ตอนที่ 268 ประมุขพรรคสือ
การเคลื่อนไหวของน้องดาบไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก ไม่มีใครสงสัยเช่นกัน ต่อให้เป็นเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่กล้าพูดว่าการเคลื่อนไหวของตัวเองเหนือกว่าน้องดาบเสมอไป เพราะอย่างมากตัวเองก็แค่อาศัยความได้เปรียบของค่าสเตตัสรังแกนางเท่านั้นเอง
สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ BOSS เลเวลสี่สิบห้าถือว่าไม่สร้างภัยคุกคามใดๆ ให้แก่เขาแล้ว
สำหรับน้องดาบก็เป็นอย่างนี้เช่นกัน!
ใช้เวลาไม่ถึงสามนาที ซั่นจื้อก็เปลี่ยนจากบอสเลเวลสี่สิบห้าที่ค่าพลังชีวิตเต็มหลอดกลายเป็นบอสเลเวลสี่สิบห้าที่ใกล้ตายแล้ว
แต่หลวงจีนรูปนี้ก็เด็ดเดี่ยวเหมือนกัน เมื่อเห็นตัวเองกำลังจะถูกโจมตีตาย ก็โยนดาบล้ำค่าในมือทิ้งทันที แล้วคุกเข่าตะโกนว่าศิษย์พี่หญิง จากนั้นยิ้มสู้พร้อมนำสูตรกลั่นสุราที่น้องดาบบอกออกมา แล้วใช้สองมือยื่นให้นาง
น้องดาบคว้าสูตรกลั่นสุรามาไว้ในมือ นางมองมันแวบหนึ่ง แล้วหันมาบอกเยี่ยเว่ยหมิงว่า “NPC ที่ชื่อจั่วปั๋วเยี่ยนนั่นได้รับขนานนามว่าเป็นเทพสุรา ไม่ใช่ว่าเขาคอแข็งดื่มสุราได้เยอะ แต่ฝีมือการกลั่นสุราของเขาไม่เป็นรองใคร ถ้าอยากจะขอให้เขายื่นมือช่วย ก็ย่อมต้องแสดงน้ำใจอยู่แล้ว จั่วปั๋วเยี่ยนนั่นติดสุราเป็นชีวิตจิตใจ ชอบรวบรวมสูตรกลั่นสุราที่แตกต่างกันที่สุด สูตรลับของสุราขาวนอกด่านก็คือสูตรที่เขาต้องการ”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า มองซั่นจื้อที่คุกเข่าอยู่บนพื้นแวบหนึ่ง จากนั้นถามในช่องทีมว่า “เจ้าโจมตี BOSS จนสภาพเป็นอย่างนี้แล้ว ไม่ถือโอกาสฆ่าหรอกหรือ”
น้องดาบได้ยินแล้วมองเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสายตาแปลกๆ แวบหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าศิษย์สำนักฝ่ายมารอย่างตน เมื่อเทียบกับเขาแล้วตัวเองกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อยจิตใจงามไปเลย!
แต่เมื่อนึกถึงแผนการใหญ่ที่ตัวเองกลั่นกรองคิดมานานก็รู้สึกว่าใช้คำว่านางฟ้ามาบรรยายตัวเองก็ฟังดูเกินจริงไปหน่อย
เช่นนั้นควรจะนับเป็นอะไร นางฟ้าตกสวรรค์?
ความคิดมากมายเกิดขึ้นในใจ แต่ปากน้องดาบกลับบอกว่า “ถึงอย่างไรก็อยู่สำนักเดียวกัน ข้าไม่สะดวกจะลงมือจริงๆ แล้วถ้าข้าทำอย่างนั้น ก็อาจส่งผลกระทบต่อแผนการใหญ่ของข้า ได้ไม่คุ้มเสีย”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าเข้าใจแล้ว”
น้องดาบ “???”
นี่! เจ้ามือปราบหน้าเหม็น เจ้าจะไปเข้าใจอะไร
ไม่รอให้น้องดาบเอ่ยถาม เรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อมาทำให้นางตกใจเหมือนถูกฟ้าผ่าจนกรอบนอกนุ่มในแล้ว
[ติ๊ง! คุณถูกผู้เล่นเยี่ยเว่ยหมิงเตะออกจากทีม!]
จากนั้นน้องดาบก็เห็นเยี่ยเว่ยหมิงพลิกฝ่ามือ มีลำแสงสีขาวสายหนึ่งยิงออกมาจากมือของเขา
ท่าทางแบบนี้น้องดาบคุ้นเคยที่สุดแล้ว
วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์!
แกร๊ง!
ฉึก!
-28146!
ลำแสงสีขาวจมหายเข้าไปในหว่างคิ้วของซั่นจื้อ อีกฝ่ายเดิมทีก็ค่าพลังชีวิตไม่เยอะอยู่แล้ว จึงหายไปในชั่วพริบตาเดียว
[ติ๊ง! ผู้เล่นเยี่ยเว่ยหมิงเชิญคุณเข้าทีม ยอมรับหรือไม่]
[ใช่/ปฏิเสธ]
ผลงานต่อเนื่องจากเยี่ยเว่ยหมิงทำให้น้องดาบหนังหัวชาวาบ หลังจากกดยอมรับแล้ว กลับได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดต่อว่า “คำโบราณกล่าวได้ดี หนึ่งคนตาย สองคนรอด…
…เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ข้างกายมีสหายร่วมทีม ก็จะทำงานที่ทำคนเดียวไม่ไหวให้สำเร็จได้มากมาย ก็เหมือนกับซั่นจื้อคนนี้ แม้เจ้าจะไม่มีทางโจมตีสังหารจนได้รับรางวัลเป็นค่าประสบการณ์และค่าตบะของเขา แต่อุปกรณ์ที่ดรอปได้ก็ยังแบ่งคนละครึ่งได้”
พูดไปพูดมา เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิงฟัน เผยฟันขาวเต็มปากให้น้องดาบเห็นพร้อมถามว่า “ข้ามีน้ำใจใช่ไหมล่ะ”
ซั่นจื้อไม่ใช่ NPC คนสำคัญอะไร นอกจากเลเวลไม่สูงแล้ว ยังไม่ใช่ BOSS ร่างแท้โหมดปกติด้วย ถึงขั้นว่าเยี่ยเว่ยหมิงทำเฟิร์สคิลแล้วยังไม่ได้รางวัล ของที่ดรอปได้ย่อมไม่ดีสักเท่าไร
อย่างไรเสีย หลังจากเตะศพแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่พบของสักอย่างที่ต้องตาต้องใจตัวเอง
หลังจากปรึกษากับน้องดาบครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจเก็บของไว้ที่ตัวเยี่ยเว่ยหมิงก่อน รอกลับไปแล้วค่อยขายและแบ่งเงินกัน
BOSS ขยะแบบนี้ไม่คู่ควรกับโลงศพไม้คุณภาพดี เยี่ยเว่ยหมิงจึงนำเสื่อมาม้วนไว้เสียเลย จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือพิชิตมังกรตีให้เกิดหลุมบนดิน โยนศพลงไปในนั้น แล้วก็ใช้มังกรซ่อนกบดานตบกระพือดินขึ้นมากลบหลุมให้เรียบเสมอกัน
ด้วยค่าตบะกำลังภายในของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ การฝังศพไม่จำเป็นต้องใช้พลั่วเหล็กแล้ว
สมบูรณ์แบบ!
พอปัดเศษดินที่ไม่ได้มีอยู่จริงบนมือ เยี่ยเว่ยหมิงก็พูดเหมือนไม่ได้ตั้งใจว่า “ในการใช้ขาวิ่งจะฝึกวิชาตัวเบาได้ แต่ก็อาจเสียเวลาเกินไป พวกเรากลับไปนั่งรถม้าที่ด่านประตูหยกดีกว่า รีบทำภารกิจให้เสร็จเร็วๆ หน่อย ข้ายังต้องรีบอัปเลเวลอีก”
น้องดาบได้ยินแล้วเตือนว่า “อย่าลืมนะ ภารกิจของจวนอ๋องจ้าวข้าก็รับมาแล้วเช่นกัน ถึงตอนนั้นจะทำด้วยกันหรือเปล่า”
“ดูสถานการณ์ก่อนแล้วกัน” เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้รับประกัน
น้องดาบพูดต่อว่า “ข้ารู้ว่าในนั้นมีของอย่างหนึ่งที่ช่วยเพิ่มกำลังภายในได้มาก”
“หมายถึงงูเหลือมของเหลียงจื่อเวิงนั่นน่ะหรือ” เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า “ก็ได้ เจ้ารับหน้าที่วางแผนจับงู ครั้งนี้พวกเราต้องจับเป็น หลังจากกลับไปแล้วค่อยๆ ปรุง พยายามแสดงสรรพคุณของมันให้ได้มากที่สุด”
……
เมืองเจิ้นเจียงตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลเจียงซู สมัยโบราณเรียกว่า ‘รุ่นโจว’ เป็นเมืองที่อยู่ติดกับทะเลทั้งฝั่งตะวันออกที่สุดแห่งหนึ่งเช่นกัน เศรษฐกิจเฟื่องฟูมาก
แต่ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ เมืองเจิ้นเจียงกลับไม่เป็นที่นิยมของผู้เล่นมากนัก เหตุผลก็ไม่ใช่เพราะอะไร เพียงเพราะบริเวณนี้ไม่มีสำนักในยุทธภพใดๆ
ทั้งบริเวณเจิ้นเจียง อำนาจบู๊ลิ้มเพียงฝ่ายเดียวก็คือพรรคยุทธภพที่ชื่อว่าพรรคฉางเล่อ
หมายเหตุ เป็นพรรค ไม่ใช่สำนัก
พรรคฉางเล่อไม่ใช่สถานที่สำหรับคำนับอาจารย์เรียนวิชา ผู้เล่นแม้เข้าร่วมสำนักนั้น แต่ก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะได้เรียนทักษะยุทธ์ที่เข้าท่า
แต่ยังดีที่ถ้าเข้าร่วมพรรคฉางเล่อแล้วจะไม่ถือว่าทรยศสำนักตัวเอง พวกศิษย์สำนักฝ่ายมารที่ไม่สนใจค่าวีรบุรุษเข้าร่วมได้เลย นับว่าเป็นช่องทางหนึ่งในการรับภารกิจเช่นกัน
แต่ในพรรคฉางเล่อไม่มีวิทยายุทธ์ที่เข้าท่าอะไร รางวัลภารกิจของที่นี่ก็เน้นเงินเป็นหลัก ค่าประสบการณ์ ค่าตบะเป็นรอง แม้แต่อุปกรณ์ก็เอาไว้เป็นเครื่องประดับเท่านั้น
พรรคยุทธภพแบบนี้ แน่น่อนว่าดึงดูดได้เพียงพวก NPC ที่อยากจะเสพสุขเท่านั้น เติมเต็มความต้องการให้พวกผู้เล่นที่อยากแข็งแกร่งขึ้นไม่หยุดไม่ได้เลย
ภายใต้การนำของน้องดาบ ทั้งสองก็มาถึงร้านขายสุราที่ชื่อว่าร้านเทพสุราแล้ว
พอทั้งสองเข้าประตูมา ก็เห็นสาวน้อยชุดขาวคนหนึ่งกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่หน้าโต๊ะยาว หลังจากเห็นลูกค้าเข้าประตูมา นางก็ทำตัวกระปรี้กระเปร่าทันที ลุกขึ้นบอกว่า “ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ ทั้งสองอยากขายสุราอะไรเจ้าคะ”
สาวน้อยผู้นี้รูปร่างสูงระหง แม้จะเทียบกับน้องดาบและสะพานสวรรค์น้อยก็ไม่ด้อยกว่ามากนัก เรียกว่าเป็นสาวงามประจำตำบลได้เลย
ต้องทราบไว้ว่าในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ สาวงาม NPC ขาดแคลนกว่าผู้เล่นเยอะมาก
ถึงอย่างไรปัจจัยในการดำรงชีวิตของยุคโบราณก็แย่กว่าปัจจุบันไม่รู้ตั้งเท่าไร การบำรุงร่างกายไม่ดีระหว่างที่ NPC เติบโตถือเป็นสภาวะปกติ ที่หน้าตามีน้ำมีนวลเดิมทีก็มีไม่เยอะอยู่แล้ว แต่สาเหตุที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ตอนที่ผู้เล่นเข้ามาในเกม มีสิทธิ์จำกัดในการปรับแต่งรูปลักษณ์ภายนอก 30% แต่ NPC กลับไม่มีสิทธิ์นั้น
เมื่อได้ยินคำถามของสาวน้อย น้องดาบก็ก้าวขึ้นมาตอบทันทีว่า “น้องจั่วซือ เจ้ายังจำข้าได้หรือเปล่า ตอนนี้ข้ารวบรวมวัตถุดิบทั้งหมดในการกลั่น ‘สุราเพลิงหยกน้ำแข็งลึกลับ’ ได้แล้ว ทั้งยังมี ‘สูตรเฉพาะของสุราขาวนอกด่าน’ ของท่านลุงจั่วด้วย นำมาพร้อมกันเลย ท่านลุงจั่วก็อยู่บ้านใช่ไหม”
“ที่แท้ก็เป็นพี่หนึ่งดาบ ท่านดูข้าสิ แทบจะจำไม่ได้แล้ว” เด็กสาวที่ชื่อว่าจั่วซือได้ยินแล้วกล่าวขออภัย จากนั้นบอกว่า “ท่านพ่อของข้าพักผ่านอยู่โถงด้านหลัง ข้าจะพาพวกท่านไปหาเขา”
“น้องจั่วซืออยู่บ้านด้วยหรือ”
ตอนที่จั่วซือเตรียมจะพาทั้งสองไปพบจั่วปั๋วเยี่ยน จู่ๆ ก็มีเสียงที่ไร้มารยาทมาจากข้างนอก พอหันไปมอง กลับพบคุณชายหน้าตาหล่อเหลาjสวมเสื้อผ้าหรูหราคนหนึ่งใช้พัดเลิกม่านที่เขียนคำว่า ‘สุรา’ ขึ้นแล้วเดินหัวเราะคิกคักเข้ามา
เมื่อเห็นคนผู้นี้ จั่วซือก็สีหน้าบึ้งตึงทันที ในแววตาเผยความรังเกียจสุดขีด “ข้าไม่อยู่บ้าน ประมุขพรรคสือเชิญกลับไปเถิด”