Monster Pet Evolution – วิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงกลายพันธุ์ – ตอนที่ 162

ตอนที่ 162

‘ทำไมสัตว์อสูรชนชั้นราชวงศ์ถึงมาอยู่ในเขตชานเมืองเนี่ย!’

ทุกคนบนรถตัวแข็งทื่อ ในขณะที่คนขับจับพวงมาลัยด้วยมือที่สั่นเทิ้ม

สัตว์อสูรของพวกเขาต่างหลบอยู่ที่มุมของรถบรรทุก เหล่าสัตว์อสูรต่างสามารถรับรู้ถึงออร่าได้ดีกว่าพวกมนุษย์ ดังนั้นมันจึงรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก แม้คนขับจะตัวสั่นมากเพียงใด แต่ก็ยังประคองรถให้แล่นต่อไปได้

เหล่านักล่าจากไปอย่างเงียบๆ พวกเขาไม่กล้าส่งเสียงดังเพราะกลัวมันจะได้ยิน

เกาเผิงและเหล่าสัตว์อสูรของเขา ได้เดินทางมาถึงคฤหาสน์ตอนหนึ่งทุ่มครึ่ง เขาหันไปมองสวนบ้านลุงหลิวก็พบว่า มีนางพญาแมงมุมตัวนั้นนอนอยู่ที่สวน สภาพของมันไม่ค่อยจะสู้ดีนัก

แร้งเครานัยน์ตาโลหิตได้รับคำสั่งจากลุงหลิวว่าให้คอยเฝ้ามันและไม่ให้มันฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้

ฉะนั้นเจ้าแร้งเลยมีเส้นเอ็นกินอย่างต่อเนื่องแบบไม่พัก ทำให้เจ้าแร้งอิ่มมากจึงนอนอยู่ที่หลังของแมงมุมอย่างเกียจคร้าน

แน่นอนว่าเกาเผิงไม่รู้เรื่องนี้เลย แต่ถึงอย่างไรเกาเผิงก็รู้สึกว่าแมงมุมตัวนี้ดูเหนื่อยล้ามากจึงตรวจสอบข้อมูลของมันและพบว่า มันได้รับบาดเจ็บสาหัส และมีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว

ส่วนข้อมูลด้านอื่นไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก เกาเผิงเลื่อนดูข้อมูลการวิวัฒนาการแล้วพบว่าการวิวัฒนาการ-v’มันมีเพียงแค่เส้นทางเดียวเท่านั้น

เกาเผิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่มีแค่เส้นทางเดียว บางทีมันได้รับผลกระทบจากการโดนขัดขวางการวิวัฒนาการในครานั้น ทำให้เส้นทางอื่นขาดหายไป

ชื่อสัตว์อสูร นางพญาแมงมุมปีศาจสีเทา กึ่งราชวงศ์

วัตถุดิบที่ต้องการใช้เลื่อนชนชั้น หินบริสุทธิ์หนึ่งจิน แก่นปฐพี และเซรัมไขกระดูกปฐพี

จากชื่อที่ปรากฏขึ้นมา เกาเผิงรู้จักแค่เซรัมไขกระดูกปฐพีอย่างเดียว ส่วนอันอื่นเขาไม่รู้เกี่ยวกับพวกมันเลย ดูเหมือนเขาต้องหวังพึ่งโชคเท่านั้นเพื่อที่จะได้เจอพวกมันในสักวันหนึ่ง

ตราบใดที่เกาเผิงเห็นมัน เขาก็สามารถระบุได้ทันที แต่ปัญหาคือจะหาของพวกนี้มาจากไหน

หากเขาเจอคนเก็บของแปลกๆ ที่ไม่สามารถระบุได้ไว้กับตัว มันจะมีประโยชน์ต่อเกาเผิงเป็นอย่างมากเลย

แต่ถ้าไม่สามารถหาส่วนผสมเหล่านี้ได้ มันก็จะติดอยู่ที่เลเวลสี่สิบจุดห้าไปตลอดกาล หากเป็นอย่างนี้ต่อไปศักยภาพของมันก็จะลดน้อยลง แต่หากคู่ต่อสู้ไม่ใช่สัตว์อสูรชนชั้นราชวงศ์ขึ้นไป มันก็พอจะมีประโยชน์อยู่บ้างล่ะนะ

“ลุงหลิวอยากได้นางพญาแมงมุมตัวนี้เหรอครับ?” เกาเผิงถาม แม้ลุงหลิวจะมอบมันให้กับตนแล้ว แต่อย่างไรเขาก็ยังอยากถามความเห็นของลุงหลิวก่อน

“อะไรนะ?! ทำไมลุงต้องอยากได้แมงมุมด้วย ดูสิมันน่าเกลียดจะตายไป” ลุงหลิวพูดพลางส่ายหัว

หลังจากที่พูดจบ ลุงหลิวก็เพิ่งรู้ตัวว่าสตีปี้ยังยืนอยู่ข้างเขาจึงชะงักไปครู่หนึ่ง “ฉันไม่ได้หมายถึงแก ฉันพูดถึงนางพญาแมงมุมนั่นต่างหาก”

สตีปี้เงียบไม่พูดอะไร มันเดินเข้าไปในบ้านอย่างเงียบๆ ก่อนหยุดอยู่ตรงหน้ากระจกและมองตัวเอง พลางใช้ขาหน้าถูใบหน้าไปมาก่อนเผยสีหน้าพึงพอใจ

“ผมจะให้มันเป็นของขวัญคุณตาแล้วกัน” เกาเผิงเกาหัวอย่างช่วยไม่ได้ หากคุณตาไม่ต้องการคงเอามันไปใช้ทดสอบต่างๆ หรือเอาไว้เป็นเสบียงยามฉุกเฉินก็ได้

เกาเผิงเข้าไปในคฤหาสน์และเดินตรงไปที่ห้องครัว เขาเปิดตู้เย็นที่ข้างในมีผักและเนื้อสัตว์มากมาย

ต้าซื่อคลานเข้ามาหาเกาเผิงด้วยท่าทางที่ไร้เดียงสา มันยกตัวขึ้นพร้อมกระดิกหางไปมา

“ว่าไงต้าซื่อ มีอะไรเหรอ?”

“กิน…กิน…ซี่โครง ฉันอยากกินซุปซี่โครงหมู” ต้าซื่อโบกหนวดอย่างตื่นเต้น

“แต่ตอนนี้ซุปซี่โครงหมูหมดแล้วนะ” เกาเผิงพูดอย่างช่วยไม่ได้

ต้าซื่อไม่ยอมแพ้ มันเคลื่อนที่เป็นวงกลมดูคล้ายกับโดนัทสีม่วง

“นี่แกคิดว่าฉันสามารถเสกซี่โครงหมูออกมาจากอากาศได้เหรอ” เกาเผิงกล่าว

ต้าซื่อรู้สึกเศร้าเล็กน้อย หนวดของมันลู่ลงมาข้างหน้า

ทันใดต้าซื่อเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก มันเหล่มองไปที่ดัมมี่อย่างลับๆ

ท่าทางแปลกๆ ของต้าซื่อ ทำให้เกาเผิงรู้สึกสงสัย “แกมองอะไรอยู่น่ะ?”

เกาเผิงมองตามสายตาต้าซื่อ และพบว่าดัมมี่กำลังนั่งโซฟาดูทีวีอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ตัวว่ามีใครบงคนกำลังมองอยู่

จากนั้นเกาเผิงได้ก้มลงมองต้าซื่อ ในขณะเดียวกันต้าซื่อก็หันไปมองเจ้านาย เมื่อทั้งสองสบตากัน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์โผล่ออกมาทันที

“เฮ้ ดัมมี่มานี่สิ” เกาเผิงตะโกนเรียกดัมมี่จากห้องครัว

ดัมมี่เดินเข้าไปโดยที่ไม่คิดอะไร

เมื่อมันไปถึง ก็มีหม้อขนาดใหญ่ตั้งอยู่ น้ำเดือดเต็มหม้อและข้างมีหัวหอม ขิง กระเทียม เก๋ากี้ ตังกุย และเครื่องเทศชนิดอื่นลอยอยู่เต็มหม้อ

‘เจ้านายทำอาหารไว้ให้ฉันเหรอ?’ ดัมมี่รู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณเกาเผิง แม้จะเป็นโครงกระดูกและกินอะไรไม่ได้ แต่เจ้านายก็ยังไม่ลืมมัน

“ดัมมี่มานี่สิ ฉันจะช่วยแกล้างมือให้เอง” เกาเผิงพาดัมมี่ไปที่อ่างล้างจาน เขาถูกระดูกของดัมมี่เบาๆ เพื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อยู่ในมือออกไป ทำให้กระดูกของดัมมี่เป็นสีเทาส่องประกาย

ดัมมี่ดูเจ้านายของมันที่กำลังถูตัวอย่างเงียบๆ มันรู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าตัวมันจะเป็นโครงกระดูกที่เย็นชาแต่ภายในจิตวิญญาณของมันกลับรู้สึกอบอุ่นมาก

‘เจ้านายดูเท่จัง เวลาที่เขาทำหน้าจริงจังแบบนี้’

‘ฉันสาบานเลยว่า ฉันจะปกป้องดูแลเจ้านายให้ดีที่สุด หืม…เจ้านายจะพาฉันไปไหน’

ดัมมี่ไม่เข้าใจว่า ทำไมเจ้านายของมัน พามันมาที่หม้อ

“เอ่อ ดัมมี่ แกช่วยวัดอุณหภูมิน้ำให้ฉันหน่อยสิ” เกาเผิงกล่าวกับดัมมี่

ดัมมี่พยักหน้าและวางมือทั้งสองลงไปในหม้อโดยไม่ลังเล ในเวลาเดียวกันเกาเผิงได้สังเกตดัมมี่อย่างตื่นเต้น

‘หากดัมมี่ทนไม่ไว้ มันก็จะยกมือขึ้นมาเอง’

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าอุณหภูมิแค่นี้จะทำอะไรดัมมี่ไม่ได้ มันมองมือที่จุ่มลงไปในหม้อด้วยแววตาที่ตื่นเต้น

เมื่อเวลาผ่านไป ซุปในหม้อก็ค่อยๆส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว

ต้าซื่อเงยหน้าขึ้นอย่างตื่นเต้น มันส่ายหนวดไปมา

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงซุปก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ในห้องนั่งเล่น ต้าซื่อกินซุปในชามอย่างมีความสุข ส่วนดัมมี่นั่งอยู่ในห้องอยู่เงียบๆ

‘มะ…ไม่เป็นไร ตราบใดที่พวกเขาชอบ’

ดัมมี่แค่รู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่จริงๆ มันดีใจตามที่สามารถทำให้ทุกคนมีความสุข แม้จะแปลกไปหน่อยก็ตาม

ในวันถัดมา เกาเผิงตื่นขึ้น พร้อมแสงอาทิตย์ที่ส่องประกายในยามเช้า

เขาเดินออกมาจากคฤหาสน์และล็อกประตู ส่วนสัตว์อสูรที่อยู่ข้างหลังเขาต่างถือกระเป๋าและสัมภาระเอาไว้

เกาเผิงได้เดินออกไปที่สวนพลางหันหลังกลับมามองคฤหาสน์ของเขาอีกครั้ง

เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขารู้สึกหดหู่และเศร้าเล็กน้อย

“เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ เดินทางไปยังเมืองหยูโจวกันเลย”

………………………………….

Monster Pet Evolution – วิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงกลายพันธุ์

Monster Pet Evolution – วิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงกลายพันธุ์

Status: Ongoing

เรื่องย่อ

เมื่อ3ปีก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้เกิดการเปลี่ยนแปลง เหล่าสรรพสัตว์และต้นไม้นานาพันธุ์ เกิดการกลายพันธุ์อย่างบ้าคลั่ง

ยังไม่รวมถึงสิ่งมีชีวิตจากมิติอื่นบุกเข้ามายังโลกมนุษย์แห่งนี้ แม้พวกมันจะเป็นสัตว์อสูรที่ดุร้ายแต่มนุษย์ยังสามารถมาเลี้ยงดู ฝึกสอน

และนำมาต่อกรกับสัตว์อสูรที่อยู่ภายนอกได้ และนี่คือจุดเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่ ยุคสมัย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท