มิลินท์แอ่ยด้วยสีหน้ารังเกียจว่า “หมอนั่นน่ะเหรอ ไม่รู้จักดูแลตัวเองเลยสักนิด หน้าหยาบอย่างกับเปลือกไม้ ฉันไม่อยากจับหรอกนะ”
กษิดิ: เธอว่าใครหน้าหยาบเหมือนเปลือกไม้? ฉันยังหนุ่มยังแน่น ถึงไม่ดูแลตัวเองก็เป็นหนุ่มหล่ออยู่ดี!
มิลินท์: แล้วฉันพูดถึงนายเหรอ? ฉันหมายถึงคนของฉัน! นายจะร้อนตัวไปทำไม!
กษิดิ: ……
“เทวิกา ฉันช่วยคุณผู้ชายคนนี้แต่งงานก่อน เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน”
มิลินท์บ้างานมาก และเป็นคนมีระเบียบแบบแผน
วันนี้เธอมาเพราะยศพัฒน์เชิญเธอมาแต่งหน้าให้ประยสย์ ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำงานให้เสร็จก่อน เธอจึงมีอารมณ์มาคุยเล่น
เธอไม่ได้ถามว่าประยสย์เป็นใคร ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากรู้อยากเห็น แต่เป็นเพราะเธอรู้จักนิสัยคนตระกูลอริยชัยกุลดี หากอยากให้เธอรู้ ไม่จำเป็นต้องให้เธอถาม พวกเขาก็จะบอกเธอเอง
หากไม่อยากให้เธอรู้ แม้เธอจะขืนใจกษิดิ พวกเขาก็ไม่มีทางบอกเธอ
จุนลี่เฟย: อย่างเธอเนี่ยนะจะขืนใจฉันได้?
มิลินท์เลิกคิ้ว: ลองดูไหมล่ะ?
สมัยเด็กตอนตีกัน เธอก็จะกระโจนใส่เขาตลอด จากนั้นก็คร่อมตัวเขา แล้วต่อยเขารัวๆจนเขาร้องไห้ขี้มูกโป่ง
“คุณผู้ชายอยากแต่งหน้าแบบไหนคะ?”
ยศพัฒน์ตอบแทนว่า “แต่งหน้าเขาให้เหมือนน้องห้า ไม่ต้องเหมือนเป๊ะ เหมือนแค่บางส่วนก็พอแล้ว”
“โอเค”
เมื่อมีแบบ มิลินท์ก็เริ่มงานของเธอ
ขณะที่มิลินท์แต่งหน้าให้ประยสย์ ยศพัฒน์เองก็โทรหาคุณชายห้า บอกอีกฝ่ายว่าวันนี้อย่าเผยหน้าให้ใครเห็นเด็ดขาด ความลับจะได้ไม่แตก
ไม่กี่ชั่วโมงผ่านไป
“คุณชายห้า” พาบอดี้การ์ดสี่คนไปยังสนามบินนานาชาติเมืองแอคเซสซ์
“คุณชายห้า” บินไปยังเมืองเพรส์ก่อน แล้วค่อยบินไปจากเมืองเพรส์ไปยังเมืองซูเพร่า
ไม่ได้บินตรงไปยังเมืองซูเพร่าเพราะกลัวจะถูกคนร้ายจับได้ เพราะตระกูลอริยชัยกุลไม่ได้มีธุรกิจที่เมืองซูเพร่า คุณชายห้าไม่มีทางเดินทางไปทำงานที่เมืองซูเพร่า
หลังจากส่งพี่ชายกลับไป เทวิกาก็ไม่ได้กลับไปที่ร้าน แต่อยู่บ้านกับแม่ทั้งสองคน โดยหลักแล้วก็จะอยู่กับแม่แท้ๆมากกว่า
พิชญ์สินีเอาใจใส่มากๆ ไม่อยากแย่งความสนใจจากเทวิกากับคุณหญิงธิษณา
เธออยู่กับเทวิกามายี่สิบสามปีแล้ว แต่คุณหญิงธิษณากลับสูญเสียเทวิกาไปยี่สิบสามปี ยอมคุณหญิงธิษณาหน่อยแล้วจะเป็นไรไป?
ตั้งแต่ที่เธอสารภาพเรื่องตัวตนที่แท้จริงกัยเทวิกา พิชญ์สินีก็เตรียมใจไว้นานแล้ว
จนถึงตอนนี้ ลูกสาวไม่ได้หายไปจากเธอ ก็ยังคงเรียกเธอว่าแม่ไม่เปลี่ยน
ประยสย์เองก็บอกแล้ว ว่าให้ถือซะว่าตระกูลสาระทากับบ้านตระกูลวาชัยยุงเป็นญาติกัน
พระอาทิตย์กำลังค่อยๆคล้อยไปทางทิศตะวันตก แสงตะวันยามอัสดงแต่งแต้มท้องนภาและผืนดินเป็นสีแดงดุจไฟ
เทวิกาชมดอกไม้กับแม่ในทุ่งดอกไม้ที่ตีนเขา
เมื่อมาถึงทุ่งดอกกุหลาบ คุณหญิงธิษณาก็หยุดฝีเท้า
เธอทอดมองทุ่งดอกกุหลาบสุดลูกหูลูกตา แล้วเอ่ยกับเทวิกาว่า “วิกา บ้านฉันเองก็มีดอกกุหลาบเยอะมากๆ ฉันชอบดอกไม้ อย่างดอกกุหลาบ ดอกโบตั๋น ดอกคามีเลีย ก็เป็นดอกไม้ที่ฉันชอบทั้งนั้นเลย”
ราวกับว่าเธอตกอยู่ในภวังค์ของความทรงจำ
เธอในตอนนี้ ดูแล้วไม่เหมือนคนบ้าเลยสักนิด
เทวิกามองเธอเงียบๆ ไม่กล้าพูดถึงเรื่องที่เธอเคยหายสาบสูญไปสุ่มสี่สุ่มห้าอีก กลับรอให้แม่นึกย้อนถึงเรื่องในอดีตเอง
สักพัก คุณหญิงธิษณาจึงจะเอ่ยเสียงเบาว่า “ตอนที่ฉันเป็นเด็กสาวอยู่บ้านแม่ พ่อแม่พี่ชายและพี่สะใภ้ต่างรักและเอ็นดูฉันมาก ฉันชอบดอกไม้ ก็ให้คนสวนปลูกดอกไม้มากมายที่ฉันชอบ หลังจากนั้นฉันแต่งเข้าตระกูลสาระทา ไซม่อนเองก็รักฉันมาก”
“เขาสั่งให้คนปลูกดอกกุหลาบและดอกโบตั๋นเต็มสวนหน้าบ้านและหลังบ้าน เพียงแค่เป็นดอกไม้ที่ฉันชอบ เขาก็จะให้ปลูกดูแล จนทำให้คฤหาสต์ตระกูลสาระทากลายเป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ ทุกครั้งเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้ก็จะเบ่งบานและสวยงามมากๆ!”
“ทุกคนที่มาคฤหาสต์สาระทา ก็ล้วนหลงใหลในทุ่งดอกไม้นั้น นั่นคือความรักที่ไซม่อนมีต่อฉัน เพียงแค่ฉันเห็นทุ่งดอกไม้นั้น ในใจฉันก็จะรู้สึกมีความสุข ตอนที่ฉันท้อง แม้เขาจะงานยุ่งมาก แต่ก็จะคงสละเวลามาเดินเล่นและชมดอกไม้กับฉันที่สวนทุกเช้าเย็น”
“ฤดูใบไม้ผลิ เราชมดอกไม้กัน ฤดูร้อน เราดูทะเลกัน ฤดูใบไม้ร่วงก็ชมใบไม้สีแดง ฤดูหนาว เขาก็จะพาฉันไปดูหิมะ เรารักกันมากๆ……”
จู่ ๆคุณหญิงธิษณาก็ไม่พูดต่อ อาจเป็นเพราะว่านึกถึงความทรงจำที่ไม่ดี จนกระทั่งน้ำตาค่อยๆไหลรินลงมาจากหางตาเธอ
“ลูกแม่……”
เทวิการีบเอ่ยว่า “ลูกแม่ยังอยู่”
คุณหญิงธิษณารีบกอดตุ๊กตาในอ้อมกอดไว้แน่น ก่อนจะเช็ดน้ำตาเอ่ยว่า “ตกใจแทบแย่ ฉันนึกว่านางจิ้งจอกที่ชื่อวรันธรอุ้มลูกฉันไปแล้วจริงๆ”
เทวิกา: ……หากแม่ยอมนึกย้อนความทรงจำ ก็จะสามารถนึกถึงเรื่องในอดีตได้ ทว่าเรื่องที่นึกได้กลับมีเพียงช่วงเวลาที่มีความสุขกับสามี
ตราบใดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ลูกสาวถูกอุ้มไป สติของเธอก็จะเริ่มฟั่นเฟือน
อันที่จริงคือเธอไม่สามารถเผชิญกับความจริงที่สูญเสียลูกสาวไปได้ จึงหลบซ่อนอยู่ในเปลือกมาโดยตลอด
เมื่อเธอมีความกล้าที่จะเผชิญกับเรื่องที่ลูกสาวถูกวรันธรอุ้มไป แล้วยังหายสาบสูญไปยี่สิบกว่าปี เมื่อนั้นก็ถึงเวลาที่เธอจะออกมาสู่โลกภายนอก แม้จะทำให้เธอเจ็บปวดจวนตาย แต่กลับสามารถทำให้สติเธอกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
แน่นอน ว่านั่นจะเป็นกระบวนการที่เจ็บปวดมาก ก็เหมือนตอนก่อนเที่ยง ที่เทวิกาพยายามฟื้นความทรงจำเธอ จนทำให้เธอคลุ้มคลั่ง
“แม่ ที่นี่ไม่มีนางจิ้งจอกที่ชื่อวรันธร แม่ไม่ต้องกลัว ลูกแม่อยู่กับแม่ตลอด ไม่มีใครแย่งลูกไปจากแม่อีกแล้ว”
เทวิกาพูดปลอบแม่เสียงอ่อนโยน
“วิกา สามีฉันล่ะ? ไซม่อนล่ะ? ทำไมไม่เห็นเขาแล้ว?”
จู่ ๆคุณหญิงธิษณาก็ตามหาประยสย์
เทวิกาโกหกว่า “บริษัทเขามีเรื่องน่ะ ก็เลยกลับบริษัทไปแล้ว”
คุณหญิงธิษณาตอบเสียงอ้อ แล้วถอนหายใจเอ่ยว่า “เขางานยุ่งและเหนื่อยมากจริงๆ ในฐานะผู้นำตระกูลสาระทา ไม่เพียงแค่ต้องดูแลธุรกิจครอบครัว แต่ต้องจัดการเรื่องในบ้านอีก ไม่ต่างจากเป็นวัวเป็นม้าให้กับตระกูลนี้ เลี้ยงปากท้องคนทั้งตระกูล คนบางคนก็ยังไม่รู้จักซาบซึ้งในบุญคุณเลยสักนิด”
“เอาแต่จ้องจะเขมือบทรัพย์สินส่วนตัวของเขา เขาบอกฉันว่าทรัพย์สินของเขายิ่งอยู่ยิ่งเยอะขึ้น เขาจะสร้างอาณาจักรธุรกิจให้ฉันและลูกสองคน รอเขาแก่แล้วลงจากตำแหน่งผู้นำตระกูลนี้เมื่อไหร่ แม้ลูกชายจะไม่สามารถสืบทอดตำแหน่งต่อได้ แต่หากมีอาณาจักรธุรกิจของเขา เราสี่คนพ่อแม่ลูกก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข”
“เขาบอกว่า หลังจากที่มีฉันกับลูกสองคน เขาก็มีแรงบันดาลใจที่จะทำงานหนัก เพราะฉะนั้นแผนการของเขาจึงยิ่งอยู่ยิ่งใหญ่ขึ้น”
ก่อนหน้าที่คุณหญิงธิษณายังไม่กลายเป็นบ้า เธอรู้ดีว่าทรัพย์สินส่วนตัวของสามียิ่งอยู่ยิ่งมีมากขึ้น
ผู้นำตระกูลสาระทาตอนยังหนุ่มก็ทะเยอทะยานมากจริงๆ อีกทั้งยังเป็นคนฉลาดหลักแหลม ยี่สิบกว่าปีก่อน ก็อยู่ในยุคเศรษฐกิจรุ่งเรืองพอดี หากคว้าโอกาสไว้ได้ก็สามารถหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำได้อย่างง่ายดาย
“เพียงแต่ ข้างนอกมีผู้หญิงมากมายที่เล็งเขาไว้ มีทั้งที่รักอย่างโจ่งแจ้งและแอบรัก ทั้งที่พวกเธอก็รู้ว่าเขาแต่งงานมีลูกมีเมียแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมตายใจ จ้องจะแทนที่ฉันตลอด แม่สามีฉัน หรือก็คือย่าเธอ ทั้งที่ตัวเองก็เคร่งกับสามีมากๆ แต่กลับเอาแต่บอกให้ฉันใจกว้าง”
“บอกว่าไซม่อนไปร่วมงานเลี้ยงข้างนอก แค่เล่นสนุกนั้นเป็นเรื่องปกติ แม้จะมีอะไรกันจริงๆ แต่ตราบใดที่ไม่มีผู้หญิงจากข้างนอกอุ้มท้องมาหาที่บ้าน ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจหล่อน ซ้ำยังบอกว่าฉันมีลูกชายลูกสาวแล้ว ไม่ว่ายังไงตำแหน่งนายหญิงตระกูลก็ไม่มีทางสั่นคลอน ไม่ต้องสนใจพวกจิ้งจอกด้านนอกหรอก ไม่มีใครสามารถข้ามฉันไปได้”
จู่ ๆคุณหญิงธิษณาก็เอ่ยอย่างชิงชังว่า “บางครั้ง ฉันก็อยากส่งสาวสวยไม่กี่คนให้พ่อสามีฉันจริงๆ ให้แม่สามีฉันได้ลิ้มลองรสชาติที่สามีตัวเองถูกแบ่งปันกับผู้อื่นบ้าง”