ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 271 วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ VS วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์!

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 271 วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ VS วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์!

ตอนที่ 271 วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ VS วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์!

ตรงปลายถนนใหญ่ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านเทพสุรา ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบก็หยุดเคลื่อนไหวร่างกายแล้ว คนหนึ่งใช้สองมือยันหัวเข่าตัวเองไว้ อีกคนพิงกำแพงรั้วอิฐสีดำของบ้านคน ปากกำลังอ้ากว้างเพื่อหอบหายใจพร้อมกัน หายใจสูดอากาศบริสุทธิ์ริมถนนอย่างกระหาย

ผ่านไปพักใหญ่ ผู้เล่นยอดฝีมือสองคนนี้ถึงได้ฟื้นฟูตัวเองจากสถานะด้านลบที่เกิดขึ้นเพราะ ‘ข้าวหนึ่งกระสอบ’

น้องดาบบอกว่า “มือปราบหน้าเหม็น นี่เจ้าเล่นลูกไม้อะไรอีก เมื่อครู่นี้ให้ข้าสังหารสือจงอวี้ก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ เดิมทีข้าเตรียมจะทดสอบสักหน่อยว่าหลังจากใช้ ‘กรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’ ขยุ้มกบาลเขาจนตายแล้ว ผลลัพธ์จะเหมือนกับในข้อมูลแนะนำหรือเปล่า”

สำหรับลักษณะพิเศษของ ‘กรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’ น้องดาบคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังเยี่ยเว่ยหมิง

เพราะนางแน่ใจมาก ว่าเยี่ยเว่ยหมิงไม่ให้โอกาสนางขยุ้มศีรษะเขาเด็ดขาด ต่อให้ขยุ้มได้แล้วจริงๆ แต่ด้วยค่าสเตตัสที่อันธพาลกว่า BOSS ของเยี่ยเว่ยหมิง นางก็เจาะกะโหลกเขาไม่ได้อยู่ดี

สำหรับคำถามของน้องดาบ เยี่ยเว่ยหมิงถามกลับว่า “คนในยุทธภพให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีหน้าตาที่สุด หากประมุขพรรคฉางเล่อถูกพวกเราสังหารตายที่โรงเตี๊ยม เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรี พวกเขาไม่มีทางเลิกจองเวรพวกเราแน่นอน ถึงตอนนั้นต่อให้ไม่มีใครชอบประมุขพรรคคนนี้ แต่ก็ต้องล้างแค้นเพื่อเขาแน่ ถ้าหาพวกเราไม่เจอ พวกเขาก็ทำได้เพียงจับพ่อลูกตระกูลจั่วมาเป็นแพะรับบาป แล้วสุราเพลิงหยกน้ำแข็งลึกลับของพวกเรา…”

น้องดาบได้ฟังแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้ “อย่าบอกนะว่าตอนนี้พวกเราไล่สังหารเขา แล้วพรรคฉางเล่อจะไม่ไปล้างแค้นพ่อลูกตระกูลจั่ว”

เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างมั่นใจมาก “ถ้าตัวการของพวกเขาฉลาดมากพอ จะไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด”

น้องดาบขมวดคิ้ว “เจ้ามั่นใจหรือเปล่าว่าจะทำให้พวกเขาตายอย่างไร้ร่องรอย ถึงขั้นไม่ให้เกี่ยวโยงมาถึงตัวพวกเราสองคนได้”

“พวกเขาจะรู้หรือไม่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ” เมื่อเห็นน้องดาบยังไม่เข้าใจเจตนาของตนเท่าไร เยี่ยเว่ยหมิงจึงอธิบายต่อ “ประการแรก ในระหว่างการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ข้าสังเกตเห็นว่าพวกลูกสมุนของเฉินชงจือกับพรรคฉางเล่อมองสือจงอวี้ด้วยสายตาแปลกมาก ที่รู้ๆ คือไม่ได้นับถือจากใจจริงแน่นอน เป็นสายตาที่ไม่พอใจมาก…

…สิ่งนี้กำลังอธิบายว่า สือจงอวี้ไม่ได้รับความนิยมในพรรคฉางเล่อ กอปรกับทักษะยุทธ์ยอดแย่ที่อืดอาดยืดยาดของเขา เป็นประมุขพรรคได้เพราะมีเงื่อนงำบางอย่างแน่นอน” เขาชะงักไปครู่เดียว แล้วพูดต่อว่า “แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นก็คือหากเขาตายแล้วจริงๆ เกรงว่าคงไม่มีใครยินดีล้างแค้นเพื่อเขาจากใจจริง โดยเฉพาะหากต้องล่วงเกินพวกเราสองคนเพราะเรื่องนี้…

…ดังนั้น ตราบใดที่หาข้ออ้างที่ฟังขึ้นให้พวกเขาได้ ข้าคิดว่าคนของพรรคฉางเล่อก็ยินดีจะปิดตาหนึ่งข้าง ด้านหนึ่งก็ตะโกนว่าจะสืบหาคนร้ายและล้างแค้นให้ประมุขพรรค อีกด้านหนึ่งก็เลือกประมุขพรรคคนต่อไปอย่างตื่นเต้นดีใจ…

…และเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มั่นใจว่าจะมองข้ามการล้างแค้นของพวกเราสองคนได้ พวกเขาไม่มีทางเปลี่ยนเป้าหมายการล้างแค้นไปที่สองพ่อลูกตระกูลจั่วง่ายๆ แน่นอน เพราะนอกจากจะไม่จำเป็นแล้ว กลับต้องแบบรับความเสี่ยงและปัญหาใหญ่ด้วย!”

เมื่อได้ฟังแผนการในใจของเยี่ยเว่ยหมิง น้องดาบกลับพยักหน้าอย่างโล่งอก

เป็นอย่างที่คาดไว้ นี่ต่างหากคือเยี่ยเว่ยหมิงที่ตนรู้จัก

ส่วนที่บอกว่าเวลาที่อภัยคนได้พึงให้อภัยอะไรนั่น ก็เป็นเพียงข้ออ้างยามจำเป็นเท่านั้น

ไปคิดเป็นจริงเป็นจังไม่ได้เด็ดขาด

เมื่อรู้สึกได้ว่าการหายใจคงที่แล้ว น้องดาบก็เปลี่ยนประเด็นสนทนา “บอกแผนการของเจ้ามาโดยละเอียด จะไล่ตามไปสังหาร หรือจะเฝ้าตอไม้รอกระต่าย[1]”

“คำแนะนำของข้าก็คือทำสองอย่าง!” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าว “เจ้าไปดักซุ่มอยู่ตรงทางที่พรรคฉางเล่อต้องผ่านก่อน ส่วนข้าจะไล่ฆ่าตามไปข้างหลัง มีเพียงการทำอย่างนี้ ถึงจะรับประกันได้มากที่สุดว่าอีกฝ่ายจะไม่รอดเงื้อมมือพวกเราไปได้…

…อย่างไรเสีย หากมีคนเห็นพวกเราสังหารสือจงอวี้มากเกินไป ต่อให้อีกฝ่ายอยากแกล้งโง่ แต่ก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก…

…ในเมื่อต้องการความร่วมมือจากอีกฝ่าย เช่นนั้นก็ต้องให้เงื่อนไขที่เอื้อต่อการร่วมมือกับพวกเขา มีแต่ต้องทำแบบนี้เท่านั้น การร่วมมือกันถึงจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี”

สำหรับคำแนะนำของเยี่ยเว่ยหมิง น้องดาบย่อมไม่มีความเห็นแย้งใดๆ นำแผนที่ที่ซื้อไว้ตอนมาเจิ้นเจียงครั้งแรกออกมา หลังจากหาตำแหน่งดักซุ่มที่พอใจได้แล้ว ก็หันไปบอกเยี่ยเว่ยหมิงว่า “คำถามสุดท้าย เจ้าจะไล่สังหารสือจงอวี้อย่างไร หรือเจ้ามีวิธีสะกดรอยตามเขา”

เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย พลิกฝ่ามือเผยของชิ้นหนึ่ง เป็นแขนเสื้อที่น้องดาบใช้ ‘กรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’ ฉีกมาจากตัวสือจงอวี้ก่อนหน้านี้ เขาแอบเก็บมันไว้อย่างแนบเนียนแล้ว

จากนั้นนางก็เห็นเยี่ยเว่ยหมิงกวักมืออย่างขอไปที อาหวงที่ไม่ได้เจอกันนานถูกเรียกออกมาแล้ว

ตอนที่นำแขนเสื้อของสือจงอวี้ไปจ่อตรงจมูกอาหวง เยี่ยเว่ยหมิงก็กล่าวยิ้มๆ “ข้ามีหมา”

น้องดาบเห็นสถานการณ์แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก หลังจากพยักหน้าให้เขา ก็ใช้ท่าร่าง ‘เทพท่องร้อยแปรเปลี่ยน’ ทันที หลังจากส่ายก้นวนไปวนมาอยู่ตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิงหลายรอบ ถึงได้หายไปจากหัวมุมถนนที่อยู่ไกลๆ

จู่ๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่า เหมือนนางจงใจแกล้งให้เขารู้สึกสะอิดสะเอียน?

ไม่สนใจนิสัยเด็กๆ ของน้องสาวคนนี้ พอเยี่ยเว่ยหมิงเห็นอาหวงส่ายหางวิ่งไปยังทิศทางหนึ่งแล้ว เขาก็ตามหลังมันไปอย่างไม่รีบร้อนทันที

แม้อาหวงจะไม่ได้วิ่งเร็วมาก แต่สือจงอวี้กับเฉินชงจือที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็วิ่งเร็วไม่ได้เหมือนกัน

เยี่ยเว่ยหมิงมั่นใจว่าจะไปถึงก่อนจุดดักซุ่มของน้องดาบ ไล่ตามอีกฝ่ายไปก่อน แล้วค่อยลอบสังหาร

หลังจากกำจัดกำลังส่วนใหญ่ของอีกฝ่ายแล้ว ก็ค่อยตีขนาบสองด้านพร้อมกับน้องดาบ เท่านี้ก็จะกำจัดทิ้งหมดทั้งกลุ่มได้แล้ว

ตามอาหวงมาตลอดทางจนผ่านถนนสองสาย เยี่ยเว่ยหมิงกลับพบว่าอาหวงลังเลอยู่ตรงสี่แยกแห่งหนึ่งครู่เดียว จากนั้นมันก็วิ่งไปทางตลาด

เยี่ยเว่ยหมิงไม่สงสัยอย่างอื่น ตามหลังมันไปทันที

หลังจากผ่านไปครู่เดียว กลับพบว่าความเร็วของอาหวงเพิ่มขึ้นเยอะมาก จากนั้นก็วิ่งไปทางเด็กหนุ่มสวมชุดผ้าฝ้ายปล่อมผมคนหนึ่ง

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วในใจรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย อย่าบอกนะว่าจมูกหมาก็ผิดพลาดได้เหมือนกัน

แต่พอเห็นโฉมหน้าของเด็กหนุ่มที่ปล่อยผมคนนั้นแล้ว ในใจกลับกดไลก์ให้อาหวงทันที

ในที่สุดเขาก็รู้แล้ว ว่าตอนถึงสี่แยกก่อนหน้านี้อาหวงลังเลเพราะอะไร

ที่แท้สือจงอวี้นั่นก็เดาได้แล้วว่าตนกับน้องดาบคงไม่ปล่อยเขาไปจริงๆ จึงแยกกับลูกน้องตัวเอง ถึงขั้นนำเสื้อผ้าของตัวเองให้ลูกน้องใส่ ส่วนตัวเองก็เปลี่ยนใส่ชุดที่ไม่สะดุดตา ถึงขั้นใส่ชุดผ้าฝ้ายที่ดูขาดรุ่งริ่งนิดหน่อย แล้วก็ทำผมกระเซิง หวังจะใช้วิธีปะปนเข้าไปในฝูงชน

ต้องบอกเลยว่าสือจงอวี้คนนี้เจ้าเล่ห์จริง

แต่ต่อให้เป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างไร สุดท้ายก็สู้อาหวงหมาบ้านข้าไม่ได้อยู่ดี!

หลังจากแน่ใจตัวตนของอีกฝ่ายแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็เดินไปทางซ้ายสามก้าวทันที หลังจากเลือกมุมที่จะไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์แล้ว เขาก็พลิกฝ่ามือยิงลูกแก้วหลิวหลีเจ็ดสีออกมา

แกร๊ง!

ลำแสงเจ็ดสียิงออกจากระหว่างนิ้วของเยี่ยเว่ยหมิง ตรงไปยังหว่างคิ้วของสือจงอวี้!

ทว่า เรื่องที่เหนือความคาดหมายของเยี่ยเว่ยหมิงกลับเกิดขึ้นแล้ว

แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่เขายิงอาวุธลับออกไป กลับเห็นชายชราชุดเขียวคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายสือจงอวี้ก็พลิกฝ่ามือเช่นกัน เหรียญทองแดงเหรียญหนึ่งถูกเขาคีบไว้ระหว่างนิ้วกลางและนิ้วหัวแม่มือ จากนั้นยิงออกมาทางที่ลูกแก้วหลิวหลีเจ็ดสียิงมา ทำให้เกิดเสียงโลหะกระทบกันดังเสียดหู

แกร๊ง!

เพล้ง!

ท่ามกลางเสียงตีกระทบที่ดังชัดเจน ลูกแก้วหลิวหลีเจ็ดสีของเยี่ยเว่ยหมิงแตกกระจายเป็นฝุ่นผงทันที ส่วนเหรียญทองแดงของอีกฝ่ายก็แตกกระจายเช่นกัน ไม่เหลือเศษซาก!

วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์เจอกัน โจมตีหนึ่งครั้งเสียหายทั้งคู่!

[1] เฝ้าตอไม้รอกระต่าย 守株待兔 อุปมาว่ารอผลลัพธ์โดยไม่ลงแรง

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

Status: Ongoing
ไหนๆ ก็โดน NPC หลอกมาเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแล้ว อย่างน้อยก็ขอสกิลดีๆ หน่อยแล้วกัน!นิยายแฟนตาซีแนวเกมออนไลน์ที่จะพาคุณไปท่องยุทธภพและไขคดีสไตล์มือปราบขั้นเทพ!เยี่ยเว่ยหมิง หนึ่งในเด็กหนุ่มที่ลงทะเบียนสมัครใจอพยพไปต่างโลกเพื่อป้องกันสมองตายระหว่างหลับจำศีลตอนเดินทางในอวกาศเขาจึงต้องร่วมเล่นเกมออนไลน์ที่มีฉากหลังเป็นยุทธภพก่อนจะโดน NPC ลึกลับหลอกเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าสำนักมือปราบจะไม่มีอะไรเลยเพราะหลังจากที่เยี่ยเว่ยหมิงทำแบบทดสอบของใต้เท้าซ่งผ่านเขาก็ได้รับสกิลตัดสินคดีที่พ่วงมาด้วยเวทชันสูตรศพและเวทบรรจุศพซึ่งเวทบรรจุศพนี้เองทำให้เขาสามารถรับของที่ซ่อนไว้บนตัวผู้ตายได้รวมถึงดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายได้อีกด้วยเยี่ยมเลย! ตอนนี้เขาพร้อมที่จะออกไปไขคดีทั่วยุทธภพแล้ว!…[ติ๊ง! เปิดใช้พาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบ…][ติ๊ง! สกิลพิเศษ ‘เวทบรรจุศพ’ : สามารถดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายโดยการจัดการศพ BOSS][ติ๊ง! จัดการศพผู้อาวุโสสำนักไท่ซาน ได้รับ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ เพิ่มค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 5000 แต้ม]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท