สามวันต่อมา
เย่เทียนมาถึงสมาคมค่ายกลอีกครั้งและถูกนําตัวไปที่ห้องโถงชั้นสองของสมาคมค่ายกลทันที
“สิบคนเลยหรอ!”
เย่เทียนเห็นผู้เข้าร่วมทดสอบ 10 คนประกอบไปด้วยชายหนุ่มแปดคนชายวัยกลางคนหนึ่งคนและชายชราอีกหนึ่งคน ที่รออยู่ในห้องโถงใหญ่เมื่อนับรวมตัวเขาเองก็เป็น 11 คน เมื่อเย่เทียนมาถึงพนักงานที่นําทางเขาก็ออกจากห้องไป
“ปรมาจารย์ท่านนี้ ท่านเป็นผู้คุมสอบหรือไม่?” นักรบหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาและถามด้วยความกังวล
“ไม่ ข้าเองก็มาเพื่อเข้ารับการทดสอบเช่นกัน!”
เย่เทียนพูดเบา ๆ
นี้!!!
ผู้เข้ารับการทดสอบหลายคนมองมาที่เย่เทียนด้วยสายตาดูแคลน
ในความเห็นของผู้เข้ารับการทดสอบบางคน การที่เย่เทียนกลายเป็นปรมาจารย์ตั้งแต่อายุเท่านี้แสดงว่าพรสวรรค์ของเขาต้องสูงมากแต่ในตอนนี้เย่เทียนเดินทางมายังสมาคมค่ายกลเพื่อเข้ารับการทดสอบพวกเขาต่างคาดเดาว่าพรสวรรค์ด่านค่ายกลของเยเทียนคงไม่ได้สูงอะไรไม่อย่างนั้นเย่เทียนคงต้องกลายเป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกลไปนานแล้ว
ถึงแม้ระดับปรมาจารย์จะทําให้ผู้คนหวาดกลัวแต่เมื่อเทียบกับปรมาจารย์ด้านค่ายกลแล้วไม่นับว่าเป็นอันใด ปรมาจารย์ค่ายกลระดับเริ่มต้นก็เพียงพอที่จะทําให้ผู้ฝึกยุทธระดับปรมาจารย์ไม่กล้าที่จะล่วงเกินด้วยเหตุที่ว่าปรมาจารย์ด้านค่ายกลเป็นกาลังสําคัญและมีจํานวนน้อยมากในฐานทัพทะเลมาร
ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ําล่วงเกินปรมาจารย์ด้านค่ายกล
ปรมาจารย์ด้านค่ายกลจึงถูกยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์ แม้แต่ปรมาจารย์ด้านค่ายกลขั้นต้นที่มีระดับเพียงนักรบก็ยังสูงส่งกว่านักรบผู้เชี่ยวชาญ
“ดูเหมือนว่าเราจะถูกดูถูกซะแล้ว!”
เย่เทียนคิดกับตัวเอง
ถึงอย่างไรอายุของผู้ฝึกระดับปรมาจารย์นั้นก็ยากที่จะตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก บางคนอายุ 70-80 ปีแล้วแต่รูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขาเหมือนคนอายุ 30 ต้นๆ อย่างไรเสียอายุขัยของปรมาจารย์ก็ยาวนานถึง 200 ปี
ไม่มีใครคิดว่าเย่เทียนจะอายุเพียง 17-18 ปี พวกเขาต่างคิดว่าเย่เทียนนั้นอายุ 27-28 ปีแล้ว
พรสวรรค์ด้านค่ายกลจะปรากฏขึ้นตั้งแต่อายุ 15 ปี อายุยี่สิบเจ็ดสิบแปดปียังไม่ได้กลายเป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกล ก็เพียงพอที่จะสามารถพิสูจน์ได้ว่าพรสวรรค์ของเย่เทียนคงไม่ได้สูงอะไรอย่างมากก็คงเป็นพรสวรรค์ระดับรองเท่านั้น
เย่เทียนสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าคนที่ดูถูกเขามีพรสวรรค์ด้านค่ายกลระดับเริ่มต้นเขาสามารถกลายเป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกลขั้นต้นได้อย่างแน่นอน
“น่าสนใจ เป็นเพียงนักรบชั้นยอดและนักรบผู้เชียวชาญกลับกล้าดูถูกข้าผู้เป็นปรมาจารย์”
เย่เทียนยิ้มเยาะ
ทันใดนั้นเขาก็ปลดปล่อยเจตจํานงแห่งดาบออกมาและกดทับชายหนุ่มเหล่านั้น
ตูม!
แรงกดดันที่แผ่ออกมานั้นทําให้ชายหนุ่มหลายคนต้องก้าวถอยหลังกลับไปด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
คนเหล่านั้นไม่กล้าหันกลับไปมองเย่เทียนแม้แต่น้อย พวกเขาเข้าใจถึงความประมาทของตัวเอง หากพวกเขาเป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกลขั้นต้นแล้วมันจะไม่เป็นไรแต่ตอนนี้พวกเขายังไม่ได้กลายเป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกลเลยแต่กลับกล้าแสดงท่าที่ดูแคลนฝึกยุทธระดับปรมาจารย์?
หากไม่ใช่เพราะฐานทัพทะเลมารไม่อนุญาตให้ทําร้ายผู้คนได้ตามใจชอบการดูหมิ่นผู้ฝึกยุทธระดับปรมาจารย์เช่นนี้พวกเขาคงกลายเป็นศพไปแล้ว
“ท่านปรมาจารย์ ข้าได้เข้าร่วมการทดสอบมาแล้วหลายครั้ง ข้าไม่เคยเห็นท่านมาก่อนท่านน่าจะมาเข้าร่วมการทดสอบเป็นครั้งแรกใช่หรือไม่?”
ชายชราเพียงคนเดียวเดินเข้ามาและกล่าวกับเย่เทียนด้วยความเคารพ
“ใช่ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ามาเข้าร่วมการทดสอบ!” เย่เทียนพยักหน้า
จากนั้นเขาตรวจสอบชายชราอย่างละเอียด จากข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบของพรสวรรค์ในการคัดลอกชายชราคนนี้มีนามว่าหลี่จงพรสวรรค์ด้านค่ายกลของเขาอยู่ในระดับอ่อนแอการที่อยากจะกลายเป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกลแทบจะไม่มีหวัง
แต่มันก็ไม่ได้เสมอไป ปรมาจารย์ด้านค่ายกลเป็นตัวตนที่ค่อนข้างพิเศษขอเพียงมีพรสวรรค์ด่านค่ายกลและใช้วิธีการพิเศษบางอย่างก็ใช่ว่าจะไม่มีความหวังที่จะเลื่อนขั้นเป็นปรมาจารย์ค่ายกลขั้นต้นได้เพียงแต่ว่าโอกาสเช่นนี้นับว่ายากเย็นแสนเข็ญมีอัตราความสําเร็จไม่ถึง 1%
หลี่จงแก่ขนาดนี้แล้วยังมาเข้าร่วมการทดสอบเพื่อกลายเป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกลอีกเห็นได้ชัดว่าจิตใจของเขาแข็งแกร่งยิ่ง!
“ท่านปรมาจารย์ ท่านรู้ข้อมูลการทดสอบหรือไม่?” หลี่จงถาม
“ไม่รู้เลย!” เย่เทียนส่ายหัว
หจงแนะน่า “งั้นตัวข้าขอบังอาจแนะน่าท่านปรมาจารย์ การทดสอบปรมาจารย์ด้านค่ายกลแบ่งออกเป็นสามรอบ รอบแรกคือการจารึกรูปแบบค่ายกลขอเพียงสลักอักขระอาคมได้ 20 รูปแบบก็ถือว่าผ่านใครก็ตามที่มาเข้าร่วมการทดสอบก็จะสามารถผ่านได้ในรอบที่สองเป็นการจัดวางค่ายกลอย่างง่ายซึ่งคนข้างยากเล็กน้อยเพราะการสลักอักษรรูปแบบค่ายกลและการจัดวางค่ายกลให้เหมาะสมนั้นไม่สามารถล้ม เหลวได้เกินสองครั้งผู้เข้ารับการทดสอบส่วนใหญ่ล้มเหลวในด่านที่สองสําหรับด่านที่สามนั้นหากพูดว่ายากก็คงไม่ใช่ หากพูดว่าง่ายก็ยังไม่ถูกนักเพราะด่านนี้ว่าเป็นต้องหาช่องโหว่ของค่ายกลยิ่งหาเจอมากเท่าไรก็ยิ่งมีคะแนนมากขึ้นเท่านั้นอย่างน้อยต้องหาให้ได้ 1 จดถึงจะมีโอกาสผ่านได้ ส่วนข้าล้มเหลวเป็นครั้งที่ร้อยในด่านที่สาม!
“ล้มเหลวร้อยครั้ง?”
เย่เทียนประหลาดใจ ด่านที่สามนี้ยากขนาดนั้นเลยเหรอ?
ต้องรู้ก่อนว่าด้วยพรสวรรค์ที่อ่อนแอของหลี่จงการที่เขาสามารถสลักค่ายกล 20 รูปแบบและสามารถจัดวางค่ายกลอย่างง่ายได้ แสดงให้เห็นว่าว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามฝึกฝนมาอย่างยาวนานเพียงใด
แต่หลี่จงผู้มีใจเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ ถึงแม้ว่าล้มเหลวเป็นร้อยครั้งในด่านที่ 3 ถึงแม้ว่าจะไม่ผ่านการทดสอบแต่เขาก็ไม่ใช่คนธรรมดา เขาสามารถสร้างรูปแบบค่ายกลอย่างง่ายเพื่อใช้เป็นเครื่องมือหาเงินได้เพียงแต่ว่าเขาจะไม่ได้รับเกียรติและการปฏิบัติเช่นเดียวกับปรมาจารย์ค่ายกลขันต้น
หลังจากนั้นไม่นาน ปรมาจารย์ค่ายกลขั้นกลางกลางอายุราวสามสิบกว่าปีก็มาถึง
“ผมคือปรมาจารย์ค่ายคนชั้นกลาง เฉินเหยา จากสมาคมค่ายกล วันนี้ผมจะมาคุมการทดสอบของพวกคุณ ตอนนี้ในการทดสอบรอบแรก เจ้าหน้าที่จะมอบปากกาจารึกและเลือดสัตว์อสูรพร้อมกระดาษให้กับพวกคุณ!”ปรมาจารย์ค่ายกลระดับกลางของเฉินเหยาเอ่ยปาก
เจ้าหน้าที่หยิบปากกาจารึก เลือดสัตว์อสูร และกระดาษที่มีพลังปราณออกมาแจกจ่ายให้แก่ทุกคน
ผ่านไปเพียงไม่นานการทดสอบก็เริ่มต้นขึ้น!
เย่เทียนหยิบปากกาขึ้นมาและจารึกอักขระลงไป 20 รูปแบบ อย่างรวดเร็ว
“ พรสวรรค์ด้านค่ายกล!”
เย่เทียนแอบกระตุ้นพรสวรรค์ด้านค่ายกลของเขา และมองไปยังรูปแบบอักขระบนกระดาษพลังปราณและเห็นเพียงลวดลายบนกระดาษปราณเปล่งแสงออกมาและลอยออกมาจากกระดาษพลังปราณลวดลายแต่ละรูปแบบก็ปรากฏออกมาอย่างชัดเจนความหมายของแต่ละรูปแบบนั้นชัดเจนมาก
นี่พิสูจน์ให้เห็นว่ารูปแบบค่ายกลเหล่านี้ถูกจารึกไว้อย่างแม่นย่า และมีคุณสมบัติครบถ้วนหากเป็นค่ายกลที่ผิดพลาด ภายใต้การตรวจสอบของพรสวรรค์ด้านค่ายกลมันจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ
หลังจากนั้นไม่นาน คนอื่นๆก็จารึกเสร็จสิ้น
เฉินเหยา มองไปยังสนามทดสอบและพยักหน้า
“ยอดเยี่ยม ผ่านทั้งหมด เช่นนั้นผมจะเริ่มการทดสอบรอบที่ 2 เอาแผนผังค่ายกลมา!” หญิงสาวคนหนึ่งเอาแผนผังค่ายกลออกมา 10 ฉบับมาส่งให้เฉินเหยา
“นี่เป็นค่ายกลฉนวนกันเสียงระดับต่ําที่สุด มันเกี่ยวข้องกับค่ายกลพื้นฐานเพียง 20 รูปแบบเท่านั้นพวกคุณจะได้รับมันคนละแผ่น จําไว้ว่าพวกคุณมีสิทธิ์เพียงแค่ดูเท่านั้นไม่มีสิทธิ์จะนําแผนผังเหล่านี้ไปขายได้ไม่อย่างนั้นพวกคุณคงจะรู้ดีถึงผลที่ตามมาทางสมาคมค่ายกลจะไม่ทําการทดสอบพวกคุณอีก”เฉินเหยาเตือนอย่างจริงจัง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ ได้ส่งแผนผังค่ายกลให้กับผู้เข้ารับการประเมิน
หลังจากเย่เทียนได้รับผังค่ายกลฉนวนกันเสียงแล้ว เขาก็มองมันอย่างละเอียด
“เอ๊ะ เป็นมันนี่เอง!”
เย่เทียนประหลาดใจ
แผนผังค่ายกลนี้เหมือนกับที่บ้านของเขา แต่ละรูปแบบคือการวางรากฐานสร้างพื้นที่ 3 มิติเพื่อก่อตัวเป็นค่ายกลที่สมบูรณ์แบบและด้วยพลังปราณที่เพิ่มเข้ามามันก็จะกลายเป็นค่ายกลที่ใช้งานได้
ค่ายกลฉนวนกันเสียงชุดนี้ไม่ได้ซับซ้อน เย่เทียนแค่มองแวบเดียวก็เข้าใจ
ในตอนนี้เอง
ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า “ปรมาจารย์ พวกเรามาประลองกันว่าใครสามารถสร้างค่ายกลฉนวนกันเสียงชุดนี้เสร็จก่อนกันดีหรือไม่?” เย่เทียนกวาดสายตามองไปยังต้นเสียงและพบว่าผู้ที่กล่าวออกมานั้นเป็นคนที่เขาข่มขู่ด้วยปราณดาบก่อนหน้านี้
“ได้สิ เดิมพันด้วยเงินดีหรือไม่?”
เยู่เทียนเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา