บทที่ 130 เปิดจุดชีพจร เลื่อนขั้นเป็นราชา!
ค่ายกลรวบรวมลมปราณระดับสูงสามารถรวบรวมพลังปราณได้สิบเท่าถูกสร้างขึ้นแล้วเย่เทียนสามารถทุ่มเทฝึกฝนได้อย่างเต็มที่แล้วในขณะนี้ความเร็วในการบ่มเพาะของเขาจะเพิ่มขึ้นถึงห้าเท่า!
เดิมที่ความเร็วในการบ่มเพาะในค่ายกลรวบรวมลมปราณระดับกลางเพิ่มความเร็วขึ้นได้เพียงสามเท่าเท่านั้นในตอนนั้นการบ่มเพาะหนึ่งเดือนสามารถเพิ่มพละกําลังของเขาได้เก้าช้างแต่ตอนนี้ด้วยค่ายกลรวบรวมลมปราณระดับสูงภายใน 1 เดือนเขาจะสามารถเพิ่มพละกําลังได้ถึงสิบ ห้าช้าง!
พลัง 15 ช้างต่อเดือนคืออะไร?
“ภายในหนึ่งเดือนเราจะสามารถก้าวไปสู่ขีดจํากัดของระดับปรมาจารย์และมีคุณสมบัติที่จะทะลวงเข้าสู่ระดับราชาได้!”เย่เทียนพึมพํากับตัวเอง
ดังนั้นเย่เทียนจึงย้ายสถานที่ฝึกฝนไปยังห้องลับใต้ดินแห่งนี้
เขาไม่ได้บอกเย่หยเกี่ยวกับห้องลับนี้ เย่เทียนต้องการบอกเย่หยูก่อนออกจากฐานทะเลมารเพราะตอนนี้ค่ายกลรวบรวมลมปราณระดับกลางก็เพียงพอสําหรับเธอแล้วเธอเป็นนักรบผู้เชี่ยวชาญ การบ่มเพาะพลังเร็วเกินไปไม่ใช่เรื่องดีเธอควรฝึกฝนอย่างช้าๆและค่อยๆทําให้รากฐานมั่นคง
ด้วยการเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะถึงห้าเท่าเย่เทียนจึงทุ่มเทฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง
เย่วหลิงได้มาหาเย่เทียนในระหว่างที่เขากําลังฝึกฝนและพูดคุยกันเพียงไม่กี่คําเมื่อเย่วหลิงรู้ว่าเย่เทียนกําลังจะเดินทางไปยังฐานทัพจงไห่เธอก็เกิดความรู้สึกอิจฉาอยู่ลึกๆ
สําหรับเธอแล้วเธอสามารถเป็นได้แค่ชนชั้นสูงของฐานทะเลมารไปตลอดชีวิตเท่านั้นหากโชคดีเธอจะสามารถก้าวไปสู่ระดับราชาได้แต่หากโชคไม่ดีแล้วละก็ทั้งชีวิตของเธอจะติดอยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุด
นี่คือจุดจบของเธอ และนี่คือจุดจบของอัจฉริยะมากมายในฐานทะเลมาร
เย่เทียนรู้สึกหมดหนทาง เขาไม่มีทางพยายามช่วยเย่วหลิง
สําหรับเย่เทียนแล้ว การที่จะพยายามช่วยเย่หยยกระดับพรสวรรค์นั้นก็เป็เรื่องยากเย็นแสนเข็ญแล้วอีกทั้งเย่วหลิงก็เป็นคนนอกไม่สามารถเทียบได้กับเย่หยู
แม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะค่อนข้างดี แต่พวกเขาก็เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น
“บางที่การอยู่อย่างสงบสุขในฐานทะเลมารน่าจะเหมาะกับเธอมากกว่า!”
เย่เทียนคิดเช่นนี้
ฐานทัพระดับสุดยอดนั้นอาจไม่ปลอดภัย ไม่แน่ว่าการต่อสู้แข่งขันที่นั่นอาจจะโหดร้ายกว่าที่นี่มากบางทีอาจถึงขั้นต้องแลกด้วยความปลอดภัยของชีวิต
เย่วหลิงไม่เหมาะกับฐานทัพระดับสุดยอดแม้ว่าพรสวรรค์ของเธอจะเลื่อนเป็นระดับหลุดพ้นแล้วเธอก็ไม่สามารถจะเป็นราชาที่แข็งแกร่งได้หากโชคดีเธออาจจะอยู่ในฐานทัพระดับสุดยอดได้
แต่การไม่มีพรสวรรค์เพียงพอ ก็ไม่จําเป็นต้องฝืนทําให้ตัวเองลําบาก
การที่เย่เทียนกระตือรือร้นที่จะเดินทางไปยังฐานทัพระดับสุดยอดก็เพราะเขามีความสามารถในการคัดลอกพรสวรรค์ มิฉะนั้นเขาคงไม่รีบร้อนเช่นนี้
40 วันผ่านไป
เย่เทียนเก็บตัวฝึกฝนเป็นเวลา 40 วันแล้ว นอกจากการกินและนอน เขาก็หมกตัวอยู่ในห้องลับใต้ดินตลอดเวลาและวันนี้
เขาก็บรรลุถึงขีดจํากัดของระดับปรมาจารย์แล้ว
“พละกําลังทางกายภาพ 100 ช้าง แม้ว่าเราจะมีรากฐานที่สมบูรณ์แบบแต่นี่ก็เป็นขีดจํากัดของร่างกายเว้นเสียแต่ว่าเราจะทําลายคอขวดและเลื่อนเป็นระดับราชา”
“ระดับปรมาจารย์ฝึกฝนเส้นลมปราณ ส่วนระดับราชานั้นจะฝึกจุดชีพจร ร่างกายมนุษย์มีจุดชีพจรหลักอยู่ 365 จุด หากเปิดจุดชีพจรหลัก 365 จุดได้ก็สามารถเข้าสู่จุดสูงสุดของระดับราชาซึ่งจะมีพละกําาลังถึง 10,000 ช้างแต่ขั้นตอนนี้ยากเย็นแสนเข็น!”
นี่คือสิ่งที่เย่เทียนรู้มาจากราชาฉีฟง
ในความเป็นจริงการทะลวงจุดชีพจรหลัก 365 จุดนั้นยากเกินไป ระดับราชาจํานวนมากสามารถทะลวงจุดชีพจรได้เพียง 300 จุดเท่านั้นและไม่สามารถทะลวงจุดต่อไปได้ไม่เพียงเพราะพรสวรรค์เท่านั้นแต่ยังเป็นเพราะทรัพยากรด้วยด้วย
การทะลวงจุดชีพจรแต่ละจุดต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล แม้จะฝึกฝนจนครบอายุไขก็ยากที่จะไปถึงขีดจํากัดของระดับราชาในฐานทะเลมารจึงถึงเพียงหยุนเพิ่งหลี่คนเดียวที่บรรลุถึงระดับราชาขั้นสูงสุดได้
ซึ่งเป็นเพราะเขาได้รับการสนับสนุนจากตระกูลหยุนที่เป็นตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งของทะเลมารและได้ใช้ทรัพยากรส่วนใหญ่ของตระกูลหยุนเพื่อเลื่อนเป็นระดับราชาขั้นสูงสุดแต่มันก็ยังใช้เวลาไปเกือบหกถึงเจ็ดสิบปี
แล้วผู้ฝึกยุทธระดับราชาทั่วไปจะมีทรัพยากรมากมายขนาดนั้นได้อย่างไรกัน?
ตามความเข้าใจของเย่เทียน ยอดฝีมือระดับราชาในฐานทะเลมารเปิดจุดชีพจรได้เพียงสองร้อยจุดเท่านั้นระดับราชาที่ทะลวงจุดชีพจรได้สามร้อยจุดมีไม่ถึงห้าคนส่วนเย่วหมิงเป็นระดับราชาที่อ่อนแอที่สุดเขาเพิ่งทะลวงจุดชีพจรได้เพียงแค่สามจุดเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะเขาได้รับ หญ้าพรสวรรค์จิตวิญญาณอัคคีในครั้งก่อน ทําให้เขามีพรสวรรค์ด้านเปลวเพลิงระดับรองเขาคงเป็นหนึ่งในผู้ฝึกยุทธระดับราชาที่อ่อนแอที่สุดในฐานทะเลมาร
ถ้าเย่เทียนยังคงอยู่ในฐานทัพทะเลมารแม้ว่าจะมีห้องฝึกฝนที่มีค่ายกลรวบรวมลมปราณระดับสูงและมีพรสวรรค์ระดับดาราเขาก็ไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นระดับราชาขั้นสูงได้ภายใน 10 ปีซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถทนได้
“ตอนนี้เรามาถึงขีดจํากัดของระดับปรมาจารย์แล้ว ตอนนี้เพียงแค่ต้องทะลวงจุดชีพจรเพื่อเลื่อนขั้นเป็นระดับราชาจุดที่สําคัญที่สุดในการทะลวงจุดชีพจรคือการเหนี่ยวนําพลังปราณในเส้น ลมปราณทะลวงจุดชีพจรเพื่อเปิดพื้นที่จุดชีพจรนั้นๆจุดชีพจรของมนุษย์นั้นถูกปิดกั้นอยู่ทั่วร่างจึงจําเป็นต้องทะลวงเพื่อเปิดมัน เหตุผลที่ผู้มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงสุดยากที่จะเลื่อนขั้น เป็นระดับราชาก็เพราะว่าพวกเขายากที่จะทะลวงจุดชีพจรได้ อัตราความสําเร็จต่ําเกินไป และ
หากเปิดจุดชีพจรล้มเหลวรากฐานของพวกเขาจะถูกทําลายจะไม่สามารถเข้าสู่ระดับราชาได้อีก!” เย่เทียนครุ่นคิด
เขาไม่กังวลว่าการทะลวงจุดชีพจรของเขาจะล้มเหลว เขาเพียงแค่ใช้วิชากายาโลหิตม่วงเหนี่ยวนําลมปราณภายในร่างเข้าทะลวงจดชีพจร
“วิชาชีพจรโลหิตม่วง!”
นี่คือเทคนิคการบ่มเพาะที่บันทึกไว้ในวิชากายาโลหิตม่วง
เย่เทียนนั่งขัดสมาธิและดื่มเลือดสัตว์อสูรระดับราชาไปเป็นจํานวนมากจากนั้นเขาก็จดจ่อร่างกายของเขาและเริ่มโคจรทักษะชีพจรโลหิตม่วง
ทันใดนั้น พลังปราณปฐมฟ้าดินจํานวนมากก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของเย่เทียน
เลือดสัตว์อสูรระดับราชาและพลังปราณปฐมแห่งสวรรค์และปฐพีกลายเป็นพลังปราณบริสุทธิ์เมื่อเคล็ดวิชาชีพจรโลหิตม่วงเริ่มทะลวงจุดชีพจรหยุนเหมินซึ่งนี่เป็นจุดชีพจรแรกที่วิชาชีพจร โลหิตม่วงจะต้องทะลวงเปิด
ตูม!!!
หลังจากทะลวงไม่กี่ครั้ง จุดหยุนเหมินก็ถูกเปิดออก และเริ่มขยายใหญ่ขึ้นอย่างช้าๆจนกลายเป็นพื้นที่จุดชีพจร
พื้นที่จดชีพจรในตอนแรกไม่ใหญ่มากนัก แต่ด้วยเย่เทียนที่ปรับแต่งพื้นที่จุดชีพจรอย่างต่อเนื่องพื้นที่จดชีพจรก็เริ่มมีความเสถียรมากขึ้น
ตั้งแต่กระบวนการทะลวงจุดชีพจรจนถึงการทําให้จุดชีพจรมีความเสถียรต้องใช้เวลาหลายวันเย่เทียนไม่กินหรือดื่มเป็นเวลาหลายวันและปรับแต่งพื้นที่จุดชีพจรอย่างต่อเนื่อง
สําหรับเขาที่กําลังจะก้าวเข้าสู่ระดับราชาการไม่กินหรือดื่มเป็นเวลาหนึ่งเดือนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแม้แต่การไม่กินหรือดื่มเป็นเวลาหนึ่งปีก็เพียงแค่รู้สึกไม่สบายใจเท่านั้นถึงอย่างไรเมื่อมาถึงระดับนี้ได้พลังงานในร่างกายก็สามารถใช้พลังปราณทดแทนได้ เพียงแต่ว่าคนเรานั้นไม่ใช่สิ่งของยังต้องกินของบางอย่างนี่เป็นความเคยชินอย่างหนึ่ง
สามวันผ่านไป
จุดชีพจรหยุนเหมินของเย่เทียนถูกเปิดขึ้นอย่างสมบูรณ์พลังปราณในร่างกายของเขาเริ่มไหลเข้าสู่จุดจุดชีพจรหยุนเหมินและค่อยๆเติมเต็มมัน
พลังปราณของระดับราชาไม่เพียงแต่ถูกเก็บไว้ในจุดตันเถียนเท่านั้นแต่ยังสามารถเก็บไว้ในจดชีพจรได้ดังนั้นพลังปราณระดับราชาจึงมากกว่าระดับปรมจารนับสิบเท่าแทบจะไม่มีสถานการณ์ที่พลังปราณในร่างหมดลงเว้นเสียแต่ว่าจะเป็นการต่อสู้ที่ยาวนาน
ด้วยเหตุนี้ การต่อสู้ระดับราชาจึงยาวนานกว่าปรมาจารย์มาก
หลังจากจุดหยุนเหมินเต็มไปด้วยพลังปราณจุดชีพจรแรกของเย่เทียนก็เสร็จสมบูรณ์แล้วในตอนนั้นเองการเปลี่ยนแปลงก็เริ่มต้นขึ้น!
ตูม!!!!
พลังปราณที่ไม่อาจวัดได้ไหลทะลังเข้าสู่ร่างกายของเย่เทียนและเริ่มขัดเกลาทุกส่วนของร่างกายทําให้ร่างกายของเขาวิวัฒนาการไปสู่ระดับราชาตลอดกระบวนการนี้เย่เทียนสามารถรู้สึกถึงส่วนต่างๆของร่างกายที่กําลังวิวัฒนาการมันเป็นการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
การเพิ่มพลังไม่ใช่เรื่องหลัก แต่พลังชีวิตในร่างกายของเขานั้นกลับเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
ภายใต้สถานการณ์ปกติปรมาจารย์สามารถมีชีวิตยืนยาวได้ 200 ปี และระดับราชาสามารถมีชีวิตอยู่ได้ 500 ปีแต่เย่เทียนมีรากฐานที่สมบูรณ์แบบและในตอนที่เขาเข้าสู้ขอบเขตปรมาจารย์เขาก็มีอายุขัยถึง 300 ปี
ตอนนี้เขาถึงระดับราชาแล้ว อายุขัยของเขาย่อมมากกว่า 500 ปีอย่างแน่นอน