ตอนที่ 63 นักกินสายแบ๊วกับกุ้งหลี่ว์เทียน
“หลินผิงจือ เลิกหลบเงียบๆ อยู่ข้างในได้แล้ว!”
“ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ในบ้าน!”
“ถ้าเจ้ามีความสามารถพอจะฆ่าบุรุษ แน่จริงก็ออกมาสิ!”
“ออกมาเลย ออกมาสิ ออกมาๆ!…”
“…”
ทีมเล็กหกคนเพิ่งจะมาถึงปากซอยที่ตั้งของสำนักคุ้มภัยฝูเวย ก็ได้ยินเสียงด่าปนกันยุ่งเหยิงดังมาแล้ว
สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีทีมผู้เล่นที่มีสมาชิกสิบเอ็ดคนกำลังเฝ้าอยู่ตรงปากถนนเส้นนี้
ดูจากการแต่งตัวของพวกเขา น่าจะมาจากสำนักที่ต่างกัน มีทั้งคนถือดาบ ถือกระบี่ ใช้กระบอง ฝึกหมัดมวย…มีหลากหลายแบบ ถึงขั้นว่าแม้แต่ผู้เล่นที่แต่งกายเป็นหลวงจีน นักพรตเต๋ากับแม่ชีก็มาเข้าร่วมด้วย เสียงด่าหยาบคายต่างๆ นานาก็มาจากปากพวกเขานั่นเอง
ทันทีที่พวกเยี่ยเว่ยหมิงปรากฏตัว ก็ดึงดูดสายตาของผู้เล่นทีมนี้แล้ว
จากนั้น ทีมเล็กสิบเอ็ดคนนี้ก็เข้ามาต้อนรับพร้อมกัน ผู้เล่นหญิงรูปร่างกำยำคนหนึ่งของสำนักเอ๋อเหมยพูดเปิดว่า “ทุกท่าน ปากทางนี้เต็มแล้ว ถ้าพวกเจ้ามาทำภารกิจดักหน้าประตู ก็กรุณาเปลี่ยนตำแหน่งใหม่ ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ”
เคลียร์สนาม เจอการเคลียร์สนามอีกแล้ว
ถ้าเป็นเกมออนไลน์ประเภทนี้ เรื่องการเคลียร์สนามคือสิ่งที่พบเห็นได้ทุกที่
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นสถานการณ์ดังนั้นก็ส่งสายตาให้เฟยอวี๋ที่อยู่ข้างกัน จากนั้นทั้งสองก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน ไปยืนเคียงข้างสาวน้อยที่ถูกผลักออกมาเป็นหัวหน้าทีมชั่วคราว ราวกับทั้งสามคนรู้ใจกัน ต่างคนต่างนำป้ายอาญาสิทธิ์แสดงตัวตนของตัวเองออกมา เฟยอวี๋ที่คิดหาโอกาสแสดงความสามารถมาตลอดชิงพูดก่อนว่า “สำนักมือปราบเทพปฏิบัติหน้าที่ ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกรุณาหลีกทางไปเอง”
“คนของราชสำนัก?” เมื่อได้ยินทั้งสามกล่าวถึงที่มาที่ไปอย่างชัดเจน สีหน้าของสตรีร่างกำยำที่อยู่ตรงข้ามก็เริ่มแย่ลง
แม้จะอยู่ในเกม แต่ผู้เล่นก็ไม่มีทางเห็นความสำคัญของราชสำนักจริงๆ หรอก แต่การต่อต้านราชสำนักปฏิบัติหน้าที่อย่างโจ่งแจ้ง ย่อมถูกออกหมายจับง่ายมาก
สตรีร่างกำยำมีความตั้งใจจะให้พวกเขาผ่านไป แต่เมื่อนึกถึงเงินที่ได้รับก่อนหน้านี้ ก็กังวลอีกว่าคนกลุ่มนี้จะมาทำให้ธุรกิจที่ทำกำไรของพวกเขาพังไม่เป็นท่า ดังนั้นนางจึงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังหนักแน่น “ทุกท่าน ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นคนของพันธมิตรนักกิน รบกวนพวกท่านอย่าขัดขวางช่องทางทำเงินของพี่น้องได้หรือเปล่า”
พันธมิตรนักกิน มันคือผีบ้าอะไร!
ตอนที่ทั้งสามกำลังสงสัย ในช่องทีมก็มีข้อความของถังซานไฉ่เด้งออกมา
[ในโลกของเกมเมื่อไม่กี่ปีก่อน มีแก๊งอยู่สองแก๊งที่ค่อนข้างแปลกประหลาด มีพันธมิตรนักกิน กับกุ้งหลี่ว์เทียน จุดแข็งของสองกลุ่มนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาอยู่ในเกมแล้วเก่งแค่ไหน แต่เป็นการหมุนเวียนคนที่เข้มแข็งไร้ที่เปรียบของพวกเขา…
…เพียงแต่ช่วงสองปีนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร สองกลุ่มนี้ต่างก็หายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว พวกเจ้าไม่เคยได้ยินชื่อก็ไม่แปลก]
ชื่อของกลุ่มกุ้งหลี่ว์เทียนค่อนข้างพิเศษ รายชื่อสมาชิกทุกคนของพวกเขาล้วนชื่อกุ้งหลี่ว์เทียน เพื่อให้แยกแยะได้สะดวก ก็จะเติมหมายเลขต่อท้าย ยกตัวอย่างเช่น ‘กุ้งหลี่ว์เทียน007’ อะไรทำนองนั้น มีแค่พี่ใหญ่ของพวกเขาที่ไม่มีหมายเลขอะไรตามหลัง แค่ชื่อว่ากุ้งหลี่ว์เทียน
ส่วนชื่อของห้วหน้าพันธมิตรนักกินก็คือ ‘นักกินสายแบ๊ว’ ชื่อสมาชิกส่วนใหญ่ตั้งเป็นชื่ออาหาร ยกตัวอย่างเช่นพวกแกงหมูน้ำมันพริกที่บอกข่าวเรื่องหน้าไม้เทพจูเก๋อให้โหยวโหยวผ่านช่องสำนักก่อนหน้านี้ พวกนางก็เป็นพันธมิตรนักกินเหมือนกัน
เมื่อเห็นพวกเยี่ยเว่ยหมิงไม่ตอบอะไรสักคำ สตรีร่างกำยำก็คิดว่าชื่อของพันธมิตรนักกินแสดงประโยชน์แล้ว บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยพลังหยางเผยรอยยิ้มภาคภูมิใจออกมาทันที จากนั้นก็แนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักอย่างกระตือรือร้น “พี่น้องสิบคนข้างหลังล้วนเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของทีมลูกชิ้น สังกัดพันธมิตรนักกิน มีลูกชิ้นแดง ลูกชิ้นขาว ลูกชิ้นชาวใต้ ลูกชิ้นสี่เกษม ลูกชิ้นสามสหาย ลูกชิ้นลอยน้ำ ลูกชิ้นกุ้ง ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นทอดและลูกชิ้นเต้าหู้”
โอ้แม่เจ้า นี่เธอกำลังรายงานชื่ออาหารสินะ?
พอพวกเยี่ยเว่ยหมิงได้ยินดังนั้น สายตาก็ไปหยุดอยู่บนตัวสตรีร่างกำยำที่อยู่ตรงหน้า ในหัวเกิดคำถามอย่างนี้ขึ้นมาพร้อมกัน
ในเมื่อลูกชิ้นพวกนี้ปรากฏอยู่ในรายชื่ออาหารแล้ว เช่นนั้นหญิงแกร่งที่เป็นผู้นำคนนี้จะเป็นลูกชิ้นอะไรล่ะ
ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาเอ่ยปากถามคำถามนี้ หลังจากแนะนำน้องๆ ของตังเองเสร็จแล้ว สตรีร่างกำยำก็แนะนำตัวเองอย่างอารมณ์ดี “ส่วนหนูก็เป็นหัวหน้าทีมลูกชิ้นในสังกัดพันธมิตรนักกิน ลูกชิ้นน้อยเชอร์รี่!”
“อุบ!”
เมื่อได้ยินชื่อของอีกฝ่าย สะพานสวรรค์น้อยที่ยืนอยู่ข้างหลังก็หลุดขำออกมา ทำให้ดึงดูดสายตาโกรธเคืองของอีกฝ่ายทันที แต่ยังไม่ทันรอให้ลูกชิ้นน้อยเชอร์รี่พูดอะไร เฟยอวี๋ที่ยืนอยู่แถวหน้าก็เอ่ยถามแล้วว่า “ลูกชิ้นน้อย? ข้าว่าควรจะชื่อลูกชิ้นหัวสิงโตมากกว่ากระมัง”
“เจ้าว่าอะไรนะ!”
เมื่อได้ยินคำหยอกล้อของเฟยอวี๋ ลูกชิ้นน้อยเชอร์รี่ก็กลายร่างเป็นแมวโดนเหยียบหางทันที นางตะคอกถามอย่างโมโหพร้อมชักกระบี่ยาวออกมาแทงไปทางปากเฟยอวี๋โดยไม่พูดไม่จา “เจ้าไปตายเสียเถอะ!”
แต่เฟยอวี๋เป็นใครกันล่ะ
เขาคือยอดฝีมือวิชาดาบที่ประลองกับเยี่ยเว่ยหมิงได้นะ!
เมื่อเผชิญการจู่โจมกะทันหันที่ไม่นับว่าเป็นการลอบโจมตีแบบนี้ เขาไม่เกิดความลนลานใดๆ เลย เพียงชักดาบออกมาโบกอย่างสบายมือหนึ่งที ก็ทำให้กระบี่ยาวในมือลูกชิ้นน้อยเชอร์รี่กระเด็นออกไปแล้ว
ในเมื่ออีกฝ่ายลงมือก่อนแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ย่อมไม่เกรงใจพวกเขาอีก พอเกิดความคิดนี้ กระบี่ชิงจู๋ก็มาอยู่ในมือเขาแล้ว เขาถือโอกาสใช้ท่าไซซีกุมดวงใจ แทงถูกหัวใจของลูกชิ้นน้อยเชอร์รีพอดี
ฉึก!
-1320!
ภายใต้การโจมตีนี้ ลูกชิ้นน้อยเชอร์รี่ที่รูปร่างสูงใหญ่เสียกระบี่ยาวในมือไปแล้ว นางกลายเป็นแสงขาวสายหนึ่งหายไปจากตรงหน้าของพวกเขา
ปลิดชีพ!
ด้วยพลังโจมตีของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ ผู้เล่นทั่วไปที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นเพียงสิ่งที่ใช้กระบี่จัดการสองสามทีเท่านั้น หากโดนโจมตีคริติคอลครั้งเดียว ผลที่ได้ก็คือปลิดชีพ
ท่ามกลางผู้เล่นที่อยู่ตรงนั้น นอกจากถังซานไฉ่ที่เคยเห็นพลังโจมตีอันน่าหวาดกลัวของเขามานานแล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่มีใครที่ไม่ตกใจ ลองเปลี่ยนมาคิดอีกมุมหนึ่ง ต่อให้ตัวเองจะไปยืนอยู่ในตำแหน่งลูกชิ้นน้อยเชอร์รี่ แต่สภาพก็คงไม่ได้ดีกว่านางไปสักเท่าไรหรอกกระมัง
การที่เยี่ยเว่ยหมิงโจมตีทีเดียวปลิดชีพได้อย่างราบรื่นฉับไว แม้จะน่าตกตะลึง แต่กลับไม่ทำให้กลุ่มคนฝั่งพันธมิตรนักกินยอมศิโรราบ
สำหรับผู้เล่นแล้ว อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเพียงเกมเท่านั้น คนตายแล้วก็ฟื้นชีพได้ทันทีตรงจุดเซฟ
สิ่งที่เรียกว่าหวาดกลัวต่อความตาย สำหรับพวกเขาแล้วไม่น่าปวดใจเท่ากับการเสียอุปกรณ์ไปหนึ่งชิ้นหรอก
ตอนนี้พี่ใหญ่ฝั่งตัวเองถูกอีกฝ่ายกำจัดทิ้งแล้ว พวกเขาย่อมไม่มีเหตุอะไรให้ต้องถอย
ถ้าตายหนึ่งครั้ง ต่อให้ใช้เวลานานก็กลับมาได้อยู่ดี แต่ถ้าถอยในเวลานี้ ก็จะถูกเพื่อนหัวเราะเยาะไปทั้งชีวิต!
เมื่ออยู่ภายใต้สภาพจิตใจเช่นนี้ ลูกชิ้นทั้งสิบก็โบกอาวุธพุ่งสังหารเข้ามาพร้อมกัน เป็นพลังที่น่าตื่นตกใจ
แต่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย!
สิ่งที่พวกเขาทำได้ก็คือ แสดงความกล้าหาญว่าไม่รักตัวกลัวตายเท่านั้น ผู้เล่นที่พอจะมีฝีมืออยู่บ้างในบรรดาผู้เล่นสิบคนนี้ เมื่อปะทะกับยอดฝีมือหกคนแล้วจะเกิดผลลัพธ์อย่างไรล่ะ? นอกจากจะทยอยกันสิ้นชีพกลายเป็นแสงสีขาว ก็ย่อมทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
ใช้เวลาเพียงประเดี๋ยวเดียว ลูกชิ้นสิบคนก็ถูกหกคนนี้โจมตีจนกลายเป็นแสงสีขาวหมด ดรอปอุปกรณ์สี่ชิ้น ล้วนเป็นอุปกรณ์ขยะที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่ชายตามอง ในจำนวนนั้น กระบี่ยาวที่ดรอปจากลูกชิ้นน้อยเชอร์รีคุณภาพดีกว่ากระบี่ในมือสะพานสวรรค์น้อยนิดหน่อย ส่วนที่เหลือก็เป็นสินค้าคุณภาพธรรมดา หลังจากสะพานสวรรค์น้อยเปลี่ยนกระบี่เล่มใหม่แล้ว ของที่เหลือก็ถูกเก็บไว้ในมือหัวหน้าทีมอย่างซานเย่ว์หมด รอให้ภารกิจจบลง ก็จะนำไปขายทิ้งเพื่อนำเงินมาแบ่งกันทั้งหมด
จะว่าไปแล้ว สกิลอักษร ‘คน’ ของนางก็เหมาะสมกับการทำเรื่องนี้มาก
“ไปกันเถอะ” พอเก็บกระบี่ชิงจู๋แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็เอ่ยเสียงเรียบ “การเข้าประตูไปก็คือด่านแรกที่ง่ายที่สุดในภารกิจ สิ่งที่รออยู่ในภารกิจจะยิ่งยากกว่านี้ ทุกคนอย่าชะล่าใจเด็ดขาด”
“รอเดี๋ยว”
ตอนนี้ถังซานไฉ่พลันเอ่ยขึ้น ถามอย่างสงสัยว่า “ก่อนหน้านี้ลูกชิ้นน้อยเชอร์รี่เป็นฝ่ายมา PK เฟยอวี๋ก่อนแล้วถูกฆ่าตายก็ช่างเถอะ แต่ผู้เล่นคนอื่นเป็นเพราะลงมือช้าไปหน่อย ควรจะนับว่าพวกเราเป็นฝ่ายลงมือก่อนสิถึงจะถูก แต่พอสู้กันแล้ว ทำไมข้าไม่ถูกหักค่าวีรบุรุษสักแต้มเลยล่ะ กลับได้เพิ่มสองแต้ม ไม่มีเหตุผล!”
“เพราะพวกเราเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายของราชสำนัก เป็นฝ่ายธรรมะ” ตอนนี้เฟยอวี๋อธิบายแทนเยี่ยเว่ยหมิง “แต่อีกฝ่ายเริ่มตั้งแต่ตอนมาดักฆ่าคนตรงประตู ก็ย่อมถูกกำหนดให้กลายเป็นฝ่ายอธรรมไปแล้ว การโจมตีอำนาจชั่วร้ายย่อมเป็นการกระทำที่ถูกต้อง ก็ต้องได้รางวัลมากกว่าถูกลงโทษอยู่แล้ว”
“ไม่เพียงแค่เท่านี้” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวเสริม “สำหรับผู้เล่นสำนักมือปราบเทพที่อยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ พฤติกรรมทุกอย่างที่ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเรา จะถือเป็นการใช้กำลังขัดขืนทั้งหมด เจ้าไม่ต้องกังวลเลยว่าพวกเราจะถูกอีกฝ่ายย้อนมาสังหารล้างแค้นตอนนี้ เพราะผู้เล่นที่ถูกกำจัดทิ้งในการต่อสู้ประเภทนี้ จะไปฟื้นชีพอยู่ในคุกใหญ่ของสำนักมือปราบเทพหมด อิงตามค่าวีรบุรุษของพวกเขาเอง อย่างน้อยก็ต้องติดคุกหนึ่งชั่วโมงกว่าจะถูกปล่อยออกมา”
“หึ!” ถังซานไฉ่ได้ยินแล้วอดสบถไม่ได้ “อย่างกับสุนัขวางอำนาจน่ารำคาญที่สุด!”
เยี่ยเว่ยหมิงหัวเราะแห้ง “ครั้งนี้เป็นเพราะเจ้ามาตั้งทีมกับพวกเรา ก็เลยได้รับสวัสดิการของสุนัขวางอำนาจแล้วครั้งหนึ่ง รู้สึกอย่างไรล่ะ”
สีหน้ากลัดกลุ้มของถังซานไฉ่ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มทันที พันหมื่นถ้อยคำกลั่นออกมาเป็นคำเดียว
“สุดยอด!”