ตอนที่ 33 ชายแท้แคะนิ้วเท้า
ไป๋กุยโส้วนำพวกเขาเดินมาถึงนอกกระโจมสีขาวใต้หน้าผา แล้วกุมหมัดคารวะต่อจางชุ่ยซานอีกครั้ง “แม่นางอินซู่ซู่อยู่ในกระโจม ผู้แซ่ไป๋ต้องไปดำเนินงานชุมนุมบูชาดาบต่อ ไปกับพวกท่านไม่ได้แล้ว” จากนั้นเขาก็ตะโกนบอกคนในกระโจมว่า “นักพรตห้าจางมาถึงแล้ว” ก่อนจะหันกลับไปทางเวทีไม้
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอ่อนโยนของสตรีนางหนึ่งดังมาจากกระโจม “พวกท่านเดินทางมาไกล เชิญเข้ามาพูดคุยกันในกระโจมเถิด”
จางชุ่ยซานยื่นมือเลิกม่านออก นำเข้ากระโจมไปก่อน ผู้เล่นทั้งสามจึงตามหลังไป
เมื่อเข้าไปก็เห็นสาวน้อยอาภรณ์ม่วงกำลังนั่งสง่าอยู่ตรงหัวโต๊ะ หลังจากอีกฝ่ายเห็นคนทั้งสี่ ดวงตางามคู่นั้นก็เหมือนจะเป็นประกายสดใสขึ้นหลายส่วน บนใบหน้าเผยรอยยิ้มที่ทำให้คนจิตใจผ่อนคลายโดยไม่รู้ตัว นางคงจะเป็นแม่นางอินซู่ซู่ที่ไป๋กุยโส้วกล่าวถึงอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ในฐานะที่เป็น NPC หนึ่งเดียวของทีม จางชุ่ยซานกุมหมัดคารวะต่ออีกฝ่ายอย่างสุภาพ “อู่ตังจางชุ่ยซานคารวะแม่นางอิน ความจริงที่ผู้น้อยมาครั้งนี้ ก็เพราะมีเรื่องจะขอคำชี้แนะสักหน่อย”
อินซู่ซู่ยิ้มบาง “นักพรตห้าจางมีอะไรก็พูดมาได้เลย ข้ารับรองว่าหากรู้ก็จะตอบทุกอย่าง”
“แม่นางอิน!” ตอนนี้เอง เยี่ยเว่ยหมิงกลับก้าวขึ้นมาชิงบทบาท เมื่อมาถึงตรงหน้าโต๊ะยาวข้างหน้า ‘แม่นางอิน’ เขาก็หยิบเข็มปากยุงกับตะปูเจ็ดดาวออกมาวางบนโต๊ะอย่างละเล่ม แล้วถามว่า “ไม่ทราบว่าแม่นางอินรู้จักอาวุธลับสองชิ้นนี้หรือเปล่า”
“เดิมทีก็เป็นอาวุธของข้า ย่อมรู้จักอยู่แล้ว” อินซู่ซู่พยักหน้าเบาๆ ตอบอย่างตรงไปตรงมามาก
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบอย่างจริงใจเช่นนี้ กลับทำให้เยี่ยเว่ยหมิงทำอะไรไม่ถูกนิดหน่อย หลังจากอึ้งไปครู่หนึ่ง ถึงได้ถามต่อว่า “เช่นนั้น เรื่องที่สำนักคุ้มภัยหลงเหมินถูกฆ่าล้างสำนัก ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับแม่นางหรือไม่”
อินซู่ซู่ตอบอย่างสงบนิ่งว่า “ตูต้าจิ่นแห่งสำนักคุ้มภัยหลงเหมินทำงานไม่ดี ทำให้จอมยุทธ์สามอวี๋ได้รับบาดเจ็บจนพิการ เขาไม่สมควรตายหรอกหรือ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนข้าไหว้วานงานคุ้มกันส่งก็ได้ลั่นวาจาไว้ก่อนแล้ว ว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับจอมยุทธ์สามอวี๋ ก็จะกำจัดสำนักคุ้มภัยหลงเหมินของเขาเสีย…
…เกิดเป็นคน ก็ต้องรักษาสัจจะ ถูกไหม”
[ติ๊ง! คุณสืบหาความจริงคดีฆ่าล้างสำนักคุ้มภัยหลงเหมินแล้ว ภารกิจ ‘สำนักคุ้มภัยหลงเหมิน’ เสร็จสิ้น กรุณากลับไปที่สำนักมือปราบเทพเพื่อรับรางวัลภารกิจกับโหยวจิ้น]
แค่นี้ภารกิจก็สำเร็จแล้ว?
เยี่ยเว่ยหมิงไม่กล้าเชื่อหูตัวเองเลยจริงๆ
ในฐานะผู้ร้ายฆ่าคน นางยอมรับง่ายเกินไปแล้วมั้ง?
แค่ฉันถาม นางก็ยอมรับแล้ว แล้วการสันนิษฐานอันยอดเยี่ยมที่ฉันเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ล่ะ ในนั้นยังมีพยานบุคคล พยานวัตถุ รวมทั้งคำให้การของหลายฝ่ายเปรียบเทียบกันอีก มันจะไม่กลายเป็นความพยายามที่สูญเปล่าหมดเลยหรอกหรือ
ภายใต้จิตใจที่ไม่ยอมแพ้ เยี่ยเว่ยหมิงถามต่อว่า “แล้วจอมยุทธ์สามอวี๋แห่งอู่ตัง…”
ไม่รอให้เยี่ยเว่ยหมิงพูดจบ อินซู่ซู่ก็ชิงตัดบทเขาเสียเลย “เจ้าก็ไม่ได้รับภารกิจใดที่เกี่ยวข้องกับจอมยุทธ์สามอวี๋ เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเจ้า”
เยี่ยเว่ยหมิง “…”
พูดจามีเหตุผลมาก เถียงไม่ออกเลยแฮะ
เขาหันหน้าไปมองอินปู้คุยกับเสวียนเสี่ยวปี่ทีอยู่ข้างกายแวบหนึ่ง พร้อมทั้งส่งข้อความผ่านช่องทีม [พวกเจ้าลุยเลย ถ้าเจอจุดไหนที่พูดได้ไม่กระจ่าง ข้าจะออกความคิดให้พวกเจ้าเอง]
ในเมื่อทุกคนตั้งทีมกันทำภารกิจ ก็ย่อมต้องช่วยเหลือกัน อีกทั้งก่อนหน้านี้อินปู้คุยก็เผยข้อมูลวงในให้เขารู้มากมาย จะให้เขาทำภารกิจสำเร็จแล้วปัดก้นหนีไปทันทีคงไม่ได้หรอกใช่ไหม
แบบนั้นไร้คุณธรรมน้ำมิตรเกินไปแล้ว!
แบบนั้นคงไม่มีใครคบเป็นเพื่อนแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อที่จะรับมือกับผู้ร้าย ก่อนหน้านี้เขาเตรียมทุ่มกำลังความคิดไปไม่น้อย ของบางอย่างถ้าไม่เอาไว้ก็เสียของเปล่าๆ ไม่สู้นำมาแลกกับน้ำใจสักครั้งดีว่า
นายช่วยฉันหนึ่งครั้ง ฉันก็ช่วยนายอีกครั้ง มิตรภาพของผู้ใหญ่ก็เป็นอย่างนี้แหละ
ทว่า อินซู่ซู่เหมือนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ให้โอกาสเยี่ยเว่ยหมิงเสแสร้ง นางไม่รอให้ศิษย์สำนักอู่ตังอีกสองคนเอ่ยปาก ก็เป็นฝ่ายพูดเองว่า “เรื่องมันยาว จอมยุทธ์น้อยทั้งสามออกไปเดินเล่นด้วยกันก่อนเถิด ชมทิวทัศน์เขาหวังผานสักหน่อย เรื่องที่เกี่ยวข้องกับจอมยุทธ์สามอวี๋ ข้าจะคุยกับนักพรตห้าจางเป็นการส่วนตัวเอง”
เมื่อเห็นอินซู่ซู่ทำท่าราวกับว่า ‘ข้าจะไม่บอกหากพวกเจ้าไม่ออกไป’ พวกเยี่ยเว่ยหมิงก็ทำได้เพียงเดินออกจากกระโจมค่ายแต่โดยดี
เมื่อเดินออกมาได้สักระยะ เยี่ยเว่ยหมิงเห็นอินปู้คุยกับเสวียนเสี่ยวปี่สีหน้าดูไม่ทุกข์ไม่ร้อน จึงถามอย่างอดไม่ได้ “ทิ้งให้จางชุ่ยซานอยู่ในกระโจมค่ายนั้นลำพัง พวกเจ้าไม่กลัวเขาจะโดนลอบทำร้ายหรือ”
“ไม่หรอกน่า” อินปู้คุยไม่อธิบาย แต่จับภาพหน้าจอภาพหนึ่งส่งให้เยี่ยเว่ยหมิงเสียเลย
[คุณช่วยจางชุ่ยซานตามหาความจริงเรื่องอวี๋ไต้เหยียนได้รับบาดเจ็บสำเร็จแล้ว ทำภารกิจสำนัก ‘สืบหาความจริง’ เสร็จสิ้น กรุณากลับไปรับรางวัลภารกิจที่เขาอู่ตัง!]
พวกเขาก็ทำภารกิจสำเร็จแล้วเหมือนกัน?
เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกงงงวย “หรือพูดได้อีกอย่างว่า ภารกิจของพวกเจ้าก็แค่ทำให้จางชุ่ยซานเข้าใจความจริง แต่พวกเจ้าไม่รู้ก็ไม่เป็นไร?”
“ตอนนี้ความจริงไม่สำคัญแล้ว ตอนนี้สิ่งเดียวที่ข้ามั่นใจได้ก็คือ…” ขณะที่พูด สายตาของอินปู้คุยก็มองไปทางกระโจมค่ายที่จางชุ่ยซานกับอินซู่ซู่อยู่ รอยยิ้มบนบนใบหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีหน้าทะลึ่ง “ชายแท้แคะนิ้วเท้า[1] กำลังจะออนไลน์แล้ว”
“ฮ่าๆๆ!…”
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก็ดังขึ้นพักหนึ่ง ดังครอบคลุมทั้งเขาหวังผาน สะเทือนจนต้นไม้ใบหญ้าสั่นไหว นกป่าบินหนีกระเจิง!
จากนั้นก็เห็นชายผมทองร่างกำยำคนหนึ่งกระโดดขึ้นเวทีไม้ แค่ลงมือสองสามทีก็ทำให้ NPC สองคนของพรรคอินทรีฟ้าที่รับหน้าที่เฝ้าดาบฆ่ามังกรนอนคว่ำอยู่กับน ตอนที่ทั้งสี่ตามมาถึง คนผู้นี้ก็ชิงดาบฆ่ามังกรล้ำค่ามาไว้ในมือแล้ว “ตอนนี้ดาบฆ่ามังกรล้ำค่าอยู่ในมือข้าเซี่ยซุนแล้ว ข้าจะให้โอกาสรอดพวกเจ้าสักครั้ง ไม่ว่าจะด้วยอาวุธมีคมหรือมือเปล่า ขอเพียงเอาชนะข้าได้ครึ่งกระบวนท่า ก็จะรอดออกจากที่นี่ไปได้ ส่วนคนที่เหลือตายหมด!”
[ติ๊ง! ทำภารกิจลับ ‘ท้าสู้เซี่ยซุน’]
ผู้ชนะรอด ผู้แพ้ตาย!
ว่าแล้วเชียว ในเกมจอมยุทธ์แบบนี้ ทักษะยุทธ์ต่างหากถึงจะเป็นวิธีการสุดท้ายในการแก้ปัญหา
ก่อนหน้านี้เยี่ยเว่ยหมิงเตรียมเบาะแสสำหรับไขคดีไว้มากมาย ผลปรากฏว่าการยอมสารภาพแต่โดยดีของอินซู่ซู่กลับทำให้ทุกสิ่งที่เขาเตรียมมากลายเป็นความพยายามที่สูญเปล่า ก่อนหน้านี้เขายังสงสัยอยู่เลยว่าด่านสุดท้ายของภารกิจจะง่ายขนาดนี้เชียวหรือ จนกระทั่งตอนนี้ถึงได้เข้าใจ ว่าที่แท้แล้วก็ยังมีการทดสอบด่านสุดท้ายของภารกิจนี้รออยู่นี่เอง!
อย่าเห็นว่าพวกเขาได้รับแจ้งเตือนว่าภารกิจสำเร็จแล้ว เพราะพวกเขายังต้องกลับไปส่งมอบภารกิจอีก ก่อนที่จะส่งมอบภารกิจสำเร็จ ก็ยังไม่นับว่าภารกิจเสร็จสิ้น
หรือกล่าวได้อีกอย่างว่า หากพวกเขาถูกเซี่ยซุนฆ่าตาย ภารกิจก็ล้มเหลวอยู่ดี
ความพยายามมากมายก่อนหน้านี้ ไหลหายไปเหมือนกระแสน้ำ!
เมื่อสายตามองไปที่เซี่ยซุน ข้อมูลที่ได้รับกลับเป็น…
[เซี่ยซุน
ฉายาในยุทธภพ ราชสีห์ขนทอง พลังสูงส่งล้ำลึกยากคาดเดา
เลเวล: ???
พลังชีวิต: ???/???
กำลังภายใน: ???/???
ทักษะยุทธ์: ???]
ขณะมองเครื่องหมายคำถามเป็นพรวนตรงหน้า เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่าตัวเองแย่แล้ว
เขาหันหน้ากลับมาอย่างจนใจ ถามอินปู้คุยว่า “ท่านที่อยู่ตรงหน้านี้ ก็คือชายแท้แคะนิ้วเท้าที่เจ้าเพิ่งเอ่ยถึงอย่างนั้นหรือ”
เมื่อเห็นเซี่ยซุนบนเวทีไม้ที่ถือดาบฆ่ามังกรอยู่ในมือ อินปู้คุยก็หน้าเจื่อนเช่นกัน แม้เขาจะรู้ว่าโครงเรื่องจะดำเนินไปอย่างไร แต่กลับนึกไม่ถึงว่าภารกิจท้าสู้เซี่ยซุนจะตกอยู่กับผู้เล่นทุกคน
อินปู้คุยกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ทำได้พียงอธิบายอย่างไร้ความสามารถว่า “ชายแท้แคะนิ้วเท้าที่ข้าบอก กับชายแท้แคะนิ้วเท้าที่เจ้าบอก ไม่ใช่คนเดียวกัน!”
[1] ชายแท้แคะนิ้วเท้า 抠脚大汉 ศัพท์แสลงในอินเทอร์เน็ต หมายถึง 1. ชายรูปร่างกำยำที่แต่งกายเหมือนผู้หญิง 2. ผู้ชายที่ทักษะแย่