ยสุดแล้ว ท่านอาจารย์นั้นช่างน่าทึ่งเสียนี่กระไร
ทั้งที่มันเป็นการท้าประลองแบบไม่ทันตั้งตัวที่เกิดขึ้นจากความกังขาของเฮนบริทช์
แต่ท่านอาจารย์กลับแสดงฝีมือออกมาได้ดีกว่าที่ข้าคาดคิดไว้
เท่านี้ ข้าก็สามารถทำให้ทุกคนได้ประจักษ์ถึงความแข็งแกร่งของท่านอาจารย์ได้แล้ว
“เป็นการประลองที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ ท่านอาจารย์” ข้ากล่าวชมพลางยื่นผ้าเช็ดเหงื่อให้กับท่านอาจารย์หลังการประลองที่ต่อเนื่องยาวนานได้จบลง
“โอ้ ขอบใจนะ อลิเซีย” ท่านอาจารย์ตอบรับ ถึงแม้ท่านจะเหงื่อชุ่มโชกไปทั้งตัว แต่กลับไม่มีอาการเหนื่อยหอบให้เห็น นั่นทำให้ข้ารู้สึกได้ว่าท่านยังมีแรงพอจะสู้ต่อได้อีก
ในทางกลับกัน เฮนบริทช์ถึงกับเหนื่อยหอบหายใจจนตัวโยน
การประลองนี้แทบจะเรียกได้ว่าโดนอยู่ฝ่ายเดียวเลย
ที่ข้าใช้คำว่า “แทบจะ” นั่นเพราะเฮนบริทช์ไม่สามารถฟาดโดนท่านอาจารย์ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
เนื่องจากท่านอาจารย์ได้อ่านทางดาบของเขาออกหมดจนทะลุปรุโปร่ง
ด้วยความแข็งแกร่งของท่านอาจารย์ คงมองเห็นว่ามันไม่ใช่รูปแบบการโจมตีที่ผิดแปลกอะไร
เริ่มจากฟันพาดลำตัว จากนั้นฟันเฉียง แล้วก็สลับฟันซ้าย-ขวา
ทั้งหมดที่ว่ามา ท่านอาจารย์อ่านขาดแล้วรับมือได้อย่างสวยสดงดงาม
ความฉับไวในปฏิริยาตอบสนอง และการผสานส่งต่อการรับรู้ผ่านสายตาไปยังสองมือของชายคนนี้ไม่อาจจัดอยู่ในระดับคนทั่วไป
ถึงทักษะด้านอื่นของท่านจะอยู่ในระดับสูงพอแล้ว แต่มีสองประการนี้ที่อยู่เหนือล้ำเกินกว่าสามัญอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับข้าแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะก้าวขึ้นไปถึงความสมบูรณ์แบบเยี่ยงนี้ได้
เขาคืออัจฉริยะที่ทำสิ่งเหล่านั้นได้อย่างสุขุมเยือกเย็น
นี่คือผลงานรังสรรค์อันเป็นหนึ่งไม่มีสองนามว่า เบริล การ์เดอนานท์
“แต่ข้าก็ดีใจนะที่ยังมีอะไรที่ข้าพอจะสอนทุกคนได้บ้าง” ท่านอาจารย์กล่าวเช่นนั้น
“ขอกล่าวด้วยความนอบน้อมอีกครั้งค่ะ” ข้าตอบรับทันควัน “พวกเรายังมีอะไรอีกมากที่ต้องเรียนรู้จากท่านค่ะ ท่านอาจารย์”
แต่ถึงอย่างนั้น ท่านอาจารย์ก็ยังคงถ่อมตัวและไม่ได้ตระหนักถึงความแข็งแกร่งที่ท่านมีอยู่เลย
ถึงจะฟังดูบ้าบอว่าคนเก่งมีฝีมือระดับนั้นจะคิดว่าตนเองมีความสามารถ “แค่เกณฑ์เฉลี่ย”ของเหล่านักดาบ แต่ข้ากล้าบอกได้เลยว่าไม่อาจปัดตกประเด็นนี้ไปได้
ความอ่อนน้อมต่อท่านนั้น ไม่ใช่ทั้งการดูแคลนในความแข็งแกร่งของตน และไม่ใช่การดูถูกตนเองแต่อย่างใด
แต่เป็นเพราะข้าคิดว่าการที่จะสามารถไปถึงขั้นความแข็งแกร่งที่ยังคงรักษาท่วงท่าได้อย่างเป็นธรรมชาติเฉกเช่นท่านได้นั้นมันช่างดียิ่งนัก
ข้ายังมีอะไรที่ต้องเรียนรู้จากท่านอีกมากเลยค่ะ ท่านอาจารย์
ความรู้สึกนี้ไม่เคยแปรเปลี่ยนไปเลยนับตั้งแต่ได้รับดาบเล่มนี้เป็นของที่ระลึกจากท่าน
“อลิเซีย ข้าขอมอบสิ่งนี้ให้แก่เจ้า” วันนั้นท่านอาจารย์ได้กล่าวเช่นนี้กับข้า
“นี่คือ…?” ในตอนนั้นข้าได้แต่แปลกใจ
-นี่มันล่วงเลยผ่านมากี่ปีกันแล้วนะ?
ย้อนนึกไป มันช่างดูยาวนานแต่ก็ดูเหมือนเพิ่งผ่านมาเมื่อวันวาน
นับเป็นเวลาถึง 4 ปีที่ข้าได้ร่ำเรียนวิชาดาบจากท่าน
นั่นทำให้ข้าประหลาดใจที่พบว่านับวันที่ยิ่งฝึกฝนกับท่าน ตัวข้าก็ยิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆ
แต่ข้ายังไม่อาจทำได้ ไม่สามารถไปถึงขั้นสูงสุด
นักดาบผู้ตื่นรู้ มองเห็นทุกสรรพสิ่ง
การเคลื่อนไหวที่ตัดทอนการสูญเปล่าถึงขีดสุด
ท่วงท่าอันผสานเข้ากับธรรมชาติอย่างไร้ที่ติ
ข้ายังไม่แข็งแกร่งพอ ยังไม่อาจเทียบชั้นกับท่านอาจารย์ได้
ในตอนนั้น ข้าได้แต่คิดอย่างนั้น
สิ่งที่ท่านมอบให้ข้าบ่งบอกให้รู้ว่าข้ามีฝีมือพอจะเป็นนักดาบได้แล้ว
“ฝีมือดาบของเจ้านั้นแข็งแกร่งพอตัวแล้วล่ะ” ท่านอาจารย์ได้บอกข้าว่า “ข้าไม่มีอะไรจะสอนเจ้าอีกต่อไปแล้ว”
“กล่าวอะไรเช่นนั้น ท่านอาจารย์!” ข้าโต้แย้งกลับไป “ข้าน่ะยังไม่อาจ….!”
ถึงข้าจะดีใจจริงๆที่ได้รับการยอมรับจากท่าน แต่ถ้าถามข้าว่าข้าพึงพอใจต่อฝีมือของข้าแล้วเหรอ ข้าตอบได้อย่างชัดเจนว่า ไม่
ฝีมือข้ายังไม่อาจเทียบเคียงกับท่านอาจารย์ได้ แล้วทำไมถึงให้ข้าเรียนจบจากโรงฝึกอย่างนี้กันเล่า?
“แน่นอนว่าเจ้าสามารถเลือกได้ว่าจะไปจากโรงฝึกนี้รึไม่ แต่อันที่จริงข้าเองก็เหลือสิ่งที่จะสอนเจ้าได้อีกไม่มากนักหรอก”
ก่อนที่อาจารย์จะกล่าวกับข้าว่า “ข้าอยากให้เจ้าเข้าใจถึงเรื่องนี้ด้วย”
“…..”
จากน้ำเสียงและท่าทีของท่าน ข้าก็รู้ได้ในตอนนั้นว่าที่จริงแล้วมันคือคำขอโทษและความจริงใจที่ท่านมีให้
โธ่ ข้าแน่ใจเลยว่าผู้ชายคนนี้ไม่รู้จักพลังของตนเองดีพอ
เขาช่างถ่อมตนจนถล่มตัวเสียจนจิตใจของเขาดิ่งลงก้นเหวไปแล้วนั่น
ข้าขอโทษที่ต้องบอกว่า ด้วยทักษะของท่านอาจารย์แล้วไม่ใช่อะไรที่จะมาอยู่โยงเป็นครูฝึกดาบในชนบทแบบนี้
เพราะเหตุที่อยู่ในสถานที่จำกัดแบบนี้ไงเล่า มันถึงทำให้ท่านไม่มีโอกาสได้รู้จักตัวเองดีพอ
“…..ข้าเข้าใจค่ะ” ที่สุดแล้วข้าก็ได้แต่ยอมรับ “ข้าขอน้อมรับสิ่งนี้จากท่าน”
ดังนั้น ข้าจึงได้ออกจากโรงฝึกในหมู่บ้านบิดเดน
ข้าจะไปหาที่ที่ดีกว่านี้ให้กับท่าน
หลังจากนั้น ข้าจึงมุ่งหน้าไปที่กองอัศวินริเบลริโอ้
สถานที่ที่ข้าจะบุกเบิกเส้นทางแห่งการเป็นสุดยอดนักดาบในประเทศนี้
นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่ข้าคิดได้ในตอนนั้น
“จากนี้ไปเป็นการสอบคัดเลือกอัศวิน โดยจะเริ่มจากการฝึกภาคปฏิบัติ!”
น้ำเสียงดุดันจากอัศวินที่ทำหน้าที่เป็นผู้คุมการสอบดังก้องไปทั่วลาน
อย่างแรกจะเป็นการซ้อมประลองระหว่างผู้เข้าร่วมสมัคร
ใครที่ดูแล้วผ่านการประเมินก็จะได้รับเลือก แล้วจึงได้ไปซ้อมประลองกับผู้คุมสอบต่อ
หลังจากนั้นก็ถือว่าจบการฝึกภาคปฏิบัติแต่เพียงเท่านี้
การได้เข้าร่วมเป็นอัศวินนั้นทำให้ข้าถึงกับอึนๆมึนๆว่าฝีมือดาบของทุกคนรวมถึงผู้คุมสอบมันช่างเชื่องช้านัก
ท่านอาจารย์ยังเร็วกว่าพวกนี้ถึง 3 เท่า แม้กระทั่งครูฝึกที่เรียกได้ว่าจะมาเป็นอาจารย์คนใหม่ให้กับข้า เชิงดาบของท่านอาจารย์เบริลก็ยังรวดเร็วกว่านี้ถึง 2 เท่า
ข้าเคยชินกับความรวดเร็วในเชิงดาบของเขาและได้ยอมรับว่าเขาเป็นจุดสูงสุด
ดังนั้นนี่จึงเป็นเพียงแค่ก้อนหินริมทางที่ข้าไม่มีทางสะดุดล้ม
ผลที่ได้:
ข้าสอบผ่านทั้งภาคปฏิบัติและทักษะการต่อสู้ด้วยคะแนนเต็ม แลัวทันทีที่ข้าได้ออกจากหมู่บ้านบิดเดน ข้าก็ได้กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของกองอัศวินแห่งริเบลลิโอ้
จากนั้น หลังจากผ่านอุปสรรคมามากมาย ข้าก็ไต่ระดับขึ้นมาจนได้เป็นหัวหน้ากองอัศวิน
ที่สุดแล้ว เมื่อต้องอยู่ใต้การกำกับดูแลของอาณาจักร ลำพังแค่วิชาดาบคงไม่เพียงพอที่จะมาถึงจุดนี้ได้
โชคดีที่พ่อแม่ข้าเป็นพ่อค้า เลยพอจะรู้เส้นสนกลในให้ข้าเอาตัวรอดมาได้
“…ฮิ ฮิ เขายังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงใช่มั้ยน้าาา?”
ข้าปล่อยตัวเอกเขนกอ่านจดหมายตอบกลับของเขา
หลังจากที่ออกจากหมู่บ้านบิดเดนมาแล้ว ข้าก็ยังคงเขียนจดหมายถึงท่านอาจารย์เป็นประจำ
ส่วนใหญ่เป็นเพราะข้าอยากให้ท่านรู้เกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของข้า และเป็นความปรารถนาส่วนตัวของข้าเองด้วยที่อยากติดต่อกับเขา
เขาเองก็ตอบกลับข้าเสมอ สิ่งเดียวที่ข้ากังวลคือเขาจะมองว่าข้าเป็นผู้หญิงใจง่ายและเรียกร้องความสนใจจากเขามั้ยนะ
จากที่ท่านอาจารย์เขียนตอบข้ามา ก็ไม่มีถ้อยคำแข็งกระด้างต่อข้าแต่อย่างใด
แต่ข้าก็ไม่แน่ใจจนกว่าจะได้ถามท่านโดยตรง ซึ่งแม้แต่ถาม ข้าก็ยังไม่กล้าเลย
ท่านอาจารย์ยังคงสุภาพอ่อนโยนไม่แตกต่างไปจากสมัยที่ข้าเรียนจบมา
มองในมุมกลับ ข้าคิดว่าเพราะเป็นอย่างนั้น จึงสมกับที่เป็นท่านอาจารย์
หลับตาลงครั้งใด ภาพของอาจารย์ที่กุมดาบไว้พร้อมรอยยิ้มยินดีก็ปรากฏให้เห็นทุกคราไป
นิ้วมือข้าเลื่อนไปสัมผัสฝักดาบเล่มนั้นอย่างที่เคย
“ในที่สุด ก็ได้รับการอนุมัติแล้วค่ะ ท่านอาจารย์” ข้ากล่าวกับตนเองเช่นนั้น
โปรดรออีกสักนิด ข้าได้เตรียมเวทีที่เหมาะสมกับพรสวรรค์ของท่านไว้ให้แล้ว