ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 57 ประกาศจับ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 57 ประกาศจับ

ตอนที่ 57 ประกาศจับ

[ติ๊ง! ได้รับภารกิจใหญ่สำนัก ‘สำนักคุ้มภัยฝูเวย’

สำนักคุ้มภัยฝูเวย ระดับภารกิจ: 6 ดาวสำนักคุ้มภัยฝูเวยแห่งเมืองฝูโจวเกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องหลายครั้ง ผู้ร้ายกำเริบเสิบสานที่สุด ใช้โลหิตเขียนตัวอักษร วาดพื้นดินเป็นคุก ประกาศว่า ‘ใครเดินออกจากประตูบ้านสิบก้าว ตาย!’ ฟ้าแจ้งโปร่งใส ใต้หล้าสันติสุข แต่ผู้ร้ายกลับกล้าประกาศสังหารคน ความชั่วร้ายระดับนี้ช่างน่าตระหนกจริงๆ!

สำหรับเรื่องนี้ สำนักมือปราบเทพตัดสินใจจะออกปฏิบัติการยกรัง จะต้องสืบคดีนี้จนถึงที่สุด คืนความสงบสุขให้ประชาชน

รางวัลภารกิจ:

ค่าประสบการณ์ +20000 แต้ม

ค่าตบะ +5000 แต้ม

เงิน 100 เหรียญทอง

กำลังภายในระดับกลาง ‘หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’]

ภารกิจระดับหกดาว!

และรางวัลของภารกิจนี้จะต้องเยอะมากแน่นอน!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเยี่ยเว่ยหมิง นี่คือสิ่งที่ไม่มีทางปฏิเสธได้

ตอนนี้สะสมค่าตระหนักรู้ครบแล้ว ‘เคล็ดชำระปราณ’ ก็ถึงเลเวลเก้าแล้วเช่นกัน ตอนนี้ยังขาดค่าสติปัญญาห้าแต้มถึงจะเติมเต็มเงื่อนไขการฝึก ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’

ภารกิจในครั้งนี้ ดูท่าจะต้องพยายามสุดกำลังเพื่อทำให้สำเร็จ!

คำแนะนำของภารกิจนี้ฟังดูดี ที่บอกว่าสำนักมือปราบเทพออกปฏิบัติการยกรังอะไรนั่น ความจริงก็มีแค่ผู้เล่นสามคนที่อยู่ตรงนี้ไม่ใช่หรือ

เยี่ยเว่ยหมิงที่เคยทำภารกิจระดับห้าดาวมาแล้วสองครั้ง รับรู้ถึงจุดที่น่ากลัวของภารกิจระดับสูง อย่าไปมองว่าสุดท้ายแล้วสองภารกิจก่อนหน้าก็ถูกเขาจัดการสำเร็จ เพราะอันตรายที่อยู่ระหว่างนั้น เขามานึกถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นใหม่ๆ

ส่วนภารกิจในครั้งนี้ ความยากเพิ่มขึ้นจากภารกิจห้าดาวไปอีกหนึ่งระดับ แค่คิดก็รู้ถึงระดับความอันตรายที่อยู่ในนั้นแล้ว

ถ้ามีแค่ผู้เล่นสามคนของสำนักมือปราบเทพ…

ขณะที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังรู้สึกกังวลเพราะจำนวนคนไม่พอ กลับได้ยินหวงโส่วจุนอธิบายต่อว่า “การเดินทางครั้งนี้อันตราย พวกเจ้าต่างคนต่างหาผู้ช่วยมาร่วมภารกิจในครั้งนี้ได้ มาช่วยสำนักมือปราบเทพไขคดีร่วมกัน”

เมื่อพูดจบ ก็นำกระดาษสามใบที่เต็มไปด้วยตัวอักษรซึ่งเตรียมไว้ล่วงหน้าออกมา แล้วโยนแบ่งให้ทั้งสามคน

กระดาษที่เบาและอ่อนนุ่มที่สุด เมื่ออยู่ในมือหวงโส่วจุนกลับกลายเป็นเหมือนอาวุธลับที่แหลมคม เสียงเสียดปะทะลมดังแสบแก้วหู ตอนที่ทั้งสามยังไม่ทันรู้ตัว มันก็ลอยมาถึงตรงหน้าแล้ว จากนั้นกระดาษก็พลันหมดเรี่ยวแรง เปลี่ยนกลับไปเป็นกระดาษบางธรรมดา ทิ้งตัวลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านข้างของแต่ละคน

หลังจากแต่ละแผ่นวางแน่นิ่งแล้ว ก็พบว่ามันก็ถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะน้ำชาในตำแหน่งเดียวกันอย่างเป็นระเบียบ ด้านฐานและด้านซ้ายห่างจากขอบโต๊ะน้ำชาอย่างละหนึ่งชุ่น

ไม่มากไป ไม่น้อยไป ไม่เอียง ไม่เฉียง!

ต้องทราบไว้ว่าตำแหน่งนั่งของทั้งสามอยู่ห่างจากหวงโส่วจุนแบบใกล้บ้างไกลบ้าง อีกทั้งหวงโส่วจุนก็โยนกระดาษแบบสบายมือ เขาทำให้กระดาษบางกลายเป็นคมมีดแล้วก็เปลี่ยนกลับมาเป็นกระดาษบางได้อีก เท่านี้ก็นับว่าทักษะเลิศล้ำขั้นเทพแล้ว

เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แต่ยังแบ่งโยนกระดาษสามแผ่นออกมาพร้อมกันได้ ควบคุมแรงได้ดีจนแม่นยำไม่ผิดพลาด ถึงขั้นว่าแม้แต่ตำแหน่งตอนที่กระดาษลอยตกลงมาก็ยังทำให้ผู้ป่วยโรคย้ำคิดย้ำทำรู้สึกพอใจได้

แบบนี้มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

หวงโส่วจุนคนนี้เป็นปราชญ์เทพมาจากไหนกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าจะแสดงฝีมือแบบโลกตะลึงได้อย่างสบายๆ

เจ๋งเกินไปแล้ว!

ในบรรดาสามคนนี้ ยังเป็นเยี่ยเว่ยหมิงที่ดึงสติกลับมาจากความตะลึงได้เร็วสุด เขาอ่านสิ่งที่อยู่ในมือ กลับเห็นบนนั้นเต็มไปด้วยลายมือตัวบรรจงได้มาตรฐาน ตรงจุดสำคัญถึงขั้นประทับตราประทับชาดแดงของสำนักมือปราบเทพด้วย

[ประกาศจับ: ผู้ที่ได้รับคำสั่งนี้ สามารถเข้าร่วมภารกิจหกดาว ‘สำนักคุ้มภัยฝูเวย’ ช่วยสำนักมือปราบเทพไขคดีได้

สำนักคุ้มภัยฝูเวย

ระดับภารกิจ: 6 ดาว

……

รางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ +20000 แต้ม

ค่าตบะ +5000 แต้ม

เงิน 100 เหรียญทอง อุปกรณ์คุณภาพทองคำ 1 ชิ้นที่กองควบคุมยุทโธปกรณ์วัดตัวและทำให้]

ที่แท้ก็สามารถแชร์ภารกิจผ่านวิธีนี้ได้ อีกทั้งรางวัลภารกิจก็ยอดเยี่ยมด้วย

ถ้าเป็นอย่างนี้ เวลาไปหาคนมาช่วย ก็ไม่ต้องติดหนี้น้ำใจแล้ว

“การเดินทางครั้งนี้อันตราย พวกเจ้าต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกด้าน” ขณะเห็นทั้งสามต่างคนต่างเก็บประกาศจับ หวงโส่วจุนก็ประกาศเรื่องสุดท้ายในการประชุมก่อนจะยืนขึ้น “ให้เวลาพวกเจ้าเตรียมตัวหนึ่งคืน พรุ่งนี้ก่อนยามเฉินจะต้องไปถึงเมืองฝูโจว”

“แยกย้ายได้”

หลังจากออกจากโถงประชุม เยี่ยเว่ยหมิงกำลังครุ่นคิดเรื่องราวเกี่ยวกับภารกิจครั้งนี้ เฟยอวี๋ที่ชิงก้าวนำออกมาก่อนก็เอ่ยว่า “ข้าคิดว่าภารกิจครั้งนี้ ทุกคนต้องรวมใจเป็นหนึ่งเดียวถึงจะทำสำเร็จ ข้าแนะนำว่าต่างคนต่างหาผู้ช่วยเถอะ แล้วก่อนยามเฉินก็ไปเจอกันที่โรงเตี๊ยมเย่ว์ไหลของเมืองฝูโจว ใครเห็นด้วย ใครคัดค้าน”

“แหม!” เมื่อได้ยินเฟยอวี๋พูดจาอย่างนี้ ซานเย่ว์ก็อดโต้แย้งไม่ได้ “นี่เจ้าพูดจาอย่างนี้หรือ”

เฟยอวี๋ทำท่าทางจริงจัง แล้วบอกว่า “ข้าเสนอความเห็นแล้ว ถ้ามีใครไม่เห็นด้วย พวกเราก็มาโต้เถียงกันอย่างเป็นมิตรในสำนัก หาความเห็นที่ตรงกันตอนนี้ได้เลย”

เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่แสดงออกว่าไม่คัดค้าน “ข้อเสนอแนะของเจ้าก็ไม่เลว ตกลงตามนี้แล้วกัน”

ซานเย่ว์ตั้งใจจะเถียงกับเขาต่อไป แต่พอเห็นเยี่ยเว่ยหมิงพูดแบบนี้แล้ว สุดท้ายก็ทำได้เพียงพ่นเสียงฮึดฮัดทางจมูก นับว่ายอมรับโดยปริยายแล้ว

เมื่อเฟยอวี๋เห็นดังนั้น บนใบหน้าก็เผยรอยยิ้มลำพองใจทันที หลังจากบอกอีกสองคนแล้ว เขาก็เดินนำออกไปนอกประตูใหญ่ก่อน

ขณะมองอีกฝ่ายคล้อยหลังไป ซานเย่ว์ยังคงบ่นกับเยี่ยเว่ยหมิงอย่างไม่ยินยอม “เจ้าปล่อยให้เขาอวดดีแบบนี้ ดูเขาวางมาดเข้าสิ ทำอย่างกับตัวเองเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักมือปราบเทพ”

“ปัญหาก็คือข้าไม่มีความเห็นที่แตกต่างอะไรน่ะสิ” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวอย่างไม่ถือสา “ตอนนี้พวกเราต้องเตรียมตัวสักหน่อย ค่อยไปรวมตัวกันที่เมืองฝูโจวพรุ่งนี้ก็เป็นข้อเสนอที่ดีมาก”

ซานเย่ว์ยังคงไม่ยอม “แต่ต่อให้จะทำแบบนี้ เจ้าควรจะเป็นคนพูดประโยคนี้เองสิ ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นผู้เล่นคนแรกที่เข้าสำนักมือปราบเทพ พูดแบบเบาๆ หน่อยก็คือ เขาก็ควรจะพูดกับพวกเราด้วยน้ำเสียงที่เหมือนปรึกษากัน ไม่ใช่พูดเหมือนออกคำสั่ง ตามที่ข้าเห็นนะ เขากำลังฉวยโอกาสอวดอ้างบารมีชัดๆ”

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงก็เผยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังอย่างที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ เช่นกัน “ที่จริงภารกิจครั้งนี้ต้องปรองดองกันถึงจะสำเร็จ พวกเราต้องมีเสียงเป็นเอกฉันท์ ข้ามีเจ้าเป็นแรงสนับสนุน แม้จะข่มเขาได้ แต่แบบนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยจริงๆ อย่างไรเสียผู้เล่นที่ต้องการเข้าร่วมภารกิจครั้งนี้ก็ไม่ได้มีแค่พวกเราสามคน…

…ถ้าวันนี้อวดเก่งหนึ่งครั้ง พรุ่งนี้คนครบแล้วก็ต้องอวดเก่งใหม่อีก ต้องเหนื่อยขนาดไหนกัน แถมการสู้กันโดยไร้ความหมายแบบนี้ก็จะทำให้ระดับความสามารถต่ำลงด้วย…

…มีอะไรเอาไว้คุยกันพรุ่งนี้ตอนเจอกันก็แล้วกัน…”

ตอนนี้ซานเย่ว์ถึงได้ยิ้มอย่างพึงพอใจ “ก็ได้ ข้าก็ต้องไปเตรียมตัวสักหน่อยเหมือนกัน เจอกันพรุ่งนี้”

“เจอกันพรุ่งนี้”

……

หลังจากกล่าวอำลากันแล้ว ซานเย่ว์ก็เดินไปห้องฝึกวิชาที่สำนักมือปราบเทพ ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงเดินออกประตูใหญ่ไปพร้อมทั้งเปิดแถบรายชื่อเพื่อน หลังจากเปิดไปถึงหน้ารายชื่ออินปู้คุยแล้ว ก็ปล่อยพิราบส่งจดหมายไปหาเขา

[ประกาศจับ…เยี่ยเว่ยหมิง]……

เนื้อหาแนบลิงก์ไอเทมและเน้นจุดสำคัญก็เรียบง่ายดังนี้

หลังจากนั้นสิบวินาที พิราบส่งจดหมายก็บินกลับมา

[WTF!

WTF!

WTF!

ภารกิจระดับหกดาว รางวัลก็คืออุปกรณ์คุณภาพทองคำที่วัดตัวทำใหม่!

โอ้สวรรค์!

สหายเยี่ย เจ้ามันเจ๋งจริงๆ! มีผลประโยชน์ดีๆ แบบนี้ก็บอกสหายอย่างข้าก่อนเลย

อินปู้คุย]

……

เยี่ยเว่ยหมิงตอบจดหมายกลับอีกครั้ง [อย่าพูดไร้สาระเลย พรุ่งนี้ก่อนยามเฉินเจอกันที่เตี๊ยมเย่ว์ไหลเมืองฝูโจวโรง จะมาไหม]

อินปู้คุย [นึกไม่ถึงว่าจะมีเวลาจำกัด เช่นนั้นก็เสียดายจริงๆ ข้าติดภารกิจสำนักที่สำคัญมาก เกรงว่าต้องปฏิเสธน้ำใจสหายแล้ว]

เยี่ยเว่ยหมิง [ภารกิจอะไร รางวัลเยอะกว่าภารกิจนี้อีกหรือ]

อินปู้คุย [ไม่ใช่ปัญหาเรื่องรางวัลเยอะหรือไม่เยอะหรอก คือแบบว่า…คือมันสำคัญมาก…บอกเจ้าตรงๆ เลยก็ได้ อาจารย์ข้าถูกแย่งคนรัก!]

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

Status: Ongoing
ไหนๆ ก็โดน NPC หลอกมาเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแล้ว อย่างน้อยก็ขอสกิลดีๆ หน่อยแล้วกัน!นิยายแฟนตาซีแนวเกมออนไลน์ที่จะพาคุณไปท่องยุทธภพและไขคดีสไตล์มือปราบขั้นเทพ!เยี่ยเว่ยหมิง หนึ่งในเด็กหนุ่มที่ลงทะเบียนสมัครใจอพยพไปต่างโลกเพื่อป้องกันสมองตายระหว่างหลับจำศีลตอนเดินทางในอวกาศเขาจึงต้องร่วมเล่นเกมออนไลน์ที่มีฉากหลังเป็นยุทธภพก่อนจะโดน NPC ลึกลับหลอกเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าสำนักมือปราบจะไม่มีอะไรเลยเพราะหลังจากที่เยี่ยเว่ยหมิงทำแบบทดสอบของใต้เท้าซ่งผ่านเขาก็ได้รับสกิลตัดสินคดีที่พ่วงมาด้วยเวทชันสูตรศพและเวทบรรจุศพซึ่งเวทบรรจุศพนี้เองทำให้เขาสามารถรับของที่ซ่อนไว้บนตัวผู้ตายได้รวมถึงดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายได้อีกด้วยเยี่ยมเลย! ตอนนี้เขาพร้อมที่จะออกไปไขคดีทั่วยุทธภพแล้ว!…[ติ๊ง! เปิดใช้พาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบ…][ติ๊ง! สกิลพิเศษ ‘เวทบรรจุศพ’ : สามารถดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายโดยการจัดการศพ BOSS][ติ๊ง! จัดการศพผู้อาวุโสสำนักไท่ซาน ได้รับ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ เพิ่มค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 5000 แต้ม]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท