ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – บทที่ 485-2 สังหารจักรพรรดิ (2)

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง - บทที่ 485-2 สังหารจักรพรรดิ (2)

บทที่ 485 สังหารจักรพรรดิ (2)

“จริงสิ ยังมีอีกเรื่อง”

สวี่ชีอันแสยะยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าน่าจะรู้แล้วว่าข้าเป็นคนฆ่าไหวอ๋อง รู้แล้วว่าสิ่งที่ถูกปิดผนึกอยู่ใต้ทะเลสาบซังผออยู่ในตัวข้า เช่นนั้น ก็น่าจะรู้ที่อยู่ของพระมเหสีอย่างชัดเจนแล้วกระมัง”

สีหน้าของจักรพรรดิเจินเต๋อเปลี่ยนเป็นแข็งทื่ออย่างกะทันหัน

สวี่ชีอันกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “ตอนนี้นางเป็นบ้านน้อยของข้า”

เลือดพุ่งขึ้นหน้าเจินเต๋อในทันทีทันใด หากเป็นลั่วอวี้เหิงก็ไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าเขา แต่การที่พระมเหสีถูกสวี่ชีอันรับเป็นบ้านน้อย มันเป็นความอัปยศอดสู และเป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขาอย่างรุนแรง

พระมเหสีคือผู้หญิงของเขา เป็นผู้หญิงในวังหลังของเขา ถึงแม้จะถูกมอบให้อ๋องสยบแดนเหนือในภายหลัง แต่อ๋องสยบแดนเหนือก็คือเขาไม่ใช่รึ ในฐานะราชาของประเทศ เขาย่อมไม่สามารถทนรับความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้

“สวี่ชีอัน เจิ้นจะฉีกร่างของเจ้าเป็นชิ้นๆ เป็นชิ้นๆ!”

เจินเต๋อบ้าคลั่งอย่างสมบูรณ์ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว พลางคำรามด้วยความโกรธอย่างขีดสุด “ดาบจงมา!”

ตอนที่ยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นหยิบดาบสยบดินแดนขึ้นมาที่ฉู่โจว เจินเต๋อรู้สึกงุนงงเพราะเหตุนี้อยู่นาน จนกระทั่งตัวตนของสวี่ชีอันถูกเปิดเผย เขาจึงตระหนักได้ในทันใด

คงเป็นเช่นเดียวนักบวชปีศาจที่ถูกท่านโหราจารย์ปกปิดความลับสวรรค์ไว้ที่ใต้ทะเลสาบซังผอ วันนั้นสวี่ชีอันก็สามารถถือดาบสยบดินแดนได้ อาจเป็นเพราะความช่วยเหลือจากท่านโหราจารย์

หากใครก็ตามที่ไม่ใช่สมาชิกในราชวงศ์ และสามารถถือดาบสยบดินแดนได้ บุคคลนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากท่านโหราจารย์แต่เพียงผู้เดียว

แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป ไหวอ๋องในวันนั้นคือชินอ๋อง แต่เขาในตอนนี้คือจักรพรรดิตัวจริง

นอกจากนี้ เขาคือราชาแห่งประเทศที่เหยียบวิญญาณมังกรอยู่ใต้ฝ่าเท้า

หากกวาดสายตามองทั่วต้าฟ่ง โชคชะตานี้นับว่าเป็นหนึ่ง ไม่เป็นรองใคร และเวลานี้ท่านโหราจารย์ก็ถูกซ่าหลุนอากู่ครอบงำอยู่ จึงไม่สามารถลงมือขัดขวางได้อีกต่อไป

‘ตูม!’

ทะเลสาบซังผอในวัดหย่งเจิ้นซานเหอระเบิดขึ้น ดาบทองเหลืองพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า กลายเป็นลำแสงและบินออกไปอย่างรวดเร็ว

ลำแสงนี้พาดผ่านท้องฟ้า ข้ามผ่านรูม่านตาลูกศิษย์ทุกคนที่เงยหน้าขึ้นไปมอง สายตาของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนมองตามลำแสงนั้นไปด้วยความประหลาดใจ

มันคือดาบสยบดินแดน สมบัติอันล้ำค่าของต้าฟ่ง!

ที่สงครามด่านซานไห่ปีนั้น จักรพรรดิหยิบดาบสยบดินแดนออกมาจากวัดหย่งเจิ้นซานเหอ และมอบให้อ๋องสยบแดนเหนือ เรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง

ดาบสยบดินแดนคือสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์ต้าฟ่ง ซึ่งเป็นความรู้ทั่วไปที่ประชาชนทุกคนต่างก็รู้

ที่นอกตำหนักจิ่งหยาง สีหน้าของฮว๋ายชิ่งเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “ดาบสยบดินแดน…แย่แล้ว!”

“ดาบ ดาบสยบดินแดน…”

องค์รัชทายาทสีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ พลางมองสมุหราชเลขาธิการหวางด้วยความตื่นตระหนก

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเกินขอบเขตที่เขาสามารถจินตนาการได้อย่างสิ้นเชิง จู่ๆ มังกรจินหลงก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จู่ๆ เสด็จพ่อก็มีพลานุภาพอันน่าเกรงขาม…และดาบสยบดินแดน ซึ่งเป็นอาวุธวิเศษของต้าฟ่ง และเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์

การที่เขาปิดประตูวังอย่างแน่นหนาเมื่อไม่นานมานี้ ความคิดเล็กๆ น้อยๆ ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ไม่มีทางที่จะปิดบังเสด็จพ่อได้เลย

เคราะห์ร้ายมาเยือนแล้ว

สมุหราชเลขาธิการหวางไม่ได้ตอบโต้อะไร เพียงแค่พยักหน้าให้เขาด้วยท่าทีสงบ เป็นสัญญาณว่าเขาไม่จำเป็นต้องเข้ามาก้าวก่ายเรื่องนี้

เมืองชั้นใน ตำหนักเล็กแห่งหนึ่ง

ผู้หญิงในชุดกระโปรงคนหนึ่ง กำลังปีนขึ้นไปบนหลังคาอย่างระมัดระวัง

นางมองขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ยังคงมองไม่เห็นฉากการต่อสู้ ได้ยินเพียงเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นครั้งคราวเท่านั้น

‘ข้ารู้ว่าวันนี้จะมาถึงในไม่ช้าก็เร็ว หลังจากเว่ยเยวียนตาย ข้าก็รู้ว่าเจ้าต้องการสังหารจักรพรรดิ…’

นางกำหมัดแน่น ‘จะต้องรอดให้ได้’

ชานเมืองหลวง

นักบวชเต๋าเฮยเหลียน ซึ่งมีกลิ่นอายอ่อนแอจนถึงขีดสุดฟื้นคืนร่างอีกครั้ง พลางมองไปที่หญิงผู้น่าเกรงขามอย่างไม่มีใครเทียบได้ และระเบิดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ลั่วอวี้เหิง เจ้าได้ยินหรือไม่? ดาบสยบดินแดนถูกออกแบบมาเพื่อทำลายกายเนื้อของยอดฝีมือ ภายใต้สถานการณ์ที่ท่านโหราจารย์ไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้ ภายในขอบเขตเมืองหลวง ไม่สิ ภายในขอบเขตต้าฟ่ง ตอนนี้เจินเต๋อถือว่าเป็นผู้ที่ไม่มีใครสามารถต่อกรได้”

ไม่มีใครสามารถต่อกรได้? ลั่วอวี้เหิงสบถ ‘หึ’ และกล่าวว่า “ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่สักพัก”

นางหันหน้าไปมองเมืองหลวง พลางหรี่ตาอันงดงามลงเล็กน้อย

‘หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ เจ้าก็จะเป็นคนของข้าแล้ว’ มุมปากของนางยกยิ้ม

ท่านโหราจารย์เดินไปทางแท่นแปดทิศ กวาดสายตามองลำแสงที่ขึ้นมาจากทะเลสาบซังผอที่พาดไปกว่าครึ่งหนึ่งของเมืองหลวง

ซ่าหลุนอากู่กำแส้ต้อนแกะในมืออย่างแน่นหนา

ยอดฝีมือขั้นหนึ่งทั้งสองไม่ได้ต่อสู้กัน แต่ขอบเขตพื้นที่ของทั้งสองฝ่ายกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด โดยไร้ซึ่งกลิ่นและเสียง สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องตามลำแสงนั้นไป ในสนามการต่อสู้สูงสุดนี้ ดาบสยบดินแดนคือกุญแจสำคัญ กุญแจสำคัญที่จะส่งผลต่อผลของการต่อสู้ทั้งหมด

ในรูม่านตาของสวี่ชีอันสะท้อนแสงของดาบสยบดินแดนที่กำลังลอยมา ม่านตาเขาขยายออกเล็กน้อย ไร้ซึ่งชีวิตชีวาและว่างเปล่า

สิ่งที่แวบเข้ามาในความคิดของเขา คือประชาชนที่ล้มตายทีละคนราวกับหญ้าในคดีสังหารหมู่ที่ฉู่โจว คือพลทหารบนกำแพงเมืองที่ต่างยกกำปั้นขึ้นมาทำความเคารพเขา หลังจากที่เขาฆ่าอ๋องสยบแดนเหนือ คือตอนที่เจิ้งซิ่งไหววิ่งวุ่นอยู่ที่เมืองหลวง ภาพด้านหลังอันเยือกเย็นที่เขาวิ่งของความช่วยเหลือ แต่กลับไร้ประโยชน์ สุดท้าย เขาก็นอนตายตาไม่หลับอยู่ในคุก คือสายตาที่แสดงความเคารพจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไช่ซื่อโข่ว คือพลทหารต้าฟ่งทุกนาย ที่กระตือรือร้นที่จะปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนและขับไล่ศัตรูอยู่นอกด่านอวี้หยาง

สุดท้าย เขานึกถึงชายในชุดสีดำผู้นั้น ไม่ว่าจะชื่อเสียงก็ดี หรือประโยชน์ส่วนตนก็ดี ล้วนไม่ใช่สิ่งที่คนผู้นั้นให้ความสนใจ ตลอดชีวิตของคนผู้นั้นมีอยู่เพื่อสองสิ่ง สิ่งหนึ่งคือความรัก และอีกสิ่งหนึ่งคือความศรัทธา สำหรับสิ่งแรกที่กล่าวถึงคือตัวเขาสวี่ชีอัน ส่วนสิ่งที่สองคือประเทศชาติ และประชาชน

แล้วชีวิตของข้ามีเพื่ออะไร?

เขายื่นมือออกไปด้านหน้า พลางตะโกนว่า “ดาบจงมา!”

ลำแสงนั้นพุ่งเข้ามา และตกไปอยู่ในมือของสวี่ชีอัน มันไม่เคยเปลี่ยนวิถีของมัน ตั้งแต่ต้นจนจบ คนที่มันเลือกคือสวี่ชีอัน อาวุธวิเศษที่ติดตามจักรพรรดิเกาจู่ในการลงสนามรบ บัดนี้มันละทิ้งสายเลือดของเกาจู่ และเลือกคนนอกแทน

ดาบสยบดินแดนเลือกสวี่ชีอันแล้ว…

ไม่ว่าใครที่เห็นฉากนี้ ต่างก็ต้องเบิกตากว้างไปตามๆ กัน

สวี่ชีอันกระชับดาบทองเหลืองไว้แน่น พลางตะโกนอีกครั้งภายใต้สีหน้าอันแข็งทื่อของจักรพรรดิเจินเต๋อ “หลิงหลง! “

‘โฮก โฮก โฮก!’

ผู้คนนับไม่ถ้วนในเขตพระราชฐานและในพระราชวัง ต่างก็ได้ยินเสียงร้องคำรามของมังกรหลิงหลง

มังกรหลิงหลงบินแหวกคลื่น ทะยานผ่านเมฆหมอก พลางปล่อยลมหายใจสีม่วงออกมาจากรูจมูก กระทั่งเกล็ดของมันก็เป็นสีม่วงเช่นกัน มันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าทึ่ง ภายใต้เสียงลั่นของกระดูกดัง ‘แกร็ก’ กล้ามเนื้อยื่นออกมาทีละมัด ลำตัวมังกรยาวขึ้น ปราดเปรียว และแข็งแรงขึ้นมาก เขาบนศีรษะแยกออกเป็นแฉก แผงคอหนาเป็นชั้นๆ งอกออกมาจากแผงคอ กรงเล็บและเขี้ยวแหลมคมขึ้น รูม่านตาที่มีลักษณะคล้ายปุ่มสีดำทั้งสองข้างหดตัวและยาวขึ้น กลายเป็นรูม่านตาแนวตั้ง การเปลี่ยนแปลงของมันคล้ายกับมังกรมากขึ้น กลายเป็นมังกรที่แท้จริง

มังกรหลิงหลงขี่เมฆด้วยความรวดเร็วอย่างยิ่ง ราวกับมันแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะไปหา ‘นายท่าน’ ของมัน

สวี่ชีอันถลาลงบนหลังของมันเบาๆ เขาถือดาบสยบดินแดนไว้ที่มือขวา และถือดาบสลักปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่มือซ้าย เหยียบอยู่บนมังกรหลิงหลง

“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!” สีหน้าของจักรพรรดิเจินเต๋อดูไม่ได้อย่างยิ่ง เขาเบิกตากว้าง รูม่านตากระสับกระส่ายเล็กน้อย

“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาควบคุมมังกรหลิงหลง เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาใช้ดาบสยบดินแดน?!”

เขารู้สึกโกรธแค้นที่ถูกทั้งโลกทรยศ ความรู้สึกนี้เหมือนกับถูกอาวุธที่แหลมคมที่สุด ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจอย่างโหดเหี้ยม

ดาบสยบดินแดนเป็นสมบัติที่จักรพรรดิเกาจู่หลงเหลือไว้ให้ มันมีจิตวิญญาณ และยอมรับเพียงสมาชิกในราชวงศ์เท่านั้น มังกรหลิงหลงต้องพึ่งพาอาศัยราชวงศ์เพื่อที่จะอยู่รอด โดยการบริโภคพลังชี่สีม่วง

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองสิ่งนี้ กลับไม่มีสิ่งใดเลือกเขา

จักรพรรดิเจินเต๋อตกตะลึงอย่างยิ่ง แต่มีบางคนในเมืองหลวงที่ตกตะลึงยิ่งกว่า อย่างเช่น องค์รัชทายาท ฮว๋ายชิ่ง ทหารขั้นสี่ทุกคน สมาชิกในราชวงศ์ทุกคน เป็นต้น

ณ พระราชวัง

องค์รัชทายาทนำทัพเจ้าหน้าที่พลเรือนและทหารขึ้นไปบนกำแพงที่ประตูอู่ เมื่อมองจากกำแพงเมือง จะสามารถเห็นขอบฟ้าอันไกลโพ้น ที่ซึ่งทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด “ทำ ทำไมดาบสยบดินแดนเลือกสวี่ชีอัน ทำไมมังกรหลิงหลงเลือกสวี่ชีอัน?”

องค์รัชทายาทกวาดสายตามอง พลางตะโกนเสียงดังว่า “ใครก็ได้บอกข้าที ใครก็ได้?”

โดยเฉพาะมังกรหลิงหลง ครั้งเยาว์วัย องค์รัชทายาทชอบขี่มังกรหลิงหลงเป็นที่สุด และเขาก็รู้สึกภูมิใจที่มังกรหลิงหลงยอมใกล้ชิดกับสมาชิกในราชวงศ์เท่านั้น ซึ่งนี่เป็นสิทธิพิเศษของสมาชิกในราชวงศ์ แม้แต่ตระกูลสูงศักดิ์ก็ยังไม่มีสิทธิพิเศษเช่นนี้ บรรดาคุณหนูและคุณชายผู้สูงศักดิ์ ทำได้เพียงยืนมองบนฝั่งด้วยความอิจฉา

แต่ตอนนี้ เขาเห็นอะไร? เห็นมังกรหลิงหลงเต็มใจที่จะต่อสู้และนองเลือดเพื่อคนผู้นั้น ในฐานะ ‘พลเรือน’ ผู้หนึ่ง เห็นสวี่ชีอันขี่มังกรหลิงหลง ห้ำหั่นกับจักรพรรดิของประเทศอย่างเอาเป็นเอาตาย

องค์รัชทายาทได้รับแรงกระแทกทางความรู้สึกอย่างมาก เจ้าหน้าที่พลเรือนและทหารที่อยู่ข้างๆ เขามีสีหน้าสับสน ไม่มีใครที่สามารถให้คำตอบเขาได้สักคน

‘ใช่แล้ว ทำไมมังกรหลิงหลงถึงเลือกสวี่ชีอัน?’

‘เหตุใดฝ่าบาทที่ทรงเรียกดาบสยบดินแดนมา แต่มันกลับเลือกสวี่ชีอัน?’

‘สวี่ชีอัน ตัวตนของเขาเป็นอย่างไรกันแน่?’

เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นในความคิดของเหล่าขุนนาง

ตัวตนของสวี่ชีอันเป็นอย่างไรกันแน่ ตัวตนของเขาย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน มิเช่นนั้น เหตุใดมังกรหลิงหลงและดาบสยบดินแดนถึงเลือกเขา แทนที่จะเป็นฝ่าบาท

“ตกลงเขา เขาเป็นใครกันแน่? ใช่…พระราชโอรสนอกสมรสของฝ่าบาทหรือไม่?” มีขุนนางบุ๋นท่านหนึ่งกล่าวเสียงเบาขึ้นมาด้วยสีหน้าสับสน

หลังจากเหล่าขุนนางโดยรอบได้ยิน ก็พยายามครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง

หัวใจขององค์รัชทายาทสั่นสะท้าน จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“ไม่ สวี่ชีอันอายุเกินยี่สิบแล้ว ฝ่าบาททรงบำเพ็ญธรรมมายี่สิบเอ็ดปี ถ้าจะพูดให้แม่นยำจริงๆ ก็คือยี่สิบเอ็ดปีครึ่ง”

“เช่นนั้นจะอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร”

องค์รัชทายาทถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อสักครู่เขายั้งสติไม่อยู่ เพราะความจริงเขาก็คาดเดาในใจเช่นนี้เหมือนกัน

“เพราะฝ่าบาททรงไร้ซึ่งคุณธรรม!”

ทุกคนหันไปมองตามเสียง และพบว่าเป็นสมุหราชเลขาธิการหวาง

สมุหราชเลขาธิการหวางกวาดสายตามองเหล่าขุนนาง และกล่าวเสียงดังว่า “สิ่งที่สวี่ชีอันพูดนอกเขตพระราชฐานนั้นเป็นความจริง ฝ่าบาททรงสมรู้ร่วมคิดกับสำนักพ่อมด ตัดเส้นทางเสบียงของต้าฟ่ง และร่วมมือกับสำนักพ่อมดในการฆ่าเว่ยเยวียน จักรพรรดิไร้ซึ่งคุณธรรม สวี่ชีอันจึงต้องปราบปราม”

เหล่าขุนนางลุกฮือขึ้นมาทันที

ต้องยอมรับว่า คำพูดของสมุหราชเลขาธิการหวางมีความน่าเชื่อถือสูงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

ฝ่าบาทมีฐานการฝึกฝนที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้ นี่คือสิ่งที่พวกเขาเห็นด้วยตาตนเอง การตัดสินใจเลือกของดาบสยบดินแดนและมังกรหลิงหลงก็เป็นการยืนยันคำกล่าวนี้เช่นกัน

รู้เพียงว่าทหารเทพและสัตว์วิญญาณของราชวงศ์ ล้วนเลือกสวี่ชีอัน

สิ่งนี้น่าเชื่อถือกว่าหลักฐานใดๆ

ชานเมืองหลวง

ลั่วอวี้เหิงฟันวัตถุชิ้นหนาขาดออกจากกันด้วยการตวัดดาบเพียงครั้งเดียว กล่าวยิ้มเยาะว่า “เป็นอย่างไร?”

เฮยเหลียนไม่ตอบโต้ ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้ายและความบ้าคลั่ง แต่สิ่งที่มากขึ้นคือความหวาดกลัว เขาไม่เสี่ยงชีวิตต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายอีกต่อไป เพียงแค่ก่อกวน และมีความคิดที่จะล้มเลิก

โชคชะตาของเขาแข็งแกร่งจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นมังกรหลิงหลงก็ดี หรือดาบสยบดินแดนก็ดี พวกมันต่างก็เลือกเขา…ลั่วอวี้เหิงเม้มริมฝีปาก รอยยิ้มของนางก็กว้างขึ้น

อีกด้านหนึ่งของชานเมือง

ฉู่หยวนเจิ่นนั่งขัดสมาธิบนสันดาบ พลางเฝ้าดูการต่อสู้จากระยะไกล ความผันผวนอันน่าสะพรึงกลัวถาโถมเข้ามาเพียงเล็กน้อย แต่ก็ทำให้ทั้งสี่คนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว “นี่คือไม้ตายของเขารึ?”

ฉู่หยวนเจิ่นหันไปมองเทพธิดานิกายสวรรค์ที่อยู่ข้างๆ สีหน้าของจ้วงหยวนหลางสับสนอย่างยิ่ง “ตัวตนของเขาคืออะไรกันแน่?”

เขาเคยคิดว่าหมายเลขสามคือสวี่ซินเหนียน ต่อมาก็พบว่าหมายเลขสามคือไอ้บ้ากามสวี่ชีอัน ตอนนี้เขาคิดว่า สวี่ชีอันก็คือสวี่ชีอัน แต่อาจไม่ใช่สวี่ชีอันจากตระกูลสวี่

“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร” หลี่เมี่ยวเจินกล่าว

นางไม่สนใจเกี่ยวกับตัวตนของสวี่ชีอัน นางสนใจเพียงว่าสวี่ชีอันจะเอาชนะเจินเต๋อได้หรือไม่ จะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นหรือไม่

“ช่างน่าเหลือเชื่อ น่าเหลือเชื่อจริงๆ เลย…” ฉู่หยวนเจิ่นกล่าวพึมพำกับตัวเอง

จักรพรรดิเจินเต๋อไร้คุณธรรม ฝูงชนต่อต้าน ญาติมิตรหลีกหนี เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามังกรหลิงหลงและดาบสยบดินแดนจะเลือกสวี่ชีอัน มีจักรพรรดิที่ไร้คุณธรรมและโหดเหี้ยมมากมาย แต่ก็ไม่เคยเห็นทั้งสองสิ่งกระตือรือร้นเช่นนี้มาก่อน ดังนั้น ปัญหาจึงยังอยู่ที่ตัวตนของสวี่ชีอัน

ลี่น่ากล่าวพึมพำ ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด “หิวจนท้องร้องแล้ว”

“มีสิทธิ์อะไรงั้นรึ? สิทธิ์ที่เจ้าทรยศต่อแผ่นดินและประชาชน มังกรหลิงหลงและดาบสยบดินแดนไม่ได้เลือกข้า แต่พวกมันเลือกต้าฟ่งต่างหาก”

การสะสมพลังของสวี่ชีอันสิ้นสุดลงแล้ว เขายกดาบสลักขึ้นมาอย่างสงบ เป้าหมายคือหว่างคิ้วของจักรพรรดิเจินเต๋อ

ดาบสลักปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ ดาบเดียวตัดฟ้าดิน กระบี่ใจ สิงโตคำรามสำนักพุทธ ทั้งหมดถูกหลอมรวมในคราวเดียวกัน

หยกสลาย!

แสงระเบิดประกายพร่างพราวออกมา ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า

ไม่มีทางที่ผู้ที่อยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังจะล่าถอย มีแต่ยอมเป็นหยกที่แหลกลาญ แต่ไม่ขอเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์

ดาบนี้ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ดิน น้ำ ลม ไฟ ผสานกันเป็นพลังไหลเวียนสี่สี สิ่งกีดขวางที่มีความขุ่นมัวเล็กน้อย ขัดขวางอยู่ที่เบื้องหน้าดาบสลัก

ลำแสงสีดำพุ่งออกมาจากดวงตาพ่อมดผ่านลูกแก้วใสในปากวิญญาณมังกร

‘โฮก!’

มังกรหลิงหลงพ่นพลังชี่สีม่วงลงในดาบสลักจำนวนมหาศาล ทำให้พลังชี่สีม่วงผสานกับลมปราณบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์

แสงสีดำกระจายตัวอยู่บนดาบสลัก พลังธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ พังทลายลง

หน้าผากของจักรพรรดิเจินเต๋อและสวี่ชีอันปริแตกออกตามๆ กัน เลือดสีแดงสดไหลออกมาเป็นทางยาว

‘เอื้อก!’

จักรพรรดิเจินเต๋อร้องโอดโอย

เทพเจ้าหยางได้รับผลกระทบร้ายแรง

เบี้ยในกระดานหมากรุกที่ต้องเดินหน้านั้นไม่สามารถถอยหลังได้ นอกจากสังหารจักรพรรดิ!

สวี่ชีอันยกดาบสยบดินแดนขึ้นมา โดยไม่สนใจเลือดที่ไหลลงมาจากหน้าผากแต่อย่างใด มังกรหลิงหลงหันศีรษะไปพ่นพลังชี่สีม่วงลงในดาบอีกครั้ง

ดาบสยบดินแดนสั่นหึ่งๆ

“หลิงหลง!” เขาแผดเสียงตะโกนดังลั่น

มังกรหลิงหลงแผดเสียงคำรามใส่มังกรจินหลง ก่อนจะพุ่งเข้าหาจักรพรรดิเจินเต๋อ สวี่ชีอันขี่สัตว์วิญญาณตัวนี้ พลางแทงดาบสยบดินแดนไปที่เบื้องหน้า

หยกสลาย!

เป็นหยกสลายอีกครั้ง

แสงสีดำสว่างวาบ ลูกตาของพ่อมดยังคงแผ่ลำแสงสีดำอย่างต่อเนื่อง แต่มันกลับไม่สามารถทำลายความตั้งใจของสวี่ชีอันได้ ทั้งยังไม่สามารถทำลายพลังชี่สีม่วงที่วิญญาณมังกรพ่นออกมาได้ มันจึงปะทะเข้ากับดาบสยบดินแดนอย่างไม่มีทางเลือก

เทพเจ้าหยางของจักรพรรดิเจินเต๋อได้รับบาดเจ็บ ในเวลานี้ไม่สามารถควบคุมพลังของปรากฏการณ์ทั้งสี่ที่เกิดจากการหลอมรวมกันของดิน น้ำ ลม ไฟได้อีกต่อไป เขาจึงชกหมัดออกไปโดยสัญชาตญาณ

‘ฟึ่บ!’

ดาบสยบดินแดนเพิกเฉยต่อลำแสงสีดำนั้น สวี่ชีอันต้านทานกำปั้นอย่างรุนแรง กระทั่งปลายดาบแหลมแทงเข้าไปในหน้าอกของจักรพรรดิเจินเต๋อ เขาเป็นเหมือนทหารม้าที่กุมเส้นผมยาวอยู่ในมือและยกศัตรูขึ้นสู่ที่สูง เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากหน้าอกของสวี่ชีอัน แถมยังเกิดแผลทะลุในเวลาเดียวกัน

เขาไม่สนใจสิ่งอื่นแม้แต่น้อย พลางกดด้ามดาบลงไปอย่างรุนแรง ดาบสยบดินแดนแทงเข้าไปลึกขึ้น ปราณกระบี่กำลังกัดกร่อนปราณชีวิตของยอดฝีมือขั้นสาม

สวี่ชีอันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าบำเพ็ญธรรมมายี่สิบเอ็ดปี เคยได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญของประชาชนในฝันบ้างหรือไม่?”

เขาบีบคอเจินเต๋อ ดึงดาบสยบดินแดนออกมา ก่อนจะตวัดดาบฟันขาทั้งสองข้างของเจินเต๋อจนขาดวิ่น

ดวงตาของจักรพรรดิเจินเต๋อเป็นสีแดงก่ำ เทพเจ้าหยางระเบิดพลังออกมาภายใต้การได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง พลังดิน น้ำ ลม ไฟ ควบแน่นที่ฝ่ามือข้างขวา หลอมรวมกลายเป็นดาบซื่อเซี่ยง แทงเข้าไปที่หน้าอกของสวี่ชีอัน

“ฝ่าบาท ข้าขอทวงหนี้ท่าน ในนามของเว่ยกงและพลทหารแปดหมื่นนาย” เขากล่าวเหน็บแนม

ดาบสยบดินแดนตัดแขนขวาอีกครั้ง

“เจ้ามันเป็นพวกมักใหญ่ใฝ่สูง!”

จักรพรรดิเจินเต๋อเจ็บปวดอย่างยิ่ง เต็มไปด้วยความอัปยศอดสู เขาครองราชสำนักมาหกสิบปี วันนี้กลับถูกคนธรรมดาคนหนึ่ง ยกดาบสยบดินแดนของบรรพบุรุษขึ้นมายั่วยุเขาต่อหน้าต่อตา

เขากำหมัดข้างซ้ายที่เหลือแน่น กระแทกไปที่จุดไท่หยางของสวี่ชีอันอย่างดุเดือด

‘ปัง!’

เสียงดังกึกก้องไปทั่วแผ่นดิน

เลือดไหลออกมาจากปากและจมูกของสวี่ชีอัน รัศมีเปลวเพลิงที่อยู่ด้านหลังเขาแทบจะสลายไป

ดาบสยบดินแดนตวัดลงมา ตัดแขนข้างสุดท้ายของจักรพรรดิเจินเต๋อจนสิ้น มือเท้าทั้งสี่ถูกตัดขาดทั้งหมด

ใบหน้าที่มีเลือดออกจากปากและจมูกของสวี่ชีอัน ค่อยๆ ยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ “ข้าลืมบอกเจ้า หลินอันกับข้าจะแต่งงานกัน รอข้าฆ่าเจ้าเสียก่อน แล้วขึ้นครองบัลลังก์ ประกาศตนเป็นจักรพรรดิ ข้าจะเข้าแทนที่ตำแหน่งของเจ้า รับพระธิดาของเจ้ามาเป็นผู้หญิงของข้า อืม หญิงสาวในนามของเจ้า ทุกสิ่งทุกอย่างของเจ้าล้วนเป็นของข้า วันนี้คนทั้งเมืองหลวงกำลังมองข้าฆ่าเจ้า!”

ดวงตาของจักรพรรดิเจินเต๋อเบิกโพลง รูม่านตาสั่นไหว แฝงไปด้วยความอัปยศอดสู ความไม่เต็มใจ ความโกรธ และความเคียดแค้น…อารมณ์มากมายหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เขาผ่านมาสองราชวงศ์ มีชีวิตที่สว่างพร่างพราว และมีอำนาจสูงสุดอยู่ในมือ แต่ในที่สุด เรื่องราวก็จบลงด้วยความอัปยศอดสูเช่นนี้

สวี่ชีอันวางดาบไว้ที่ลำคอของเขา กล่าวด้วยความยินดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ครั้งนี้ ข้าจะทำลายร่างกายของเจ้า ทำให้เจ้าเกิดใหม่ไม่ได้อีก”

ศีรษะกลิ้งตกลงไปภายใต้การฟันเพียงครั้งเดียว

เทพเจ้าหยางหลุดลอยออกจากร่าง หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจินเต๋อตะโกนเสียงดังว่า “จงมา!”

วิญญาณมังกรลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า อ้าปากกว้าง กลืนเทพเจ้าหยางของเจินเต๋อลงไปในท้อง

“สวี่ชีอัน เจิ้นไม่มีทางปล่อยเจ้าไป เจิ้นจะต้องฆ่าเจ้าให้จงได้ ไม่ว่าต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม ต้องเข่นฆ่าทุกคนรอบตัวเจ้า ให้เจ้าอยู่อย่างตายทั้งเป็น”

เสียงคำรามด้วยความอาฆาตแค้นของเจินเต๋อดังออกมาจากร่างของมังกรจินหลง

เส้นเลือดมังกรเป็นโชคชะตาชนิดหนึ่ง สวี่ชีอันไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ ดาบสลักและดาบสยบดินแดนก็ทำลายมันไม่ได้เช่นกัน ถึงแม้หลิงหลงจะบริโภคพลังชี่เป็นอาหาร แต่วิญญาณเส้นเลือดมังกรไม่ใช่พลังชี่สีม่วงอันบริสุทธิ์

คิดไม่ถึงว่าลักษณะพิเศษของชีพจรมังกร สุดท้ายจะกลายเป็นเกราะป้องกันสุดท้ายของจักรพรรดิเจินเต๋อ

ต่อให้กายเนื้อถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ แต่ตราบใดที่เทพเจ้าหยางยังอยู่ จักรพรรดิเจินเต๋อก็ยังคงเป็นยอดฝีมือขั้นสอง

ช่วงเวลานี้เอง ชิ้นส่วนหนังสือปฐพีก็บินออกมาจากหน้าอกสวี่ชีอัน ฟันมังกรที่มีลักษณะโค้งเล็กน้อยบินออกมาจากกระจก คาถาที่จารึกอยู่บนพื้นผิวของมันสว่างวาบจนทำให้คนที่เห็นถึงกับตาลาย

ฟันมังกรไล่ตามไปพร้อมกับแผดเสียงก้อง ไล่ตามวิญญาณเส้นเลือดมังกรได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะเจาะทะลุผ่านมันไป!

“ไม่!” เสียงกรีดร้องโหยหวนของจักรพรรดิเจินเต๋อดังขึ้น

หลังจากนั้น ก็เกิดเสียงดัง ‘ตูม’ วิญญาณเส้นเลือดมังกรระเบิดออกเป็นชิ้นๆ กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ กลายเป็นลำแสงหายไปที่เส้นขอบฟ้า เทพเจ้าหยางของเจินเต๋อไม่สามารถพึ่งพาได้อีกต่อไป เพราะถูกฟันมังกรจู่โจม เทพเจ้าหยางของเขาจึงมืดมิดไร้แสงสว่าง

สวี่ชีอันขี่มังกรหลิงหลงเข้ามา แทงดาบสลักไปที่ช่องว่างระหว่างคิ้วของเจินเต๋อ และแทงดาบสยบดินแดนเข้าที่หน้าอกของเขาในเวลาเดียวกัน

ลำแสงพร่างพราย ปราณกระบี่ส่องสว่างสะพรั่ง

เทพเจ้าหยางสลายตัวอย่างรวดเร็ว ราวกับน้ำแข็งที่ถูกแสงอาทิตย์อันแรงกล้าแผดเผา

“เจินเต๋อ ได้เวลาเดินทางแล้ว”

“สวี่ชีอัน…”

เทพเจ้าหยางมลายหายไปด้วยเสียงร้องที่ไม่เต็มใจและเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง

จักรพรรดิผู้ครอบครองราชสำนักมากว่าหกสิบปี แตกสลายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว

…………………………………………..

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท