ไม่ว่าเย่วหลิงจะนําอะไรออกมา พวกเขาไม่กล้าแตะต้องมัน มิฉะนั้นพวกเขาคงต้องรับความโกรธของระดับราชาที่นี่ไม่ใช่ในฐานทัพทะเลมารแม้ว่าระดับราชาจะสังหารพวกเขาไปแล้วก็ไม่มีใครที่จะลงโทษเขา
แม้ว่าตระกูลของพวกเขาจะแก้แค้นให้ในอนาคต แต่นั่นกก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะฟื้นคืนชีพขึ้น
นอกจากนี้พวกเขาไม่กล้าแจ้งให้บรรพบุรุษของตระกูลตนเองทราบ
หากแจ้งข่าวนี้ไปยังบรรพบุรุษของตระกูลทราบโดยไม่มีข้อมูลอะไรเลย คงจะเป็นการเดินหาที่ตาย
ปรมาจารย์คนอื่นๆก็ไม่กล้าต่อสู้เพื่อสมบัติที่ไม่รู้จัก แต่ราชาหยุนเหอกลับสนใจ
ความแข็งแกร่งของเขาแข็งแกร่งกว่าบรรพบุรุษตระกูลเย่วมากเขามีโอกาสฆ่าเย่วหมิงได้ตามล่าพังเนื่องจากเย่วหมิงไม่มีพรสวรรค์พิเศษเขาเป็นเพียงระดับราชาธรรมดาทั่วไปเท่านั้น
แน่นอน
เมื่อผลประโยชน์ยังไม่มากพอการต่อสู้ของระดับราชาจะไม่เกิดขึ้นง่ายดายเช่นนั้นนอกจากนี้ราชาหยุนเหอและเย่วหมิงก็ไม่ได้มีความแค้นต่อกันดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางสร้างความบาดหมางกันง่ายๆ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่อยากรู้อยากเห็น!
ดังนั้น
ราชาหยุนเหอก็เปิดความสามารถในการการรับรู้มิติและพยายามตรวจสอบสถานการณ์ผ่านชั้นของมิติแต่เห็นได้ชัดว่ามันล้มเหลว!
ยอดฝีมือระดับราชามีวิธีการปิดกั้นการรับรู้มิติ หากว่าเขาต้องการที่จะตรวจสอบอย่างแนบเนียนมันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้
“พรสวรรค์ด้านอวกาศของเราเป็นเพียงระดับเริ่มต้นเท่านั้น หากเป็นระดับปานกลางการรับรู้มิติของเราจะต้องแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าหากเป็นเช่นนั้นแม้แต่เย่วหมิงก็คงยากที่จะป้องกันการรับรู้มิติของเราได้!”ราชาหยุนเหอถอนหายใจ
ภายในเรือเหาะเหินวายุของตระกูลเย่ว
เย่วหมิงมองเย่วหลิงอย่างร้อนรน “เจ้าคือเย่วหลิงใช่ไหม?”
ปู่ย่าตายายเย่วหลังถาม
“เจ้าค่ะ ท่านบรรพบุรุษ!”
เย่วหลิงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
เธอเคยพบท่านบรรพบุรุษที่มีศักดิ์เป็นปู่ของเธอเพียงไม่กี่ครั้ง เธอจะได้พบเขาในตอนที่มีเหตุการณ์สําคัญเท่านั้นนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับท่านบรรพบุรุษใกล้ขนาดนี้
กล่าวกันตามตรง
เธอเป็นเพียงนักรบผู้เชี่ยวชาญแต่บรรพบุรุษของนางเป็นถึงระดับราชา เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าระดับราชาแม้แต่ปรมาจารย์ทั่วไปก็ยังรู้สึกประหม่า
“หญ้าวิญญาณเพลิงอยู่ในมือเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
“เย่วหมิงกล่าวอย่างร้อนรน
“มันอยู่นี้แล้ว!”
เย่วหลิงหยิบกล่องหยกขนาดใหญ่ออกมาจากถุงเก็บสมบัติ จากนั้นเธอก็เปิดกล่องหยกออกภายในมีกล่องหยกขนาดเล็กอีกกล่องหนึ่งสุดท้ายเธอก็เปิดกล่องหยกที่มีหญ้าวิญญาณเพลิงอยู่
เย่วหมิงจ้องเขม็งไปที่หญ้าวิญญาณเพลิงทันที
หญ้าชนิดนี้มีสีแดงหยุดโลหิตและเปลวเพลิงจางๆแผ่กระจายออกมา
หญ้าวิญญาณเพลิงทั้งหมดมีใบอยู่สามใบ แต่ละใบมีลวดลายเปลวเพลิงอยู่หนึ่งเส้นแสดงให้เห็นว่าหญ้าวิญญาณเพลิงนี้มีระดับสาม
“มันเป็นหญ้าวิญญาณเพลิงระดับสามจริงๆ มันมีประโยชน์ต่อข้ามาก!” เย่ว์หมิงกล่าวอย่างตื่นเต้นเขามองไปที่เย่วหลิงอย่างอ่อนโยน
“เย่วหลิง หญ้าวิญญาณอัคคีระดับสามนี้มีค่าสูงมากมันไม่สามารถอธิบายที่ค่าได้ด้วยเงินเจ้าต้องการอะไร?”
“ท่านบรรพบุรุษ ข้าต้องการโอกาสหลังจากที่ข้าก้าวเข้าสู่ขีดจํากัดของระดับปรมาจารย์ ข้าต้องการใช้ศิลาแห่งเต๋อีกครั้ง!”
เย่วหลิงขอร้อง
“อะไรนะ? !! ศิลาแห่งเต๋”
เย่วเฟิงที่อยู่ด้านข้างหรี่ตาลงและอุทานด้วยความตกใจ
เขาไม่มีสิทธิ์เรียนรู้แผ่นศิลาแห่งเต๋เพราะศิลาแห่งเต๋เป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดของตระกูลที่ได้มาจากสถานที่ลึกลับหากเย่วหลิงได้เรียนรู้ศิลาแห่งเต๋แม้เธอจะไม่ได้มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับหลุดผลแต่เธอก็สามารถใช้พรสวรรค์ในการฝึกฝนระดับสูงสุดทําลายคอขวดบรรลุเป็นระดับราชาได้
อย่างไรก็ตาม ผลของศิลาแห่งเต๋นั้นไม่ได้มีประสิทธิภาพทุกอย่าง หากใช้มันแล้วกลิ่นอายลึกลับบนแผ่นศิลาแห่งเต๋ก็จะหายไปตอนนี้ศิลาแห่งเต๋ของตระกูลเย่วจึงใช้เฉพาะเวลาที่จ่าเป็นเท่านั้น
ดังนั้นด้วยสถานการณ์เช่นนี้ถึงแม้ตะกูลเย่วจะมีระดับปรมาจารย์อยู่ไม่น้อยแต่ก็ไม่มีใครที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะใช้ศิลาแห่งเต๋
“นี่…
เย่วหมิงลังเล
หญ้าวิญญาณเพลิงมีค่าสูงมาก มันช่วยเขาได้อย่างมาก แต่มันเพียงช่วยเขาได้เท่านั้นยังไม่สามารถช่วยคนอื่นถ้าเย่วหมิงสัญญากับเย่วหลิงให้เธอเปิดใช้งานแผ่นศิลาแห่งเต๋คนอื่นๆในตระกูลอื่นจะต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน
“ท่านบรรพบุรุษข้ายังมีดอกไม้วิญญาณสวรรค์อีก 6 ดอกซึ่งเพียงพอที่จะทําให้ตระกูลเย่วของเรามีอัจฉริยะเพิ่มขึ้นอีก 6 คน”
เย่วหลิงหยิบดอกไม้วิญญาณสวรรค์ออกมาและกล่าว
“มันเป็นดอกไม้วิญญาณสวรรค์ถึงหกดอก!”
เย่วหมิงตกใจอีกครั้ง
แม้ว่าดอกไม้วิญญาณสวรรค์จะมีประโยชน์น้อยกว่าหญ้าวิญญาณธาตุเพลิงแต่มันก็เป็นสมบัติที่หาได้ยากยิ่งตระกูลเย่วมีเพียงแค่ดอกเดียวเท่านั้นมันจึงเป็นของที่ล้ําค่ามากพวกเขาจึงจําเป็นต้องเก็บมันไว้ในคลังสมบัติของตระกูล
หากไม่มีผลงานครั้งใหญ่ พวกเขาคงจะไม่มอบมันให้กับใครเพราะหากเขามอบมันให้กับใครสักคนแล้วล่ะก็ คนอื่นๆในตระกูลเย่วจะคิดว่าเขาล่าเอียง
ตอนนี้มีดอกไม้วิญญาณสวรรค์เพิ่มอีก 6 ดอก ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสําหรับตระกูลเย่ว!
ยกตัวอย่างเช่น คนจากตระกูลเย่วบางคนมีพรสวรรค์พิเศษที่แข็งแกร่งมากและบางคนก็มีพรสวรรค์ด้านการโจมตีระดับสูงแต่ด้วยพรสวรรค์ในการบ่มเพาะที่ไม่สูงนะพวกเขาจึงเป็นได้เพียง นักรบชั้นยอดและยากที่จะสามารถก้าวหน้าได้อีกอัจฉริยะด้านการต่อสู้ไม่ได้พบตัวกันง่ายๆ
การมีดอกวิญญาณสวรรค์นั้นจะช่วยตระกูลเย่วได้อย่างมาก เมื่ออัจฉริยะในการต่อสู้เหล่านั้นใช้ดอกวิญญาณสวรรค์พรสวรรค์ในการบ่มเพาะของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นระดับสุดยอดและพวกเขาก็สามารถเพิ่มระดับการบ่มเพาะไปจนถึงขั้นขีดจํากัดของระดับปรมาจารย์พลังต่อสู้ของพวกเขาจะเหนือกว่าระดับปรมาจารย์ทั่วไปมาก
ในสถานการณ์ที่ระดับราชาไม่สามารถต่อสู้ได้ตระกูลใหญ่ๆก็ต้องพึ่งพาพลังการต่อสู้ของปรมาจารย์
ดังนั้นดอกไม่วิญญาณสวรรค์ 6 ดอกจึงมีประโยชน์อย่างมาก!
“ท่านบรรพบุรุษ มีดอกไม่วิญญาณสวรรค์ถึง 6 ดอก ข้าเชื่อว่าผู้อาวุโสหลายคนจะต้องตอบตกลงที่จะให้ค่าใช้ศิลาแห่งเต๋”
เย่วหลังกล่าว
“ได้ ข้าตกลง!”
เย่วหมิงพยักหน้าเห็นด้วย
หากเขามีเพียงหญ้าวิญญาณเพลิงเพียงต้นเดียว หากเขาตอบรับคําขอของเย่วหลิงอย่างเห็นแก่ตัวคนอื่นอาจจะไม่ยอมรับแต่ด้วยดอกไม้วิญญาณสวรรค์ 6 ดอกนี้เสียงคัดค้านของทั้งตระกูลจะต้องลดลงเหลือน้อยที่สุด
เขาสามารถตอบคํารับขอของเย่วหลิงได้
“ขอบคุณท่านบรรพบุรุษ!”
เย่วหลังกล่าวอย่างตื่นเต้น
ในที่สุดความปรารถนาของเธอก็เสร็จสมบูรณ์
ต้องรู้ก่อนว่าพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเธอก่อนหน้านี้อยู่เพียงระดับสูงเท่านั้นเธอต้องเสียงและสูญเสียลูกน้องไปหลายคนเผื่อได้รับสมบัติที่จะยกระดับพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเธอได้
และเมื่อพรสวรรค์ของเธอกลายเป็นพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงสุด เมื่อเธอฝึกฝนไปถึงระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดมันก็ยังคงยากที่จะพัฒนาต่อไปเป็นระดับราชา
บางทีเธออาจจะต้องติดอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับปรมาจารย์ไปตลอดชีวิตเลยก็ได้
อัตราความสําเร็จในการทะลวงเข้าสู่ระดับราชาของผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับสูงสุดนั้นต่ากว่า 10%หากไม่พบโอกาสพิเศษเธอจะไม่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับราชาได้ตลอดชีวิตขีดจํากัดของเธอคือ ปรมาจารย์ขั้นสูงสุดหากถูกโชคชะตากําหนดให้เป็นเช่นนี้เถิดจะยอมได้หรือไม่?
แน่นอนว่าไม่
ศิลาแห่งเต๋ของตระกูลจึงเป็นความหวังเดียวของเธอ กล่าวกันว่าสามารถเพิ่มโอกาสขึ้นอีก 2 เท่า
ด้วยวิธีนี้เธอมีโอกาสประมาณ 28% ที่จะก้าวเข้าสู่ระดับราชา
แม้ว่าอัตราความสําเร็จจะไม่สูงนัก แต่อย่างน้อยเธอก็มีความหวัง หากเธอได้รับสมบัติชิ้นอื่นในระหว่างการฝึกฝนในอนาคตของเธอ และสามารถเพิ่มอัตราความสําเร็จได้หนึ่งหรือสองส่วนเช่นนั้นเธอจะไม่หวังที่จะกลายเป็นราชาอีกหรือ?
ดังนั้นเธอจึงไม่ลังเลที่จะมอบหญ้าวิญญาณอัคคีและดอกไม้วิญญาณสวรรค์หกดอกเพื่อประโยชน์ของตระกูล
ตอนนี้เธอก็ประสบความสําเร็จแล้ว!
น้ำตาไหลอาบสองแก้มของเธอโดยไม่รู้ตัว มันเป็นน้ำตาแห่งความตื่นเต้น