ตอนที่ 389 รางวัลภารกิจเหมือนหินก้อนเดียว
อย่าว่าเหมยเนี่ยนเซิงไม่มีความสามารถ
เพราะอย่างน้อยในด้านการพูดล่อหลอกให้คนอยากรู้ เขาก็เป็นปรมาจารย์แห่งยุคจริงๆ
หลังจากเขาพูดจาให้ฟังดูเร้นลับก่อนหน้านี้ อย่าว่าแต่ผู้เล่นทั่วไปที่เดินผ่านพวกเขาที่อยากรู้อยากเห็นจนแทบทนไม่ไหว แม้แต่พวกเยี่ยเว่ยหมิงก็ถูกยั่วให้สงสัยแล้วเช่นกัน อยากรู้มากว่ารางวัลภารกิจของสหายร่วมทีมอีกสองคนคืออะไร
เมื่ออยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ทั้งสามคนมีความตั้งใจเดียวกัน ข้อเสนอของน้องดาบก็ผ่านการตอบรับอย่างเป็นเอกฉันท์
แต่ในฐานะผู้ที่เสนอความคิดนี้ นางจึงเป็นคนแรกที่รายงานผลตอบแทนที่ตัวเองได้รับออกมา
“ในภารกิจนี้ข้าได้ค่าวีรบุรุษหนึ่งพันแต้ม แล้วก็เพิ่มเลเวลกำลังภายในหนึ่งเลเวล รู้ไว้ด้วยว่านี่เป็นการเพิ่มเลเวลกำลังภายในระดับกลางจนถึงระดับสมบูรณ์!”
หลังจากเปิดเผยผลตอบแทนของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ น้องดาบก็เสพสุขกับสายตาอิจฉาของเพื่อนอีกสองคน พร้อมบอกว่า “จะว่าไปแล้ว ตาแก่เหมยเนี่ยนเซิงนั่นแม้จะวางตัวไม่น่าชื่นชม แต่เรื่องแจกรางวัลก็ทำได้ดีมาก ข้ากดไลก์ให้เขา”
ฉางซิงอวี่มองเยี่ยเว่ยหมิงแวบหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างอับอายนิดหน่อยว่า “ข้ารู้สึกว่าข้าน่ารังเกียจมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะโลภอยากได้ค่าวีรบุรุษของนาง!”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าอย่างไม่อายเลยสักนิด “ข้าอยากได้ยิ่งกว่าเจ้าเสียอีก!” พูดจบก็มองไปทางน้องดาบ “พอพูดถึงค่าวีรบุรุษ ข้าก็นึกออกแล้ว ครั้งนี้ถือว่าเจ้าพอใจกับผลงานของข้าใช่ไหม ทักษะดี ฝีมือเยี่ยมถูกไหมล่ะ ค่าตอบแทนที่เจ้ารับปากข้าไว้ก่อนหน้านี้ล่ะ”
“เชอะ! ในสายตาของพวกเจ้ามีแค่ค่าวีรบุรุษหรือไง ข้ารู้สึกว่าเพิ่มเลเวลกำลังภายในจากเลเวลเก้าให้เป็นเลเวลสิบโดยตรงน่าอิจฉากว่าไม่ใช่หรอกเหรอ” ขณะกำลังแขวะอย่างไม่พอใจ น้องดาบก็ส่ง ‘ภาพแบบการวางกำลังป้องกันของทหารแคว้นจิน’ ที่รับปากเยี่ยเว่ยหมิงไว้ก่อนหน้านี้ให้แล้ว
ขนาดน้องดาบเป็นผู้หญิงยังตรงไปตรงมาขนาดนี้ ชายชาตรีสองคนก็ไม่ปิดบังแล้วเช่นกัน ฉางซิงอวี่เป็นคนพูดก่อน “สถานการณ์ของข้าก็เหมือนกับเจ้า แต่ในด้านการเพิ่มกำลังภายใน เขาให้รางวัลข้าได้ดีกว่า เพิ่มกำลังภายในระดับสูง ‘วิชาพลังหยางบริสุทธิ์อู๋จี๋’ ของข้า จากเลเวลเก้าให้เป็นเลเวลสิบโดยตรงเลย…
…หลังจากกำลังภายในวิชานี้ถึงระดับสมบูรณ์แล้ว ค่าสเตตัสพิเศษก็ยอดเยี่ยมมาก แต่ค่าสเตตัสนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวของข้า น่าจะไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่แบ่งปันข้อมูลกันใช่ไหม”
ทั้งสองแสดงออกว่าเข้าใจ ตอนนี้น้องดาบเปลี่ยนจากสีหน้าภูมิใจเป็นสีหน้าอิจฉาแล้ว ฉางซิงอวี่กล่าวเสริมอีกว่า “สิ่งเดียวที่น่าเสียดายก็คือ ข้าไม่ได้รางวัลเป็นค่าวีรบุรุษ นั่นคือสิ่งที่ข้าขาดแคลนที่สุด ข้าก็เลยอยากได้ค่าวีรบุรุษของเจ้าไง”
พอได้ยินประโยคหลัง ในใจน้องดาบก็รู้สึกดีขึ้นบ้างนิดหน่อย
แม้นางจะเป็นลูกศิษย์ของสำนักดาบโลหิต มีค่าวีรบุรุษเยอะขนาดนั้นก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรมาก แต่ถ้าทำให้คนอื่นอิจฉาได้ โดยเฉพาะเยี่ยเว่ยหมิง นางก็รู้สึกดีมากแล้ว
สภาพจิตใจที่พิเศษแบบนี้ของนาง ในทางวิชาจิตวิทยามีชื่อเรียกเฉพาะว่า…หลงตัวเอง!
หลังจากทั้งสองคนบอกรางวัลภารกิจของตัวเองแล้ว สุดท้ายสายตาของทุกคนก็ไปรวมอยู่ที่เยี่ยเว่ยหมิง
ตามที่เหมยเนี่ยนเซิงบอกไว้ก่อนหายไป ที่จริงรางวัลภารกิจที่เขาแจกเกี่ยวข้องกับการแสดงความสามารถของทั้งสามคนระหว่างทำภารกิจ
พอลองคิดให้ดี น้องดาบนอกจากเป็นคนรับภารกิจมา เหมือนจะไม่ได้แสดงบทบาทอะไรมากมายในภารกิจ แค่เข้าร่วมการต่อสู้ตอนสุดท้ายเท่านั้น
ส่วนผลงานของฉางซิงอวี่ = น้องดาบ-ฐานะผู้รับภารกิจ
ถึงขั้นว่า แม้แต่ในด้านการต่อสู้ก็เป็นเยี่ยเว่ยหมิงที่รับภาระหนักคนเดียว หลิงทุ่ยซือ BOSS ใหญ่สุดในภารกิจก็ตายเพราะสู้ตัวต่อตัวกับเยี่ยเว่ยหมิง
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เยี่ยเว่ยหมิงทำลายวงจรอุบาทว์ที่ติงเตี่ยนจะลงมือช่วยหลิงทุ่ยซือก่อน จากนั้นก็หลอกลวงยอดฝีมือคนนี้จนอึ้งแล้วอึ้งอีก ทำให้หลิงทุ่ยซือหมดโอกาสเป็นปลาเค็มฟื้นชีพโดยสิ้นเชิง
กล่าวได้ว่าทุกขั้นตอนของการทำภารกิจ เป็นผลงานชั้นยอดของเจ้าหมอนี่คนเดียว ถ้าแบ่งรางวัลโดยอิงตามผลงาน พวกเขาคิดว่ามีความเป็นไปได้มากที่สุดว่าอัตราส่วนการแบ่งรางวัลเป็นดังนี้
ถ้ารางวัลภารกิจเป็นหินหนึ่งก้อน เยี่ยเว่ยหมิงได้ไปคนเดียวแปดส่วน น้องดาบได้หนึ่งส่วน คนอื่นในทีมรวมกันได้อีกหนึ่งส่วน
แค่พลังของ ‘หนึ่งส่วน’ อย่างเดียว ก็ทำให้พวกเขาเพิ่มเลเวลกำลังภายในระดับสูงและระดับกลางพร้อมกันหนึ่งเลเวลแล้ว เช่นนั้นสิ่งที่เยี่ยเว่ยหมิงได้รับ รางวัลภารกิจที่มีพลังถึง ‘แปดส่วน’ จะเป็นรางวัลที่ทรงพลังระดับไหนกัน!
เพิ่มเลเวลทักษะยุทธ์ทั้งหมดของเขาหรือเปล่า
ท่ามกลางสายตาสงสัยของสหายทั้งสอง เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวอย่างหงุดหงิดนิดหน่อยว่า “อิจฉาพวกเจ้าสองคนจริงๆ ที่ได้รับรางวัลภารกิจโดยตรง! ที่ข้ากลับไม่มีรางวัลสำเร็จรูปให้รับเลย มีแค่ภารกิจหนึ่งเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงก็ได้”
เมื่อเห็นเขาตอบแบบขอไปที สหายอีกสองคนก็ไม่สบอารมณ์แล้ว พากันมองมาด้วยสายตาดูถูก บอกใบ้ว่าถ้าเขาไม่พูดถึงจริงๆ เรื่องนี้ก็จะไม่จบแน่นอน
พวกเขาขอให้เยี่ยเว่ยหมิงจับภาพภารกิจแล้วแชร์ออกมา เติมเต็มจิตใจที่อยากรู้อยากเห็นและกระเหี้ยนกระหือรือสองดวงนี้ให้พวกเขา
เยี่ยเว่ยหมิงจนใจ ทำได้เพียงจับภาพภารกิจส่งในช่องทีม
[กำจัดมารปกป้องคุณธรรม]
กำจัด████ที่เป็นภัยต่อยุทธภพ คืนความสงบสุขให้ยุทธภพ!
ระดับภารกิจ: 8 ดาว
ระยะเวลาภารกิจ: ไม่มี
รางวัลภารกิจ: ตัดสินตามระดับความสำเร็จของภารกิจและสภาพของผู้เล่นตอนทำภารกิจสำเร็จ
หลังจากจับภาพภารกิจให้เพื่อนๆ ดูแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็กล่าวเสริมอย่างจนใจ “แค่นี้เอง แต่ระดับความยากของภารกิจสูงถึงแปดดาว รางวัลภารกิจก็ไม่บอกให้รู้เลยด้วย ข้ารู้สึกเหมือนโดนวางกับดัก”
สำหรับคำพูดปฏิเสธของเยี่ยเว่ยหมิง สหายสองคนส่ายหน้าสื่อว่าไม่เชื่อพร้อมกัน ตอนส่งภาพภารกิจมากลับเบลอตรงจุดสำคัญไว้ คนที่ทำแบบนี้ได้ไม่มีใครอีกแล้ว
สำหรับจุดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงได้แต่แสดงออกว่า ข้าจะทำอะไรได้
ข้าเองก็จนใจมากเหมือนกัน!
อย่างไรเสีย BOSS ที่ภารกิจสั่งให้เขาไปสู้ด้วยก็ไม่สะดวกจะบอกเจ้าซื่อบื้อสองคนนี้จริงๆ โดยเฉพาะน้องดาบ ไม่อย่างนั้นจะทำให้เกิดความยุ่งยากที่ไม่จำเป็น
ตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีพิราบขาวบินมาจากที่ไกลๆ มาเกาะบนตัวเยี่ยเว่ยหมิงแล้วหายไป
[ศิษย์พี่ใหญ่! ภารกิจของข้าเจอปัญหาแล้ว เจอปัญหาใหญ่แล้ว!
ขอความช่วยเหลือ!
เทพธิดาไหมแดงนั่นแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ข้าสู้ไม่ไหว!]….เฟยอวี๋
……
ขณะเดียวกัน ในห้องเก็บเอกสารของสำนักมือปราบเทพ
NPC เจ้าหน้าที่สารบรรณเสี่ยวอู๋ปิดหนังสือ ‘บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตกของราชวงศ์ถัง’ วางไว้ข้างๆ เหมือนยังไม่หนำใจ ในดวงตากลับเกิดระลอกคลื่นเป็นพิเศษ โลกอันแสนมหัศจรรย์ที่คนอื่นไม่มีทางจินตนาการได้กำลังค่อยๆ ถูกวาดเค้าโครงอยู่ในหัวของเขา ทั้งยังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
หลังจากผ่านไปอีกพักหนึ่ง ในที่สุดเสี่ยวอู๋ก็หยิบพู่กันที่วางอยู่ข้างกายขึ้นมา แล้วเริ่มเขียนบนกระดาษที่อยู่ตรงหน้าอย่างไหลลื่น
ตั้งแต่ผานกู่ผ่าฟ้าดินที่หลอมรวมกัน บุกเบิกทำลายความขุ่นมัวให้กระจ่าง
บลาๆๆๆ…
……
ในทะเลมีภูเขาเลื่องชื่อแห่งหนึ่ง ชื่อภูเขาฮวากั่วซาน…ลิงหินนั่นจิตใจงดงาม ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว นอบน้อมถ่อมตน มีการศึกษา เข้าใจความไม่เที่ยงของโลก ความคิดละเอียดลึกซึ้งเหมือนฝุ่น…
เดี๋ยวก่อนนะ!
พอเขียนไปได้ครึ่งเดียว จู่ๆ ‘เสี่ยวอู๋’ ที่กำลังตวัดพู่กันรวดเร็วเหมือนบินก็หยุดชะงัก
เขารู้สึกว่าในผลงานของตัวเอง เหมือนจะใส่ของแปลกผสมกันจนมั่วไปหมดแล้วหรือเปล่า