บทที่ 208 ศิลาจารึกแห่งการรู้แจ้งหายไป!
“ไม่ใช่ว่าจักรพรรดิจันทราจะเป็นคนลงมือทําลายรอยแยกมิติหรอกหรือ?”
ม่านตาของหยุนเมิ่งหลี่หดแคบลง และกล่าวออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
จักรพรรดิจันทราถอยไปด้านข้าง มีเพียงเย่เทียนเท่านั้นที่เดินเข้าใกล้รอยแยกมิติ
“สัตว์อสูรระดับจักรพรรดิก็ได้รับผลสะท้อนกลับเช่นกัน หรือว่าท่านเย่เทียนจะ แข็งแกร่งกว่าสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิตัวนั้นแล้ว?”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หยุนเมิ่งหลี่ก็อดตกใจไม่ได้
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ความเร็วในการเติบโตของเย่เทียนจะน่าทึ่งมาก!
ด้านหน้าของรอยแยกมิติ
เย่เทียนเปิดใช้งานพรสวรรค์ด้านมิติ ควบคุมพลังมิติและบีบอัดรอยแยกตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง
“หาลาย!”
รอยแยกมิติเริ่มปรากฏรอยร้าว ภายใต้พลังแห่งมิติของเย่เทียน มันก็เริ่มขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกัน
เย่เทียนก็หยิบเอาดาบระดับดาราออกมา จากนั้นเขาก็เปิดใช้งานพรสวรรค์ด้านพละกําลังระดับลึกลับ
“ตัดดารา!”
แสงจากดาบที่เปล่งประกายราวกับสามารถจะทําลายดวงดาวได้ แม้จะอยู่ห่าง ออกไปหลายแสนลี้ก็ยังสามารถมองเห็นแสงดาบอันน่าตื่นตะลึงของเย่เทียน
ในตอนนี้
หยุนเมิ่งหลี่และคนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึงไปตามๆกัน!
นี่มันพลังอะไรกัน? ราวกับการโจมตีของพระเจ้า!
ตูม!
แสงดาบจากทักษะดาบตัดดารา ตัดผ่านรอยแยกมิติ ทําให้มันขยายออกอีกครั้ง จากนั้นเย่เทียนก็พุ่งเข้าไปในรอยแยกอย่างรวดเร็ว
ด้วยวิธีนี้เขาสามารถใช้พลังของทักษะดาบตัดดาราลดทอนพลังสะท้อนกลับที่เขาต้องได้รับไปบางส่วน
ในเวลาเดียวกัน เย่เทียนก็ใช้พลังมิติเพื่อปกป้องร่างกายของเขา พรสวรรค์ ด้านมิติระดับลึกลับปลอมปลดปล่อยพลังของมันออกมาต้านทานพลังจากรอย แยกมิติ และเขาก็ยังใช้พรสวรรค์ด้านเวลาเร่งความเร็วมุ่งไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด
อีกฝั่งหนึ่งของรอยแยกมิติระดับ 3 ดาว
เส้นแสงดาบอันน่าตื่นตะลึงสายหนึ่งตัดผ่านอากาศจนเกิดเป็นรอยยาวนับหมื่นลี้ทิ้งเอาไว้บนท้องฟ้า รวมไปถึงป่าที่อยู่เบื้องล่างก็ถูกพลังจากคมดาบเมื่อครู่ทําลาย ต้นไม้จํานวนนับไม่ถ้วนหักโค่นลง สัตว์อสูรมากมายได้รับผลกระทบ
หลังจากนั้นไม่นานก็ปรากฏร่างของคนผู้หนึ่งที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดหลั่ง
ไหลออกมาไม่หยุด ชายคนนี้ได้ฉีกกระชากรอยแยกของมิติและเดินออกมา
แน่นอนคนผู้นี้ก็คือเย่เทียน!
เย่เทียนได้ผ่านรอยแยกเข้ามายังโลกของสัตว์อสูร แม้ว่าความแข็งแกร่งของ เขาจะเหนือกว่าจักรพรรดิทั้ง 36 คน และยังมีพรสวรรค์ด้านมิติระดับลึกลับปลอม แต่เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส แน่นอนว่าบาดแผลเหล่านี้เกิดจากพลังสะท้อน กลับของมิติที่เขาฝืนฉีกกระชากออก!
พืบ!
เย่เทียนก้าวเข้าไปในโลกของสัตว์อสูรบาดแผลบนร่างกายของเขาสมานตัวด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
ด้วยพรสวรรค์ในการรักษาระดับลึกลับ เขาจึงไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับ บาดแผลเหล่านี้มันสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
สิ่งแรกที่เย่เทียนทําหลังจากเข้ามายังโลกของสัตว์อสูรก็คือแจ้งให้จักรพรรดิจันทราทราบ
เย่เทียนหันกลับไปและมองไปที่รอยแยก
“เยว่เอ๋อ ผมเข้ามาอย่างปลอดภัยแล้ว!”
เย่เทียนใช้พรสวรรค์ด้านมิติเพื่อถ่ายทอดเสียงของเขาออกไปยังอีกฝั่งหนึ่งของรอยแยก
จักรพรรดิจันทราที่อยู่ทางฝั่งได้ยินเสียงของเย่เทียน เธอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“อีกสักพัก ฉันจะเก็บตัวบ่มเพาะที่นี่ พวกคุณไม่คัดค้านใช่ไหม?”
จักรพรรดิจันทราหันกลับมาจ้องมองหยุนเมิ่งหลี่และคนอื่น ๆ
ต่อหน้าเย่เทียน เธอดูเหมือนสาวน้อยก็จริง แต่กับคนอื่นแล้ว เธอคือจักรพรรดิ์
ท่าทางที่เธอแสดงออกมาในตอนนี้คือรูปลักษณ์ของจักรพรรดิจันทราที่แท้
จริง!
แรงกดดันของระดับจักรพรรดิแผ่กระจายออกมา ทําให้หัวใจของทุกคนต้องสั่นสะท้าน
“จักรพรรดิจันทรา ท่านสามารถฝึกฝนที่นี่ได้ตามสบาย!”
หยุนเมิ่งหลี่พยักหน้าและตอบ เขาไม่กล้าที่จะขัดต่อคําพูดของจักรพรรดิ
จันทรา
โลกของสัตว์อสูรวานรมังกร
(***เป็นอีกโลกหนึ่งซึ่งไม่ใช่โลกเดียวกันกับโลกของ 12 จ้าวแห่งสัตว์อสูร)
“ได้เวลาออกเดินทางสักที เกรงว่าการกระทําของเราเมื่อครู่คงจะดึงดูดความ สนใจของสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิแล้ว!”
หลังจากนั้นเย่เทียนก็เปิดใช้งานพรสวรรค์ล่องหนและจากไปทันที
ไม่นานหลังจากที่เย่เทียนจากไป วานรยักษ์ก็มาถึง
วานรยักษ์ตัวนี้ก็คือคิงคอง สัตว์อสูรระดับจักรพรรดิที่เคยโจมตีเย่เทียน
เมื่อคิงคองมาถึง มันก็มองเห็นรอยแยกมิติระดับ 3 ดาวที่กําลังผสานกลับมา เป็นดังเดิม เมื่อเห็นเช่นนั้นทําให้มันเกิดความสงสัยขึ้นมา
“ทําไมรอยแยกมิตินี้ ถึงขยายใหญ่กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง?”
จากนั้นมันก็จับสัตว์อสูรระดับราชาตัวหนึ่งมาสอบถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่นานมันก็รู้แล้วว่าเพราะเหตุใด
“อะไรนะ? มนุษย์ระดับจักรพรรดิออกมาจากรอยแยกมิติ? นี่มันเป็นไปได้ยังไง!!”
เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด คิงคองก็ตะลึงงัน
โดยปกติแล้วรอยแยกมิตินี้ระดับราชาคือระดับสูงสุดที่สามารถคําผ่านรอย แยกได้ ทว่าระดับศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไม่อาจที่จะข้ามรอยแยกมิติระดับสามดาวนี้ได้ หากว่าสามารถข้ามผ่านไปได้มันคงจะบุกเข้าไปยังโลกของมนุษย์นานแล้ว
แต่ตอนนี้สัตว์อสูรระดับราชาตัวนี้กลับบอกมันว่ามีมนุษย์ระดับจักรพรรดิผ่านเข้ามา!
นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้อย่างนั้นหรอ?
“บางทีจักรพรรดิมนุษย์อาจจะมาที่นี่แล้วจริงๆ มันน่าจะมีเทคนิคพิเศษบาง
อย่าง แม้ว่าอีกฝ่ายจะมาที่นี่ แต่แน่นอนว่ามันต้องรับผลสะท้อนกลับไปไม่น้อยไม่แน่ว่าตอนนี้มันอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ก็ได้”
คิงคองครุ่นคิด
ดังนั้นมันจึงออกคําสั่งให้ลูกน้องของมันตามหามนุษย์ระดับจักรพรรดิและแจ้งข่าวนี้ให้สหายระดับจักรพรรดิของมันทราบ
มนุษย์ระดับจักรพรรดิได้เข้าสู่โลกวานรมังกรแล้ว
ท่ามกลางภูเขาขนาดใหญ่ในป่าลึกที่ห่างไกล เย่เทียนหยุดพักที่นี่ชั่วคราวเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเขา
ตอนนี้บาดแผลภายนอกฟื้นตัวกลับมาเต็มที่แล้ว แต่การสะท้อนกลับมันทําให้ทุกเซลล์ในร่างกายของเขาอ่อนแอลง พลังชีวิตของเขาก็ถูกใช้ไปไม่น้อยสําหรับระดับจักรพรรดิทั่วไปแล้วอาการบาดเจ็บเช่นนี้มันเป็นความเสียหายที่ร้ายแรง
แต่สําหรับเย่เทียนอาการบาดเจ็บเหล่านี้ไม่นับว่าเป็นอันใด
เขาหยิบเอาเลือดของสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิจํานวนมากออกมาจากมิติส่วนตัว และเปิดใช้งานพรสวรรค์กลืนกินโลหิต เพื่อดึงพลังชีวิตจากเลือดของสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิ เพื่อชดเชยพลังชีวิตที่เขาต้องเสียไป
สิ่งที่สําคัญที่สุดสําหรับพรสวรรค์กลืนกินโลหิตก็คือการดูดซับพลังชีวิตเพื่อ นํามันมาชดเชยให้ตัวเอง ส่วนการฟื้นฟูพลังเป็นเรื่องรอง
ครึ่งวันต่อมา
พลังชีวิตของเย่เทียนฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติแล้ว อาการบาดเจ็บที่เกิดจากการสะท้อนกลับก็ได้รับการเยียวยาอย่างสมบูรณ์ ในตอนนี้ร่างกายของเขากลับมาอยู่ในจุดสูงสุดอีกครั้ง
“ได้เวลาไปเดินทางไปยังภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์อสูรกิเลนแล้ว!”
เย่เทียนมองออกไปไกลและพึมพํา
เมื่อเขาเข้าสู่โลกของวานรมังกร เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือแผ่นศิลา แห่งการรู้แจ้ง เมื่อได้รับศิลาแห่งการรู้แจ้งมาแล้ว เขาก็จะออกจากโลกของสัตว์อสูรนี้ไป
วู๊ซซซ!
เย่เทียนบินออกไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วของเขา เขาใช้เวลาเดินทางเพียงไม่นานก็มาถึงภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์
ในเวลานี้ภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เปิดใช้งาน และมันถูกปกคลุมไปด้วยค่ายกลขนาดใหญ่
“ค่ายกลใหญ่ที่หยาบกระด้างมาก!”
เย่เทียนพูดอย่างดูแคลน
แต่ปกติแล้วสัตว์อสูรไม่มีความชํานาญในการวางค่ายกล การที่เพาะพันธุ์สัตว์อสูรกิเลนสามารถสร้างค่ายกลขนาดใหญ่เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
แต่เมื่อเย่เทียนมองไปที่ภายในค่ายกล เขาก็ต้องตกตะลึง
แผ่นศิลาแห่งการรู้แจ้งหายไป!
เดิมทีศิลาแห่งการรู้แจ้งตั้งอยู่บนยอดของภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่ตอนนี้เขากลับพบว่าสถานที่แห่งนั้นว่างเปล่า เมื่อไม่มีเวลาแห่งการรู้แจ้งอยู่ที่นี่แล้ว เผ่ากิเลนจึงเปลี่ยนที่นี่เป็นสาขาเผ่าพันธุ์ของพวกมัน
“ปลอมแปลง!”
เย่เทียนใช้พรสวรรค์อําพราง แปลงกายเป็นสัตว์อสูรวานรยักษ์และก้าวเข้า
เข้าไปในภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์
ตูม ตูม!
แรงกดดันของระดับจักรพรรดิแผ่กระจายออกไป สัตว์อสูรกิเลนสวรรค์จํานวนมากเริ่มตื่นตระหนก
“ท่านอสูรจักรพรรดิ!”
สัตว์อสูรกิเลนสวรรค์ระดับราชาบินเข้ามาด้วยความหวาดกลัว
มีสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิไม่มากนักในเผ่าพันธุ์กิเลนสวรรค์ เมื่อมีสัตว์อสูร
ระดับจักรพรรดิปรากฏตัวที่ภูเขาอสูรศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าสัตว์อสูรกิเลนสวรรค์เหล่านี้ย่อมต้องรู้สึกหวาดกลัว
“แล้วศิลาจารึกแห่งการรู้แจ้งของเผ่ากิเลนสวรรค์ของเจ้าล่ะ? ทําไมมันถึง
หายไป?”
เย่เหียนถาม
“นายท่าน พวกเราก็ไม่รู้เรื่องนี้!”
สัตว์อสูรกิเลนสวรรค์ระดับราชาลังเลเล็กน้อย แต่มันยังคงกัดฟันและตอบออกไปว่ามันไม่รู้เรื่องนี้
“ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกครั้ง พูดมา ถ้าเจ้าไม่พูดแล้วล่ะก็………
”
เย่เทียนกล่าวอย่างเย็นชา
สัตว์อสูรเป็นศัตรูกับมนุษยชาติ แน่นอนว่าเขาจะไม่มีความเมตตาใดๆกับสัตว์อสูรเหล่านี้
“พวกเราไม่รู้จริงๆ!”
สัตว์อสูรกิเลนสวรรค์กล่าวอีกครั้ง
“งั้นข้าจะถามด้วยวิธีอื่น!” เย่เทียนกล่าว “สะกดจิต!”
อืมมม!
ด้วยพรสวรรค์ในการสะกดจิต สัตว์อสูรระดับราชาไม่มีทางที่จะสามารถ ต้านทานมันได้มันจึงถูกสะกดจิตในทันที
“ศิลาแห่งการรู้แจ้งอยู่ที่ไหน?”
เย่เทียนถามอีกครั้ง
คราวนี้สัตว์อสูรกิเลนสวรรค์ระดับราชาก็พูดออกมา ตะวันตก…..