ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 404 คนไร้ยางอาย ใต้หล้าไร้เทียมทาน

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 404 คนไร้ยางอาย ใต้หล้าไร้เทียมทาน

ตอนที่ 404 คนไร้ยางอาย ใต้หล้าไร้เทียมทาน

พอเดิมพันสำเร็จแล้ว ตู๋กูฉิวไป้ก็บอกทันทีว่า “ข้าท่องยุทธภพมาทั้งชีวิต ไม่เคยแพ้แม้แต่ครั้งเดียว ยิ่งไม่เคยถูกโจมตีจนไร้กำลังตอบโต้ แม่นางน้อย เจ้าเดาว่าสิว่าข้าพูดจริงหรือไม่”

ซานเย่ว์ส่ายหน้าอย่างมั่นใจ “ผู้อาวุโสตู๋กู ท่านโกหกแล้ว”

พอซานเย่ว์กล่าวเช่นนี้ สายตาที่พวกผู้เล่นมองไปทางตู๋กูฉิวไป้ก็เริ่มมีเลศนัย

ตู๋กูฉิวไป้อวดอ้างตัวเองมาตลอดว่าท่องยุทธภพไม่เคยแพ้ใคร ทั้งชีวิตจะขอแพ้สักครั้งก็ยังทำไม่ได้เลย เดียวดายเหมือนหิมะ จืดชืดน่าเบื่อ…บลาๆๆ

สงสัยที่พูดมาจะขี้โม้หมดเลยมั้ง

และเมื่อได้ยินคำตอบของซานเย่ว์ ตู๋กูฉิวไป้กลับหัวเราะอย่างตรงไปตรงมาอีกครั้ง “แม่นางน้อย ที่เจ้าพูดนั่นไม่ผิดเลยสักนิด ตอนที่ข้ายังเป็นเด็ก เคยถูกพ่อตีมาก่อน ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะมองออก ก็พอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่…”

พูดไปได้แค่ครึ่งเดียว จู่ๆ ตู๋กูฉิวไป้ก็เริ่มทำสีหน้าจริงจัง สายตาไปหยุดอยู่บนตัวซานเย่ว์ แต่สายตาของเขากลับเหมือนมองทะลุจิตใจ “เจ้ามั่นใจจริงหรือว่าอาศัยทักษะสังเกตสีหน้าท่าทางเพื่อเอาชนะตาแก่คนนี้ได้”

ซานเย่ว์ถูกตู๋กูฉิวไป้มองจนเริ่มไม่มั่นใจ ตอบอย่างขี้ขลาดว่า “ผู้น้อย…ไม่แน่ใจ”

“เช่นนั้นเจ้าก็แพ้แล้ว” ตู๋กูฉิวไป้โบกมือ “เปลี่ยนคนใหม่เถอะ”

ซานเย่ว์กลับเข้ามาในทีมอย่างท้อใจ เยี่ยเว่ยหมิงกลับดึงนางมาถามว่า “ทำไมเจ้ายอมแพ้ง่ายขนาดนั้น อาศัยทักษะสังเกตสีหน้าท่าทางของเจ้าก็มีโอกาสชนะแท้ๆ”

ซานเย่ว์มองเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แต่ก็ยังอธิบายว่า “ไม่ ทักษะสังเกตสีหน้าท่าทางของข้ามองออกเพียงว่าเขาพูดจริงหรือเท็จ แต่สายตาของผู้อาวุโสตู๋กู กลับทำให้ข้าไม่กล้าพูดโกหกต่อหน้าเขา ถึงขั้นว่าหลอกตัวเองก็ยังทำไม่ได้ ดูจากจุดนี้ก็รู้แล้วว่าทักษะของข้าเป็นรองเขา แพ้แล้วจริงๆ”

เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “แต่เจ้าก็ยังพูดแก้ตัวได้นี่!”

ซานเย่ว์เผยสายตาเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม “สิ่งที่ข้าพูดก่อนหน้านี้ เป็นผลลัพธ์จากการตัดสินของระบบ”

“อ้อ เช่นนั้นก็ไม่เป็นไรแล้ว” เยี่ยเว่ยหมิงตบบ่าอีกฝ่าย แล้วพูดให้กำลังใจ “เจ้าพยายามเต็มที่แล้ว อย่าท้อใจไปเลย เดี๋ยวมื้อค่ำข้าเพิ่มน่องไก่ให้เจ้าน่องหนึ่ง”

ถ้าเป็นแค่การตัดสินจากตู๋กูฉิวไป้ เช่นนั้นก็พูดแก้ตัวได้นิดหน่อย แต่ถ้าเป็นการตัดสินจากระบบ กลับไม่มีทางให้แก้ตัวเลย

เนื่องจากระบบจะไม่ฟังคำพูดเถียงข้างๆ คูๆ ของเจ้าเลย ควรจะตัดสินอย่างไรก็ตัดสินอย่างนั้น ผู้เล่นกับ NPC นอกจากยอมรับแล้วก็ไม่มีทางเลือกอื่น

อย่าว่าแต่ซานเย่ว์เลย ต่อให้เป็นตู๋กูฉิวไป้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น!

หลังจากให้กำลังใจซานเย่ว์แล้ว สายตาของเยี่ยเว่ยหมิงก็กวาดมองบนตัวเพื่อนอีกสามคน

อินปู้คุย เดิมทีเจ้าหมอนี่ก็ไม่มีทักษะพิเศษอะไรอยู่แล้ว ข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวก็คือรู้เนื้อเรื่อง แต่ก็อาจไม่ได้เปรียบอะไรเมื่ออยู่ต่อหน้าตู๋กูฉิวไป้ นอกจากทักษะทั่วไปตามมาตรฐาน ทักษะพิเศษเพียงอย่างเดียวของเขาก็คือลูกคออันโด่งดัง ‘วิชาราชสีห์คำราม’

แต่ด้วยความอวดเก่งของตู๋กูฉิวไป้ ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายจะโจมตีด้วยคลื่นเสียงไม่เป็น ดีไม่ดีอีกฝ่ายแค่ดีดเบาๆ บนตัวกระบี่ ก็ทำให้อินปู้คุยกระอักเลือดได้

ตัดออกคนแรก!

เฟยอวี๋ ทักษะที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเจ้าหมอนี่ก็คือสืบเสาะหมื่นลี้ แต่เมื่ออยู่ในสถานที่ปิดอย่างเขตลับตู๋กู ก็ไม่มีทางแสดงทักษะนี้ได้เลย

ตัดออกเป็นคนที่สอง!

หลังจากตัดตัวเลือกไปสองคนแล้ว สุดท้ายเยี่ยเว่ยหมิงก็ย้ายสายตาไปที่สะพานสวรรค์น้อ “สะพานสวรรค์น้อย เจ้าไป!”

“ข้า?” สะพานสวรรค์น้อยสงสัยว่าตัวเองฟังผิดไป

เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า บอกใบ้ว่านางฟังไม่ผิด

สะพานสวรรค์น้อยมีความเชื่อใจเยี่ยเว่ยหมิงในระดับที่สูงมาก นางก้าวออกจากทีมโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย พอเดินมาตรงหน้าตู๋กูฉิวไป้ก็แยกมือซ้ายและขวาออกจากกัน กระบี่จินสยาและกระบี่มังกรคำรามปรากฏอยู่ในมือเรียวสวยทั้งคู่ของนางพร้อมกัน

เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของสะพานสวรรค์น้อย เยี่ยเว่ยหมิงก็ตกใจทันที รีบตะโกนบอกว่า “ใช้กระบี่ต่อหน้าผู้อาวุโสตู๋กู เจ้าอยากตายหรือไง รีบเก็บกระบี่ของเจ้าสิ!”

“หา!” สะพานสวรรค์น้อยตกใจคำพูดของเขา รีบเก็บกระบี่ยาวแล้วถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจว่า “ใช้กระบี่ไม่ได้ แล้วจะให้ข้าใช้อะไร ริบบิ้นหยกไหมน้ำแข็งหรือ แต่เลเวล ‘วิชาโซ่เงินกระดิ่งทอง’ ของข้ายังไม่สูงนะ”

“ไม่ต้องใช้อาวุธ” เยี่ยเว่ยหมิงหัวเราะแห้งๆ พร้อมมองประเมินสะพานสวรรค์น้อย ตอนเห็นผมดำขลับที่ยาวถึงเอวของนาง ใบหน้ายิ้มก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์นิดหน่อย “สะพานสวรรค์น้อย เจ้าก็แข่งกับผู้อาวุโสตู๋กูสิว่าผมใครยาวกว่ากัน!”

สะพานสวรรค์น้อย “…”

ตู๋กูฉิวไป้ “…”

เพื่อนคนอื่นในทีม “…”

พอได้ยินประโยคนี้ออกจากปากเยี่ยเว่ยหมิง ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นรวมถึงตู๋กูฉิวไป้และสะพานสวรรค์น้อยก็พูดไม่ออกแล้ว!

ถ้าก่อนหน้านี้เขาแนะนำให้ซานเย่ว์กับตู๋กูฉิวไป้เล่น ‘เกมพูดความจริง’ ก็ยังกล่าวได้ว่าเน้นจุดแข็ง เลี่ยงจุดอ่อน เช่นนั้นตอนนี้จะให้ ‘แข่งกันว่าใครผมยาวกว่า’ ก็ฟังดูงี่เง่าไปหรือเปล่า

“ข้าปฏิเสธ!” เป็นอย่างที่คาดไว้ ไม่รอให้สะพานสวรรค์น้อยตัดสินใจว่าจะเอ่ยคำขอที่ไร้ยางอายออกไปหรือเปล่า ตู๋กูฉิวไป้ก็ปฏิเสธคำแนะนำอันยอดเยี่ยมที่เยี่ยเว่ยหมิงคิดมาตั้งนานอย่างไรเยื่อใย จากนั้นอดพูดแขวะไม่ได้ว่า “เจ้ามือปราบไร้ยางอายนี่ ทำไมไม่มาแข่งกับข้าสักหน่อยล่ะว่าใครไร้ยางอายกว่ากัน”

เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงถูกตู๋กูฉิวไป้พูดประชดแบบนี้ แม้แต่พวกเพื่อนในทีมก็ยังรู้สึกอายแทนเยี่ยเว่ยหมิง

หน้าไม่อายเกินไปแล้ว!

ทว่าตัวเยี่ยเว่ยหมิงเองกลับไม่รู้สึกกระดากใจ เขาพยักหน้าตอบอย่างจริงจังสุดๆ ว่า “ในเมื่อผู้อาวุโสเสนอมาแล้ว ผู้น้อยก็ย่อมน้อมรับคำสั่ง พวกเราทำตามที่ผู้อาวุโสตู๋กูบอก มาแข่งกันว่าใครไร้ยางอายกว่ากัน”

ตู๋กูฉิวไป้ “…”

เพื่อนคนอื่นในทีม “…”

ทุกคนพูดไม่ออกอีกพักหนึ่ง แต่สุดท้ายตู๋กูฉิวไป้ก็ยังแสยะยิ้ม “ถ้าจะพูดถึงความหน้าด้านไร้ยางอาย ตาแก่คนนี้ยอมแพ้อย่างจริงใจ ข้าว่าพวกเราเปลี่ยน…”

ทว่า ยังไม่ทันรอให้ตู๋กูฉิวไป้พูดจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็หัวเราะคิกคักพร้อมกุมหมัดคารวะแล้ว ปากพูดคำที่ทำให้ทุกคนแทบกระอักเลือก “ข้าน้อยฝีมือต่ำต้อย!”

“ข้าน้อยฝีมือต่ำต้อยบ้าอะไรล่ะ!” เมื่อเห็นท่าทางไร้ยางอายของเยี่ยเว่ยหมิง แม้แต่ตู๋กูฉิวไป้ก็อดสบถคำหยาบไม่ได้ “ข้ารับปากเจ้าตั้งแต่เมื่อไรกันว่าจะแข่งกันไร้ยางอายกับเจ้า”

“ไม่!” เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างเคร่งขรึมมาก “ผู้อาวุโสตู๋กูไม่จำเป็นต้องตอบรับเลย เพราะวิธีการประลองนี้ ท่านเป็นคนเสนอออกมาเอง ขอเพียงผู้น้อยตอบรับ ก็ย่อมถือว่าได้เดิมพันแล้วเช่นกัน”

ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของเพื่อนๆ เยี่ยเว่ยหมิงยังคงกระหยิ่มยิ้มย่อง “อีกทั้งหลังจากเดิมพันแล้ว ผู้อาวุโสตู๋กูก็พูดแล้วเช่นกัน ว่าในทักษะด้านนี้ ท่านละอายใจที่ตัวเองเทียบไม่ติด เช่นนั้นหากอิงตามกติกา ก็ย่อมถือว่าผู้น้อยชนะแล้ว”

พอพูดจบ รอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็ยิ่งสดใสกว่าเดิม “ผู้อาวุโสตู๋กู ในเมื่อตัดสินแพ้ชนะแล้ว แล้วท่านก็บอกเองด้วย ว่าหากพวกเราคนใดคนหนึ่งชนะท่าน ทุกคนก็ล้วนได้รับรางวัล…

…เช่นนั้น ตอนนี้ก็ถึงเวลาใจเต้นแรงอย่างการแจกรางวัลแล้วไม่ใช่หรือ”

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

Status: Ongoing
ไหนๆ ก็โดน NPC หลอกมาเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแล้ว อย่างน้อยก็ขอสกิลดีๆ หน่อยแล้วกัน!นิยายแฟนตาซีแนวเกมออนไลน์ที่จะพาคุณไปท่องยุทธภพและไขคดีสไตล์มือปราบขั้นเทพ!เยี่ยเว่ยหมิง หนึ่งในเด็กหนุ่มที่ลงทะเบียนสมัครใจอพยพไปต่างโลกเพื่อป้องกันสมองตายระหว่างหลับจำศีลตอนเดินทางในอวกาศเขาจึงต้องร่วมเล่นเกมออนไลน์ที่มีฉากหลังเป็นยุทธภพก่อนจะโดน NPC ลึกลับหลอกเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าสำนักมือปราบจะไม่มีอะไรเลยเพราะหลังจากที่เยี่ยเว่ยหมิงทำแบบทดสอบของใต้เท้าซ่งผ่านเขาก็ได้รับสกิลตัดสินคดีที่พ่วงมาด้วยเวทชันสูตรศพและเวทบรรจุศพซึ่งเวทบรรจุศพนี้เองทำให้เขาสามารถรับของที่ซ่อนไว้บนตัวผู้ตายได้รวมถึงดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายได้อีกด้วยเยี่ยมเลย! ตอนนี้เขาพร้อมที่จะออกไปไขคดีทั่วยุทธภพแล้ว!…[ติ๊ง! เปิดใช้พาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบ…][ติ๊ง! สกิลพิเศษ ‘เวทบรรจุศพ’ : สามารถดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายโดยการจัดการศพ BOSS][ติ๊ง! จัดการศพผู้อาวุโสสำนักไท่ซาน ได้รับ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ เพิ่มค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 5000 แต้ม]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท