ตอนที่ 321 กระดูกของตู๋กู
เมื่อเห็นว่ากลยุทธ์ที่กำหนดไว้ใช้กับราชันกาโลหิตไม่ได้ผล แต่ BOSS โจมตีมาถึงตรงหน้าแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็คิดหาวิธีการได้ในยามคับขัน เขาโบกมือหนึ่งที โลงไม้หนานมู่ใบหนึ่งปรากฏอยู่ตรงกลางระหว่างเขาและราชันกาโลหิต สกัดขวางตอนที่ราชันกาโลหิตใช้ปากจิกเข้ามาพอดี
สัมภเวสีคืนชีพ!
แกร๊ง!
จะงอยปากของราชันกาโลหิตเจาะทะลุไม้โลงศพทันที ตอกแน่นอยู่บนฝาโลงศพแล้ว
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ลองฉวยโอกาสใช้ฝ่ามือตบอีกฝั่งหนึ่งของโลงศพ ตอนที่พลังฝ่ามือรูปมังกรถล่มโลงไม้หนานมู่จนเป็นชิ้นส่วนละเอียด ก็ถือโอกาสกลืนกินราชันแห่งกาโลหิตที่ดุร้ายผิดปกติตัวนี้ด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าสิ่งที่ชนปะทะราชันกาโลหิตพร้อมกับพลังฝ่ามือรูปมังกร ยังมีท่อนไม้โดดเดี่ยวที่ถูกบรรจุไว้ในโลงศพด้วย (เถียนปั๋วกวงที่ถูกหั่นจนกลายเป็นมนุษย์ท่อนไม้)
โครม!
-7683
ท่ามกลางตัวเลขพลังชีวิตที่ลดลงจำนวนมาก ราชันกาโลหิตโอหังก็สะเทือนจนกระเด็นถอยหลังออกไปแล้ว
แต่หลังจากพลังฝ่ามือของเยี่ยเว่ยหมิงพลังอ่อนลงเพราะตบโลงไม้หนานมู่กับศพ มันก็ลดประสิทธิภาพลงเยอะเช่นกัน พลังทำลายล้างส่วนที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอที่จะทำให้ BOSS เลเวลหกสิบห้าบาดเจ็บสาหัส
หลังจากสะเทือนจนกระเด็นออกไปแล้ว ราชันกาโลหิตเพียงตีปีกสองทีก็ประคองร่างให้มั่นคงอยู่กลางอากาศได้อีกครั้ง
จากนั้นสัตว์เดรัจฉานมีปีกตัวนี้ก็ไล่โจมตีเยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบต่อ ทั้งยังเริ่มจิกกินศพของเถียนปั๋วกวงที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วย
ตอนเห็นเถียนปั๋วกวงผู้โอหังตกต่ำจนกลายเป็นอาหารของเดรัจฉานมีปีกแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงกลับรู้สึกเหมือนมีเลือดออกในใจ!
ดังคำกล่าวที่ว่าคนตายเหมือนตะเกียงดับ แม้ตอนยังมีชีวิตอยู่เถียนปั๋วกวงเคยทำเรื่องชั่วช้าสารเลวมามากมายขนาดไหน ในเมื่อตายแล้ว ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปอยู่ดี
ที่บอกว่าตายแล้วก็แล้วกัน ปัญหาทุกอย่างจบสิ้นไปพร้อมกัน ความหมายก็เป็นอย่างนี้เอง
แต่เถียนปั๋วกวงคนนี้ตายแล้วแท้ๆ เป็นเพราะก่อนหน้านี้ตนขี้เกียจ ไม่ทันได้ฝังเขาลงหลุม ผลปรากฏว่าเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น จะไม่ให้รู้สึกปลงอนิจจังได้อย่างไร
เมื่อเจอกับสถานการณ์แบบนี้ ไม่ว่าใครก็คงทำใจไม่ได้ทั้งนั้น นับประสาอะไรกับคนจิตใจงามรักความยุติธรรมอย่างเยี่ยเว่ยหมิง
ต้องทราบว่า เขาใช้ ‘เวทบรรจุศพ’ เพื่อเก็บศพ หากไม่ได้จัดการอย่างเหมาะสมเช่นฝังศพไว้ในดินหรือฌาปนกิจ การโยนศพทิ้งมั่วซั่วจะถูกหักค่าวีรบุรุษ!
แค่โยนศพทิ้งตามอำเภอใจยังถูกหักค่าวีรบุรุษ นับประสาอะไรกับการนำศพไปป้อนให้กาโลหิตกิน
ใครจะไปรู้ว่าตอนที่ราชันกาโลหิตกินศพของเถียนปั๋วกวงเสร็จ ค่าวีรบุรุษจะถูกหักไปเท่าไรแล้ว!
พอนึกถึงจุดนี้ ความเศร้าก็พรั่งพรูขึ้นในใจเยี่ยเว่ยหมิงอย่างควบคุมไม่ได้
ตอนที่กำลังยุ่งวุ่นวาย เขาเจียดเวลามองที่หน้าอินเตอร์เฟสระบบของตัวเองแวบหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าค่าวีรบุรุษถูกหักไปตั้งศูนย์แต้ม!
ศูนย์แต้มเชียวนะ!
นั่นหมายความว่าอะไร
เหมือนจะหมายความว่า…ไม่ถูกหักเลยสักแต้มน่ะสิ
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน
เยี่ยเว่ยหมิงดูหน้าอินเตอร์เฟสระบบของตัวเองอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ หลังจากแน่ใจแล้วว่าค่าวีรบุรุษอันล้ำค่าของเขาไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย ในที่สุดบนใบหน้าก็เผยรอยยิ้มปล่อยวางออกมา
เรื่องเดียวที่เขาไม่เข้าใจก็คือ หากนำศพไปฝังหรือไปเผา ก็จะนับว่าเป็นการฝังศพ หรือไม่ก็ฌาปนกิจ แต่การนำเขาไปป้อนเป็นอาหารให้กาโลหิตจะเรียกว่าอะไร
พิธีส่งศพบนฟ้า?
สารพัดความคิดแวบเข้ามาในหัว แต่เท้าของเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้หยุดเคลื่อนไหว เขากระโดดขึ้นมาบนจุดเหยียบตรงหน้า กำลังกระโดดลงไปบนแท่นหินที่เป็นจุดหมายปลายทางแล้ว
“ย้า!”
ทว่า ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงคิดว่ากำลังจะประสบความสำเร็จ กำลังจะได้รับผลพวงจากชัยชนะ เขากลับพบว่าน้องดาบที่เหยียบลงแท่นหินก่อนเขา ตอนนี้ทั้งเสื้อผ้าทั้งผมของนางถูกลมแรงพัดจนกลายเป็นเส้นตรงแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่เท้าของนางจะเหยียบลงบนแท่นหิน ทั้งตัวนางก็ถูกลมพัดจนลอยไปตกทางหน้าผาสูงที่อยู่ไกลๆ
สถานที่ฝังกระดูกของตู๋กูฉิวไป้ที่ตั้งอยู่กลางหน้าผาลอยฟ้า ไม่น่าเชื่อว่าที่แท้ก็เป็นช่องลมลับแห่งหนึ่ง!
ที่อันตรายกว่านั้นก็คือ ลมที่พัดผ่านช่องลมนี้ไม่เพียงแค่รุนแรงผิดปกติ ทั้งยังเงียบเชียบไร้เสียงด้วย ไม่อย่างนั้นคนที่ระมัดระวังตัวอย่างน้องดาบคงไม่ถึงขั้นพลาดท่าให้สถานที่แห่งนี้!
ปัญหาใหญ่สุดที่อยู่ตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ ไม่ใช่ว่ากำลังจะมีสหายร่วมทีมตายที่เสินหนงจย้า แต่ปัญหาก็คือเขาทำเหมือนกับน้องดาบเช่นกัน กระโดดขึ้นมาสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังกระโดดลงไปบนแท่นหิน
ถ้าไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น เคราะห์ที่น้องดาบเผชิญก็กำลังจะเกิดขึ้นกับเขาด้วยเช่นกัน!
ทำอย่างไรดี
นั่งรอให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น?
แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ใช่สไตล์ของเยี่ยเว่ยหมิงอยู่แล้ว!
เขาชอบกุมโชคชะตาไว้ในมือตัวเอง ชอบสร้างปาฏิหาริย์เองมากกว่า!
เมื่อเห็นตัวเองเข้าใกล้แท่นเรื่อยๆ เยี่ยเว่ยหมิงพลันสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ทำให้ตัวเองเบี่ยงออกจากแท่นนั้นเล็กน้อย จากนั้นใช้ปลายเท้าแตะหลังเท้า ใช้ปลายเท้าขวาแตะหลังเท้าซ้ายอีกครั้ง…
ชั่วพริบตาเดียว สองเท้าของเขาก็เหยียบกันเกินห้าครั้งแล้ว ความเร็วของร่างที่พุ่งไปข้างหน้าเพิ่มขึ้นจากเดิมหนึ่งเท่า อาศัยแรงเฉื่อยมหาศาลต้านลมแรงที่ทะลักมาจากช่องลม เหยียบลงบนแท่นหินที่ไม่ได้กว้างมากแผ่นหนึ่ง
ขณะเดียวกัน กระบี่แสงทองอยู่ในกระเป๋าก็ถูกนำออกมา ตอนที่สองเท้าของเขาเพิ่งสัมผัสกับแท่นหิน เขาพลันโคจรพลังทั้งหมดที่มีในตัวปักตัวดาบลงไปในหินที่อยู่ใต้แท่น ปักลึกลงไปครึ่งฉื่อ!
ตอนที่แก้ไขปัญหาของตัวเอง เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังไม่ลืมดูแลสหายร่วมทีมที่น่ารักของตัวเอง
เขาใช้มือข้างหนึ่งกุมกระบี่แสงทองที่ปักแน่นอยู่ในหน้าผา แล้วใช้มืออีกข้างโยนเชือกลงไป สะบัดเชือกไปหาน้องดาบที่กึ่งลอยอยู่กลางอากาศ “รับไว้!”
น้องดาบสูญเสียจุดส่งแรงทั้งหมดไปแล้ว กาโลหิตก็กำลังจะบินมาล้อมถึงตัว พอเห็นเยี่ยเว่ยหมิงโยนเชือกออกมาก็ตาเป็นประกายทันที รีบคว้าอีกฝั่งหนึ่งของเชือกเอาไว้ จากนั้นออกแรงพร้อมกับเยี่ยเว่ยหมิง ทั้งสองต้านแรงพร้อมกันเพื่อเหยียบลงบนแท่นของช่องลม
เพียงแต่ลมที่นี่พัดแรงเกินไป หากไม่เคยเรียนพื้นฐานกังฟูที่ระบบยอมรับมาก่อน ก็ยากจะยืนให้มั่นคงได้ เห็นได้ชัดว่าน้องดาบไม่เคยเรียนทักษะพิเศษอย่างพวกถลาพันจิน แต่นางกลับอาศัยวิธีการของตัวเอง เห็นนางโน้มตัวลงแล้วเอาเยี่ยงอย่างวิธีการของเยี่ยเว่ยหมิง หลังจากใช้เล็บจิกเข้าไปในหินแล้ว ก็เหยียบพื้นเอาไว้แน่น
ตอนนี้เอง กาโลหิตฝูงใหญ่ที่สูญเสียเป้าหมายก็โผเข้ามาทางพวกเขาอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันรอให้พวกมันบินเข้ามา ก็ถูกลมแรงพัดผลักออกไปแล้ว
ช่องลมที่เมื่อครู่นี้เกือบจะเอาชีวิตของพวกเขา ตอนนี้กลับกลายเป็นฉากกำบังอันยอดเยี่ยมให้พวกเขาแล้ว!
ในที่สุดก็หลุดพ้นอันตรายแล้ว!
หลังจากถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก เยี่ยเว่ยหมิงก็นำอาวุธเทพมีดสั้นกัวจิ้งออกมาทันที เขาฝ่าลมแรงก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง ปักมีดเข้าไปในหินเพื่อให้เป็นจุดส่งแรงสลับกับกระบี่แสงทอง น้องดาบก็เลียนแบบเขา ใช้กรงเล็บสองข้างเกาะพื้นอย่างต่อเนื่อง ไต่ต้านลมแรงตามหลังเยี่ยเว่ยหมิงเข้าไปในถ้ำภูเขา
เดินไปตามช่องลมอีกประมาณสิบเมตร จู่ๆ ข้างหน้าก็ปรากฏทางแยก เยี่ยเว่ยหมิงมุดนำเข้าไปก่อน ตอนนี้ถึงได้รู้สึกว่าแรงกดดันเบาลง เขาเก็บกระบี่แสงทองกับมีดสั้นกัวจิ้งแล้วยืนขึ้น สิ่งที่ปรากฏสุดสายตากลับเป็นช่องทางแคบยาวทางหนึ่ง
พวกเขาเดินตามเส้นทางไปจนสุดปลายทาง สุดท้ายก็มาถึงห้องหินที่ใหญ่มาก ตรงข้ามกับทางเดินมีเตียงหินหลังหนึ่ง บนเตียงมีโครงกระดูกคนตายที่อยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ
บนผนังด้านหลังกระดูกมีตัวอักษรสลักไว้ว่า ‘ลานฝังกระดูกของตู๋กูฉิวไป้’
ขอบเขตกระบี่ที่เชี่ยวกรากกำลังสั่นไหวอยู่ในขีดตัวอักษรไม่หยุด ราวกับจะลอยออกจากตัวอักษรมาฟันสังหารแขกไม่ได้รับเชิญสองคนนี้ให้ตายคาที่ได้ทุกเมื่อ!