ปากที่หิวกระหายได้เปิดกว้างออกมา ทำให้เกิดโพรงขนาดใหญ่บนผิวน้ำ ช่องว่างสีดำทะมึนนี้ช่างดูราวกับปากทางเข้าของนรกเลย
“มังกรขาว!” จีฮันอูเรียกขานชื่ออย่างรวดเร็ว
ฉับพลันอากาศรอบข้างเย็นลงทันที รอบข้างหยุดนิ่งราวกับโลกหยุดหมุน
จู่ๆ ก็มีเสียงคำรามของมังกรดังน้ำมาจากส่วนที่ลึกที่สุดของแม่น้ำแยงซี มีกรงเล็บและปากมหึมาของมังกรโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ
กรงเล็บของมังกรได้ฟาดไปที่ ‘เกาะ’ อย่างรุนแรง
เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ
ขณะที่ทั้งสองจะเปิดต่อสู้กัน ได้มีหมอกสีขาวโผล่ปกคลุมไปทั่วผิวน้ำ
“หมอกนี่โผล่มาอีกแล้ว ทำให้เราอดดูฉากต่อสู้ดีๆเลย” นายพลผู้มีตาข้างเดียวกล่าวด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่าย จากนั้นเขาก็โยนเศษเปลือกแตงโมที่เขากินลงถังขยะ
หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นพร้อมโบกมือออกจากห้องตรวจสอบ
“ไม่จำเป็นต้องฉายภาพสัตว์อสูรตัวนี้ต่อไปแล้ว มันคงถูกจัดการแล้ว เฮ้อ น่าเบื่อจริงๆ”
ในหมอกสีขาวที่หนาทึบที่ปกคลุมไปทั่วแม่น้ำ ข้างในมีเงาและเสียงต่อสู้ของมังกรและร้ายต่อสู้อยู่
หลังจากผ่านไปสักพักเสียงก็ได้เงียบสงบลง หมอกสีขาวก็ค่อยๆจางหายไป สภาพของแม่น้ำก็กลับสู้ภาวะปกติอีกครั้ง
ที่กลางแม่น้ำมีซากเรือที่ถูกทำลายครึ่งหนึ่งจมลงไปอย่างช้าๆ
ที่ใกล้ๆมีซากของสัตว์ร้ายลอยขึ้นอยู่บนผิวน้ำ เลือดของมันได้แพร่กระจายไปทั่วบริเวณ
ห่างไปไม่ไกลได้มีเรือขนาดใหญ่สองลำ แล่นมาที่ซากสัตว์ลอยอยู่ พนักงานทุกคนบนเรือสวมเครื่องแบบสีขาว และข้างมีชื่อเขียนไว้ว่า
“เซาท์เทิร์นสกาย”
นอกจากพนักงานบนเรือแล้วยังมีลิงสีน้ำเงินหลายตัวอยู่บนเรือด้วย พวกนั่งรออย่างเชื่อฟัง ที่หูของมันสวมหูฟังด้วย มันโยกหัวไปมาอย่างมีความสุข
เรือได้แล่นมีถึงที่หมาย พนักงานส่งสัญญาณเตรียมกับกู้ซาก พวกลิงก็ถอดหูฟังและเก็บใส่ไว้ในกระเป๋าสีแดงของพวกมัน
ตะขอได้ถูกยิงไปเชื่อมติดกับซากสัตว์ร้ายตัวนั้นและค่อยๆลากมันเข้ามา พวกเขาจะลากไปที่ชายฝั่ง เนื่องจากว่าการต่อสู้เมื่อกี้ดุเดือดมากจึงทำให้ไม่มีสัตว์อสูรอยู่ในบริเวณนี้
ดังนั้นจึงทำให้พวกเขามีเวลาว่างในช่วงนี้ พนักงานคนหนึ่งได้มองไปที่หูฟังของพวกลิง เขารู้สึกสงสัยว่าพวกมันฟังอะไรตลอดทั้งวัน เขาจึงหยิบหูฟังขึ้นมาและลองฟังด้วยความอยากรู้
“คุณยอดเยี่ยมที่สุด แม้ภูเขาที่ยิ่งใหญ่ก็กักขังคุณไม่ได้”
เนื้อเพลงและจังหวะค่อนข้างติดหูมาก ฟังไปสักพักพนักงานเริ่มจะฮัมเพลงตาม
ลิงสีน้ำเงินได้ลงไปในน้ำพร้อมกับตะขอในมือ พวกเขาเข้าไปเกี่ยวตัวของสัตว์ร้ายเพิ่ม พวกมันทำงานได้อย่างว่องไวมาก ก่อนที่พวกลิงจะส่งสัญญาณให้ลากไปได้เลย
จากนั้นเรือได้เคลื่อนตัวออกช้าๆ โซ่ได้ขึงตึงลากมันมาตามน้ำ
ในระหว่างนี้ก็มีตะขอที่เกี่ยวไว้ไม่แน่นสองสามอันหลุดออกมา พวกลิงต้องส่งสัญญาณให้หยุดเรือและต่อตะขอเข้าไปใหม่ เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำๆไม่กี่ครั้ง จากนั้นทุกอย่างจึงราบรื่นไม่มีปัญหาใดๆ เรือจึงเริ่มออกเดินทาง
ซากของสัตว์อสูรตัวนี้อยู่ในชนชั้นราชวงศ์ทำให้มั่นใจเลยว่าไม่มีสัตว์อสูรตัวไหนกล้าเข้ามาอย่างแน่นอน
พวกลิงสีน้ำเงินได้ปืนตามโซ่ขึ้นมาบนเรือ จากนั้นพวกมันได้สะบัดตัวออกน้ำออกจากร่างกายของมัน
จากนั้นพวกมันก็ใส่ก็กลับไปใส่หูฟังและลงไปนอนอย่างเกียจคร้าน ฮัมเพลงไปมาและมองไปที่ท้องฟ้า
…
หลังจากที่ลุงหลิวกับเกาเผิงลงจากเครื่องบิน พวกเขาได้เรียกบริการขนส่งมารับพวกเขาไปบริษัทเซาท์เทิร์นสกาย หากนั่งแท็กซี่ไปเกรงว่าพวกสัตว์อสูรของพวกเขาจะไม่ได้ไปด้วย
สำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัทเซาท์เทิร์นสกายตั้งอยู่ในบริเวณชานเมือง สำนักงานตั้งอยู่ในพื้นที่หมื่นเอเคอร์ ที่แห่งนี้ไม่ได้มีแค่สำนักงานเท่านั้นยังมีพวกโรงงาน สิ่งอำนวยความสะดวก และสถานบันเทิงอีกด้วย
สำนักงานที่กว้างใหญ่แห่งนี้เปรียบได้ดั่งเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้เลยก็ว่าได้
รถได้มาหยุดอยู่หน้าทางเข้าหลักของบริษัท คนขับรถได้หันมาบอกพวกเกาเผิงว่า
“โทษทีนะ ดูเหมือนว่าฉันจะไปต่อไม่ได้แล้วล่ะ ระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่เข้มงวดมาก”
ลุงหลิวได้ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนที่จะจ่ายเงินให้กับคนขับรถและพาพวกเกาเผิงกับเหล่าสัตว์อสูรลงมา
ที่สำนักงานแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยกำแพงหนาสูงเสียดฟ้า ด้านบนมีไฟฟ้าแรงสูงทำงานอยู่ตลอดเวลา
ตรงป้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย นอกจากมีพวกเจ้าหน้าที่แล้วยังมีสัตว์อสูรคอยดูแลความปลอดภัยอีกด้วย มันเป็นสัตว์อสูรประเภทพฤกษาที่หายาก เถาวัลย์ของมันเลื้อยพันไปทั่วบริเวณ มันมีดอกตูมสีขาวขนาดใหญ่หลายดอก พวกมันกำลังหุบกลีบอยู่แต่เกาเผิงสังเกตเห็นว่ามีข้างในดอกไม้มีปลายหนามที่แหลมคมยื่นออกมา
เถาวัลย์พวกนี้เป็นสัตว์อสูรชนชั้นราชวงศ์ เมื่อได้เห็นข้อมูลนี้เกาเผิงถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว
‘แค่ทางเข้ายังขนาดนี้ ข้างในจะขนาดไหนเนี่ย’
ลุงหลิวเดินไปพร้อมกับยื่นบัตรประจำตัวสีฟ้าให้กับเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบ
เขานำบัตรจากลุงหลิวไปรูดที่เครื่อง
สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปทันที หลังจากที่ได้รู้ว่าลุงหลิวเป็นใคร ก่อนที่จะรีบส่งบัตรคืนให้กับลุงหลิวอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันประตูทางเข้าได้เปิดออกในทันที
“เอาล่ะ เข้าไปเข้าในกันเถอะ เมื่อไปถึงแล้วก็นั่งรอเฒ่าจีก่อน” ลุงหลิวโบกมือเรียกเกาเผิง “ทำตัวตามสบายเลยนะเสี่ยวเผิง คิดซะว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองแล้วกัน”
“ครับ” เกาเผิงพยักหน้า
ขณะที่เกาเผิงกำลังจะเดินไปก็มีเสียงหัวเราะของผู้หญิงที่ใส่สูทสีแดงดังมาจากข้างหลังของเขา หญิงสาวคนนี้อายุปราะมาณยี่สิบเจ็ดหรือยี่สิบแปดปี
เธอแข็งค้างเล็กน้อยที่เธอเห็นเกาเผิง ก่อนที่เธอจะเดินผ่านเขาไป
“มีห้องรออยู่ในสำนักงานใหญ่ คุณไปรออยู่ที่นั่นก่อน ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเรียกพวกเรามาทำไม แต่ผมจะอยู่กับคุณที่นั่นด้วย” ชายที่ใส่สูทสีดำวัยสามสิบพูดกับเธอ
หญิงสาวพยักหน้า “หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรหรอกนะ”
สองคนเดินเข้าไปในอาคารอย่างเร่งรีบ ทางด้านลุงหลิวกับเกาเผิงได้เดินเข้าไปเช่นกัน พวกเขาเดินวนมาที่เดิมถึงสองครั้งแล้ว ก็ยังไม่ถึงที่หมายซะที
“แฮ่ก แฮ่ก ดูเหมือนว่าที่นี่จะเปลี่ยนไปมากเลยนะ ในระหว่างที่ฉันไปอยู่ที่เมืองฉางอาน” ลุงหลิวพูดอย่างเหนื่อยหอบ เขาไม่สนสายตาของเจ้าหน้าที่ที่มองพวกเขาอย่างสงสัย ลุงหลิวยังคงเดินนำต่อไป
“ที่นี่ควรจะเป็นที่พักของพนักงานสิ โอ๊ย! เฒ่าจีได้เปลี่ยนที่นี่เป็นเขาวงกตไปหมดแล้ว!” ลุงหลิวบ่น
………………………………….