USB:บทที่ 43 คัมภีร์ฝึกฝนกำลังภายในของสำนักเจ็ดนพเคราะห์
ในตอนนี้หลิวหมิงเจี๋ยนั้น อยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้า คายไม่ออก จู่ๆ ชายหนุ่มแซ่หลี่นั้น ก็เดินออกไป และกล่าวว่า “พี่หลิว ท่านนี้คือสหายของท่านหรือ?”
หลิวหมิงเจี๋ย มองที่ ชายหนุ่มสกุลหลี่ ด้วยความซาบซึ้งใจ ที่เขาช่วยคลี่คลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนใจกับตนเอง และกล่าวขึ้นว่า “ไม่นับว่าเป็นสหาย…. แต่เคยรู้จักกันมาก่อน”
“เจ้าเป็นใคร?” ฝางจื้อห่าว กล่าวด้วยความไม่พอใจ เนื่องจากเขาต้องการสร้างความลำบากให้หลิวหมิงเจี๋ย แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่า จะมีคนเข้ามาขัดขวาง อย่างไรก็ตามเมื่อครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งสองคนนี้ น่าจะเป็นเพื่อนร่วมสำนักกับตนเอง
“ ข้ามีชื่อว่า หลี่เต๋อหยู” หลี่เต๋อหยูกล่าวแนะนำตัวออกมา ในเวลานี้ หลิวหมิงเจี๋ย ยังกล่าวแนะนำ ฝางจื้อห่าว
กับหลี่เต๋อหยู แต่เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องความไม่ลงรอยกันในอดีตของพวกเขา โชคดีที่ฝางจื้อห่าวนั้น ไม่ได้เอ่ยขัดคำพูดของเขา
“ เอาล่ะ ๆ พวกเจ้าเป็นศิษย์ใหม่ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเจ้าทุกคนจะต้องอาศัยอยู่ที่นี่ จำไว้ว่า เจ้าเป็นศิษย์ใหม่ต้องขยันขันแข็งในการฝึกฝน และเมื่อพบศิษย์พี่ จงเอ่ยทักทายเขาก่อน เพื่อแสดงถึงความเคารพ ” จากนั้นฝางจื้อห่าวนั้นจงใจมองที่หลิวหมิงเจี๋ย
และหลี่เต๋อหยู แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สิ่งที่จะพูดออกมามีความนัยถึงทั้งสองคน
แม้ว่าฝูงชนจะรู้สึกเป็นกังวลที่จะถูกตำหนิ ทั้ง ๆ ที่ตนเองพึ่งมาถึงที่นี่ และฝางจื้อห่าวนั้น แสดงให้เห็นเป็นนัยๆว่า เป็นปรปักษ์กับทั้งสองคน แต่ก็ไม่มีใครแสดงสีหน้าไม่พอใจและเอ่ยพูดแทรกกับคำพูดของฝางจื้อห่าว
ทั้งหลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยู ทั้งสองคนมองหน้ากัน และรู้ว่า ชีวิตอนาคตของพวกเขา จะไม่ราบรื่นอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่า ไม่มีใครขัดข้องกับคำพูดของเขา ฝางจื้อห่าวก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจชั่วครู่ เขาย้อนนึกถึงว่า เมื่อตอนที่ตนเองกลับบ้าน ที่เมืองจื่อหยู ต่างมีผู้คนล้อมหน้าล้อมหลัง มันทำให้เขามีความสุข แม้ว่ายังมีคนที่ชื่นชอบพรสวรรค์ของหลิวหมิงเจี๋ย แต่ในทุก ๆวันคนที่ชื่นชอบเขานั้น เริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นหากว่าหลิวหมิงเจี๋ยเริ่มฝึกฝนช้ากว่าเขา อย่างไรก็ตามไม่มีทางไล่ตามเขาได้ทัน และที่นี่ คนอื่น ๆ ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับฐานะในโลกมนุษย์ แต่ที่นี่ให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่ง หากว่าขาดความแข็งแกร่ง แน่นอนว่าจะไม่มีใครประจบประแจงเขา ในความเป็นจริง มีหลายครั้งหลายคราที่จะโดนดูถูก ด้วยความไร้ความสามารถของตนเอง
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้มันแตกต่างไปนิดหน่อย เพราะหลิวหมิงเจี๋ยได้มาเป็นศิษย์น้องของเขา หากว่ามีปัญหากัน อาจารย์ก็คงจะไม่มาสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีการดำรงอยู่ของหลิวหมิงเจี๋ย ในหมู่คนเหล่านี้ที่ไร้ซึ่งความสามารถ ทำให้ฝางจื้อห่าวนั้นโดดเด่นขึ้น เขาจึงรู้สึกพึงพอใจมากยิ่งขึ้น
หลังจากนั้น ฝางจื้อห่าวกล่าวอธิบายเกี่ยวกับกฎเกณฑ์และการปฏิบัติตัวระหว่างที่อยู่ในสำนักในศิษย์ใหม่ทุกคนฟัง สำหรับคนที่อยู่ในสำนักมานาน จะรู้กันดีว่า พวกเขาต้องฝึกฝนทุกวัน แต่สำหรับศิษย์ใหม่นั้นยังไม่จำเป็นต้องไปเริ่มฝึกฝน
เนื่องจากพวกเขาต้องทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมเสียก่อน
“พี่หลี่ ขอขอบคุณท่านมาก สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น เพียงแต่ตอนนี้ ฝางจื้อห่าวนั้นได้จดจำท่านในฐานะ เพื่อนของข้า เราอาจจะได้พบกับความอยุติธรรมในอนาคตโดยไม่รู้ตัว แต่ทำอะไรไม่ได้ ตำหนิข้าเถอะ พี่หลี่” หลิวหมิงเต๋อกล่าวขอโทษด้วยความรู้สึกผิด
“ ไม่เป็นไร ๆ, เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้, ท้ายที่สุดแล้ว พวกเราเป็นศิษย์ร่วมสำนัก, และชายผู้นั้น ย่อมไม่อาจฝืนกฎของสำนักได้, เนื่องจากกฎของสำนักนั้น เข้มงวดมาก. หลี่เต๋อหยูกล่าวว่าต่ออีกว่า : “โอ้ใช่. ดูเหมือนเจ้ากับเขา จะมีความไม่ลงรอยกันอยู่ มันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
หลังจากได้ยินคำถาม หลิวหมิงเจี๋ยจึงอธิบายความขัดแย้ง ระหว่างเขาและฝางจื้อห่าว มันไม่มีอะไรมากไปกว่า การต่อสู้เพื่อดึงดูดความสนใจ ระหว่างพวกเขาสองคน และไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น อย่างไรก็ตาม ฝางจื้อห่าวนั้น ไม่ชื่นชอบการเสียหน้า และเป็นคนคิดเล็กคิดน้อย
ในขณะที่ฝางจื้อห่าวกำลังอบรมศิษย์ใหม่ จิตใจของเขาครุ่นคิด เกี่ยวกับหลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยู ในหัวใจของเขา รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน ไม่อย่างนั้น ดูจากสถานการณ์นี้ ไม่เพียงแต่ต้องจัดการกับหลิวหมิงเจี๋ยแต่ยังต้องเผชิญหน้ากับหลี่เต๋อหยูเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม พวกนั้นมีกันสองคน ตัวของฝางจื้อห่าว ก็ไม่ได้หวาดกลัวอะไร สิ่งที่เขากลัวก็คือ ถึงแม้เขาจะฝึกฝนศิลปะการต่อมาก่อนหน้าของคนสองคนนี้ แต่พลังด้านศิลปะการต่อสู้ของเขานั้น ก็ไม่ได้ดีมากนัก และหากหลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยูนั้นประสบความสำเร็จก่อนเขา มันจะทำให้เขาเสียหน้าอย่างรุนแรง ซึ่งเขายอมไม่ได้ แม้ว่าเขาจะเป็นศิษย์พี่ แต่ที่นี่ วัดกันที่ความแข็งแกร่งของพลังของแต่ละคน มาก่อนมาหลังนั้นไม่สำคัญ
เขารู้จักหลิวหมิงเจี๋ย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เกรงกลัวอะไร หลังจากเขาสามารถผ่านการทดสอบได้เร็วกว่าหลิวหมิงเจี๋ยหนึ่งปี มันก็หมายความว่า พลังของหลิวหมิงเจี๋ยนั้นด้อยกว่าเขาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เขานั้นไม่รู้จักหลี่เต๋อหยู หากอีกฝ่ายมีความสามารถที่แข็งแกร่งกว่าเขา เมื่อเริ่มฝึกฝน ผู้อาวุโสของสำนัก จะสามารถสังเกตเห็นได้ทันที ในฐานะที่เป็นหลิวหมิงเจี๋ยเป็นเพื่อนของเขา สถานะของเขานั้น จะสูงขึ้นตามแน่นอน และในเวลานั้นมันจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขา ที่จะทำอะไรๆ ไม่ค่อยสะดวก
“ ไม่! ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด!” ฝางจื้อห่าวครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน และจากนั้นเขาก็คิดวิธีที่จะกำจัดหลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยูออกไปจากสถานที่แห่งนี้ แม้ว่าสถานที่แห่งนี้ จะเป็นสำนักฝึกวิชาศิลปะการต่อสู้ แต่ทางสำนักราชวงศ์นั้น
พิจารณาให้ สำนักเจ็ดนพเคราะห์เป็นสำนักที่ทีความชอบธรรมมาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้ ข้อกำหนดทางศีลธรรมของเหล่าศิษย์ จึงเข้มงวดมาก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ได้อย่างสะดวก
ในช่วงบ่ายหลิว หมิงเจี๋ย หลี่เต๋อหยูและศิษญ์ใหม่ คนอื่น ๆ ที่ผ่านการคัดเลือก ถูกนำทางให้เดินชม รอบๆบริเวณของสำนักเจ็ดนพเคราะห์ และในขณะนี้ ศิษย์พี่คนอื่นๆ ต่างก็หายไปเกือบจะหมดสำนักเนื่องจากไปรวมตัวกันเพื่อช่วยแนะศิษย์น้อง ดังนั้นฝางจื้อห่าวจึงลอบกลับมาที่พัก อย่างระมัดระวัง ด้วยตัวคนเดียว
ฝางจื้อห่าวแอบหยิบ คัมภีร์โปรดของเขาออกมาจากกระเป๋าของเขา และมองไปเห็นปกหนังสือเขียนว่า “คัมภีร์ฝึกฝนกำลังภายในของสำนักเจ็ดนพเคราะห์” เมื่อฝางจื้อห่าวมองไปที่หนังสือ ก็ผุดรอยยิ้มที่น่ากลัวบนใบหน้าของเขา
“อย่าตำหนิข้า! ถ้าจะตำหนิ ก็ต้องตำหนิที่เขาสนิทกับ หลิวหมิงเจี๋ยมากเกินไป” ฝางจื้อห่าวบอกกับตัวเอง จากนั้นเขาแอบซ่อน “คัมภีร์ฝึกฝนกำลังภายในของสำนักเจ็ดนพเคราะห์” ไว้ที่เตียงของหลี่เต๋อหยู
จากนั้นมองไปที่เตียงของหลี่เต๋อหยู ฝางจื้อห่าวก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และมีความสุข
คัมภีร์ฝึกฝนกำลังภายในของสำนักเจ็ดนพเคราะห์ ที่ฝางจื้อห่าวได้แอบซ่อนไว้บนเตียงของหลี่เต๋อหยู คือ ตำราสำหรับการฝึกฝนกำลังภายในของศิษย์ทุกคนของสำนักเจ็ดนพเคราะห์ แต่มันก็ไม่ใช่ตำราที่สามารถหาอ่านได้ทั่วไป เนื่องจากศิษย์จะไม่ได้รับอนุญาตให้ศึกษาตำราเล่มนี้ และศิษย์ใหม่ทุกคนต้องเน้นไปทางการฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่ง และรอเวลาจนกว่า อาจารย์จะอนุญาตให้พวกเขาศึกษาตำราได้ อาจกล่าวได้ว่า สำหรับศิษย์ใหม่ส่วนใหญ่ในสำนัก พวกเขาแทบไม่เคยได้รับ ตำรานี้ เนื่องจาก พวกเขาจะต้องเน้นไปทางฝึกฝนร่างกายไม่ใช่การฝึกฝนกำลังภายใน