—และจากนี้ไป คุณเบริล กาเดอนานท์ จะร่วมงานกับเราในฐานะผู้ฝึกสอนพิเศษให้กับอัศวินริเบลิโอ้ ข้าหวังว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือและฝึกฝนให้หนักขึ้น”
สุ้มเสียงอันดังข้างๆข้า คือ เสียงของอลิเซีย ไซตรัส
น้ำเสียงของเธอช่างมีพลังอำนาจและกดข่มทุกผู้คนดั่งผู้บังคับบัญชา ต่างจากตอนที่เธอคุยกับข้าโดยสิ้นเชิง นี่รึเปล่านะที่เค้าเรียกกันว่า “เสียงสั่งการ”? เล่นเอาสั่นสะท้านกันเลยทีเดียว
ที่ยืนอยู่ข้างหน้าข้า คือเหล่าอัศวินหลายสิบคนหรืออาจมากถึงหนึ่งร้อยคน พวกเขาล้วนสวมชุดเกราะสีเงินแบบเดียวกัน ช่างดูน่าเกรงขาม ยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ตรงนั้น
อายุและเพศของพวกเขาค่อนข้างต่างกันบ้าง แต่ข้ามองแวบเดียวก็พอจะสังเกตเห็นได้ว่าไม่มีใครแก่เท่าข้าแน่ๆ ดูแล้วก็ไม่น่าแปลกใจหรอก ไอ้ตาลุงวัย 40 ปี ที่มีข้อต่อผุๆและมักปวดเมื่อยตามตัวแบบข้าเนี่ย คงยากที่จะเป็นอัศวินที่ดีได้ ที่ต้องทำคือกลับไปนอนพักที่บ้านนอกโน่น
“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้น ท่านอาจารย์คะ ท่านมีอะไรจะกล่าวเพิ่มเติมหรือไม่?”
เอาจริงดิ? ไม่ได้คิดอะไรไว้เลยเฮ้ย
คือว่า ถ้าอยากจะให้ข้ากล่าวในที่ประชุมอะไรแบบนี้ ก็บอกกันล่วงหน้าก่อนสิ
เอาเถอะ ตอนนี้จะบ่นอะไรก็ไม่ได้แล้ว
ข้าเมินสายตาของอลิเซียที่จ้องมองมาที่ข้า และตั้งใจกับการกล่าวทักทาย
“สวัสดี ข้าคือ เบริล กาเดอนานท์ ตามที่อลิเซียได้แนะนำ… ข้าไม่รู้ว่าทักษะของข้า จะมีประโยชน์เพียงใด แต่ข้าจะพยายามให้การสนับสนุนกับทุกคนอย่างเต็มที่และคาดหวังว่าเราจะร่วมงานกันได้เป็นอย่างดี”
หลังข้ากล่าวจบ เหล่าอัศวินก็จ้องมาที่ข้าเขม็งเลย
อืม… จากที่ดูแล้ว มีท่าทีเคลือบแคลงกังขาราวๆ 80% และตื่นเต้นยินดีสัก 20% ได้มั้ง
บางคนนี่มองมาด้วยสายตาที่ทิ่มแทงออกไปทางก้าวร้าวและเต็มไปด้วยคำถามกันเลย
ข้าว่าทุกคนคงจะรู้สึกแปลกใจที่จู่ๆก็มีตาลุงแปลกหน้าคนนึงโผล่มาจากไหนไม่รู้ ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งที่สำคัญอย่างผู้ฝึกสอนพิเศษแบบนี้
ตาลุงคนนี้ชักเริ่มกังวลแล้วสิ เอาเถอะ ก็ยังดีที่มีบางคนมองมาด้วยความกระตือรือร้นปะปนมาบ้างล่ะนะ
ข้ารู้สึกคุ้นเคยกับใบหน้าของบางคนที่มองข้าในเชิงบวกแบบนั้น แต่ก็จำชื่อไม่ได้ว่าเป็นใครบ้าง และดูจากบรรยากาศกับสถานการณ์ตอนนี้ คงไม่เหมาะที่จะเรียกพวกเขา มันคงน่าอับอายถ้าทักไปแล้ว พวกเขาดันไม่ใช่อดีตลูกศิษย์ของข้านี่สิ
ตั้งแต่เดินทางเข้าเมืองบาลเทรนมาจนถึงกองอัศวินริเบลิโอ้ ณ ขณะนี้ ทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่น
ตอนที่มาถึงหน้าอาคาร มีอัศวินสี่ถึงห้าคนประจำการอยู่ตรงนั้น เพียงเห็นว่าเป็นอลิเซีย ก็อนุญาตให้ผ่านเข้าไปได้โดยง่าย ซึ่งนั่นก็ทำให้ข้าที่มากับเธอ เดินผ่านเข้ามาอย่างไม่มีปัญหาด้วยเช่นกัน ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยกองอัศวินนี่มันน่าทึ่งจริงๆ
อลิเซียรีบพาข้ามาที่โถงกลางกองอัศวิน โดยไม่มีเวลาแวะดูอะไรข้างทางเลย แต่จากภูมิทัศน์โดยรอบ ก็บ่งบอกถึงความเจริญของเมืองนี้ได้ว่ารุ่งเรืองเพียงใด พื้นถนนปูด้วยแผ่นหินขนาดใหญ่จัดวางอย่างเป็นระเบียบ ท้องถนนสะอาดและผู้คนสัญจรไปมาทำกิจวัตรประจำวัน
ข้าคิดว่าข้าเห็นร้านขายของที่ระลึกใกล้ๆ ที่รถม้าจอดอยู่ ข้าจะให้อลิเซียพาข้าไปทีหลัง
โดยรวมแล้ว เมืองนี้แตกต่างจากหมู่บ้านชนบทอย่างหมู่บ้านบิดเดนโดยสิ้นเชิงอย่างไม่ต้องเอาอะไรมาเปรียบ
“จากนี้ จะทำการจัดตารางการฝึกพิเศษ ทุกคนกลับไปปฏิบัติหน้าที่ต่อได้”
ขณะที่ข้ากำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับการซื้อของฝากกลับบ้าน ดูเหมือนว่าการเรียกประชุมเหล่าอัศวินก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว ข้าล่ะดีใจที่การประชุมนี้จบลงได้สักที เห็นสายตาแต่ละคนที่มองมาที่ข้านี่ทำเอากระอักกระอ่วนไปหมด
“ท่านอาจารย์คะ ไปกันเถอะค่ะ”
“อื้ม ได้”
สุ้มเสียงของอลิเซียกลับมาอ่อนลง ดูท่า “เสียงสั่งการ” นั่นคงไม่ต้องใช้ต่อแล้ว แต่ที่จริงน้ำเสียงแบบนั้นก็เหมาะกับเธอที่เป็นผู้ใหญ่แล้วล่ะ
“อ๊าาา หัวหน้าคะ รอก่อนนนน!”
ขณะที่กำลังจะออกจากลานฝึกอัศวิน ข้าเห็นอัศวินคนหนึ่งตรงรี่มาทางนี้
“คลูนี่ อย่าเอะอะ เมื่อเป็นอัศวินสมควรจะสำรวมกิริยาให้ดีอยู่เสมอ”
อัศวินหญิงที่ชื่อ คลูนี่ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแจ่มใสว่า “ค่ะ ท่านหัวหน้า!” และหันมองมาทางข้า
ผมสีน้ำตาลที่เป็นประกายระยิบระยับ ประกอบกับตัดผมสั้นทรงบ๊อบ ทำให้เธอดูเหมือนเด็กสาวร่าเริงแจ่มใส
ดูแล้วเธอน่าจะอายุน้อยกว่าอลิเซียเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้าที่กลมโตบ้องแบ๊วนั่นทำให้เธอดูไร้เดียงสามากขึ้น
และเพราะเธอสูงน้อยกว่าอลิเซีย นั่นทำให้เธอดูตัวเล็กปุ๊กปิ๊กไปด้วย
เธอให้ความประทับใจเหมือนลูกหมาตัวน้อยๆที่เป็นมิตรกับข้า
และด้วยภาพลักษณ์แบบนั้น ทำให้ข้าหวนรำลึกได้ว่าเธอเป็นใคร
“คลูนี่เองหรอกรึ? เจ้าดูสบายดีนะ”
“ค๊าาา! ท่านอาจารย์ ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะคะ”
ชื่อเต็มๆของเธอคือ คลูนี่ ครัสเซียร์ เธอเองก็เป็นหนึ่งในศิษย์เก่าจากโรงฝึกของข้า
เธอร่ำเรียนวิชาดาบอยู่ราวๆสองปี ก็ประมาณครึ่งหนึ่งของระยะเวลาที่อลิเซียฝึกกับข้า ด้วยบุคลิคของเธอดูเป็นมิตรและมีชีวิตชีวานั่นจึงทำให้ข้าจดจำเธอได้
อ่า…นึกไปก็ช่างน่าคิดถึงจริงๆ
ถึงอย่างนั้น ข้าก็ไม่ได้มอบดาบให้เป็นของที่ระลึกแก่เธอเมื่อตอนที่เธอออกจากโรงฝึกไป
เธอมีพื้นฐานการเรียนรู้และทัศนคติที่ดี แต่ด้วยระยะเวลาเพียงสองปีนั้น ไม่เพียงพอที่ข้าจะสอนเธอได้หมดทุกอย่าง
ตอนนี้ข้าได้มาเป็นผู้ฝึกสอนวิชาดาบให้แก่กองอัศวิน ข้าจะได้มีโอกาสสอนเธอในฐานะลูกศิษย์อีกครั้ง บางทีครั้งนี้ข้าอาจจะได้มอบดาบให้เป็นของที่ระลึกแก่เธอก็เป็นได้
“เจ้าได้เป็นอัศวินที่ดีแล้วสินะ ข้าภูมิใจในตัวเจ้าจริงๆ”
“ไม่ค่ะ ไม่ ข้ายังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้อีกมากเลยค่ะ”
คลูนี่นั้นมีความเถรตรงมากกว่าอลิเซียและแสดงท่าทีที่อยากเข้าร่วมกับกองอัศวินอยู่เสมอ
“ข้าจะเป็นอัศวินริเบลิโอ้ให้ได้เลย!”
เธอบอกข้าแบบนั้น ข้ายังจำได้ถึงความกระตือรือร้นของเธอในระหว่างการฝึก ช่างน่ายินดีที่วันนี้ความฝันของเธอได้เป็นจริงแล้ว
หลังได้รับคำชมจากข้า เธอไม่ได้ทำท่าทางโบกมือไปมาแต่อย่างใด แต่ข้ากลับรู้สึกว่ามองเห็นเธอแกว่งหางน้อยๆที่มองไม่เห็นนั่นด้วยความดีใจ
อื้มมม ไอ้ต้าวหมาน้อยเอ๊ยยย
คลูนี่นั้นช่วยเยียวยาจิตใจได้ดีจริงๆ
“คลูนี่ พวกเราไม่มีเวลาแล้ว กลับไปปฎิบัติหน้าที่ซะ”
ชะอุ้ย ดูเหมือนว่า อลิเซียจะกลับเข้าสู่โหมด “สั่งการ” อีกครั้ง
ก็นะ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาว่างซะทีเดียว ยังมีกำหนดการแวะซื้อของที่ร้านขายของที่ระลึกกลับบ้านอีก
ตาลุงคนนี้อยากจะรีบจัดตารางฝึกให้เสร็จๆไปแล้วแว็บไปเดินเล่นในเมืองสักหน่อย
“อ๊าาา ต้องขออภัยด้วยค่ะ ท่านอาจารย์คะ หลังจากนี้พอจะมีเวลาว่างมั้ยคะ”
“เอ๋? ข้ากำลังคิดว่าถ้ามีเวลาจะไปเดินเที่ยวรอบๆเมืองสักหน่อยน่ะ”
“ได้เลยค่าาา! ปล่อยเป็นหน้าที่ข้าเอง! ข้าจะพาท่านอาจารย์ไปเที่ยวเองค่าาา!”
โอย….รู้สึกโหวงๆในท้องเลยแฮะ
คลูนี่เอ๊ยยยย ไม่ต้องกระตือรือร้นขนาดนั้นก็ได้ เจ้าทำเอาข้ากลัวนิดๆแล้วนะ
ทำยังกะเป็นไอ้ต้าวหมาน้อยที่ดีใจตอนได้เล่นน้ำฝนยังไงยังงั้น
————————————
บ่นท้ายตอน
ช้าเพราะติดเกมส์ครับ ผมว่าเกมส์มันเป็นศัตรูโดยธรรมชาติของคนแปลเลยล่ะ
ชื่อกองอัศวิน ผมเปลี่ยนไปใช้ “ริเบลิโอ้” เหมือนในมังงะแล้วนะครับ คุ้นๆว่าเวลาต่างชาติแปลญี่ปุ่น อักษร “V” ของเขา ถ้าแปลไทยมักจะเป็น “บ”
เหมือน “เบจิต้า” กับ “เวจิต้า”ของฝั่งอเมริกา (ใครเก่งไวยากรณ์ญี่ปุ่นแนะนำหน่อยนะครับ)
ชื่อตัวละคร “คลูนี่” ในมังงะ ในนิยายเขียนว่า “Kuruni Krussier” เดิมจะใช้คำว่า “คุรุนิ” ตรงตามตัว แต่พอลองเอาไปออกเสียง คำมันรวบเป็นคลูนี่ และเพราะเนื้อเรื่องและชื่อตัวละครทั้งหมดเป็นแฟนตาซีแบบยุโรปยุคกลาง (แต่ดันมีโรงฝึกดาบแบบญี่ปุ่น) ชื่อคลูนี่เหมือนในมังงะ จึงเหมาะสมกว่า เลยตัดสินใจใช้ชื่อตามนี้