ตอนที่ 487 เป็นจอมเสียดสีก็ต้องตาย
Ink Stone_Fantasy
เยี่ยเว่ยหมิงบอกว่าเปาปู้ถงปากเสีย กล่าวได้ว่าเป็นคำวิจารณ์ที่ถูกจุด ในฐานะที่เป็นคนเถียงเก่งและจอมเสียดสีที่เลื่องชื่อที่สุดในโลกกำลังภายใน (เยี่ยเว่ยหมิงฟังเรื่องราวกำลังภายในมาจากอินปู้คุยหลายเรื่อง) ระดับความปากเสียของเขาคือสิ่งที่ทุกคนในยุทธภพรับรู้ร่วมกัน
สำหรับคำวิจารณ์ที่ตรงจุดมากของเยี่ยเว่ยหมิง เปาปู้ถงกลับไม่เห็นด้วย คำตอบของเขายังคงเหนือความคาดหมายเช่นเดิม “ไม่ใช่ ไม่ใช่!…”
หลังจากพูดว่าไม่ใช่แล้ว เปาปู้ถงก็หัวเราะแห้งๆ “ข้าเปาปู้ถงแม้จะชอบสร้างเรื่อง ปากก็เหม็นด้วย แต่ทุกประโยคที่พูดล้วนเป็นความจริง ไม่เคยพูดจาประนีประนอมกับใคร…
…ดังนั้น ข้าปากเหม็นแต่ไม่ได้ปากเสีย แตกต่างกับพวกคนชั้นต่ำตั้งเยอะ”
พอเขาพูดจบ สายตาก็มองประเมินเยี่ยเว่ยหมิงศีรษะจดเท้าเหมือนมีอะไรหายไป แล้วก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกมาก “ข้าเปาปู้ถงกับคนชั้นต่ำที่หน้าเนื้อใจเสือ ขี้ข้าของราชสำนักอย่างเจ้ากลับเทียบกันไม่ได้ เทียบกันไม่ได้!”
รอยยิ้มบนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงชัดเจนกว่าเดิม เหมือนแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ทำให้ใจคนอบอุ่น “ตอนเจ้าพูดมีเสียงเอคโค่ด้วยหรือ ช่างน่าสนใจจริงๆ เช่นนั้นก็ลองบอกมาหน่อย ข้าหน้าเนื้อใจเสืออย่างไร”
อย่าไปมองว่าเปาปู้ถงหน้าตาแปลกประหลาดอย่างเดียว ร่างกายก็กำยำล่ำสัน แต่ในฐานะนักเถียงในโลกจอมยุทธ์ ความสามารถในการแต่งประโยคของเขาย่อมไม่แย่อยู่แล้ว
เมื่อได้ยินคำถามของเยี่ยเว่ยหมิง เขาก็เริ่มพูดอย่างคล่องปากทันที “คนอย่างข้ามีหนึ่งก็พูดหนึ่ง มีสองก็พูดสูง ในเมื่อเจ้าถาม ข้าก็จะพูดให้เจ้าฟัง…
…อย่างแรก เจ้าใช้กำลังทำให้เหยาปั๋วตังกับซือหม่าหลินตกใจ จากนั้นยุยงให้พวกเขาไปสืบหาความจริง…
…ดูเหมือนช่วยตระกูลมู่หรงของพวกเราแก้ไขสถานการณ์ แต่ความจริงกลับอยากลงมือหนักกว่านี้ อยากจะทำให้ปัญหาของตระกูลมู่หรงไปถึงหูสำนักมือปราบเทพของพวกเจ้า…
…แบบไหนเรียกว่าหน้าเนื้อใจเสือ…ก็แบบนี้อย่างไรล่ะ!”
พอเอาสองมือไพล่หลัง เปาปู้ถงก็พูดต่อเหมือนชี้แนะเรื่องการเมือง “สำนักมือปราบเทพของพวกเจ้าได้รับคำสั่งให้มาจัดระเบียบยุทธภพ แต่ช่วงนี้ในยุทธภพกลับเกิดคดีสังหารอย่างต่อเนื่อง เจ้ารู้ว่าในไม่ช้าก็เร็วตัวเองจะได้รับภารกิจที่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม จึงให้พวกเขาสองคนไปสืบก่อน…
…ไม่ว่าพวกเจ้าจะสืบเจอผลลัพธ์อย่างไร สำหรับเจ้าแล้วก็มีแต่ได้กับได้ ซึ่งต่อให้พวกเขารู้แผนการของเจ้า แต่ก็จะไม่เกลียดเจ้าอยู่ดี เพราะเจ้าเคารพลักษณะการทำงานแบบ ‘เรื่องเกิดในยุทธภพ ก็ให้จบที่ยุทธภพ’ ของพวกเขา…
…ถึงขั้นว่า หลังจากพวกเขาค้นพบความจริงว่าไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลมู่หรง กลับยังต้องขอบคุณในความมีคุณธรรมของเจ้าด้วย!…
…แบบนี้เรียกหน้าเนื้อใจเสือ!”
…ในเมื่อคนร้ายใช้วิธีการ ‘ยืมพลังฟาดพลัง’ ของตระกูลมู่หรงฆ่าคนได้ อีกทั้งไม่ว่าคนที่ถูกฆ่าจะเป็นใคร ก็ไม่มีทางทิ้งเบาะแสใดๆ ได้เลย ในจำนวนนั้นก็ขาดยอดฝีมืออย่างไต้ซือเสวียนเปยไม่ได้ ต่อให้ได้เปรียบเพราะรอบโจมตี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยอดฝีมือทั่วไปจะทำได้…
…เจ้าให้คนอย่างเหยาปั๋วตัง ซือหม่าหลินไปสืบหาความจริง ถ้าพวกเขาสืบไม่เจออะไรก็ยังดีหน่อย แต่ถ้าเจอเบาะแสบางอย่างขึ้นมา ก็จะถูกคนร้ายฆ่าปิดปากแน่นอน…
…แต่สำหรับเจ้าแล้ว พวกเขาจะตายหรือไม่ตายก็ไม่ได้สำคัญเลย ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็ไม่ใช่ทั้งญาติทั้งสหายกัน…
…ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อพวกเจ้าลงมือสืบเรื่องนี้แล้ว ก็ต้องหาทางสืบให้เจอเบาะแส รอให้พวกเจ้าได้รับภารกิจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้ว ก็ย่อมคลำเครือจนเจอแตงได้ แค่สืบตามเบาะแสที่พวกเขาทิ้งไว้ก่อนตาย ถึงขั้นสืบหาจากเรื่องที่พวกเขาถูกคนร้ายฆ่าปิดปากก็ยังได้”
…แผนการระดับนี้ ยังไม่ถือว่าโหดอีกหรือ”
การวิเคราะห์ของเปาปู้ถง ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงต้องมองเขาด้วยสายตาใหม่
นึกไม่ถึงว่าจอมเถียงอันดับหนึ่งในยุทธภพ นอกจากจะไม่ใช่กระเป๋าฟางที่ไร้ประโยชน์แล้ว ในใจกลับมีแผนการด้วย
เพียงแต่น่าเสียดาย เจ้าหมอนี่รนหาที่ตายเก่งจริงๆ ชอบอวดสติปัญญาของตัวเองยิ่งกว่าหยางซิวในเรื่องสามก๊ก ประกอบกับนิสัยที่ชอบเถียงและปากเสีย สาเหตุที่ตามต้นฉบับเดิมมีชีวิตอยู่ได้เกือบถึงตอนจบ บอกได้เพียงว่าเป็นเพราะอาจารย์กิมย้งลำเอียงรักเขาเกินไป
เปาปู้ถงยังอยากจะพูดอีก แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับขี้คร้านจะฟังเขาบ่นต่อ ตอนที่เพิ่งจะพูดคำว่า ‘เจ้า’ ซึ่งเป็นคำสุดท้ายในชีวิตออกมา มือซ้ายที่ไพล่หลังเยี่ยเว่ยหมิงก็วาดวงกลมเงียบๆ แล้ว จากนั้นก็ถลันตัวมาตรงหน้าเขา ตอนที่เขายังไม่ทันตั้งตัว ฝ่ามือ ‘มังกรผยองได้สำนึก’ ก็ประทับบนหน้าอกของเขาเต็มๆ แล้ว
“อา!”
-94795!
คริติคอลดาเมจ!
บาดเจ็บสาหัส!
……
ฝ่ามือนี้ของเยี่ยเว่ยหมิงทั้งเร็วทั้งกะทันหัน เหนือความคาดหมายของทุกคน ตอนที่สามสาวยังไม่ทันมีปฏิกิริยาอะไร เปาปู้ถงก็ถูกโจมตีจนบาดเจ็บสาหัสกระอักเลือดแล้ว กระเด็นออกไปข้างหลังเหมือนว่าวสายขาด
ซึ่งตอนนี้เอง เยี่ยเว่ยหมิงกลับก้าวขึ้นมาข้างหน้าอีกก้าว ไล่ตามเปาปู้ถงที่กระเด็นไปข้างหลัง ใช้ฝ่ามือซ้ายที่เสียงดังกว่าและประสิทธิภาพแข็งแกร่งกว่าโจมตีซ้ำบนหน้าอกเปาปู้ถงเต็มๆ เล็งตรงจุดที่เคยโดนมาก่อนหน้านี้
สะท้านขวัญร้อยลี้!
กรรร!
-127878!
ครั้งนี้เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้เพิ่มสถานะด้านลบอื่นๆ บนตัวเปาปู้ถงจากพื้นฐานที่ปูไว้ก่อนหน้า
เพราะเปาปู้ถงตายแล้ว!
[ติ๊ง! คุณสังหารเปาปู้ถง BOSS เลเวล 75 ได้รับรางวัล: ค่าประสบการณ์ 650000 แต้ม ค่าตบะ 200000 แต้ม!]
[ประกาศระบบ: ผู้เล่นสำนักมือปราบเทพ เยี่ยเว่ยหมิง โจมตีสังหารเปาปู้ถง BOSS เลเวล 75 ได้รับรางวัลเฟิร์สคิล…]
จะว่าไปแล้ว คนที่ชอบทำให้คนอื่นรำคาญแบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะยังเหลือโอกาสให้ทำเฟิร์สคิลจนถึงตอนนี้ เป็นเรื่องที่ประหลาดจริงๆ
“พี่สามเปา!”
กระทั่งตอนนี้ หวังอวี่เยียน อาจูและอาปี้ถึงได้อุทานออกมาพร้อมกัน พวกนางก้าวขึ้นมาตรวจอาการของเปาปู้ถง แต่กลับพบว่าเขาสิ้นลมหายใจตั้งนานแล้ว
ตอนที่เงยหน้ามองเยี่ยเว่ยหมิงอีกครั้ง สีหน้าก็ดูสับสนมาก
เยี่ยเว่ยหมิงรู้ว่าการที่เขาทำแบบนี้ อาจจะทำให้ค่าความรู้สึกดีของสามสาวที่เพิ่งเพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้ลดลงได้ ถึงขั้นกลายเป็นศัตรูกันเลยด้วย
ก่อนหน้านี้เยี่ยเว่ยหมิงช่วยอาจูอาปี้จากเหยียนมาม่า ทั้งยังช่วยอาจู ‘โน้มน้าว’ ศัตรูให้ถอยไป เขาถามใจตัวเองแล้วพบว่าไม่ติดค้างอะไร จึงลงมืออย่างไม่ลังเล ลงมือเสร็จแล้วก็ยิ่งไม่นึกเสียใจอะไรด้วย
ถึงขั้นกล่าวได้ว่าการปรากฏตัวของเปาปู้ถง ถือเป็นโอาสที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงตัดขาดกับตระกูลมู่หรง
ฆ่าเปาปู้ถงคือสิ่งที่ทำหลังจากวางแผนมาแล้ว
ท่ามกลางเสียงแจ้งเตือนของระบบ เยี่ยเว่ยหมิงมองศพที่ตายตาไม่หลับของเปาปู้ถงปราดหนึ่ง ก่อนกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ประโยคสุดท้ายเจ้ายังพูดไม่จบ ข้าช่วยพูดแทนเจ้าก็แล้วกัน เจ้าจะได้ตายตาหลับ…
…เจ้าเพียงใช้ปากสู้กับข้า แต่ข้ากลับลงมือตบเจ้าตาย นี่ก็คือความโหดร้าย!”
หลังจากเงียบไปครู่เดียว เยี่ยเส้ยหมิงก็พูดกับสามสาวอีกว่า “พวกเจ้าอย่างเพิ่งรีบเศร้าใจ เปาปู้ถงตายแค่ร่างแยกในโหมดภารกิจเท่านั้น อีกไม่นานก็รีเฟรชใหม่ได้ ถึงขั้นถูกรีเฟรชอยู่ที่อื่นแล้วด้วย…
…ด้วยความหวังดีต่อเขา ข้าอยากจะฝากให้แม่นางทั้งสองไปบอกพี่เปาที่จุดฟื้นชีพสักประโยค”
อาจูสับสนจนไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้าเยี่ยเว่ยหมิงอย่างไรแล้ว แต่ก็ยังเอ่ยถามว่า “บอกว่าอะไร”
“ยุทธภพอันตราย ไม่ใช้สถานที่ที่ดีอะไร ถ้าไม่อยากตายทุกวัน ก็ให้เขาควบคุมปากเหม็นๆ ของตัวเองให้ดี…
…ใช่ว่าทุกคนในยุทธภพจะตามใจเขาเหมือนเป็นพ่อ!”