“ใช่แล้วล่ะ หลี่ชิงฉินยี่ซอง ชื่อของพวกเราเมื่อรวมกันมันบังเอิญเป็นสำนวนพอดี ใครหลายๆคนก็ต่างแปลกใจที่ได้ยินชื่อของพวกเราครั้งแรกทั้งนั้น” หลี่ชิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจในเรื่องนี้ พวกเขาทำงานด้วยกันมานานแล้ว ได้เห็นปฏิกิริยานี้มาจนชินตาแล้ว ถึงแม้จะรีแอคชั่นเดิมๆแต่ก็อดขำไม่ได้อยู่ดี
“ฉันชื่อว่าเฉินซือเหอ ยินดีที่ได้รู้จัก” ผู้อำนวยการเฉินแนะนำตัวกับลุงหลิว
เกาเผิงมองดูสัตว์อสูรของเฉินซือเหอนำมา เขามีสัตว์อสูรถึง 3ตัว พวกมันอยู่ในชนชั้นนักรบทั้งหมด มีหนอนเหล็กเขี้ยวกว้าง เลเวล 30 ส่วนที่เหลือ เลเวล 24และ25
หลี่ชิงมี่สัตว์อสูร 2ตัว หมีหนามเหล็ก เลเวล 24และ งูเขียวโลหิต เลเวล 21
ส่วนฉินยี่มีแค่ตัวเดียวนั่นคือ ปักษาอัคคี เลเวล 27 ขนของมันดูพลิ้วไหวราวเปลวไฟที่กำลังลุกโชนอยู่และดวงตาที่สดใสมองรอบอย่างสงสัย
การเลี้ยงสัตว์อสูรแต่ละตัวนั้นไม่ใช่เลี้ยงง่าย แต่ละตัวมีการใช่วัตถุดิบเพื่อเพิ่มเลเวลให้มัน แต่ก็มีเรื่องขีดจำกัดในการรับวัตถุดิบเช่นกัน บางตัวสารถรับได้มาก บางตัวรับได้น้อย ถึงแม้จะเป็นสัตว์อสูรสายพันธุ์เดียวกันก็ตาม
และอีกอย่างในช่วงแรกๆ ที่ดูเหมือนว่าการเพิ่มเลเวลจะเป็นเรื่องง่าย แต่พอสัตว์อสูรมีเลเวลที่มากขึ้นของที่ใช้ก็มากขึ้นเช่นกัน ทำให้ค่าใช้จ่ายของแต่ละตัวจึงสูงมาก
แต่ปัญหาการเพิ่มเลเวลที่ของสัตว์อสูรที่เลเวลเยอะสามารถแก้ได้ช่วยการให้อาหารที่มีโภชนาการสูง การเพิ่มเลเวลก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง
สำหรับเฉินซือเหอที่เคยดูแลสถาบันเพาะพันธุ์สัตว์อสูรมาก่อน ทำให้เขาไม่ขาดเงินอย่างแน่นอน แต่หนอนเหล็กเขี้ยวกว้างกลับมาเลเวลเพียงแค่ 30 เท่านั้น นั่นแสดงให้เห็นว่าขีดจำกัดของมันคงมาได้แค่นี้
เมื่อพูดถึงสัตว์อสูรก็คงไม่พูดถึงเด็กๆของเขาไม่ได้ ทริปนี้เกาเผิงได้นำ ต้าซื่อ ดัมมี่ ซิลลี่ สตีปี้ และเฟลมมี่ มาพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้ง 5ตัวเลย
เฟลมมี่ที่ได้รับดูแลจากลุงหลิวทำให้เลเวลของมันเพิ่มเป็น 19แล้ว ใกล้จะเลื่อนชนชั้นเป็นนักรบแล้ว มีโอกาสสูงมากที่มันจะได้ ลักษณะพิเศษ ในชนชั้นนักรบ
“อย่าบอกนะว่า เธอนำสัตว์อสูรของเธอมากันหมดเลย” เฉินซือเหอประหลาดใจเล็กน้อย
“ครับ พวกคุณให้สัตว์อสูรของคุณเฝ้าบ้านอย่างงั้นเหรอครับ” เกาเผิงถาม
“ใช่แล้ว ฉันมีสัตว์อสูรอีก 2ตัวแต่ทักษะการต่อสู้ของมันต่ำเกินไป ฉันเลยไม่ได้พามาด้วย” เฉินซือเหอกล่าว
“ส่วนฉันก็เพิ่งทำพันธะสัญญากับสัตว์อสูรที่ยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย ดังนั้นเลยให้มันเฝ้าบ้าน” ฉิ่นยี่กล่าว
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเกาเผิงเลยหันมามอง พวกสัตว์อสูรทั้ง 5ของเขา ราวกับว่าเขาจะยกโขยงไปเที่ยวเลย มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่
“ฮะฮ่าๆ ไม่เป็นไร ฉันก็เอาสัตว์อสูร มาทั้งหมดเหมือนกันคงไม่เป็นไรใช่มั้ย” ลุงหลิวพูดปลอบโยนเกาเผิง
เกาเผิงพยักหน้าขอบคุณเขา
นอกจากซอฟตี้ ลุงหลิวยังมีสัตว์อสูรตัวอื่นอีกด้วย มันเป็นกิ้งก่าขนาดใหญ่ยาวถึง 6เมตร ภายนอกมันดูเป็นกิ้งก่าสีเขียวธรรมดาๆที่ดูไม่มีพิษมีภัย มันดูเงียบๆและเชื่องมาก
แต่ขึ้นชื่อว่าลุงหลิว สัตว์อสูรของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
[ชื่อสัตว์อสูร] กิ้งก่าเงา
[เลเวล] 39 (ชนชั้นนักรบ)
[ระดับ] สมบูรณ์
[ทักษะ] ผิวหนังเหล็กกล้า เลเวล 2
[ลักษณะพิเศษ] นักฆ่าเร้นลับ (เอฟเฟ็คที่หนึ่ง รูปแบบติดตัว: เมื่อมันเงียบและอยู่นิ่งๆ ร่างกายของมันจะกลมกลืมไปกับแวดล้อม มันสามารถเปลี่ยนได้ทั้งสีและอุณหภูมิร่างกายของมันให้เข้าสิ่งรอบข้างได้
เอฟเฟ็คที่ 2 รูปแบบติดตัว: ผิวของมัสามารถดูดซึบเสียงและแรงสั่นสะเทือนได้ ทำให้มันสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างเงียบๆ โดยที่ไม่มีใครรู้ตัวได้)
เดี๋ยวนะทั้งแมวเงาราตรีกับกิ้งก่าเงา สัตว์อสูรของลุงหลิวแกเป็นนักฆ่าทั้งคู่นี่น่า
เกาเผิงพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณตาถึงส่งลุงแกมา
ถ้าสัตว์อสูรของลุงหลิวมีเลเวลที่สูงขนาดนี้ ก็ทำให้เกาเผิงสงสัยว่า สัตว์อสูรของคุณตาจะมีเลเวลถึงขั้นไหนกัน ดูเหมือนว่า 3ปีมานี้คุณตาต้องผ่านอะไรมาเยอะมากแน่ๆ กว่าจะมาได้ถึงขนาดนี้
หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกเดินทาง พวกเขาได้เดินผ่านป่าที่อยู่ใกล้ๆทะเลสาบคันฉ่อง ทำให้เหล่าสัตว์อสูรที่เลเวลน้อยๆ ต่างหลบซ่อนด้วยความหวาดกลัว
ดวงตาของได้หมุนไปมา เพื่อสังเกตต้นไม้รอบๆจากนั้นมันได้เปิดปากและลิ้นสีแดงได้พุ่งไปที่ต้นไม้ มันเจาะไปที่กลางลำต้นเพื่อชิมยางไม้
จากนั้นมันก็นำลิ้นกลับมาพร้อมทำหน้าเหยเก แสดงว่ายางไม้ต้นนี้ต้องไม่อร่อยแน่ๆ
มันได้ปิดปากและเดินต่อไป กิ้งก่าเงาตัวนี้ สูงเกือบ 2เมตรและยาว 6เมตร เมื่อดูไกลๆก็ดูเหมือนสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ หางของมันแกว่งไปมา ที่หลังของมันมีลุงหลิวนั้นอยู่
เกาเผิงได้ลอบสังเกตว่ามันเดินแปลกจากที่เดินช้าๆก็เดินเร็วๆ พร้อมกับโยกแบบแปลกๆ มันโยกไปข้างหน้า 2ที ซ้าย 2ที และขวา 2 ไปเรื่อยๆ
เกาเผิงรู้สึกอิจฉาลุงหลิวอยู่หน่อยๆ อย่างน้อยขี่กิ้งก่ายักษ์คงดีกว่าขี่แมงมุมเป็นไหนๆ
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง พวกเขาเดินทางอย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาใดๆ แค่เจอสัตว์อสูรชนชั้นนักรบตัวเดียวเท่านั้น ในตอนแรกมันโผล่ออกมาจากพุ่มไม้อย่างมั่นใจ แต่พอมันพบว่ามันกำลังอสูรชนชั้นนักรบเป็นฝูง มันจึงวิ่งหนีหางจุกตูดทันที
“ถึงที่หมายแล้วล่ะ” เฉินซือเหอชี้ไปพื้นที่ชุ่มที่เป็นแอ่งน้ำ
เกาเผิงประหลาดใจเล็กน้อยพวกเขาเดินทางไม่ไกลมาก ยังไม่ถึงใจกลางของป่าหินดำเลย ที่เป็นแค่บริเวณรอบนอกเท่านั้น
“ตอนนี้เจ้าหินดำกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่ ดังนั้นเราไม่ควรเข้าไปลึกกว่านี้น่ะ” เฉินซือเหอส่ายหัวเล็กน้อย
“จ้าวหินดำเป็นชื่อของมันหรือครับ”
“ไม่ใช่หรอกที่เราเรียกแบบนี้เพราะมันเป็นเจ้าป่าของป่าหินดำน่ะสิ” เฉินซือเหอกล่าว
“ดูอย่างผู้ปกครองผืนทะเลทรายสิ ที่มันครอบครองทะเลทรายต้าหลี่ได้ พอทีอาจจะมีใครบางคนเรียกมันว่าจ้าวแห่งต้าหลี่ก็เป็นได้ หืม ทุกคนอย่าขยับ”เฉินซือเหอเบาเสียงลงและสั่งให้ทุกคนเดินอย่างเงียบๆ
“ช่วงที่สัตว์อสูรจะเลื่อนระดับ มันจะระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก คงจะไม่ดีหากพวกเขาเข้าใกล้มันเกินไป พวกเราสามารถมาไกลได้แค่นี้เท่านั้น จริงอยู่ว่าพวกเขาไม่มีเจตนาทำร้ายหัวหน้าของมัน แต่พวกมันไม่คิดอย่างนั้น” เฉินซือเหอกล่าวด้วยเสียงเบาๆ
พวกเขาได้เดินเลี่ยงบริเวณลุ่มน้ำอย่างเงียบๆ ขณะที่กำลังเดินผ่านไป พวกได้เห็นไส้เดือนเผ่ามนุษย์กินคนโผล่ขึ้นเต็มไปทั่วพื้นที่ลุ่มน้ำ