี้ฉันจะให้เสี่ยวเผิงเป็นคนจัดการเอง เรื่องสาเหตุก็มาจากเขา ฉะนั้นเขาต้องเป็นคนจบด้วยตัวเอง”
“ครับ” จางซิงชิงพยักหน้า
“แต่อย่างไงก็เถอะ ฉันรู้สึกว่าการที่เขาไปแข่งในรอบที่สามนั้น มันช่างเสียเวลาเป็นอย่างมาก” จีฮันวูกล่าวอย่างแผ่วเบา
“ห๊ะ อะไรนะครับ” จางซิงชิงรู้สึกสับสน
“ฉันจะไปคุยกับเขาในเรื่องนี้” จีฮันอูพูดและมองไปนอกหน้าต่าง
‘สี่ปีแล้วสินะที่ฉันได้เจอเขา’
หลังจากนั้นคาเฟ่ได้เงียบงันลง ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยสิ่งใดเลย
……..
หลังจากเกาเผิงนำดัมมี่ไปที่ศูนย์บริการแล้ว เข้าก็เดินกลับไปที่ห้อง
ระหว่างเขาทางได้เห็นมีคนจำนวนมายืนต้อนรับใครบางคนอยู่ เกาเผิงคิดว่าคงมีแขกคนสำคัญมาที่นี่ จึงเดินผ่านไปโดยไม่สนใจ เขากดและขึ้นไปที่ห้อง
หลังจากทำธุระเสร็จ หัวกำลังจะถึงหมอนก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
*ก๊อก ก๊อก ก๊อก*
เกาเผิงทำเป็นไม่สนใจ แต่เสียงเคาะก็ยังดังมาเรื่อยๆ
เขาลุกขึ้นมาอย่างอ่อนแรงและพูดว่า “ฉันไม่การแม่บ้านมาทำความสะอาดตอนนี้”
“ยังหนุ่มยังแน่น นอนเยอะๆใช่ว่าจะดีนะ” มีเสียงที่ทรงพลังดังมาจากนอกประตู
ดวงตาของเกาเผิงได้เบิกกว้างและหันไปมองที่ประตูทันที
เขากระโดดออกจากเตียงจ้องไปที่ประด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
*ก๊อก ก๊อก ก๊อก*
เขารีบวิ่งไปที่ประตูโดยไม่สวมรองเท้าแตะและมองข้างนอกผ่านช่องตาแมว
ที่หน้าประตูมีชายชรารูปร่างสันทัดใส่ชุดฮันฟุสีขาว เขามองไปที่ช่องตาแมวและยิ้ม ราวกับรู้ว่าเกาเผิงกำลังมาเขาอยู่จากตรงนั้น
รอยยิ้มไปเผยออกมาที่ใบหน้าของเกาเผิงทันที เขาเปิดประตูจะพูดว่า
“คุณตา!!”
เขาเข้าไปกอดจีฮันอูทันที
จีฮันอูหัวเราะและลูบหลังเกาเผิง เขาพลางสำรวจดูเกาเผิงและเห็นเขาไม่ได้ใส่รองแตะออกมา เขาจึงอดบ่นไม่ได้
“หลานก็เป็นเด็กม.ปลายแล้วนะ ออกมาข้างนอกก็ควรรองเท้าแตะบ้างนะ”
เกาเผิงไม่พูดอะไรได้แต่สะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของคุณตา
ไม่มีใครเข้าใจความเศร้าและความเปล่าเปลี่ยวของเด็กคนหนึ่งที่ต้องเสียพ่อแม่ไปในเวลาเดียวกัน ก่อนหน้าที่ลุงหลิวจะมาเขาไม่มีใครเหลือเลย เขารู้สึกเหงาและเคว้งคว้างมาก
“ไม่เป็นไรๆ ตากลับมาแล้ว” จีฮันอูปลอบเกาเผิงด้วยเสียงนุ่ม “ตราบใดที่ตายังอยู่ ตาจะไม่ให้ใครมารังแกหลานได้”
ถึงแม้ภายนอกเกาเผิงจะโตไปสักแค่ไหนก็ตาม แต่ในสายตาของเขา เกาเผิงก็ยังเป็นเด็กตัวน้อยๆอยู่
ตรงทางเดินมีบอดี้การ์ดคอยอารักขาจีฮันอูอยู่ พวกเขาต่างแปลกใจที่ได้เห็นมุมที่อ่อนโยนของท่านประธานที่แข็งแกร่งคนนี้ พวกเขาต่างทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มองไม่เป็นภาพตรงหน้า
จากนั้นทั้งสองก็เข้าไปในห้อง
จีฮันอูบนเก้าอี้และพูดกับเกาเผิงอย่างร่าเริงว่า
“ตาได้รู้หลานออกทีวีด้วย หลานทั้งเก่ง ทั้งกล้าหาญ หลานทำได้ดีมาก”
หากเป็นคนอื่นชมเกาเผิงก็จะรับไว้อย่างสุภาพ แต่นี่เป็นคุณตาของเขาชม มันก็จะรู้สึกเขินอยู่หน่อยๆ
“อย่าอายไปเลยหลานรัก นี่รู้มั้ยขณะที่ดูหลานในทีวี ตาก็หวนไปนึกถึงตอนที่ตาได้ก่อต้องบริษัทของตาใหม่ๆ มันเกิดเรื่องราวมากมายเลยตอนนั้น ตาได้เจอทั้งความยากลำบากและอุปสรรคมาอย่างไม่หยุดหย่อนเลย”
“แต่หลานรู้อะไรมั้ย ตาไม่กลัวพวกมันหรอกนะ หากมันต่อยตา 1ที ตาก็ต่อยสวนมันกลับไป 10ที เพื่อให้มันไม่กล้าทำอะไรตาอีก”