ตอนที่ 265 กลยุทธ์อ้างเพื่อน!
เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบเสียเวลากับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ จึงมาไม่ทันหาที่พักที่ด่านประตูหยกอย่างที่คาดไว้ ทำได้เพียงเลือกตั้งค่ายพักแรมนอกเมือง
ในบทกวีกล่าวว่าสายลมวสันต์ไม่พัดผ่านด่านประตูหยก ตอนกลางคืนนอกด่านนี้เหน็บหนาวเป็นพิเศษจริงๆ
เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบไม่ได้เตรียมอุปกรณ์สำหรับตั้งค่าย กระโจม ผ้านวม อุปกรณ์ฉุกเฉินอะไรก็ไม่ได้นำมาติดมาด้วย ทำได้เพียงก่อไฟง่ายๆ อยู่ระหว่างภูเขาเพื่อไล่อากาศหนาว แล้วถือโอกาสพักผ่อนสักหน่อย อย่างไรเสีย การเดินทางทั้งคืนแบบนี้ ต่อให้เป็นผู้เล่นยอดฝีมืออย่างพวกเขาก็ไม่สะดวกเท่าเดินทางตอนกลางวันอยู่ดี
ในระหว่างนั้น เยี่ยเว่ยหมิงดีดหมาป่าโชคร้ายตัวหนึ่งตาย แล้วใช้มีดสั้น ‘กัวจิ้ง’ ซึ่งเป็นอาวุธเทพผ่าท้องมัน จากนั้นนำไปล้างริมลำธารแล้วหั่นเฉลี่ยเป็นชิ้นเล็กๆ ใช้ไม้ที่เหลาไว้แล้วเสียบไว้ ก่อนจะนำมาย่างบนกองไฟ
หลังจากนั้นพักหนึ่ง น้ำมันในเนื้อหมาป่าก็ถูกย่างจนไหลออกมาจากเนื้อ หยดลงบนถ่านด้านล่าง ส่งเสียงฟู่ๆ กลิ่นเนื้อหอมเย้ายวนใจโชยมาตามลมเช่นกัน ทำให้คนเกิดอาการเปรี้ยวปาก
พริก ยี่หร่าและเครื่องปรุงรสต่างๆ ล้วนเป็นของขวัญที่ไม่เห็นแก่ตัวจากระบบ ราคาของมันถูกมาก หลังจากซื้อแล้วก็เก็บสะสมไว้ในมิติของสัมภาระได้เลย ทำให้บรรดาผู้เล่นพกไปไหนมาไหนได้สะดวกยิ่งขึ้น นำมาใช้ได้ตลอดเวลา เมื่อโรยมันบนเนื้อที่เพิ่งย่างสุก ไม่เพียงแค่กระตุ้นปุ่มแยกรสชาติให้คนเท่านั้น ยังทำให้กลิ่นหอมของเนื้อเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่งด้วย กระตุ้นให้นาสิกประสาทชัดเจนยิ่งขึ้น
“กินได้แล้ว” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็นำเนื้อย่างสิบกว่าไม้ลงจากตะแกรงบนกองไฟ จากนั้นก็แบ่งให้สองคน ตัวเองกับน้องดาบได้คนละแปดไม้ พร้อมทั้งบอกว่า “เก็บเข้าในสัมภาระจะรักษาอุณหภูมิความร้อนได้ กินหนึ่งไม้ถือหนึ่งไม้ สะดวกรวดเร็ว”
“เรื่องพื้นฐานแบบนี้ข้าย่อมรู้อยู่แล้ว” น้องดาบปากแข็ง แต่ก็เป็นอย่างที่นางบอก นางเก็บเนื้อย่างทั้งหมดไว้ในสัมภาระ เหลือไว้เพียงหนึ่งไม้ในมือ นางมองหน้าตาอาหารที่เป็นมันเยิ้มแวบหนึ่ง ความอยากอาหารก็ถูกกระตุ้นเพิ่มขึ้นหลายส่วน
เนื้อหมาป่าย่าง: คุณภาพ 20 กินแล้วลดค่าความหิว 20 แต้ม ภายในหนึ่งชั่วโมงเพิ่มพละกำลัง 30 แต้ม
พอลองกัดหนึ่งคำ น้องดาบก็รู้สึกทันทีว่ากลิ่นหอมกำลังฟุ้งกระจายอยู่ในปาก ตอนนี้ฝีมือของเยี่ยเว่ยหมิงแม้จะไม่ถือว่าดีมาก ถึงอย่างไรก็ใช้ ‘การเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน’ และการฝึกฝนบ่อยๆ ทำให้ค่าสเตตัสฝีมือการทำครัวเพิ่มขึ้นถึงเลเวลสามแล้ว อาหารที่ย่างออกมาแม้จะไม่ถือว่าเป็นอาหารเลิศรสล้ำค่า แต่ถ้าเป็นในชีวิตจริง ก็ถือเป็นระดับอาหารชื่อดังในโลกโซเชียลได้เลย
คุณภาพอาหารระดับนี้ ถ้าจะบอกว่าทำให้คนกินเป็นบ้าได้ก็เป็นคำพูดเหลวไหล แต่ว่าอยู่ในสถานที่ที่ข้างหน้าไม่มีหมู่บ้านข้างหลังไม่มีร้านค้าแบบนี้ สำหรับผู้เล่นที่ค่าความหิวกำลังสูง มันกลับเป็นความยั่วยวนใจที่อยากจะต้านทานได้
พอน้องดาบกินคำแรกหมดแล้ว ก็อดใจไม่ไหวต้องกินคำต่อไป…
จนกระทั่งกินเนื้อย่างหมดไปหนึ่งไม้ นางถึงได้โยนไม้ทิ้งอย่างไม่ใส่ใจ ทำให้ไม้ไปปักอยู่บนต้นหยางใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่ข้างหลัง แล้วนางก็บอกว่า “มองไม่ออกเลยว่ามือปราบหน้าเหม็นอย่างเจ้าจะมีฝีมือการย่างที่ไม่เลวเลย เจ้าเคยฝึกมาก่อนหรือ”
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าแล้วตอบส่งเดช “ทักษะการทำอาหารของข้าถึงเลเวลสามแล้ว อาหารที่ย่างออกมาก็พอกินได้ บวกกับคำชี้แนะของน้องชายคนหนึ่งก่อนหน้านี้ นับว่าพอเข้าใจเคล็ดลับการย่างเนื้ออยู่บ้าง” ตอนที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็นำเนื้อหมาป่าย่างอีกสิบกว่าไม้มาย่างไว้บนตะแกรง ย่างเนื้อชุดที่สองต่อไป
“เชอะ! ข้าชมเรื่อยเปื่อย แต่เจ้ากลับหลงตัวเอง” น้องดาบกลอกตามองเยี่ยเว่ยหมิง แล้วนำเนื้อไม้ต่อไปมากินต่อ แต่เนื่องจากกินไปแล้วไม้หนึ่ง ตอนนี้นางจึงไม่หิวมากเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ตอนที่กำลังกิน ในที่สุดนางก็ถามคำถามที่นางสงสัยมาตลอด “จะว่าไปแล้ว เจ้ามีจุดไหนที่แตกต่างจากคนอื่นกันแน่ ถึงสอดคล้องกับเงื่อนไขภารกิจของหวังเฟยแห่งเซี่ยตะวันตก นางบอกว่าพอพวกเรารับภารกิจแล้วก็จะรู้เอง แต่ตอนนี้ข้ายังสมองทึบเหมือนหมอกลงอยู่เลย”
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ตอบ แต่ส่งลิงก์ไอเทมมาให้นาง
[รายชื่อวัตถุดิบยา (ไอเทมภารกิจ)] รายชื่อวัตถุดิบยาที่หวังเฟยแห่งตะวันตกให้มา บนนั้นเขียนไว้ว่า: ยาผึ้งหยก ปลาขาวบึงหนาว ท้อสวรรค์คุนหลุน ปลาหลีฮื้อทอง น้ำดีจิ้งจอกหิมะ ยาเปลี่ยนเส้นเอ็น ขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูก
……
หลังจากเห็นรายชื่อของอย่างสุดท้าย น้องดาบก็เข้าใจแล้ว
สงสัยจะเจอกับภารกิจของหลี่ชิวสุ่ยเข้าแล้ว นั่นก็คือบนตัวผู้เล่นจะต้องมีวัตถุดิบยาหนึ่งในเจ็ดรายการบนรายชื่อนี้
หลังจากไขข้อสงสัยแล้ว น้องดาบก็ไม่คิดวนเวียนเรื่องภารกิจนี้อีก ตอนที่แบ่งของกันก่อนหน้านี้ นางก็หมายตา ‘ขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูก’ ขวดนั้นไว้แล้วจริงๆ แต่เยี่ยเว่ยหมิงอาศัยกติกาการแบ่งไอเทมที่ทุกคนยอมรับเป็นเสียงเดียวกันนำของสิ่งนั้นไปแล้ว นางเองก็พูดอะไรไม่ได้เช่นกัน
อย่างไรเสีย ในภารกิจครั้งนี้ นางก็คิดว่าผลตอบแทนที่ตัวเองได้รับไม่ด้อยกว่าเยี่ยเว่ยหมิง
ความสามารถของนางเดิมที่ก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ถ้าอยากจะโจมตีมอนสเตอร์ดรอปอุปกรณ์ก็เป็นเรื่องที่ง่ายสุดๆ กอปรกับในชีวิตประจำวันไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมาย ไม่เหมือนเยี่ยเว่ยหมิงที่ได้เงินมาเท่าไหร่ก็เอาแต่คิดว่าจะซื้อโลงศพ นางถือเป็นเศรษฐีนีคนหนึ่งจริงๆ
ในภารกิจต่อเนื่องครั้งนี้ เงินส่วนหนึ่งของนางที่ใช้ซื้ออุปกรณ์ขายประมูลในทีมได้กลายเป็นศักยภาพประจำตัวนางแล้ว ทำให้พลังต่อสู้ของนางเพิ่มขึ้นเยอะมาก
สุดท้ายจี้พระปีศาจ อาวุธที่ดรอปจากอาเอ้อร์ก็ถูกนางประมูลซื้อมาในราคาที่ต่ำมาก
ค่าสเตตัสของจี้ย่อมไม่ต้องพูดถึงเลย ไม่ว่าจะอยู่บนตัวผู้เล่นคนใด ก็ล้วนทำให้ศักยภาพเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับทั้งนั้น
เพียงแต่การตั้งค่าของมันที่กำหนดว่าเมื่อค่าตบะพุทธธรรมกับอุปกรณ์ถึงเลเวลห้าแล้วถูกหักค่าวีรบุรุษห้าร้อยแต้มก็ทำให้คนปวดไข่จริงๆ ทำให้อุปกรณ์ระดับสูงที่ดีมากชิ้นหนึ่งกลายเป็นเหมือนซี่โครงไก่ที่ไร้ประโยชน์แต่ก็รู้สึกเสียดายถ้าจะทิ้ง
แต่น้องดาบกลับไม่ถือสาขีดจำกัดอันโหดร้ายกับค่าสเตตัสด้านลบที่หลอกลวงของมัน
นางไม่ปวดไข่ เพราะนางไม่มีไข่!
นางเป็นศิษย์ของสำนักฝ่ายมาร สำหรับนาง ค่าวีรบุรุษเป็นเพียงจุดเล็กๆ จุดเดียว จะมีหรือไม่มีก็ได้ อีกทั้งสำนักดาบโลหิตแม้จะก่อกรรมทำชั่วมานับไม่ถ้วนเพราะการนำของปรมาจารย์ดาบโลหิต แต่ที่จริงแล้วก็เป็นสำนักสายพุทธเหมือนกัน…
จี้ชิ้นนั้น จะบอกว่าสร้างมาเพื่อน้องดาบก็ไม่ถือว่ากล่าวเกินไป
น้องดาบโยนไม้เสียบเนื้อไปข้างหลังอย่างไม่ใส่ใจ ไม้ไปเสียบอยู่ด้านล่างของไม้แท่งแรกบนต้นหยางพอดี แล้วนางก็หยิบเนื้อย่างไม้ที่สามขึ้นมากินอีก กินไปด้วยพูดไปด้วยว่า “หวังเฟยนั่นใช้ผ้าขาวปิดใบหน้าอยู่ตลอด เจ้าลองเดาดูสิ สหายที่นางบอกว่าถูกทำลายโฉมหน้า อาจจะเป็นตัวนางเองหรือเปล่า”
“ยังต้องเดาอีกหรือ ก็ต้องใช่อยู่แล้ว! กลยุทธ์อ้างเพื่อนง่ายมาก เป็นวิธีการที่คนทำกันเป็นปกติ” เยี่ยเว่ยหมิงตอบแบบไม่คิดมาก
“เจ้าพูดเช่นนี้อาจจะคิดเองเออเองไปหน่อยกระมัง” น้องดาบแสดงออกว่าไม่เชื่อ “ดูจากที่นางออกมาครั้งเดียวก็ใช้หน่วยเหยี่ยวเหล็กสามสิบคนคุ้มกันก็รู้แล้ว ฐานะของนางที่เซี่ยตะวันตกไม่ต่ำแน่นอน ข้าไม่กล้าจินตนาการจริงๆ หวังเฟยคนหนึ่งที่ถูกทำลายโฉมหน้ามาหลายสิบปี แต่ยังรักษาฐานะที่สูงส่งอย่างนี้เอาไว้ได้อีก ต้องรู้ไว้นะว่าท่านอ๋องของแดนเซี่ยตะวันตกที่อยู่ในฉากของเกมนี้คือเจ้าจอมมารหลี่หยวนฮ่าว”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วชูสี่นิ้วพร้อมทำสีหน้าเรียบเฉย
“หมายความว่าอะไร” น้องดาบงุนงง
“สี่บอสใหญ่ที่มีสุดยอดวิชาป้องกันตัว เจ้าน่าจะรู้นะว่าหมายความว่าอะไร” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวอย่างสมเหตุสมผล “หากหลี่หยวนฮ่าวไม่อยากถูกนางตบตายด้วยฝ่ามือเดียว ก็ไม่ควรจะเกิดความคิดแย่ๆ สิ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอก เนื้อรอบนี้ก็กำลังจะสุกแล้วเช่นกัน!”
ตอนที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มโรยเครื่องปรุงไว้บนเนื้อที่กำลังจะสุก “จะว่าไป เจ้าดึงดันอยากได้กระสอบข้าวขนาดนี้ มีภารกิจอะไรกันแน่ที่ทำให้เจ้าตั้งใจขนาดนี้”
ภารกิจนี้เดิมทีคือหนึ่งในความลับสุดยอดของน้องดาบ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าทั้งสองกำลังจะไปส่งไอเทมภารกิจด้วยกัน น้องดาบก็ลังเลนิดหน่อย แล้วตอบตามความจริงว่า “ไปหา NPC ที่ชื่อจั่วปั๋วเยี่ยนที่เมืองเจิ้นเจียง ขอให้เขาช่วยกลั่นสุราโอสถพิเศษที่ชื่อว่า ‘สุราเพลิงหยกน้ำแข็งลึกลับ’ แต่ก่อนหน้านั้น พวกเราต้องไปเอาของที่ด่านประตูหยกก่อน”
น้องดาบเริ่มกินเนื้อไม้ที่เจ็ดขณะที่พูด ตอนนี้เพิ่งนึกได้และถามเยี่ยเว่ยหมิงว่า “ทำไมเจ้าไม่กินบ้างล่ะ”
“กำลังจะกินเดี๋ยวนี้”
หลังจากแบ่งเนื้อย่างหมดแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้ย่างเนื้อต่อ แต่ใช้ไม้เสียบเนื้อเขี่ยดินเหนียวขนาดใหญ่ออกมาหนึ่งก้อน จากนั้นทุบเบาๆ
กลิ่นหอมมหาศาลของเนื้อย่างฟุ้งกระจายออกมาในชั่วพริบตาเดียว
ไก่ขอทาน: คุณภาพ 40 กินแล้วลดค่าความหิว 50 แต้ม ภายในหนึ่งชั่วโมงเพิ่มพลังชีวิตสูงสุด 1200 แต้ม
ถึงอย่างไรก็เป็นอาหารในตำราทักษะที่เคยเรียนมาแล้ว ประสิทธิภาพเหนือกว่าคุณภาพของเนื้อหมาป่าย่างที่ปรุงโดยอาศัยสัญชาตญาณอยู่แล้ว
เมื่อได้กลิ่นหอมอันไร้ที่เปรียบและเห็นไก่ขอทานที่น่ากินกว่าเนื้อย่างมาอยู่ตรงหน้า แล้วก็ดูค่าความหิวของตัวเองที่กำลังจะเหลือศูนย์ ในที่สุดน้องดาบก็รู้แล้วว่าทำไมเยี่ยเว่ยหมิงไม่กินเนื้อย่าง
เพราะหลังจากพวกเขาตัดสินใจว่าจะแวะพักผ่อน ก็ล่าไก่ป่ามาได้แค่ตัวเดียว!
โดนเจ้ามือปราบหน้าเหม็นน่ารังเกียจวางกับดักอีกแล้ว
ทำได้เพียงมอง แต่กินไม่ได้
น่าโมโห!