บทที่ 257 สมาชิกของเผ่ามังกร!
หอทหารรับจ้างขวานสงคราม
จักรพรรดิขวานสงครามพลันรู้สึกถึงเสียงคํารามของอาวุธมากมายนับไม่ถ้วนในหอทหาร
รับจ้างขวานสงครามหากเสียงเช่นนี้ดังขึ้นเพราะเสียงเรียกขานของเจ้านายนั่นเป็นเรื่องปกติแต่การที่ดาบหลายเล่มที่นี่ไม่มีเจ้าของ แต่มันกลับส่งเสียงออกมาพร้อมๆกัน
“นี่…”.
ดวงตาของจักรพรรดิขวานสงครามหดแคบลง เขาก็คิดถึงความเป็นไปได้ข้อหนึ่ง
“ร่างวิญญาณดาบต้นกําเนิด!”
กายดาบต้นกําเนิดและกายดาบก่อกําเนิดนั้นคล้ายคลึงกันมาก แตกต่างกันเล็กน้อยเท่านั้นกายยาต้นกําเนิดประเภทอาวุธนั้นหาได้ยากยิ่งมันแข็งแกร่งกว่ากายยาต้นกําเนิดทั่วไปเสียอีกหากผู้ฝึกดาบสร้างร่างวิญาณดาบต้นกําเนิดขึ้นมาบุคคลเหล่านั้นจะแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกดาบ
ระดับเดียวกันมาก นักดาบที่ควบแน่นร่างวิญญาณดาบต้นกําเนิดสร้างกายาดาบขึ้นมาแน่นอนว่าจะเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งมากในระดับเดียวกัน
ร่างวิญญาณดาบต้นกําเนิดนั้นยากที่จะควบแน่นได้ เพราะไม่มีวิธีที่แน่นอน
หากเป็นร่างวิญญาณต้นกําเนิดทั่วไปเช่นร่างวิญญาณต้นกําเนิดเปลวเพลิงสามารถสร้างขึ้นได้โดยการดูดซับพลังปราณธาตุไฟและค่อยๆขัดเกลาร่างกายไปเรื่อยๆก็จะมีโอกาสสร้างร่าง
วิญญาณต้นกําเนิดเปลวเพลิงขึ้นมาแต่ร่างวิญญาณดาบต้นกําเนิดนั้นยากกว่านั้นมากเพราะไม่มีทางที่จะดูดซับพลังปราณดาบเพื่อมาขัดเกลาร่างกายได้
หินเกิงจนเป็นสมบัติที่หายากที่สามารถปรับแต่งร่างกายและควบแน่นร่างวิญญาณด่านต้นกําเนิดเพื่อสร้างกายดาบต้นกําเนิดขึ้นมา
แต่สมบัติล้ําค่าประเภทนี้จักรพรรดิขวานสงครามกลับไม่จักมัน
“ใครกันที่ควบแน่นกายดาบต้นกําเนิด?”
จักรพรรดิขวานสงครามคิดกับตัวเองด้วยความสงสัย
ที่ฐานจงไห่มีนักดาบที่แข็งแกร่งอยู่ไม่มากนักและนักดาบระดับจักรพรรดิยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่
“จักรพรรดิดาบลู่เฟย?”
นี่เป็นคนแรกที่จักรพรรดิขวานสงครามคิดถึง แต่ไม่นานเขาก็ปฏิเสธความคิดนั้นด้วยความเข้าใจของเขาไม่มีทางที่จักรพรรดิดาบลู่เฟย จะสามารถก่อร่างวิญญาณดาบต้นกําเนิดขึ้นมาได้
ทันใดนั้น
ชื่อของชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นในใจของจักรพรรดิขวาน
“เย่เทียน!”
เย่เทียนเป็นนักดาบและยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าจักรพรรดิดาบลู่เฟยมากเพราะพรสวรรค์ด้านดาบของเย่เทียนคือดาราเขาแม้แต่สามารถฝึกฝนทักษะดาบระดับตํานานได้สําเร็จ
“หรือว่าจะเป็นเย่เทียนจริงๆ?”
จิตสํานึกของจักรพรรดิขวานได้ถูกส่งออกไปข้ามผ่านอากาศเข้าใกล้หอสวรรค์
ยิ่งเข้าใกล้หอสวรรค์มากเท่าไหร่เขายิ่งสัมผัสได้ถึงปราณดาบที่แผ่ออกมาอย่างหนาแน่น
ในเวลาเดียวกัน เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลที่เกินกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้จากภายในหอสวรรค์อีกครั้งพลังนี้ยังผสมปนเปกับกลิ่นอายของเต๋าแห่งดาบแผ่กระจายกดดันไปทั่วบริเวณ
เรากลับว่าบริเวณนี้กลายเป็นโลกแห่งดาบที่น่าสะพรึงกลัว
“เป็นเย่เทียนจริงๆ!
จักรพรรดิขวานสงครามยืนยันความคิดของตน
เพียงไม่นาน
ข่าวที่เย่เทียนควบแน่นร่างดาบต้นกําเนิดขึ้นมาได้ก็แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งฐานจงไห่จักรพรรดิจันทราที่อยู่ในวิหารเทพจันทราเป็นคนแรกที่รู้ว่าเย่เทียนได้ควบแน่นร่างดาบต้นกําเนิดได้แล้ว
เธอเคยได้ยินเย่เทียนเคยกล่าวไว้นานแล้วว่าเขาต้องการทะลวงร่างวิญญาณต้นกําเนิดดังนั้น
เมื่อเห็นดาบนับหมื่นเล่มในนิกายเทพจันทราส่งเสียงออกมาพร้อมกันเธอก็รู้ได้ทันทีว่าสามีของเธอทําสําเร็จแล้ว
ดังนั้นเธอจึงมายังหอสวรรค์ทันทีและรอคอยเย่เทียนอยู่นอกห้องฝึกฝนเพราะกลัวว่าจะรบกวนเย่เทียน
หลังจากนั้นไม่นานเสียงของเย่เทียนก็ดังออกมาจากข้างใน
“เยว่เอ๋อ เข้ามาเร็ว!”
แกร๊ก!
เมื่อค่ายกลเปิดออกจักรพรรดิจันทราก็เดินเข้าไปในทันที
“ท่านพี่ ยินดีด้วยที่ท่านสามารถควบแน่นร่างดาบต้นกําเนิดได้สําเร็จ!”จักรพรรดิจันทรากล่าวด้วยความยินดี
สามีของเธอสามารถควบแน่นตั้งด่านต้นกําเนิดขึ้นมาได้แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมากซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีสําหรับเธอ!
ยิ่งสามีของเธอแข็งแกร่งขึ้นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้นมันทําให้เธอยิ่งรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นในเวลาเดียวกันเธอก็รู้สึกภาคภูมิใจในความสําเร็จของเย่เทียน
“เยว่เอ๋อ พวกเรามาฉลองกันเถอะ”
เย่เทียนพูดอย่างตื่นเต้น
“จะฉลองยังไง?”
เยว่เอ๋อไม่เข้าใจ
แต่ไม่นานเธอก็ได้รู้ว่าการฉลองของเย่เทียนหมายถึงอะไร
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
จักรพรรดิจันทราก็ออกจากหอสวรรค์และกลับไปยังนิกายเทพจันทรา
นอกเสียจากว่าเธอใช้เวลาฝึกฝนไปพร้อมๆกับเย่เทียน ในช่วงเวลาอื่น ๆเธอจะประจําการอยู่ที่นิกายเทพจันทรา
ภายในห้องฝึกฝน
เย่เทียนรู้สึกพอใจและเริ่มสํารวจร่างดาบต้นกําเนิดของเขา
หลังจากทดสอบดูแล้วเขาก็พบว่าร่างดาบต้นกําเนิดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของทักษะดาบขึ้นถึง 1.5 เท่า 1.5 เท่านี้ดูเหมือนจะไม่มาก แต่ความจริงตัวเลขนี้สูงมา
ยกตัวอย่างเช่น หากทักษะดาบของเขาแสดงออกมาเท่ากับ 10 และหลังจากเพิ่มร่างดาบต้นกําเนิดเข้าไป ทักษะดาบจะเพิ่มขึ้นเป็น 15
ประเด็นคือทักษะดาบและพรสวรรค์ด้านพละกําลังสามารถซ้อนทับกันได้นี่แสดงให้เห็นว่าร่าง
ดาบต้นกําเนิดสามารถเพิ่มพลังโจมตีของเขาขึ้นได้อีกครั้ง และด้วยสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ร่างธาตุก่อกําเนิดจะสามารถเทียบได้
นอกจากนี้เย่เทียนยังพบว่าร่างดาบต้นกําเนิดของเขาสามารถเพิ่มพลังป้องกันได้
เห็นได้ชัดว่าร่างดาบต้นกําเนิดนั้นท้าทายสวรรค์ขนาดไหน!
“ความแข็งแกร่งของเราในตอนนี้น่าจะเทียบได้กับจักรพรรดิเจ็ดดาราที่อ่อนแอ!”เย่เทียนประเมิน
เมื่อคํานวณดูแล้ว เขาเองก็จะสามารถขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกได้อีกไม่นาน!
ตัวเขานั้นถือได้ว่าเป็นจักรพรรดิระดับเจ็ดดาราที่รับมือได้ยากยิ่ง
แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับระดับจักรพรรดิเจ็ดดาราระดับสูงสุด เย่เทียนยังห่างชั้นอยู่มากแต่หากใช้พรสวรรค์ด้านเวลาและมิติ เขาจะสามารถควบคุมจักรพรรดิ 7 ดาราได้
นอกจากนี้ใครจะกล้ารับประกันว่าที่ฐานเทียนฝูไม่มีระดับจักรพรรดิแปดดาราหรือจักรพรรดิเก้าดารา?
เขาสามารถซ่อนพลังได้และคนอื่น ๆ จะไม่ซ่อนพลังแบบเขาอย่างนั้นหรือ?
ๆ
ก่อนที่เขาจะแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่ง เขายังต้องเก็บตัวให้ต่ําลงเล็กน้อย
แต่หากมีคนมายั่วโมโหเขา เขาก็ไม่จําเป็นต้องปิดบังความสามารถอีกต่อไป
แน่นอนว่าภายในฐานจงไห่ไม่มีใครที่กล้าจะทําเช่นนั้น!
บรรลุขอบเขตเต๋าแห่งดาบ,บรรลุขอบเขตเต๋าแห่งกรงเล็บ,ฝึกฝนทักษะดาบ,ฝึกฝนทักษะกรงเล็บ…
เย่เทียนฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์ด้านความเข้าใจที่สามารถเพิ่มความเข้าใจได้ถึง 20 เท่า และพรสวรรค์ด้านเวลาที่สามารถเร่งเวลาขึ้น 10 เท่าแต่เขาก็ยังคงรู้สึกว่าเวลาของเขานั้นมีไม่พออีกอย่างในตอนนี้ฐานจงไห่ไม่มีภัยคุกคามใดๆแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถฝึกฝนได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องกังวลเรื่องอะไร
ถ้าไม่มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเย่เทียนจะไม่ออกจากการเก็บตัวเว้นแต่เขาจะไปเดินเล่นกับจักรพรรดิจันทราเป็นครั้งคราว
อย่างไรก็ตามในขณะที่เย่เทียนกําลังเก็บตัวอยู่นั้นโลกของสัตว์อสูรที่อยู่ใกล้กับฐานทัพจงไห่มีบางอย่างเกิดขึ้น
ภายในตําหนักมังกร! ห้องโถงเทเลพอร์ต
แสงจากค่ายกลเครื่อนย้ายกระพริบและสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ก็เดินออกมา
ลักษณะภายนอกของเขานั้นคล้ายคลึงกับมนุษย์ แต่หน้าผากของเขามีเขาของมังกรอยู่สองสวมเสื้อคลุมลวดลายมังกร
กลิ่นอายของเขาเหมือนกับกลิ่นอายของมังกรนี่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นสมาชิกของเผ่ามังกร!เมื่อเผ่ามังกรกลายเป็นระดับพระเจ้าแล้วพวกมันจะสามารถเปลี่ยนร่างได้และเผ่ามังกรทั่วไปจะเลือกอยู่ในร่างมนุษย์เพราะสถานะนี้เหมาะแก่การต่อสู้และสื่อสารกับเผ่าพันธุ์อื่นมากกว่า
หลังจากที่สมาชิกของเผ่ามังกรออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายจิตสํานึกของเขาก็กวาดผ่าน
ออกไปจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว ” ตําหนักมังกรถูกเปิดออกก่อนกําหนดมีสัตว์อสูรจํานวนมากที่ได้เข้าไปในห้องโถงมรดกฮึมข้าเดาว่าเจ้าพวกนี้คงได้รับสมบัติไปไม่น้อยไม่รู้ว่าทําไมผู้อาวุโสเผ่ามังกรถึงเลือกที่จะอยู่ที่นี่เพื่อรอให้หมดอายุขัยและยังไม่อนุญาตให้สมาชิกเผ่ามังกรบุกเข้าไปใน ห้องโถงมรดกหรือว่าจะเป็นอย่างที่เหล่าผู้อาวุโสกล่าวไว้ว่าเทพแห่งชิงถานผู้นี้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับระดับสูงของเผ่ามังกรดังนั้นจึงสร้างข้อจํากัดเช่นนี้ขึ้น”
ยิ่งคิดเท่าไหร่เขาก็ยิ่งไม่เข้าใจเขาจึงสลัดความคิดเหล่านี้ทิ้งไป
วู๊ซซซ!
ทันทีที่ก้าวออกจากตําหนักมังกรจิตสํานึกของเขาเริ่มกวาดสํารวจไปทั่วรัศมีหลายสิบล้านลี้รูปปป!!!!
เขาพบกับสัตว์อสูรจํานวนมากมายนับไม่ถ้วนแต่ก็ไม่ได้พบสัตว์อสูรระดับพระเจ้าแม้แต่ตัวเดียว
ยอดฝีมือเผ่ามังกรผู้นี้เดินทางข้ามทะเลผ่านเทือกเขานับไม่ถ้วน สํารวจหลายจุดแต่ก็ยังไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของสัตว์อสูรระดับพระเจ้าแม้แต่ตัวเดียวแม้แต่สัตว์อสูรที่มีพรสวรรค์ทางสายเลือด
ระดับตะวันก็ยังหาไม่เจอ
“มีบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆด้วย! ไปตรวจสอบต้นมังกรศักดิ์สิทธิ์ก่อน!”
ร่างของยอดฝีมือเต่ามังกรกลายเป็นล่าแสงและมาถึงต้นมังกรศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าต้นมังกรศักดิ์สิทธิ์ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ สมาชิกเผ่ามังกรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ต้นมังกรศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้มีค่ามากกว่าโลกของสัตว์อสูรเสียอีก หากไม่ใช่เพราะเหล่าผู้ทรงอำนาจของเผ่ามังกรต้องการใช้โลกของสัตว์อสูรนี้สร้างผลมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถผลิตพรสวรรค์
ทางสายเลือดระดับอะไรที่เสี่ยงขึ้นพวกเขาคงไม่ทิ้งของล้ําค่าเช่นนี้ไว้ที่นี่
แม้ว่าต้นมังกรศักดิ์สิทธิ์และโลกของสัตว์อสูรจะเชื่อมโยงกัน แม้แต่ระดับพระเจ้าก็ยากที่จะทําอะไรมันได้แต่พวกเขาก็ยังกลัวว่าจะมีตัวตนที่อยู่เหนือกว่าระดับพระเจ้ามาแย่งชิงตันมังกรศักดิ์สิทธิ์นี้ไป
“ผลมังกรศักดิ์สิทธิ์ถูกพวกสัตว์อสูรแย่งชิงไปแล้วแม้ข้าใช้วิชาลับของตระกูลในการค้นหาแต่กลับไม่พบสัตว์อสูรที่มีพรสวรรค์ทางสายเลือดระดับตะวันเป็นไปได้ไหมว่าสัตว์อสูรทั้ง 9 ตัวที่ได้
รับผลมังกรศักดิ์สิทธิ์ไปจะกลายเป็นระดับพระเจ้าและหนีไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว?”
“ไม่สิ หากมีสัตว์อสูรระดับพระเจ้าปรากฏตัวขึ้นเผ่ามังกรของเราจะสัมผัสได้ในทันที มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆแต่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
สมาชิกเผ่ามังกรคนนี้สงสัยมาก
“งั้นเราคงต้องสืบหาข้อมูลจากสัตว์อสูรในโลกนี้ บางทีอาจจะได้เบาะแสบางอย่าง!”