ตอนที่ 344 นักร้องเสียงดีแห่งสำนักอู่ตัง
“เช่นนั้นเรื่องตรงนี้ก็ต้องรบกวนเหล่าจอมยุทธ์น้อยแล้ว”
คาแรคเตอร์ของกัวจิ้งแม้จะทึ่มไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ชักช้าขนาดนั้น หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงที่เป็นหัวหน้าทีมเลือกแล้วก็ปะทุพลังที่แข็งแกร่งกว่าปกติออกมาทันที ทำให้เหลียงจื่อเวิงที่เกาะแกะไม่เลิกสะเทือนจนกระเด็นออกไป จากนั้นวิ่งไปทางลานบ้านฝั่งตะวันออกโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา
ตามที่เขาบอกก่อนหน้านี้ นั่นคงจะเป็นสถานที่ขังมู่อี้กับบุตรสาวในจวนท่านอ๋องจ้าว
ไม่สนใจกัวจิ้งที่วิ่งไปไกลแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงใช้เคล็ดจิต ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ เสียเลย ยั่วโมโหเหลียงจื่อเวิงให้เข้ามา จากนั้นทั้งสามก็เริ่มร่วมมือกันล้อมโจมตี BOSS เลเวลหกสิบหกคนนี้
เหลียงจื่อเวิงโหมดปกติ แม้จะเป็นเพียง BOSS เลเวลหกสิบหก แต่กลับเจ้าเล่ห์ไม่ธรรมดา ประกอบกับฝึกวิชาหมัดจิ้งจอกป่ากับท่าร่างจิ้งจอกป่าอยู่แล้ว ล้วนเน้นการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงเป็นหลัก ถึงขั้นเรียกได้ว่าปลิ้นปล้อนไม่ปรานีใคร ทั้งสามคนร่วมมือกันแม้จะได้เปรียบโดยสมบูรณ์อยู่แล้ว แต่ถ้าคิดจะจัดการอีกฝ่ายให้ได้ภายในเวลาสั้นๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น
“ตามต้นฉบับเดิม เป็นเพราะหยางคังมีใจให้มู่เนี่ยนฉือ ถึงได้จับพวกเขาสองพ่อลูกมาที่จวนท่านอ๋อง แต่ตอนนี้หยางคังศพเย็นแล้ว พวกเขาสองพ่อลูกถูกจับมาที่นี่ได้อย่างไร” เนื่องจากเป็นฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้ ทั้งสามจึงไม่รู้สึกกดดันมากนัก ตอนที่กำลังโจมตี อินปู้คุยก็มีอารมณ์มาถามถึงสิ่งที่ไม่ได้สำคัญ
เยี่ยเว่ยหมิงยังโจมตีไม่หยุดมือพร้อมบอกว่า “การตายของหยางคังเกิดขึ้นเพราะประลองยุทธ์เลือกคู่ที่สองพ่อลูกนั่นจัดขึ้นเฉยๆ อีกทั้งมู่เนี่ยนฉือกับพ่อนางก็รู้ว่าข้าคือมือสังหารที่แท้จริงที่ทำให้หยางคังตาย แล้วฐานะที่แท้จริงของมู่อี้ก็คือหยางเถี่ยซิน หลังจากเห็นเปาซีรั่วแล้ว ไม่แน่ว่าอาจรนหาที่ตาย มาจวนท่านอ๋องจ้าวกลางดึกก็ได้…”
ขณะที่พูด เคล็ดกระบี่ในมือก็เปลี่ยนแปลงฉับพลัน เปลี่ยนจากท่า ‘กวาดหิมะต้มชา’ ใน ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ มาเป็นท่า ‘สตรีหยกลอดกระสวยทอผ้า’ ใน ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ท่านี้เปลี่ยนแปลงกะทันหันเกินไป เหลียงจื่อเวิงไม่ทันระวังก็ถูกกระบี่ปาดในซี่โครงแล้วหนึ่งแผล
-6653
หลังจากโจมตีหนึ่งครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงเปลี่ยนท่าอีก แล้วก็เปลี่ยนเป็นท่า ‘จิบสุรา’ ใน ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ หมุนคมกระบี่ลงข้างล่าง แทงเสยขึ้นมาจากท้องน้อยของเหลียงจื่อเวิง แต่โชคดีที่ตาเฒ่าประหลาดคนนี้หลบเร็ว ไม่อย่างนั้นอาจถูกกระบี่นี้ของเยี่ยเว่ยหมิงตอนอวัยวะเพศคาที่ไปแล้ว
หลังจากเปลี่ยนท่าอย่างต่อเนื่อง บีบจนเหลียงจื่อเวิงทำอะไรไม่ถูก เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังคุยประเด็นเดิมต่อ “เอาเป็นว่าเรื่องนี้ ถ้าระบบอยากจะดึงสถานการณ์ให้เข้าสู่ภาวะปกติ ข้ออ้างก็มีไม่เยอะหรอก”
“เจ้าก็พูดถูก” อินปู้คุยพยักหน้า พร้อมให้ความร่วมมือเยี่ยเว่ยหมิงเร่งรุกโจมตี เคล็ดกระบี่ที่เขาใช้ตอนนี้ยังเป็น ‘กระบี่ละมุนดรรชนีเผา’ เพียงแต่หลังจากพลังเพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพของเคล็ดกระบี่ก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยเช่นกัน
แม้จะเป็น BOSS โหมดปกติเลเวลหกสิบหกอย่างเหลียงจื่อเวิง ก็อาจจะต้องรับมืออย่างระมัดระวังอยู่ดี
กรรร!~~~
อีกด้านหนึ่ง หลังจากเซียวเหยาถอนใจกรอกสุราร้อนคำใหญ่ใส่ปากอย่างบ้าคลั่ง ก็เข้ามาอยู่ในวงต่อสู้แล้วเช่นกัน โจมตีฝ่ามือมังกรผยองได้สำนึกต่อด้วยฝ่ามือมังกรผงาดกลางทุ่งอย่างต่อเนื่อง บีบให้เหลียงจื่อเวิงถอยหลังหลายก้าว แม้จะไม่สร้างดาเมจโดยตรง แต่กลับทำให้เหลียงจื่อเวิงเสียจังหวะการเคลื่อนไหว ถูกเยี่ยเว่ยหมิงกับอินปู้คุยโจมตีอย่างรุนแรงแล้ว
ไซซีกุมไต!
กระบี่ละมุนดรรชนีเผาล็อคคอ
-15730!
-9192!
หลังจากโจมตีคริติคอลดาเมจสองครั้ง ค่าพลังชีวิตของเหลียงจื่อเวิงก็ลดลงอีก
เนื่องจากได้รับบาดเจ็บต่อเนื่องกัน ท่าร่างของเหลียงจื่อเวิงก็เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าพอสู้จนแผ่นหลังถูกกระบี่ของอินปู้คุยอีกครั้ง เขาก็กระโดดออกจากวงต่อสู้ไปเลย ไล่ตามไปยังทิศทางที่กัวจิ้งหนีไป
แม้ตัวจะอยู่ในอันตราย แต่เหลียงจื่อเวิงก็ไม่เลิกคิดที่จะมอบอ้อมกอดให้กัวจิ้ง เป็นคนดึงดันใช้ได้ทีเดียว
“กลับมา!”
เมื่อเห็นเหลียงจื่อเวิงกำลังจะวิ่งไป เยี่ยเว่ยหมิงก็ใช้การยั่วโมโหของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ อีกครั้ง แต่กลับคาดไม่ถึงว่าเฒ่าประหลาดนั่นจะโบกมือยิงแสงเย็นออกมาสามครั้ง แต่ยังใช้ท่าร่างวิ่งไม่หยุดพักเลยสักนิด!
สมควรตาย!
ว่าแล้วเชียว BOSS โหมดปกติแบบนี้ เมื่อเจอการยั่วยุจากเคล็ดจิต ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ก็ยังใช้สติปัญญาเลือกสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดอยู่ดี
แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง! อาวุธลับสามชิ้นทั้งเร็วทั้งรีบ เยี่ยเว่ยหมิงรีบใช้ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ปัดอาวุธตกอย่างต่อเนื่อง ความเร็วในการไล่โจมตีถูกถ่วงให้ช้าลงเพียงครู่เดียวอีกครั้ง
ยังดีที่ตอนนี้เซียวเหยาถอนใจกับอินปู้คุยไล่ตามทัน แม้ท่าร่างของพวกเขาสองคนจะเทียบกับของเหลียงจื่อเวิงไม่ติด แต่อีกฝ่ายก็ยังสลัดพวกเขาไม่พ้นอยู่ดี
พอเยี่ยเว่ยหมิงใช้พลาดหนึ่งกระบวนท่าก็พลิกข้อมือซ้ายทันที ลูกดีดเหล็กลูกหนึ่งยิงวูบฝ่าอากาศออกไปพร้อมเสียงโลหะ เป้าหมายโจมตีไม่ใช่จุดใดบนร่างกายเหลียงจื่อเวิง แต่กลับเป็นจุดที่อีกฝ่ายกำลังจะก้าวไปตรงนั้น
เป้าหมายสำคัญตอนนี้ ก็คือสกัดไม่ให้ตาเฒ่าคนนี้หนีพ้นสายตาตนไปได้
จะให้ตาเฒ่านี้เจอกัวจิ้งอีกครั้งไม่ได้เด็ดขาด!
นี่ก็เป็นสาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมเยี่ยเว่ยหมิงไม่เลือกร่วมมือกับกัวจิ้งเพื่อสู้กับศัตรู แต่เลือกจะอยู่สกัดหลังให้ตรงนี้แทน
ไม่ใช่ว่ามีผู้ช่วยที่มีกำลังภายในมากอย่างกัวจิ้งเป็นเรื่องไม่ดี แต่เป็นเพราะเขาอยากกำจัดบอสที่ดรอปของดีอย่างเหลียงจื่อเวิง
เรื่องแบบนี้ ถ้ากัวจิ้งอยู่ตรงนี้ด้วยจะต้องจัดการไม่สะดวกแน่
ถึงอย่างไรกัวจิ้งก็เป็นพระเอกของนิยายต้นฉบับเดิม อ่านจากกลยุทธ์หลายข้อที่อินปู้คุยให้มาก็รู้แล้ว ว่าพระเอกของนิยายที่เขียนโดยอาจารย์กิมย้ง ส่วนใหญ่จะเป็นโรคเดียวกัน นั่นก็คือโรคพ่อพระ
ถ้ากัวจิ้งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เมื่อเห็นเหลียงจื่อเวิงถูกโจมตีจนไร้หนทางโต้ตอบ จะต้องขัดขวางไม่ให้พวกเยี่ยเว่ยหมิงฆ่าต่อแน่นอน
แน่นอนว่าพวกเยี่ยเว่ยหมิงมาเพื่อช่วย ไม่ได้ติดค้างอะไรกัวจิ้ง ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังเขาทุกอย่าง
แต่ถ้าทำอย่างนั้น ก็จะลดค่าความรู้สึกดีของกัวจิ้งอย่างเลี่ยงไม่ได้
นั่นเป็นเรื่องที่ไม่คุ้มแน่นอน
เมื่อเทียบกันแล้ว เขาลงมือเองจะได้รับผลตอบแทนอุดมสมบูรณ์กว่า ในเมื่อกัวจิ้งไม่อยากเห็นศัตรูตายอนาถต่อหน้าต่อตา วิธีเดียวที่ทำได้ก็คืออย่าให้เขาเห็น
เมื่อสัมผัสได้ถึงการโจมตีที่ร้ายกาจของเยี่ยเว่ยหมิง มีหรือที่เหลียงจื่อเวิงจะกล้าก้าวไปข้างหน้าต่อ
ระหว่างที่รีบร้อนเปลี่ยนจุดลงเท้า ความเร็วก็ลดลงครึ่งหนึ่ง อินปู้คุยที่ตามมาติดๆ ไล่ทันแล้ว ใช้กระบี่แทงตรงไปที่หัวใจของเขาจากด้านหลังทันที
ทว่า ถึงอย่างไรเหลียงจื่อเวิงก็เป็นผู้ชำนาญการในยุทธภพ เหมือนเขาคาดเดาการไล่โจมตีของอินปู้คุยได้ตั้งแต่แรกแล้ว และครั้งนี้การตอบสนองของเขาก็อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน
ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับคมกระบี่ของอินปู้คุย ไม่เพียงแค่ไม่ถอยเท่านั้น เขากลับหมุนร่างกะทันหัน ใช้หัวไหล่รับกระบี่นั้น แล้วใช้ท่าคว้าจับอันร้ายกาจล็อคคอของอินปู้คุยไว้
ตอนนี้เอง เยี่ยเว่ยหมิงกับเซียวเหยาถอนใจตามมาถึงแล้ว พวกเขาแบ่งกันล้อมอยู่ทางซ้ายและขวา
เมื่อเห็นตัวเองตกอยู่ในวงล้อมอีกครั้ง เหลียงจื่อเวิงกลับเผยสีหน้าดุร้ายออกมา “ถ้าพวกเจ้าก้าวมาข้างหน้าอีกก้าว ข้าก็จะหักคอนักพรตเต๋าน้อยคนนี้ก่อน!”
คุ้นฉากนี้จังเลย
สำหรับพฤติกรรมรนหาที่ตายของเหลียงจื่อเวิง เยี่ยเว่ยหมิงกลับส่งข้อความในช่องทีมทันทีว่า [ยังไม่ต้องรีบลงมือ ในเมื่อผู้อาวุโสบู๊ลิ้มท่านนี้กลับตัวเพื่อเจ้าแล้ว ทำไมไม่ถือโอกาสให้เขาประเมินลูกคอนักร้องแห่งสำนักอู่ตังสักหน่อยล่ะ]
เมื่อเห็นข้อความนี้ เซียวเหยาถอนใจย่อมทำสีหน้างุนงงอยู่แล้ว แต่อินปู้คุยกลับตาเป็นประกาย
จากนั้นก็เห็นบนตัวเขาปะทุกระแสพลังไร้รูปร่างออกมา ทำให้มือขวาของเหลียงจื่อเวิงที่บีบคอเขาอยู่สะเทือนออก อินปู้คุยพลันหันกลับมา คำรามใส่หูของเหลียงจื่อเวิงที่อยู่ใกล้นิดเดียว
“อา!…”