ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 318 ลานฝังกระดูกกับกาโลหิต

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 318 ลานฝังกระดูกกับกาโลหิต

ตอนที่ 318 ลานฝังกระดูกกับกาโลหิต

“ที่จริงข้ารู้สึกว่าสิ่งที่เจ้าดึงดูดเข้ามาหลังจากปนเปื้อนพลังโชคร้าย เหมือนจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับข้าทั้งนั้นเลยนะ ยกตัวอย่างเช่นปลาเหิงกงแสนอร่อยพวกนี้ แล้วก็ดีงูที่เพิ่มขีดจำกัดพลังภายในนี่อีก”

แน่นอนว่าเยี่ยเว่ยหมิงก็แค่ใช้ปากยั่วโมโหน้องดาบเท่านั้น

นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่า ‘ปากบอกไม่แต่ร่างกายซื่อสัตย์’ ตอนที่ใช้คำพูดยั่วโมโหน้องดาบ เขาก็ยังพยายามทำหน้าที่ของสหายร่วมทีมให้เต็มที่ด้วยเช่นกัน

ปลาเหิงกงตัวนี้ฟันแทงไม่เข้า ใช้น้ำต้มไม่ตาย กล่าวได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดชนิดหนึ่ง

แต่เรื่องแค่นี้ทำอะไรเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้หรอก

เขาใช้กระบี่เสยปลาขึ้นมาจากแม่น้ำสี่ตัวก่อน นำปลาใส่ในหม้อร้อนๆ ที่เตรียมไว้แล้วปิดฝาหม้อ จากนั้นวางหินกดไว้ด้านบน ป้องกันไม่ให้ปลาเหิงกงในหม้อกระโดดหนีออกมา

จากนั้นก็ย้อนกลับมาที่เนินเขาเล็กๆ เด็ดบ๊วยดำตรงตีนเขากลับมาสองผล โยนใส่หม้อต้มปลาเหิงกงที่ตายแล้ว

จากนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็นำเครื่องปรุงที่พกติดตัวออกมาอีก เขาโรยเกลือและต้นหอมที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ลงในหม้อพร้อมกัน ผ่านไปอีกประมาณสิบนาที กลิ่นหอมยั่วยวนก็โชยออกมาจากหม้อ ทำให้คนรู้สึกเปรี้ยวปาก

พอดับไฟแล้ว เขาก็นำโต๊ะอาหารและชามใหญ่สี่ใบที่พกติดตัวออกมา หลังจากตักปลาหนึ่งตัวและน้ำแกงปลาหนึ่งชามใหญ่ให้ตัวเองและน้องดาบ ก็นำตะเกียบสองคู่ออกมาและแบ่งวางไว้ตรงหน้าน้องดาบ

ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้เผยรอยยิ้มพอใจออกมา แล้วบอกว่า “ตอนนี้กินได้แล้ว ลองชิมฝีมือข้าดูหน่อยเป็นไร”

น้องดาบถอนพิษงูหมดนานแล้ว นางใช้ตะเกียบคีบปลาชิ้นเล็กๆ คำหนึ่ง หลังจากใส่ปากแล้วก็ตาเป็นประกายทันที “รสชาติสุดยอดมาก! ข้าไม่เคยกินปลาที่อร่อยขนาดนี้เมื่อก่อนเลย!”

“แน่นอนอยู่แล้ว ฝีมือการทำอาหารมื้อนี้ของข้า ทำให้ค่าประสบการณ์ฝีมือทำครัวเพิ่มขึ้นสองร้อยแต้มเต็มๆ ค่าประสบการณ์วิชาแพทย์ก็เพิ่มขึ้นร้อยแต้มด้วย” เยี่ยเว่ยหมิงดื่มน้ำแกงปลาคำหนึ่ง รู้สึกว่าความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย จึงอุทานจากใจว่า “สมกับเป็นวัตถุดิบอาหารระดับสูงยุคดึกดำบรรพ์ ไม่ธรรมดาจริงๆ แค่ใส่เครื่องปรุงนิดหน่อยก็ได้รับประโยชน์มากมายขนาดนี้เชียว”

“วัตถุดิบอาหารยุคดึกดำบรรพ์?” น้องดาบขมวดคิ้ว “เมื่อครู่นี้ข้ายังสงสัยอยู่เลยว่าเจ้าฆ่าปลาพวกนี้ได้อย่างไร แต่ถ้าจะบอกว่ามันคือวัตถุดิบอาหารยุคดึกดำบรรพ์ ข้าว่าเจ้าขี้โม้ไปหน่อยกระมัง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าบนโลกนี้จะมีตำราอาหารอะไรที่สอนวิธีปรุงวัตถุดิบอาหารยุคดึกดำบรรพ์ให้เจ้าได้”

“ก็ ‘คัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร’ เล่มนี้ไง” เยี่ยเว่ยหมิงนำตำราหนาเล่มหนึ่งออกมา วางมันไว้บนโต๊ะแล้วบอกว่า “จะว่าไปแล้วก็แปลกเหมือนกัน ถ้าเป็นตำราเล่มอื่น หลังจากอ่านจบแล้วมันจะกลายเป็นแสงสีขาวและหายไป แต่ ‘คัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร’ เล่มนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบข้าอ่านไปถึงสามรอบ นอกจากรอบแรกที่ข้าได้ผลตอบแทนจำนวนมาก อีกสองรอบที่เหลือกลับไม่มีผลลัพธ์พิเศษอะไร ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ จนกระทั่งตอนนี้ ตำราเล่มนี้ก็ยังไม่หายไปเลย”

น้องดาบเก็บตำราขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลังจากมองค่าสเตตัสของมันแวบหนึ่งก็โยนคืนให้เยี่ยเว่ยหมิงอีก “ตอนนี้มันไม่มีค่าสเตตัสใดๆ เหลืออยู่แล้ว น่าจะเป็นของที่ใช้ได้แค่ครั้งเดียว แต่สาเหตุที่มันไม่หายไป คงเพื่อให้เจ้าสะดวกอ่านได้ทุกเมื่อกระมัง จะว่าไปแล้ว ‘คัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร’ เล่มนี้กลายเป็นตำราอาหารตั้งแต่เมื่อไรกัน”

“ข้าเองก็ไม่รู้ ถึงอย่างไรวิธีการที่ข้าปรุงปลาก่อนหน้านี้ ข้าก็เรียนมาจากตำราเล่มนี้ทั้งหมด”

……

พอมีความรู้ที่บันทึกอยู่บน ‘ตำราอาหารขุนเขามหาสมุทร’ คอยหนุนหลัง ทั้งสองก็ถือว่าใช้ชีวิตอยู่ในเสินหนงจย้าได้อย่างไม่ลำบาก แม้ทุกวันจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูไม่ซ้ำหน้ากัน ทำให้คนรู้สึกเหนื่อยล้ากายใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ตอนที่ได้ดื่มด่ำกับอาหารแสนอร่อย ก็ทำให้รู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่สูญเปล่า

เสินหนงจย้าเป็นเขตต้องห้ามของมนุษย์ ย่อมเป็นสถานที่สุดอันตรายอยู่แล้ว ถึงแม้จะอาศัยความสามารถของเยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบ แต่เมื่ออยู่ที่นี่พวกเขาก็ไม่กล้าประมาทอยู่ดี ไม่ทันไรก็ถูกจู่โจมจากพวกสัตว์ป่าดุร้ายกับสัตว์ประหลาด

ยิ่งเดินลึกเข้าไป มอนสเตอร์ก็ยิ่งเลเวลสูง บางครั้งถึงขั้นเจอมอนสเตอร์เลเวลห้าสิบกว่าโผล่มาพร้อมกันเป็นฝูง ท่ามกลางฝูงมอนสเตอร์แบบนี้ ก็มักจะมี BOSS เลเวลหกสิบกว่าคอยคุม แม้จะเป็นยอดฝีมืออย่างเยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบ แต่ก็ต้องพิจารณาถึงปัจจัยด้านเวลา สถานที่และกำลังคนก่อน ถึงจะกล้าสู้กับพวกมันอย่างเต็มที่

เมื่อเทียบกับมอนสเตอร์ที่น่ากลัวพวกนี้ หมาป่าหลุมที่เจอก่อนหน้านี้กลายเป็นแกะน้อยไปเลย ไม่ถือเป็นภัยคุกคามอะไรสักนิด

ทั้งสองเดินทางไปพร้อมกับต่อสู้ แม้ความเร็วในการเดินทัพจะช้าลงมาก แต่กลับทำให้เลเวลของพวกเขาเพิ่มขึ้นเร็วมากเช่นกัน

เช้าตรู่วันที่สิบ ตอนทั้งสองมาถึงใต้หน้าผาที่ฝังซ่อนกระดูกของตู๋กูฉิวไป้ เลเวลของเยี่ยเว่ยหมิงก็ทะลุสถิติใหม่ถึงสี่สิบสองแล้ว ส่วนน้องดาบที่ปกติกระตือรือร้นอัปเลเวลมากกว่าเขา ตอนนี้นางเลเวลสี่สิบสามแล้ว!

นอกจากเลเวลแล้ว ทั้งสองก็ได้ค่าตบะอีกคนละประมาณสองแสนสามหมื่นแต้ม แต่ต่อให้บวกค่าตบะพวกนี้ ก็ยังไม่พอให้เพิ่มเลเวลทักษะยุทธ์ใดๆ ของเยี่ยเว่ยหมิงได้ กลับเป็นน้องดาบที่เพิ่ม ‘เทพท่องร้อยแปรเปลี่ยน’ ของนางได้หนึ่งเลเวล ศักยภาพก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย แถมทักษะการดำรงชีวิตของนางก็พัฒนาขึ้นเยอะมากด้วย

“เมื่อกี้เจ้าเพิ่งบอกว่าลานฝังกระดูกของตู๋กูฉิวไป้อยู่บนแท่นหินกลางไหล่เขาอย่างนั้นหรือ” น้องดาบยกมือป้องคิ้วชะเง้อมอง พร้อมกล่าวอย่างลำบากใจ “ตรงนั้นห่างจากพื้นดินอย่างน้อยสามสิบจั้ง ต่อให้พวกเราอ้อมโดยกระโดดจากบนภูเขาลงมาก็ยังเหมือนเดิม การออกแบบถ้ำลับแห่งนี้ เป็นบททดสอบสุดหินสำหรับผู้เล่นวิชาตัวเบาจริงๆ”

สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทั้งสองก็คือหน้าผาสูงเจ็ดสิบกว่าจั้ง[1] ระหว่างนั้นมีแท่นหินนูนออกมาชัดเจนแผ่นหนึ่งอยู่ตรงกลางหน้าผาพอดี

ไม่ว่าจะกระโดดจากข้างบนลงข้างล่าง หรือตั้งตนจากข้างล่างขึ้นข้างบน ก็ล้วนอยู่ห่างจากปากถ้ำประมาณสามสิบจั้งเหมือนกัน ไม่มีโอกาสให้เอาเปรียบเลย

ระยะห่างสูงสามสิบจั้ง ไม่ว่าสำหรับน้องดาบหรือเยี่ยเว่ยหมิงในตอนนี้ ก็ถือเป็นความท้าทายที่สูงมาก!

“ต่อให้ใช้เชือกปีนลงมาจากด้านบนก็ไม่ได้อยู่ดี กลางอากาศยังมีนกล่าเหยื่อวนเวียนอยู่รอบๆ เลเวลของนกโลหิตพวกนั้นคือห้าสิบห้านะ! แถมพวกมันดูเหมือนไม่ใช่สัตว์กินพืชด้วย”

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าเล็กน้อย “ที่จริงสัตว์ประเภทนกก็เหมือนกับปลา ส่วนใหญ่กินเนื้อ หรือไม่ก็กินทั้งเนื้อและพืชเป็นหลัก พวกสัตว์บกต่างหากที่มีสัตว์กินพืช”

“แต่เมื่อกี้เจ้าอ่านชื่อของมอนสเตอร์พวกนั้นผิดนะ พวกมันไม่ได้ชื่อนกโลหิต แต่ชื่อกาโลหิต กาเดียวกับอีกา”

น้องดาบได้ยินแล้วอึ้ง “ตอนนี้พลังสายตาของเจ้าแข็งแกร่งขนาดนี้แล้วหรือ อยู่ไกลขนาดนี้ แถมพวกมันเคลื่อนไหวเร็วอีก เจ้ามองเห็นชื่อของพวกมันชัดเจนขนาดนี้เชียว?”

“ดูที่ต้นไม้คอเอียงบนหน้าผาสิ บนนั้นมีอยู่ตัวหนึ่งที่ไม่ขยับไปไหน”

น้องดาบได้ยินแล้วมองไปยังตำแหน่งที่เยี่ยเว่ยหมิงบอกทันที ผลปรากฏว่าเห็นอีกาสีแดงตัวหนึ่งที่ขนาดร่างกายใหญ่กว่าเพื่อนหนึ่งเบอร์กำลังเหลียวซ้ายแลขวาอยู่บนกิ่งของต้นไม้คอเอียง

[ราชันกาโลหิต]

เป็นราชาของกาโลหิต เป็นนกดุร้ายที่มีพลังโจมตีแข็งแกร่งมากชนิดหนึ่ง กินคนเป็นอาหาร

พลังชีวิต: 500000/500000

กำลังภายใน: …

……

หลังจากเห็นค่าสเตตัสของ BOSS ชัดเจนแล้ว น้องดาบก็รู้สึกไร้ความสามารถเช่นกัน

ถ้าเป็นที่อื่น BOSS เลเวลหกสิบห้าไม่ใช่ศัตรูที่สู้ด้วยไม่ไหว ถึงขั้นว่าหากสองคนร่วมมือกัน ก็แทบไม่ต้องคิดมากเรื่องสู้ให้ชนะเลย

แต่เมื่ออยู่กลางอากาศ การท้าสู้กับ BOSS ประเภทนกล่าเหยื่อเลเวลหกสิบสักตัวถือเป็นเรื่องยากเกินไปหน่อยหรือเปล่า

[1] 1 จั้งประมาณ 2.5 เมตร

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

Status: Ongoing
ไหนๆ ก็โดน NPC หลอกมาเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแล้ว อย่างน้อยก็ขอสกิลดีๆ หน่อยแล้วกัน!นิยายแฟนตาซีแนวเกมออนไลน์ที่จะพาคุณไปท่องยุทธภพและไขคดีสไตล์มือปราบขั้นเทพ!เยี่ยเว่ยหมิง หนึ่งในเด็กหนุ่มที่ลงทะเบียนสมัครใจอพยพไปต่างโลกเพื่อป้องกันสมองตายระหว่างหลับจำศีลตอนเดินทางในอวกาศเขาจึงต้องร่วมเล่นเกมออนไลน์ที่มีฉากหลังเป็นยุทธภพก่อนจะโดน NPC ลึกลับหลอกเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าสำนักมือปราบจะไม่มีอะไรเลยเพราะหลังจากที่เยี่ยเว่ยหมิงทำแบบทดสอบของใต้เท้าซ่งผ่านเขาก็ได้รับสกิลตัดสินคดีที่พ่วงมาด้วยเวทชันสูตรศพและเวทบรรจุศพซึ่งเวทบรรจุศพนี้เองทำให้เขาสามารถรับของที่ซ่อนไว้บนตัวผู้ตายได้รวมถึงดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายได้อีกด้วยเยี่ยมเลย! ตอนนี้เขาพร้อมที่จะออกไปไขคดีทั่วยุทธภพแล้ว!…[ติ๊ง! เปิดใช้พาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบ…][ติ๊ง! สกิลพิเศษ ‘เวทบรรจุศพ’ : สามารถดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายโดยการจัดการศพ BOSS][ติ๊ง! จัดการศพผู้อาวุโสสำนักไท่ซาน ได้รับ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ เพิ่มค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 5000 แต้ม]

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท