บทที่ 255 การกลับมา!
สํานักงานใหญ่ของหอทหารรับจ้างขวานสงคราม
เมื่อจักรพรรดิขวานรู้ว่าเย่เทียนกลับมาแล้วเขาก็รีบออกจากการเก็บตัวทันที
“จักรพรรดิเย่เทียน คุณกลับมาแล้ว!”
จักรพรรดิขวานสงครามดูกังวลเขาอยากจะรู้จากเย่เทียนว่าที่โลกของสัตว์อสูรเป็นอย่างไรและเกิดอะไรขึ้นกันแน่ช่วงที่เย่เทียนไม่อยู่ เขาเป็นหนึ่งในคนที่กังวลใจมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
“ผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว!”
เย่เทียนปล่อยคําพูดที่ทําให้จักรพรรดิขวานถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“แก้ไขปัญหาแล้วเหรอ?”จักรพรรดิขวานสงครามรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากจึงรีบถาม
“จักรพรรดิเย่เทียนช่วยบอกรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ได้หรือไม่?”
เย่เทียนพยักหน้าและกล่าวว่า”ที่จริงแล้วจ้าวแห่งมังกรดําถูกสังหารโดยจักรพรรดิแมวเก้า
ชีวิต จักรพรรดิแมวเก้าชีวิตก็เป็นหนึ่งในจ้าวแห่งสัตว์อสูรเช่นกัน แต่มันได้รับโชควาสนาบางอย่างจึงทําให้ความแข็งแกร่งของมันเพิ่มขึ้น”
จากนั้นเย่เทียนก็เล่าเรื่องราวการตายของจ้าวแห่งสัตว์อสูรเหล่านั้น
เมื่อจักรพรรดิขวานสงครามรู้ว่าจ้าวแห่งสัตว์อสูรทั้ง 12 ได้ตายหมดแล้วและเย่เทียนยังได้ฆ่าสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิอีกไปเป็นจํานวนมากเขาก็รู้สึกไม่สงบทันที!
นั้นคือ 12 จ้าวแห่งสัตว์อสูรที่แม้แต่หอคอยเทพสงครามก็ยังไม่สามารถฆ่ามันแต่เย่เทียนกลับฆ่าพวกมันไปหลายตน
แต่สิ่งที่จักรพรรดิขวานไม่รู้ก็คือความแข็งแกร่งของจักรพรรดิแมวเก้าชีวิตและจักรพรรดิเงินเขาทองนั้นใกล้เคียงกับจักรพรรดิเจ็ดดารา หากเขารู้มันจะต้องทําให้เขาหวาดกลัวมากขึ้นอย่างแน่นอน
นี่แสดงให้เห็นว่าเย่เทียนนั้นอยู่ในระดับจักรพรรดิเจ็ดดาราแล้ว และยังสามารถต่อกรกับจักรพรรดิเจ็ดดาราได้ในขณะที่ทําลายขีดจํากัดของร่างกายไปเพียงเก้าครั้ง
หากเขาทําลายขีดจํากัดของร่างกายไปสิบครั้งและบรรลุการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไม่ใช่ว่าความแข็งแกร่งของเย่เทียนจะกลายเป็นอันดับหนึ่งของการจัดอันดับจักรพรรดิในหอคอยเกียรติยศหรอกหรือ?
แน่นอนว่า เย่เทียนไม่อยากเปิดเผยความแข็งแกร่งของเขาเขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยความสามารถทั้งหมดมิฉะนั้นมันอาจจะสร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คน!
“เย่เทียนในเมื่อจ้าวแห่งสัตว์อสูรทั้ง 12 ตัวได้ตายไปแล้วสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิส่วนใหญ่ก็ตายเช่นกันถ้าพวกเรามีเจ้าอยู่ในฐานจงไห่พวกเราสามารถเลียนแบบฐานทัพเทียนฝูยึดโลกของสัตว์อสูรได้ครึ่งหนึ่งไม่ใช่หรือ?
จักรพรรดิขวานสงครามกล่าวด้วยความตื่นเต้น
“หาเช่นนั้นไม่ได!”
เย่เทียนส่ายหัวและกล่าวว่า”ฐานเทียนฝูมียอดฝีมือระดับจักรพรรดิอยู่เป็นจํานวนมากพวกเขามีความสามารถพอที่จะปกป้องตนเองในโลกของสัตว์อสูรแต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังคงต้อง
สูญเสียคนไปจํานวนมาก สําหรับฐานจงไห่ของเรานั้นแม้จะส่งระดับจักรพรรดิ์ทั้งหมดออกไปก็ไม่สามารถที่จะปกป้องดินแดนขนาดใหญ่ได้นอกจากนี้ผมเองก็ไม่สามารถอยู่ในโลกของสัตว์อสูร ได้ตลอดเวลาหากไม่มีผมเหล่าจักรพรรดิของฐานจงไห่จะไม่สามารถต้านทานสัตว์ระดับจักรพรรดิที่ทรงพลังเหล่านั้นได้ แน่นอนว่ามีอีกเหตุผลหนึ่งที่สําคัญกว่านั้นเหตุผลที่ทําให้ผมไม่ กล้าครอบครองโลกของสัตว์อสูร!”
“มันคืออะไร?”
สีหน้าของจักรพรรดิขวานสงครามเปลี่ยนไป
ความแข็งแกร่งของเย่เทียนนั้นแข็งแกร่งกว่าจ้าวแห่งสัตว์อสูรทั้งสิบสองตน แต่เย่เทียนกลับ
ไม่กล้าครอบครองโลกของสัตว์อสูรหรือว่าโลกของสัตว์อสูรจะมีตัวตนที่น่ากลัวกว่าจ้าวแห่งสัตว์อสูรอยู่อีก?
เย่เทียนคาดเดาความคิดของจักรพรรดิขวานและอธิบาย”ไม่ต้องกังวลโลกของสัตว์อสูรไม่มีสัตว์อสูรที่น่ากลัวอีกต่อไปและไม่มีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอยู่มากนักสิ่งที่ผมกังวลไม่ใช่อันตรายจากโลกของสัตว์อสูรแต่เป็นเผ่ามังกร!
“เผ่ามังกร!
สีหน้าของจักรพรรดิขวานสงครามเปลี่ยนไป เขานึกถึงบันทึกเกี่ยวกับเผ่ามังกร
“จักรพรรดิขวานสงครามคุณรู้จักเผ่ามังกรหรือไม่?”
เย่เทียนเอ่ยถาม
จักรพรรดิขวานสงครามพยักหน้า”ฉันรู้เรื่องราวของเผ่ามังกรจากบันทึกของโบราณสถานแห่ง
หนึ่ง กล่าวกันว่าพรสวรรค์ของเผ่ามังกรโลหิตล้วนน่ากลัวมาก แต่ละตนล้วนมีพรสวรรค์ทางสายเลือดระดับตะวันเมื่อเติบโตขึ้นพวกมันจะกลายเป็นสัตว์อสูรระดับพระเจ้าดังนั้นเผ่ามังกรโลหิต สายเลือดบริสุทธิ์จึงถูกเรียกว่าเผ่าพันธุ์อสูรศักดิ์สิทธิ์เผ่ามังกรพระเจ้า!เผ่ามังกรนั้นมีอิทธิพล
อย่างมาก ไม่เพียงแต่พวกมันจะมีจํานวนมาก แต่พวกมันยังยึดครองดาวเคราะห์มากมายมันเป็นกองกําลังที่แข็งแกร่งในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ”
จากนั้น
จักรพรรดิขวานสงครามถามกลับ”จักรพรรดิเย่เทียนเป็นไปได้ไหมว่าโลกของสัตว์อสูรนี้เกี่ยวข้องกับเผ่ามังกร?”
เย่เทียนกล่าวตอย “ใช่แล้วโลกของสัตว์อสูรนั้นน่าจะเป็นดาวเคราะห์ภายใต้อาณัติของเผ่ามังกรทุกๆ 10,000 ปีเผ่ามังกรจะพาตัวของสัตว์อสูรระดับพระเจ้าในโลกใบนั้นไปและเผ่ามังกรยังทิ้งบางสิ่งไว้เป็นมรดกในโลกของสัตว์อสูรนี่แสดงให้เห็นว่าเผ่ามังกรยังคงให้ความสนใจกับดาวเคราะห์ดวงนี้อยู่หากว่าพวกเราครอบครองโลกของสัตว์อสูรนี้และหากยอดฝีมือของเผ่ามังกรกลับมา และโกรธเคืองเผ่ามนุษย์ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรคุณควรจะรู้ดี”
“ยอดฝีมือเผ่ามังกร!!!!”
จักรพรรดิขวานสงครามได้แสดงสีหน้าที่หวาดกลัวออกมา
เขาเข้าใจดีว่าผลที่จะตามมาคืออะไรเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ยังคงอยู่ในโลกของสัตว์อสูรจะถูกกําจัดไปทั้งหมด
“น่าเสียดาย!”
จักรพรรดิขวานสงครามถอนหายใจ
หากสามารถครอบครองโลกของสัตว์อสูรได้ ก็เท่ากับว่าได้ครอบครองทรัพยากรของโลกใบนั้นนั้นเป็นโลกที่มีพลังปราณปฐมปฐพีสุกงอม แม้ว่าสัตว์อสูรจะใช้ทรัพยากรไปเป็นจํานวนมากแต่โลกใบนั้นก็ยังอุดมไปด้วยทรัพยากรอยู่ดีเนื่องจากโลกของมนุษย์เพิ่งถือกําเนิดทรัพยากรได้ไม่นานจึงไม่ได้อุดมสมบูรณ์เท่าโลกของสัตว์อสูร
ทรัพยากรของโลกสัตว์อสูรนั้นเพียงพอที่จะทําให้ฐานจงไห่เจริญรุ่งเรืองขึ้นและคาดว่าจะสามารถไล่ตามฐานทัพเทียนฟูได้ในอนาคต
แต่ตอนนี้ฐานจงไห่ต้องละทิ้งแผนนี้ไป
“จักรพรรดิขวานมันจะดีกว่าที่จะพัฒนาขึ้นอย่างช้าๆอย่างน้อยฐานจงไห่เราก็ไม่มีภัยคุกคาม
จากโลกของสัตว์อสูรอีกต่อไปแล้วผู้ฝึกยุทธก็ยังสามารถไปยังโลกของสัตว์อสูรได้ความเป็นไปได้ของเราจะดีกว่าเมื่อก่อนมาก!” เย่เทียนยิ้มและพูด
“คุณพูดถูกแล้ว!”
จักรพรรดิขวานก็หัวเราะเช่นกัน
หลังจากพูดคุยกับจักรพรรดิขวานไม่นาน เย่เทียนก็ไปพบจักรพรรดิจันทราภรรยาของเขาภายในวิหารจันทรา
เย่เทียนพูดคุยกับจักรพรรดิจันทราอยู่เป็นเวลานาน เขาบอกเล่าเรื่องราวที่เขาเผชิญในโลกของสัตว์อสูรโดยแทบจะไม่ปิดบังอะไรแม้แต่ห้องโถงมรดกมังกรเขาก็เล่าให้จักรพรรดิจันทราฟัง
หลังจากฟังจบจักรพรรดิจันทราก็กอดเย่เทียนไว้แน่นความกังวลบนใบหน้าเธอชัดเจนมากแม้ว่าเธอจะไม่เคยผ่านประสบการณ์เช่นเดียวกับเย่เทียนมาก่อน แต่เธอก็สามารถจินตนาการได้ว่ามันอันตรายขนาดไหน หากไม่ระวังแล้วล่ะก็แม้แต่ชีวิตก็ไม่สามารถรักษาไว้ได้
“อย่าเสี่ยงแบบนี้อีก!
จักรพรรดิจันทรากอดเย่เทียนและกล่าว
“ได!”
เย่เทียนประกบริมฝีปากลงบนหน้าผากของจักรพรรดิจันทราและกล่าว
จากนั้นเย่เทียนก็ลูบผมของจักรพรรดิจันทราและกล่าวว่า “เยว่เอ๋อ เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีกในอนาคตผมจะบอกคุณทั้งหมด!”
จักรพรรดิจันทราได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยและเอนตัวพิงเย่เทียนใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุข
เย่เทียนกอดจักรพรรดิจันทราเบาๆขณะที่แสงตะวันสาดส่องลงบนร่างของพวกเขาทั้งสอง
ในขณะนั้นกลิ่นอายของความอบอุ่นแผ่ซ่านออกมา
แม้ว่าทั้งคู่จะแต่งงานกันแล้วแต่พวกเขาก็ยังคงทําเช่นเดิมเสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่
ไหน พวกเขาก็ยังคงรู้สึกและปฏิบัติต่อกันเหมือนเมื่อก่อนเย่เทียนไม่ได้จากไปเขาใช้เวลาอยู่กับจักรพรรดิจันทราตลอดทั้งวัน
เช้าวันต่อมา
เย่เทียนออกจากนิกายเทพจันทรามุ่งหน้ากลับไปยังสํานักงานของหอสวรรค์
ในเวลานี้เสี่ยวเสวียนและสัตว์เลี้ยงของคนอื่นๆต่างย้ายไปอยู่ที่หอสวรรค์และอาศัยอยู่ที่นี่แล้วเสี่ยวเสวียนจําเป็นต้องใช้ศิลาแห่งการรู้แจ้งเพื่อเข้าใจความลึกลับของพรสวรรค์ การบ่มเพาะพลังอยู่ที่นี่เป็นสิ่งที่ดีสําหรับมัน
หลังจากกลับมาเย่เทียนก็ตรวจสอบความก้าวหน้าของเสี่ยวเสวียน
ในแง่ของการบ่มเพาะเสี่ยวเสวียนยังคงอยู่ในระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่พรสวรรค์ของมันพัฒนาขึ้นอย่างมากประเภท:มังกรโลหิตสงคราม
พรสวรรค์ทางสายเลือด: ระดับตะวัน
พรสวรรค์ด้านพละกําลัง: ลึกลับ
พรสวรรค์ในการป้องกัน: ลึกลับ
พรสวรรค์ความเร็ว: ลึกลับปลอม (30%)
พรสวรรค์กลืนกินโลหิต: ลึกลับ
พรสวรรค์ในการบิน: ลึกลับ
พรสวรรค์เพลิงมังกร: สูงสุด
พรสวรรค์ในการรักษา: สูงสุด
พรสวรรค์เสียงคารามแห่งมังกร: สูงสุด
พรสวรรค์กระดูกโลหิต: สูงสุด
พรสวรรค์จิตวิญญาณแห่งมังกร: สูงสุด
“พรสวรรค์กลืนกินโลหิตกลายเป็นระดับลึกลับแล้ว!”
เย่เนียนพอใจมาก เมื่อคิดถึงพรสวรรค์กลืนกินโลหิตของเขากลายป็นระดับลึกลับเขาจึงคัดลอกพรสวรรค์กลืนกินโลหิตของเสี่ยวเสวียนทันที
“นายท่าน ท่านกลับมาแล้ว! เสี่ยวเสวียนฝึกฝนอย่างหนัก และเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ได้ยกระดับพรสวรรค์กลืนกินโลหิตให้อยู่ในระดับลึกลับแล้ว!”
เสี่ยวเสวียนรีบอวด
“อืม! เสี่ยวเสวียนแข็งแกร่งมาก!”
เย่เทียนลูบหัวขนาดใหญ่ของเสี่ยวเสวียนและกล่าวชม
จากนั้น
เขาก็หยิบหญ้ากรงเล็บมังกรศักดิ์สิทธิ์ออกมาและกล่าวว่า “เสี่ยวเสวียน นี่เป็นของขวัญสําหรับเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่คืออะไร?”
เสี่ยวเสวียนเบิกตากว้างและอุทานออกมา”หญ้ากรงเล็บมังกรศักดิ์สิทธิ์นายท่าน ท่านไปเอา
มันมาจากไหน? ท่านคงไม่ได้ไปปล้นคลังสมบัติของมังกรมาใช่หรือไม่?”