ตอนที่ 323 มรดกของตู๋กู
[เคล็ดกระบี่วีรสตรี (ระดับต้น)]
……
เลเวล: 10 (+1)
ค่าประสบการณ์: …
โจมตี +230% (+30%)
แม่นยำ +230% (+30%)
เอฟเฟ็กต์พิเศษ: เงาของเทพกระบี่
เงาของเทพกระบี่: คุณฝึก ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ถึงระดับสมบูรณ์แล้ว ในที่สุดก็ได้เข้าใจถึงท่วงท่าอันสง่างามของเทพกระบี่
เอฟเฟกต์พาสซิฟ: ค่าสเตตัส ‘ความว่องไว’ เพิ่มหนึ่งเท่า ความเร็วตอนใช้กระบี่เพิ่ม 10%!
……
[เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน (ระดับกลาง)]
……
เลเวล: 9 (+1)
ค่าประสบการณ์: 0/3000000
โจมตี +180% (+120%)
แม่นยำ +180% (+120%)
พละกำลัง +180 (+120)
ความแข็งแกร่ง +180 (+120)
พลังชีวิตสูงสุด +2000 (+1000)
……
หลังจากเพิ่มเลเวลเคล็ดกระบี่สองวิชานี้แล้ว ผลที่ได้ก็ยอดเยี่ยมมาก
พูดถึง ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ก่อน
ด้านโบนัสค่าสเตตัส หลังจากเคล็ดกระบี่เพิ่มถึงเลเวลสิบ โบนัสค่าสเตตัสก็ยังสู้ตอนอยู่เลเวลเก้าไม่ได้ ทั้งยังห่างกันไม่น้อยเลย
แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญก็คือเอฟเฟ็กต์พิเศษ ‘เงาของเทพกระบี่’ มีพัฒนาการแล้ว!
หลังจากเพิ่มเลเวลเคล็ดกระบี่นี้จนถึงระดับสมบูรณ์ จากเดิมที่มีแค่ค่าสเตตัส ‘ความว่องไวเพิ่มหนึ่งเท่า’ ตอนนี้มีเอฟเฟ็กต์เสริมอย่าง ‘ความเร็วตอนใช้กระบี่เพิ่ม 10%!’ เพิ่มเข้ามาด้วยแล้ว
ความเร็วในการโจมตีสิบเปอร์เซ็นต์ ระหว่างลงมือก็ทำให้รู้สึกได้ชัดเจนแล้วว่าแตกต่างกัน
เหมือนเถียนปั๋วกวงก่อนหน้านี้ วิชาดาบของเขาอาจไม่ได้ยอดเยี่ยมเท่าไรนัก แต่ยามเผชิญหน้ากับวิชาดาบที่เขาโจมตีสุดความสามารถ ต่อให้เยี่ยเว่ยหมิงมี ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ แต่ก็ต้านไม่ไหวอยู่ดี
ไม่มีสาเหตุอื่นนอกจากความเร็ว!
ทักษะยุทธ์ในใต้หล้า มีเพียงความเร็วที่แก้ปัญหาได้!
เมื่อมีค่าสเตตัสรายการนี้เสริม เคล็ดกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงก็จะเฉียบแหลมมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
ส่วนโบนัสของ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ กล่าวได้ว่าตรงตามมาตรฐาน ดูจากโบนัสค่าสเตตัสหลังจากกระบี่แสงทองถึงระดับสมบูรณ์ สิ่งที่เพิ่มขึ้นทรงพลังกว่าก่อนหน้านี้แน่นอน แต่ก็ไม่มีค่าเกินกว่าค่าประสบการณ์สามแสนแต้มอยู่ดี!
พอมองแบบนี้ เกรงว่าต้องรอให้เคล็ดกระบี่นี้ของเขาถึงระดับสมบูรณ์อย่างแท้จริงก่อน หลังจากได้เห็นเอฟเฟ็กต์พิเศษตอนเลเวลเต็มแล้ว เขาถึงจะสัมผัสได้ถึงมูลค่าของค่าประสบการณ์สามแสนแต้มนี้
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ โบนัสค่าสเตตัสของ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ในปัจจุบันก็เหนือกว่าของ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ แล้วเช่นกัน กลายเป็นเคล็ดกระบี่หลักที่เขาใช้โจมตี
อย่างไรเสียแม้เงาของเทพกระบี่จะยอดเยี่ยม แต่เอฟเฟ็กต์ของมันกลับไม่ใช่ของ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ อย่างเดียว เพราะยามที่ใช้ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ก็ยังได้ใช้โบนัสค่าสเตตัสส่วนนี้ด้วย
ก็เหมือนที่เขาฝึก ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ เพื่อดันค่าสเตตัสพื้นฐานขึ้นมา ทำให้ทักษะยุทธ์ทั้งหมดของเขาได้รับผลประโยชน์ด้วยเช่นกัน
ชวิ้ง!
ฟิ้ว!
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังดูความเปลี่ยนแปลงด้านค่าสเตตัสของเคล็ดกระบี่สองวิชานี้ น้องดาบที่อยู่ข้างๆ กลับชักดาบออกจากฝักแล้ว นางกวาดดาบฟันในแนวขวางหนึ่งที คมดาบฟันเข้ามาตรงจุดที่ไม่ไกลจากขมับซ้ายของเยี่ยเว่ยหมิง
แสงสะท้อนคมดาบที่ระคายตา ทำให้ห้องหินที่มืดสลัวแห่งนี้สว่างไสวขึ้นมาแล้ว!
ก่อเหตุใต้รักแร้![1]
ด้วยความตกใจ เยี่ยเว่ยหมิงถลันร่างห่างออกมาเกือบหนึ่งจั้งแต่กลับไม่รีบชักกระบี่ออกมาโจมตีกลับ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แม้ก่อนหน้านี้น้องดาบจะเล็งดาบมาทางเขา แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงเจตนาอันเป็นศัตรูจากตัวนาง ความรู้สึกนี้คล้ายกับว่า น้องดาบโบกดาบมายังตำแหน่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอยู่แล้ว เขาแค่บังเอิญไปอยู่ตำแหน่งนั้นพอดี
หลังจากอยู่ห่างจากน้องดาบในระยะปลอดภัยแล้วเพ่งมอง กลับเห็นว่าหลังจากน้องดาบโบกดาบฟันกลางอากาศแล้วก็เป็นไปตามที่เยี่ยเว่ยหมิงคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เป้าหมายการโจมตีของนางไม่ใช่เขา แต่นางโบกดาบจันทราหิมะเงินยืนฝึกซ้อมอยู่ที่เดิม สายตาชำเลืองไปที่ตำราตกทอดของตู๋กูที่อยู่บนผนังเป็นระยะ ใช้เวลาส่วนใหญ่จ้องมือที่กุมดาบและจ้องดาบล้ำค่าในมือตัวเอง
ดาบของนางยิ่งใช้ยิ่งเร็ว ยิ่งฝึกยิ่งชำนาญ ส่วนกระบวนท่าที่นางใช้ก็คือ ‘วิชาดาบโลหิต’ ที่เยี่ยเว่ยหมิงเคยเห็นก่อนหน้านี้ ผ่านไปพักหนึ่ง หลังจากฝึกวิชาดาบนี้เสร็จก็เปลี่ยนไปฝึก ‘เคล็ดดาบตระกูลหู’ ต่อ
สำหรับกระบวนท่าของเคล็ดดาบสองวิชานี้ เมื่อก่อนเยี่ยเว่ยหมิงเคยเห็นมาไม่น้อยจากนางและเฟยอวี๋ แต่กลับเป็นพวกกระบวนท่าอิสระที่ไร้หลักการ
ในจำนวนนั้น ที่เขาจำได้ดีที่สุดก็คือ ‘เคล็ดดาบตระกูลหู’ ที่เฟยอวี๋เคยขอให้เหมียวเหรินเฟิ่งชี้แนะ แต่ตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นโลกทัศน์ของเยี่ยเว่ยหมิง หรือขอบเขตวิชาดาบของเฟยอวี๋ก็ล้วนมีขีดจำกัด ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาเข้าใจถึงความสง่างามที่แท้จริงของวิชาดาบเลย
กระทั่งตอนนี้ เขาเพิ่งจะเห็นจุดที่ยอดเยี่ยมของวิชาดาบทั้งสองอย่างเต็มที่ในคราเดียว
หนึ่งรอบ สองรอบ น้องดาบราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ฝึกวิชาดาบทั้งสองซ้ำแล้วซ้ำอีก ทุกครั้งที่ฝึกออกมาล้วนให้ความรู้สึกว่าแตกต่างจากครั้งก่อน
ทีละเล็กทีละน้อย วิชาดาบทั้งสองที่สไตล์ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่เมื่ออยู่ในมือของน้องดาบกลับเผยเสน่ห์ที่เหมือนกันมาก เสน่ห์แบบนี้มีอยู่ไม่มากในวิชาดาบทั้งสอง แต่กลับทำให้คนรู้สึกว่ามีพลังอำนาจเหมือนแขกที่ข่มเสียงเจ้าภาพได้ ราวกับว่าสเน่ห์พิเศษอันน้อยนิดพวกนี้ต่างหากที่เป็นแก่นแท้ ส่วนการเปลี่ยนแปลงที่วิจิตรตระการตาของวิชาดาบทั้งสองกลับกลายเป็นส่วนประกอบปลีกย่อยแทน
เสน่ห์แบบนี้ต่างหากที่เป็นรสชาติเฉพาะของน้องดาบเอง!
สิ่งที่นางทำตอนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการประทับตราของนางลงบนวิชาดาบทั้งสองที่นางเคยฝึก!
พอผ่านไปอีกพักหนึ่ง เสน่ห์เฉพาะตัวแบบนี้กลับแปรเปลี่ยนอีกครั้ง จากเริ่มแรกที่มุทะลุ ตอนนี้เพิ่มความเด็ดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเข้าไปแล้ว
ตอนนี้เอง น้องดาบทิ้ง ‘เคล็ดดาบตระกูลหู’ ที่ได้เปรียบด้านกระบวนท่าไปแล้วโดยสิ้นเชิง สนใจแต่ฝึก ‘วิชาดาบโลหิต’ รอบแล้วรอบเล่า ทุกรอบที่ฝึก ความมุทะลุและความเด็ดเดี่ยวเริ่มเข้ากันได้มากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มกลายเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ตอนนี้ ในที่สุดน้องดาบก็นำสิ่งที่นางเรียนรู้จากตำราตกทอดของตู๋กูมาประกอบกับสไตล์ของตัวเองและหลอมรวมมันเข้าใน ‘วิชาดาบโลหิต’ โดยสมบูรณ์แล้ว ส่วน ‘เคล็ดดาบตระกูลหู’ ก็มีปัญหาด้านลีลาท่าทาง ระหว่างขั้นตอนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงจึงถูกน้องดาบทิ้งอย่างไม่ลังเล
ขณะที่มองน้องดาบฝึกวิชาดาบ สายตาของเยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มเป็นประกายทีละนิด ตอนอ่านตำราตกทอดของตู๋กูก่อนหน้านี้มีหลายจุดที่ไม่เข้าใจ ไม่น่าเชื่อว่าจะค้นพบคำตอบจากวิชาดาบที่นางฝึก
ที่แท้ประโยคนั้นก็หมายความอย่างนี้นี่เอง!
ความสงสัยที่ซ่อนอยู่ในใจได้รับแสงสว่างในชั่วพริบตาเดียว เยี่ยเว่ยหมิงก็อยากจะเอาเยี่ยงอย่างน้องดาบจะแย่อยู่แล้ว ตอนนี้อยากชักกระบี่แสงทองออกมาพิสูจน์ว่าสมองตัวเองปราดเปรียวขนาดไหน
แต่คนมีสติปัญญาอย่างเขาก็ล้มเลิกความคิดที่ดึงดูดสายตาคนอื่นแล้ว เพียงนำลูกดีดเหล็กออกมาดีดหนึ่งที
แกร๊ง!
วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์พลันโจมตีไปถูกบนคมดาบจันทราหิมะเงินอย่างแม่นยำ ทำให้น้องดาบที่กำลังอยู่ในสภาวะตระหนักรู้ได้สติกลับมาแล้ว
น้องดาบถูกขัดจังหวะตอนอยู่ในภวังค์ลี้ลับซึ่งก่อนหน้านี้เกิดขึ้นได้ยาก นางย่อมอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว จึงถลึงตาใส่เยี่ยเว่ยหมิง “มือปราบหน้าเหม็น ทำอะไรของเจ้า”
ยามเผชิญหน้ากับน้องดาบที่เหมือนแมวถูกเหยียบหาง เยี่ยเว่ยหมิงนำซ่างฟู่ขอทานที่ห่อด้วยใบบัวออกมาอย่างไม่รีบร้อน แล้วถามพร้อมอมยิ้ม “หิวหรือยัง”
จ๊อก!
ตอนอยู่ในสภาวะตระหนักรู้ เดิมทีน้องดาบยังไม่รู้สึกอะไร ตอนนี้พอได้ยินเสียงเตือนของเยี่ยเว่ยหมิง แล้วยังได้กลิ่นหอมของไก่ขอทานอีก นางก็รู้สึกหิวจนแทบทนไม่ไหวทันที
ร่างกายอ่อนปวกเปียกทันที นางรีบใช้ดาบล้ำค่าค้ำพื้นไว้ ตัวเองถึงไม่ทรุดล้มลงมา
พอมองค่าความหิวของตัวเอง: 97%!
อีกนิดเดียวก็จะหิวตายแล้ว…
[1] ก่อเหตุใต้รักแร้ 变生肘腋 อุปมาว่าเรื่องราวเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ข้างกายตัวเอง