ตอนที่ 256 จี้พระปีศาจ
[วิธีฝึกกำลังภายนอกและกำลังภายใน]
บันทึกพื้นฐานวิชากำลังภายนอกของอาเอ้อร์รวมทั้งสำนักจินกัง เป็นวิชาที่ฝึกจากภายนอกสู่ภายใน ใช้วิชากำลังภายในที่กำหนดจะเพิ่มค่าประสบการณ์ (พละกำลัง x 100 + ความแข็งแกร่ง x 100) แต้ม
[รองเท้าจินกัง (ทองคำ)]
รองเท้าที่ยอดฝีมือบู๊ลิ้มสวมใส่ เบาและเย็นสบาย ทนทานต่อการใช้งาน
ป้องกัน +50
ท่าร่าง +50
พลังชีวิตสูงสุด +500
กำลังภายในสูงสุด +500
……
[เสื้อคลุมขนสัตว์จินกัง (ทองคำ)]
เสื้อคลุมขนสัตว์ที่ยอดฝีมือบู๊ลิ้มสวมใส่ หนาแน่นและรักษาความอบอุ่นได้ดี
ป้องกัน +150
กำลังภายในสูงสุด +2000
……
[จี้พระปีศาจ (อาวุธล้ำค่า)] สร้อยพระที่ปนเปื้อนเลือดสด มีพลังงานชั่วร้ายกลุ่มหนึ่ง คนที่ไม่มีพุทธธรรมประจำตัวจะควบคุมไม่ได้
พลังชีวิตสูงสุด +3000
กำลังภายในสูงสุด +2000
กำลังภายใน +30%
ค่าวีรบุรุษ -500 (หมายเหตุ: หลังจากใส่อุปกรณ์แล้วจะถูกหักค่าวีรบุรุษ หลังจากถอดอุปกรณ์จะไม่คืนค่าวีรบุรุษ อุปกรณ์มีความเสี่ยง กรุณาใส่อย่างระมัดระวัง!)
เงื่อนไขการฝึก: เลเวลพุทธธรรม 5
……
[วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร ] คัมภีร์พุทธะ ค่าตระหนักรู้ +1
……
เงิน: 800 เหรียญทอง
……
ไอเทมดรอปจากอาเอ้อร์บอกไม่ถูกว่าดีหรือแย่ เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่สนใจเช่นกันว่าของพวกนี้จะดีหรือไม่ดีกันแน่ ในสายตาของเขา อย่างไรเสียก็ไม่ดีไปกว่ากระบี่อิงฟ้าของเขาหรอก
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ใช่คนโลภ ในบรรดาสิ่งตอบแทนที่ได้รับวันนี้ เขาต้องการเพียงกระบี่อิงฟ้าเล่มเดียว!
เยี่ยเว่ยหมิงวิ่งต่อไป อาต้าไล่ฆ่าต่อไป สะพานสวรรค์น้อยกับถังซานไฉ่ไล่ฆ่าอยู่ข้างหลังอาต้า ส่วนน้องดาบที่เก็บอุปกรณ์ก็ใช้ท่าร่าง ‘เทพท่องร้อยแปรเปลี่ยน’ วิ่งเข้าไปในหุบเขาน้ำเต้าโลหิต
อาต้าที่มีกระบี่อิงฟ้าอยู่ในมือจะเป็นตัวละครโหดที่ห้ามสิ่งมีชีวิตเข้าใกล้ ทุกคนใช้การโจมตีระยะไกลยังพอก่อกวนได้บ้าง แต่น้องดาบที่โจมตีระยะไกลไม่เป็น ถ้าอยู่ที่นี่ต่อ นอกจากแค่ดูเอาสนุกแล้วก็แสดงบทบาทอะไรไม่ได้
เพื่อไม่ให้ยอดฝีมือระดับสูงที่ความสามารถเป็นรองแค่ตัวเองอยู่ว่างๆ ให้เสียเวลาเปล่า พอเยี่ยเว่ยหมิงเห็นอาเอ้อร์ตายแล้ว ก็ให้นางไปร่วมปฏิบัติการกับฉางซิงอวี่ที่หุบเขาน้ำเต้าโลหิตเสียเลย ส่วนรายละเอียดว่าจะทำอย่างไร เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้บงการมากนัก อย่างไรเสียบนสนามรบที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแบบนี้ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก็สำคัญกว่ากลยุทธ์ที่ตายตัว
การวิ่งมาราธอนไล่ฆ่ารอบปากหุบเขายังคงดำเนินต่อไป เพียงแต่เมื่อเวลาการต่อสู้นานผ่านไปนาน ทางด้านอาต้าก็เริ่มหมดความอดทนแล้ว ไม่รอบคอบเรื่องกระบวนท่าเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
จุดนี้เยี่ยเว่ยหมิงต้องกดไลก์ให้ผู้ออกแบบเกม
ต้องทราบไว้ว่าผลการแข่งวิ่งของทั้งสองก่อนหน้านี้ได้พิสูจน์แล้วว่าต่อให้อาต้าไม่ถูกรบกวนใดๆ แต่ก็ตามเยี่ยเว่ยหมิงไม่ทันอยู่ดี แต่เมื่อความโกรธโจมตีจิตใจ เขากลับมองข้ามจุดสำคัญของปัญหาไป สนใจแต่ไล่ตามอย่างนั้น ถ้าไม่ได้ฆ่าอีกฝ่ายก็จะไม่ยอมหยุด ท่าทางเหมือนจะไล่ตามไปชั่วนิรันดร์
สิ่งนี้ได้เพิ่มเวลาให้เยี่ยเว่ยหมิงทำอะไรได้มากขึ้นแล้ว
เป็นอย่างที่คาดไว้ เมื่ออาต้าเริ่มปล่อยตัวปล่อยใจ ถังซานไฉ่และสะพานสวรรค์น้อยที่กำลังปล่อยอาวุธลับอยู่ข้างหลังเขาก็ตระหนักได้ว่าโอกาสมาถึงแล้ว
ถังซานไฉ่โบกมือยิงอาวุธลับชนิดต่างๆ สามสิบสองชิ้นไปทางอาต้า แต่กลับถูกปราณกระบี่ของอีกฝ่ายฟันพังอย่างไม่มีข้อยกเว้น อาต้าที่ต้านอัลติเมทสกิลของถังซานไฉ่ได้เพิ่งเก็บกระบี่กลับมาแล้วไล่ตามเยี่ยเว่ยหมิงอีก สะพานสวรรค์น้อยก็โบกมือเรียวสวยของตัวเอง ปล่อยเข็มบินสองเล่มฝังเข้าไปในแผ่นหลังตรงหัวใจของอาต้าอย่างเงียบเชียบ
-312
ถูกพิษ!
-425
ถูกพิษ!
อาวุธลับชิ้นแรกก็คือเข็มผึ้งหยกที่มีพิษ ถึงแม้จะไม่ทำให้เสียค่าพลังชีวิตหรือลดค่าสเตตัสโดยตรง แต่กลับทำให้อาต้ารู้สึกคันจนทนไม่ไหวไปทั้งตัว
พิษชนิดนี้ออกฤทธิ์ต่อเนื่องหนึ่งนาที
ส่วนบนอาวุธลับชิ้นที่สองก็คืออาวุธลับอาบพิษยาตัดวิญญาณ: ทุกสามวินาทีจะลบค่าพลังชีวิต 1000 แต้ม ต่อเนื่องสามนาที
เมื่อพิษสองชนิดนี้รวมกัน ผลที่ได้ก็ร้ายแรงเป็นพิเศษ
แม้อาต้าจะอาศัยจิตใจที่แน่วแน่ของตัวเองคงการเคลื่อนไหวไว้เหมือนเดิม แต่ความรู้สึกทั้งเจ็บทั้งคันที่ทะลุถึงหัวใจกลับทำให้เขาทรมานจนร้องโอดครวญออกมา ตอนนี้เอง ถังซานไฉ่ใช้วิชามวยซั่นโส่วโจมตีออกมาหนึ่งที แม้จะยังถูกกระบี่อิงฟ้าของอาต้าต้านไว้ได้ แต่เพราะได้รับผลกระทบจากพิษของเข็มผึ้งหยก ไม่ว่าเขาจะควบคุมอย่างไร กระบวนท่าก็มีช่องโหว่เล็กน้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็จับจุดอ่อนของอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำ ใช้ ‘วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ โจมตีใต้ซี่โครงจนทะลุเป็นรูชัดเจน!
จากนั้นอีกหนึ่งนาทีต่อมา สำหรับอาต้าแล้วเหมือนความทรมานในนรกจริงๆ
เมื่ออยู่ภายใต้การล้อมโจมตีของสามยอดฝีมือ อาต้าที่ถูกพิษของเข็มผึ้งหยก ถ้ายังต้านมวยซั่นโส่วของถังซานไฉ่ได้ ก็จะต้านวิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ของเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ ถ้าต้านวิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ของเยี่ยเว่ยหมิงได้ ก็จะถูกวิชามวยซั่นโส่วของถังซานไฉ่ซ้อมน่วมทั้งตัว
แม้จะเป็นเวลาเพียงหนึ่งนาที แต่ก็ถูกโจมตีจนเสียพลังชีวิตไปแล้วหนึ่งในสามส่วน!
เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งนาที อาต้ากลับมาโหดและกล้าหาญเหมือนก่อนหน้านี้อีกครั้ง แม้ยาตัดวิญญาณยังทำให้ค่าพลังชีวิตลดลงหนึ่งพันแต้มทุกๆ สามวินาที แต่การเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่ได้รับผลกระทบแล้ว ตอนนี้กลับป้องกันการโจมตีรอบตัวได้อย่างแน่นหนา ไม่ว่าผู้เล่นสามคนนั้นจะพยายามอย่างไร ก็สร้างดาเมจบนตัวเขาเพิ่มไม่ได้แม้แต่น้อย
หลังจากผ่านไปอีกสองนาที ยาตัดวิญญาณหมดฤทธิ์แล้ว พลังชีวิตของอาต้าลดลงไปเหลือประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นแต้ม
จากนั้น…เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เกิดความสูญเสีย ค่าพลังชีวิตของเจ้าหมอนี่ก็เริ่มฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งดูจากท่าทางระมัดระวังของเขา อย่างน้อยก่อนที่ค่าพลังชีวิตจะกลับมาเต็ม เขาก็ไม่ทำพลาดเล็กน้อยเหมือนก่อนหน้านี้เอง
สรุปก็คือ อาต้าคนนี้ยังเป็นมอนสเตอร์ที่ตายยากคนหนึ่ง!
อีกทั้งตอนนี้อาต้าก็หายจากอาการโมโหถึงขีดสุดแล้วด้วย เลิกไล่ตามศัตรูที่ตัวเองตามไม่ทันอย่างเยี่ยเว่ยหมิง เปลี่ยนเป็นไลฆ่าสะพานสวรรค์น้อยแทน แต่ก็ถูกเยี่ยเว่ยหมิงใช้เคล็ดจิต ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ล่อให้กลับมาอีก
จากนั้น ทั้งสี่คนก็วิ่งมาราธอนไล่ฆ่ากันต่อไป…
ขณะที่วิ่ง ถังซานไฉ่ก็ยังเจียดเวลามองสีของท้องฟ้าที่ค่อยๆ มืดลง จากนั้นพูดกับเยี่ยเว่ยหมิงด้วยน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้ “สหายเยี่ย ตกลงว่าเจ้ามีวิธีการจัดการเจ้าหมอนี่หรือเปล่า ความอยู่ยงคงกระพันของข้าคงอยู่ได้ถึงยามจื่อเท่านั้น ดูจากระดับของภารกิจนี้ เมื่อถึงเวลาแล้ว ข้าต้องตายอีกรอบแน่นอน คงต้องลงหลุมฝังศพไปเป็นเพื่อนศัตรู!…
…บอกตามตรง แม้สหายจะไม่กลัวการตายแค่ครั้งสองครั้ง แต่ถ้าหลีกเลี่ยงการตายได้ เจ้าก็พยายามทำให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อหน่อยเถอะ”
ตอนที่เขากำลังพูดสิ่งเหล่านี้ ความโศกเศร้าบนใบหน้าประกอบกับเสียงที่สัตย์ซื่อจริงใจ ทำให้คนฟังรู้สึกปวดใจจริงๆ ใครเห็นก็ต้องน้ำตาไหลตาม
เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกเห็นใจกับสิ่งที่สมบัติฝังร่วมคนนี้ประสบพบเจอ แต่สำหรับคำถามของอีกฝ่าย เขากลับอธิบายอย่างจนใจว่า “ข้านึกไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะมีเจตจำนงแน่วแน่ขนาดนี้ ขนาดพิษของเข็มผึ้งหยกส่งผลกระทบต่อเขาสิบนาที ตอนอยู่ในสถานการณ์ก่อนหน้านี้ เขายังป้องกันจุดสำคัญบนร่างกายได้อย่างแน่นหนาเลย ไม่อย่างนั้นขอเพียงข้าฉวยโอกาสทำให้แขนขาของเขาพิการสักจุดหนึ่ง ก็กำหนดชัยชนะได้โดยสมบูรณ์แล้ว”
พูดจบก็เสริมอีกว่า “ตอนนี้ในมือข้ามีเข็มบินชุบยาตัดวิญญาณหนึ่งเล่ม เพิ่งขอมาจากสะพานสวรรค์น้อย เดิมทีเตรียมจะเก็บไว้ใช้สำรอง ผลปรากฏว่าหาโอกาสเหมาะที่จะโจมตีให้เขาถึงชีวิตไม่ได้เลย”
ถังซานไฉ่ก็รู้เช่นกันว่าเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้โกหก แต่ก็อดถามไม่ได้ว่า “เช่นนั้นตอนนี้พวกเราทำอย่างไรดี จะวิ่งต่อไปจนฟ้าสว่างเลยหรือ”
“ไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอก” เยี่ยเว่ยหมิงวิ่งอยู่ข้างหน้าสุด ขณะเดียวกันส่งข้อความในช่องทีมด้วย [ที่จริงการฝืนสังหารอาต้า ก็เพื่อให้ผลลัพธ์การต่อสู้ขยายใหญ่ขึ้นอีกขั้นก็เท่านั้นเอง การโจมตีฝั่งฉางซิงอวี่กับน้องดาบไม่มียอดฝีมือคอยขัดขวาง ตอนนี้คงใกล้สำเร็จแล้วใช่ไหม]
ที่จริง เยี่ยเว่ยหมิงคิดถึงแผนการสังหารอาต้าได้หลายแบบมาก
ยกตัวอย่างเช่นปล่อยพิษต่อเนื่อง ฉวยโอกาสใช้ยาตัดวิญญาณของสะพานสวรรค์น้อยที่เหลืออยู่ไม่กี่ครั้งสุดท้าย ทรมานให้อาต้าค่อยๆ ตาย
หรือไม่ก็ค่อยๆ ถ่วงเวลาเขา ขอเพียงอยู่ในระยะเวลาที่พิษของเข็มผึ้งหยกออกฤทธิ์ โจมตีจนเกิดคริติคอลดาเมจสักสองครั้งก็พอ
ต่อให้พิษหายไปแล้ว และเขาฟื้นคืนค่าพลังชีวิตกลับมาเต็มอีกครั้งก็ไม่เป็นไร
อย่างมากก็หาโอกาสให้สะพานสวรรค์น้อยนำเข็มมาเติมให้เขาอีกเล่มก็พอ ขอเพียงหาโอกาสโจมตีคริติคอลดาเมจ ก็จะโอกาสโจมตีครั้งเดียวจนเกิดผลปลิดชีพแล้ว!
ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวถ้าต้องยืดเวลาออกไป
แต่สองวิธีสังหารที่บรรยายมาข้างต้น กลับต้องขึ้นอยู่กับพิษเข็มผึ้งหยกของสะพานสวรรค์น้อยที่โจมตีจนเกิดช่องโหว่ขนาดใหญ่บนตัวอาต้า ถึงจะมีที่ว่างให้โจมตี
แต่ไม่น่าเชื่อว่าอาต้าจะต้านพิษของเข็มผึ้งหยกได้ ทั้งยังป้องกันบนจุดสำคัญและข้อต่อบนร่างกายได้อย่างแน่นหนา
สิ่งเหล่านี้ทำให้แผนร้ายที่มีอยู่เต็มหัวของเขากลายเป็นแผนที่แสดงบทบาทไม่ได้
อีกทั้งดูจากสถานการณ์ตอนนี้ เหมือนจะทำได้เพียงล้มเลิกความคิดเพ้อฝันที่จะสังหารอาต้า หวังว่าแผนการฝั่งฉางซิงอวี่กับน้องดาบจะสำเร็จอย่างราบรื่นก็พอ
ความจริงได้พิสูจน์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นฉางซิงอวี่หรือน้องดาบ ก็ล้วนเป็นเพื่อนร่วมทีมที่เชื่อถือได้มาก
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่งพูดจบ ทั้งสี่ก็ได้ยินเสียงกีบเท้าม้าวิ่งตะบึงดังมาจากปากหุบเขาแล้ว